สวัสดี เฉพาะกิจ ... เมื่อคุณ"ผมอยู่ฯ" ลอบเข้าข้างหลังมา'แถก'ผม & 5 เรื่อง(ลับๆล่อๆ)ที่ต้องยอมสารภาพ
แอบรู้สึกเป็นเกียรติ ที่คุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ซึ่งผมหลงรัก (ในลีลาการเขียนและมิตรภาพ มิใช่ตัวตนตัวจริงของเขานะฮ้าาาาา) ยื่นโอกาสให้ผมได้มาโดน tag กับเขาสักที
จริงๆแล้ว ผมเพิ่งจะมารู้ในไม่กี่วันนี้เอง ว่าตอนนี้ที่นี่เขากำลังฮิต tag กัน...(แอบหลบไปอยู่หลังเขา ไม่ได้เล่นเน็ตเกือบอาทิตย์ ถึงไม่รู้ความเป็นไปอะไรบ้างเลย) และก็ไม่คาดคิดด้วยว่า จะมีใครมา tag ผม (อันเนื่องด้วยตัวกระผมเป็นคนที่ไม่เข้าตาใครๆ ก็เลยคิดน้อยใจว่าคงไม่มีใครมาเล่นกับเราหรอกมั้ง)
ผมต้องขอขอบคุณ คุณผมอยู่ฯ มากๆเลยครับ ที่ลอบเข้าข้างหลังมา tag ผม (อย่าคิดอะไรม่วงๆ นะครับ คุณผู้อ่าน)... ให้ผมไม่ต้องรู้สึกน้อยใจอีกต่อไปว่าไม่มีใครมาเล่นด้วย เย้!!!
Blog Tag คืออะไร ? คือการที่ จขบ.ที่ได้รับ Tag จะต้องเล่าเรื่องของตัวเอง (ที่มีน้อยคนที่จะรุ้?) มา 5 ข้อ แล้วส่งต่อให้เพื่อนอีก 5 คน มันคือ บล็อกลูกโซ่ หรือการแปะโป้งกันดีๆ นี่เอง ผู้เริ่มคนแรกคือ Jeff Pulver เขาเรียกมันว่า Blog-Tag: A Game for a Virtual Cocktail Party ตอนนี้มันขยายวงมาให้บล็อกเกอร์เมืองไทยได้ร่วมค็อกเทลปาร์ตี้เสมือนจริงนี่กันแล้ว
คำเตือนก่อนอ่าน : บล็อกนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป (แต่ถ้าเด็กอายุ 3 ขวบอ่านออกได้ ก็ไม่ว่ากัน) ส่วนคนที่เป็นผู้ใหญ่ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน (แต่ถ้าคุณเชื่อในสิ่งที่ผมเขียน ก็จะขอบคุณเป็นอย่างมากครับ)
และนี่ก็คือ 5 เรื่อง(ลับๆล่อๆ) ที่ผมต้องขอสารภาพและสาธยายถึงความเป็นตัวผม ...ถ้าใครได้เผลอเข้ามาอ่าน โปรดเหยียบไว้ด้วยนะครับ
1. ผมเคยเป็น "แชมป์แฟนพันธุ์แท้ Star Wars" ด้วยแหละ...
