Japan in my Shoes
everyone owns thier own shoes, their own routes.. even on the same route.. with different shoes.. things won't be the same
i walked in japan.. in my own shoes i see things with my eyes, taste with my tongue, touch with my hands, feel with my heart.. and i'm telling you now with my own point of view.. I hope you enjoy seeing me walking .. in Japan.. in my shoes.. ........................................................................................... Day 1.. * UA 890 * นั่งเครื่องบินของUAเพราะถูกมาก เครื่องใหญ่ที่นั่งแคบ แต่อาหารอร่อยดี
นั่งไปประมาณ6ชั่วโมงก็มาถึงแล้ว โอ้ โตเกียว จุ๊บๆ
........................................................................... * keisei line to Ueno * มาถึงสนามบินก็ทำการนั่งรถไฟสายkeisei ไปที่สถานีอุเอโนะซึ่งมีพี่แพรรอรับอยู่ การเดินทางใช้เวลาเกือบชั่วโมง บนรถไฟมีฝรั่งคนนึงเดินมา.. พูดกับเราเป็นภาษาญี่ปุ่น -"- เบิ๊ดนึกว่าฝรั่งมาฝึกภาษา ทั้งที่ฟังไม่ออกว่าเค้าพูดว่าอะไร มันเลยตอบกลับไปว่า "อาริกาโตะ..ขอบคุณครับ" -"- ส่วนพลอยเห็นหน้างงๆของฝรั่ง เลยหันไปบอกเบิ๊ดว่า ..ชั้นว่าเค้านึกว่าเราเป็นคนญี่ปุ่นว่ะ.. ก่อนหันไปบอกฝรั่งว่า "Anyway, we're not Japanese so we can't speak Japanese" เท่านั้นล่ะ.. ฝรั่งขำกร๊าก ถามแบบก๊งสุดๆว่า "oh! you can't?" พอเห็นเราส่ายหัวดิกๆก็หน้าแตกเดินกลับไปหาเพื่อน ซึ่งรอต้อนรับเค้าอยู่อย่างดิบดีด้วยคำชมว่า.. "you're such an idiot" 55555
(แอบถ่ายมาเป็นหลักฐาน) นั่งเล่นไปมาพักนึง เบิ๊ดเล่นกล้องถ่ายนู่นนี่นั่น พอถึงคราวจะถอดฟิลเตอร์(ที่เห่อค้างตั้งแต่เมื่อวาน)ออก ก็พบว่า..ถอดไม่เป็น -"- นั่งเอ๋ออยู่พักนึง หันไปเห็นฝรั่ง(คนเดิม)หยิบnikonรุ่นไฮโซมาใช้ เบิ๊ดเลยเดินไปหาฝรั่งแล้วพูดอย่างกล้าจัดว่า "i can't take off my filter" ฝรั่งก็ทำหน้างงๆ ว่าอีนี่หลอกกูว่าเป็นญี่ปุ่นไม่พอ เดินมาให้กูถอดให้อี๊กก เลยถามกลับมาคำเดิมเด๊ะๆว่า.. "oh! you can't?" ก่อนจะยอมถอดให้โดยดี จบไปอีกกรณีนึง -"-
นี่เพิ่งเริ่มทริปนะ..
.............................................................................................. * Ueno Station * และแล้วในที่สุดเราก็มาหยุดกันที่ อุเอโนะ และได้เจอะกะพี่แพร เย้ๆ ก่อนอื่นพี่แพรพามากินราเม็งเจ้าอร่อยที่เรียกปากต่อปากกัว่า.. ราเม็งข้อสอบ สาเหตุที่เรียกเช่นนั้นเพราะว่า... 1.ต้องต่อคิวกินราวกับเด็กแย่งกันสอบเข้ามหาลัย(แถมากนะเนี่ย)
2.(ซึ่งเป็นเหตุผลจริงๆ) คือเราต้องกรอก เลือก และใช้ความคิด ประหนึ่งทำข้อสอบ คือเค้าจะมีกระดาษมาให้ว่าจะกินอะไร แบบไหน เส้นนุ่มแค่ไหน น้ำซุปเค็มมั้ย กระเทียมเอามั้ย เป็นกระเทยใช่มั้ย อะไรแบบนี้ แล้วเราก็ต้องทำการลอกพี่แพรไป(อ่นไม่ออกน่ะ) 3.เค้าจะแยกเราเป็นคอกๆ ห้ามลอกการกินของคนข้างๆ
พอเรานั่งปั๊บ.. ยื่นกระดาษคำตอบให้ปุ๊บ เราก็จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทันที ม่านเล็กๆจะถูกดึงปิดกั้นระหว่างเราและพ่อครัว เค้าว่าที่ทำแบบนี้เพื่อให้เราลิ้มรสอย่างมีสมาธิเต็มที่.. กินท่าน่าเกลียดแค่ไหนก็ได้ ประมาณนั้น
4.พอส่งกระดาษคำตอบไปจะได้ไข่กลับมา เหมือนเวลาเราได้0คะแนน -"-
ให้มาไม่พอมีวิธีปอกด้วย คิดดู เอาล่ะเลิกตั้งเป็นข้อๆดีกว่า(หมดมุข) มากินกันเถอะ..
ราเม็งหน้าตาดีมากๆๆๆๆๆ รสชาติก็ดีอีกต่างหาก น้ำซุปดูใสๆแต่ซดไปจะรู้สึกราวกับว่าได้รับรสชาติของหมูทั้งตัว ที่ผ่านการเคี่ยวจนเนียนกลมกล่อม(เว่อร์ดีเนอะ)
ส่วนเส้นที่ลวกตามที่เราชอบก็อร่อยหนึบได้ใจมั่ก(พลอยเลือกแบบนุ่มนิดๆ) หมูก็อร่อยเอาตะเกียบแตะเบาๆก็แยกออกจากกัน
สุโค่ยยยยยย เสียอย่างเดียวคือไข่อร่อยแต่ไม่อร่อยเทพเหมือนราเม็งบ้านเราเจ้านึง ซึ่งทำไข่ได้หวานยังกะไข่หวานที่ใส่บัวลอย พอกินราเม็งหมดจะมีข้อความอยู่ก้นชามว่า..