ถ้าใครได้รู้จักผมมาตั้งแต่สมัยยังใช้ ล็อกอิน JediAcademy ก็พอจะเดาออกได้ว่าผมปลาบปลื้มหนังมหากาพย์อวกาศนี้อยู่ไม่น้อย ...แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง ถึงต้นสายปลายเหตุแล้ว ผมเองได้มาหลงรัก Star Wars เอาก็ตอนที่ ผมได้ลองหาเรื่องสมัครแข่งขันชิงรางวัล แฟนพันธุ์แท้ ของโรงหนัง SF ...โดยที่ก่อนหน้านั้น ก็ทำได้แค่เป็นรู้จักหนังเรื่องนี้ ซึ่งถ้าถามว่าดูครั้งแรกแล้วรู้สึกชอบมั้ย ก็เห็นจะต้องพูดว่า ไม่
แปลกมั้ยละครับ? ทั้งที่ความไม่ได้รู้สึกชอบอะไรในตัวหนัง แต่ทำไมในวันรับสมัครวันนั้น ถึงได้ริหาญกล้าจะวัดดวงกับเขา (แล้วให้ตายเลยเถอะ ที่เรื่องของดวงกับผมมักจะไปกันไม่ได้ คอยขัดขาขัดลาภกันตลอด) ...แล้วมันก็เกิดเรื่องแปลกจนน่าประหลาดใจ เมื่อผมสามารถฝ่าด่านคำถามทดสอบความเป็นแฟนมาได้ด้วยคะแนนในเกณฑ์ดี แล้วยิ่งชวนช็อกซีเรม่าเลยก็ตอนที่ ทางนั้นเขาโทรศัพท์มาบอกว่าคุณผ่านเข้ารอบแข่งขัน ...นั่นมันเป็น อุบัติเหตุครั้งใหญ่ในชีวิตผม ที่ ง.งูสองตัวมาชนประสานงากันต่อหน้าต่อตา
ในวันแข่งขันนั้น ผมได้ทำสถิติเป็นผู้แข่งขันที่อายุน้อยที่สุด ...กลายเป็นนายอนาคินน้อยที่หลุดเข้ามาสู่ด้านมืดของกิเลสตัณหา ซึ่งมีของล่อตาล่อใจเป็น บัตรดูหนังวีไอพี 100 ที่นั่ง อันทุกคนใฝ่ฝันจะครอบครอง ...เรื่องน่าเชื่อที่ผมไม่อยากเชื่อเลย ก็คือ การที่ผมประคองตัวเองให้สามารถรอดพ้นจากการดวลดาบแสง กับผู้แข่งขันอีกเกือบสิบคน มาได้จนถึงรอบแจ๊คพอต แล้วยิ่งไม่น่าเชื่อไปกว่านั้นเลยก็คือ ท้ายที่สุดผมได้เป็นผู้ชนะกันซะอย่างงั้นเลย!!!
ถ้าจะถามว่าผมได้ใช้ความสามารถในการจำของผมบ้างหรือเปล่า ก็ต้องขอโอ่ซักนิดว่า ใช้ (หลังจากรู้ว่าเข้ารอบ ก็แอบไปซุ่มซ้อมเตรียมตัวด้วยการอ่านหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของ สตาร์วอร์ส เท่าที่ตัวเองมีอยู่) ...แต่ถ้าจะให้ชี้ชัดกันตรงๆเลย ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ คุณดวง สถานเดียว ...ผมจำได้ว่า ผมจะตกรอบแรก รอบสอง อยู่มะรอมมะร่อ ก็ได้คุณดวงนี่แหละคอยช่วยค้ำจุน ...ผมต้องใคร่ขอขอบคุณสำหรับการอภินันทนาการบัตรฟรี 100 ที่นั่ง จาก คุณดวง เป็นอย่างยิ่ง
ถ้าไม่มีคุณในวันนั้น ผมก็คงจะไม่มีวันที่ผมได้เป็นที่หนึ่ง(สักครั้งในชีวิต)แน่นอน...
2. ผมเคยเป็น "นักเลง"...
หวนคิดไปถึงอดีตในวัยเยาว์ แล้วมันก็มีเรื่องอะไรขำๆฮาๆ แบบว่า "ทำไปได้" ตั้งเยอะตั้งแยะเลย ...ซึ่งสำหรับผมแล้ว มันมีทั้งเรื่องที่น่าจำ และไม่น่าจำ อย่างกรณีหลังก็อาทิเช่น ยิงกระต่ายผิดเวลา(ตอนนอน) หลับปุ๋ยน้ำลายนองหน้า หรือให้เลวร้ายสุดๆเลยก็กระทั่ง คุณอุนจิเลอะกางเกงลูกเสือ(สมุทร)สีขาว (เหตุการณ์นั้นกลายเป็นความเลวร้ายที่เพื่อนจดจำไปตลอดชั้นม.ต้น และผมก็ได้ฉายาจากเหตุการณ์นั้นว่า "ปลาทอง")
ส่วนกรณีแรกนั้น เรื่องหนึ่งที่ผมจำได้แม่น (เพราะมันเคยเป็นกมลสันดานที่ติดตัว ติดไขสันหลัง ติดเซเรเบรัม ฯลฯ) ก็คือ ความเป็นนักเลงจอมวางกล้ามของผม ...