หยดสุดท้ายนี่แหละกระเหรี่ยงเอ๋ย.. ที่เป็นหยดที่อร่อยที่สุด โอ้วว... จริงอ่ะ? -"- .................................................................................................. หลังจากนั้น3พี่น้องก็ทำการเดินย่อย... ไปกันที่ตลาดอาเมะโยโกะ.. พี่แพรบอกว่าชื่อตลาดนี่ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นนะ อ้าวหรอ.. เพราะจริงๆแล้วคำว่า อาเมะ มาจากคำว่า อเมริกานะจ๊ะ อ้อ... แต่ว่าอเมริกาโยโกะนี่
มันแปลว่าไรอ่ะ -"- เค้าไปถึงเราก็ตื่นตากับข้าวของริมทางที่มีแทบทุกอย่างมาวางขาย ยั๊วเยี๊ยะไปหมดทั้งของสดของคาวของหวานของซื้อของขาย
เป็นตลาดที่มีตั้งแต่ปลาแห้งยังรองเท้าโอนิซึกะไทเก้อร์ งงๆดี เดินเข้าไปพี่แพรพาไปกินซอฟท์ครีม..อร่อย
ญี่ปุ่นช่วงนี้ร้อนมาก พลอยกินเจ้าซอฟท์ครีมนี่แทบทุกวัน กินแล้วไม่กล้าคิดเป็นเงินไทยเลย..โคนละร้อย
โอ้วว ก๊อดด (ไหนว่าไม่กล้าคิดไงยะหล่อน) ....................................................................................... เดินเล่นพอเย็นใจก็ได้เวลากลับบ้าน.. นั่งรถไฟสองสามต่อ แท็กซี่อีกต่อก็ถึงละ ชิวๆ (แฮ่กๆๆๆๆ) ที่พักเราครั้งนี้คือหอพี่แพร.. ซึ่งการลักลอบพักก็ลำบากใช้ได้ ต้องเดินไปเข้าประตูหลังและทำหน้าเนียนๆ ส่วนเบิ๊ดก็ต้องเนียนจัดไปอีกคนเนื่องจากไปพักห้องเพื่อนพี่แพรซึ่งตอนนั้นไปอยู่บ้านน้องสาว ที่สำคัญห้องนั้นมันอยู่ในหอหญิงนี่สิ -"- ................................................................................. หลังจากเก้บของเรียบร้อย.. เราก็เดินไปกินข้าวกัน ที่ร้านเหล้าเล็กๆแถวบ้าน
ร้านนี้น่ารักมากกกกก เป็นร้านเล็กๆแต่ประณีตและใส่ใจทุกรายละเอียด
เริ่มตั้งแต่การบริการผ้าเช็ดมือตามอากาศแต่ละวัน วันไหนหนาวให้ผ้าร้อน วันไหนร้อนให้ผ้าเย็น นอกจากนั้นกระดาษรองก็เปลี่ยนลายไม่ซ้ำ
(วันนั้นได้ลายมะเขือม่วง)
และกระดาษใส่ตะเกียบก็เปลี่ยนตามไปด้วย เพื่อให้สีเข้าชุดกัน น่ารักจริงๆ
ก่อนอื่นสั่งเบียร์มาซด..หวานเย็นชื่นใจ
คุณป้าเจ้าของร้านน่ารักมาก พยายามสื่อสารภาษามือกับเราสุดฤทธิ์ ยังดีว่าพี่แพรพอพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ไม่งั้นอาจอดตายกัน คุณป้าแนะนำออเดิร์ฟเล็กๆ..
มีไฮไลท์ที่ปูทอดทั้งตัว สีสวยน่ารักสุดๆ
ว่าแล้วก็กัดไปดังกร๊วบบบบ อร่อยดี นอกจากนั้นมีข้าวปั้นแซลมอนชีส
นี่ก็อร่อยมาก กินแล้วหลับตาพริ้ม... แต่ที่เด็ดสุดๆๆๆๆๆๆ สิบดาวทองคำคือเจ้านี่..
ออมเล็ตเมนไทโกะ(ไข่ปลาดอง)และชีสอันแสนหยาดเยิ้มหยดย้วย
พอกัดไปหนึ่งคำ แทบกรี๊ดดดดด.. อร่อยเกือบสิ้นลมสมประดี อร่อยจริงๆค่ะ ร้านนี้รักหมดใจกันไปเลย..
my bare feet and sweet couple แล้วเราก็กลับไปสลบคาห้อง.. หมดวันแรกไปอย่างอิ่มๆ ............................................................................ อ้อ..แอบเนียนลืมเล่าอีกแล้ว วันนี้ไปเดินตึกม่วงที่อุเอโนะมา ตึกนี้ขึ้นชื่อมากๆว่าของถูก..
จัดไปอย่าให้เสีย ได้มาอีกหนึ่งกระหย่อม ..................................................................................... ขอจบวันแรกไปก่อนล่ะค่ะ ไม่อยากคิดเลยว่าทริปนี้ต้องอัพไปอีกกี่วันเนี่ย -"- ......................................................................... walk with me?
xoxoxo ...................................................................................
Free TextEditor
Create Date : 14 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 13:16:28 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1450 Pageviews. |
|
|
ไม่รู้จะได้ไปเมื่อไร?
ข้อสอบยากไหมคะ