ผมพร้อมจะแส่หน้าหาเรื่องเสมอในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะเล็กขี้ประติ๋วก็ตามที ...ยกตัวอย่างเช่น ตอนป.6 มีเพื่อนชาย(คนนี้ชอบหาเรื่องผมอยู่เหมียนกัน) แกล้งกวนทีนหักไม้บรรทัดอันอ่อนด๊อยของผม ผมเลยแกล้งกวนทีนกลับด้วยการต่อยหน้ามันกลับ (จำตอนจบของเหตุการณ์ไม่ได้ แต่ที่รู้ก็คือ คุณครูไม่ปลื้มถึงขั้นตีก้นลาย) , ตอนม.ต้น มีเพื่อนชาย(หมอนี่มันเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของผมเลย)ที่นั่งติดกันกับผม ซึ่งมันก็ชอบจะกวนผมซะเหลือเกินไม่ว่าจะเวลาเล่นหรือเวลาเรียน ...และด้วยความที่ผม(เคย)เป็นคนมีความอดทนต่ำ จุดจบของการกวนอารมณ์มักจะกลายเป็นสงครามน้ำลาย (คำด่าสรรพสัตว์ ว่าพ่อล่อแม่ทั้งหลาย) หรืออย่างน่ากลัวสุดก็สงครามน้ำมือ (ทั้งหมัดทั้งทีนสารพัดจะออกยันมันได้) , ตอนม.ต้น(อีก) เคยแกล้งเพื่อน(เป็นฝรั่งลูกครึ่งที่ออกจะซื่อๆ และผมก็ชอบที่จะรังแกเขา เหมือนเป็นยาระบายจากการโดนไอ้หมอนั่นแกล้ง) ด้วยการใช้กรรไกรมาจิ้มคอเขาเล่น แต่ก็ด้วยความมันส์คะนองเกินควร จิ้มไปจิ้มมา มันเลือดออกเลยซะอย่างงั้น (ดีนะ ที่ครูไม่รู้ เอิ้กๆ)
สามตัวอย่างข้างบน แค่แซมเปิลๆ เท่านั้น เพราะด้านมืดที่ปิดบังอยู่ มันมีเยอะแยะซะเหลือเกิน ...แต่ในวันนี้ มันก็เป็นได้แค่เพียงสิ่งที่ผมเคยทำเท่านั้น (ทุกวันนี้ พยายามสร้างภาพว่าเป็นคนดี แต่ในใจจริงยังแอบคิดอะไรชั่วร้ายกับเพื่อนอยู่ตลอดเวลา)
3. ผมเป็น "แพนด้า" ในสายตาของเพื่อนๆ...
บางคนอาจจะเข้าใจว่าการมีฉายา เป็นสิ่งที่น่ากลัว และน่าเศร้าสุดsad แต่ส่วนตัวผมแล้ว ผมได้ค้นพบว่า มันคือ สิ่งที่ดีสำหรับผมเอง และเป็นสิ่งที่จดจำได้ง่ายสำหรับเพื่อนๆรอบข้างของผม ...
มีตอนแรกๆ ที่ไม่เข้าใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมเพื่อนมันชอบล้อว่าเรา เป็น หมีแพนด้า วะเนี่ย ...ถามเพื่อน เพื่อนมันบอกว่าเหมือน แต่ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นหมีตรงไหนเลย
แต่พอนานๆเข้า มันก็เริ่มคุ้นเคย และเริ่มรู้ตัวว่ามันก็เป็นอย่างที่ล้อกันจริงๆ ...ขอบตาผมดำ เหมือนแพนด้า (เป็นโรคนอนน้อยเหมือนอาคุณสรยุทธ) , แอบลงพุง เหมือนแพนด้า (ยังดีที่ก้อนไขมันบนท้องผมไม่ใหญ่มากนัก) , หน้ามึนๆ ทำตัวงงๆ เหมือนแพนด้า (เวลากำลังกินใบไผ่อย่างเอร็ดอร่อยก็เห็นมีแต่สีหน้าออกแนวอมทุกข์อยู่ตลอด)
ตอนนี้ เพื่อนๆในห้องทุกคนเรียกผมว่า แพนด้า กันหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งกับเพื่อนห้องอื่น ก็ขานรับกันแต่นามนี้นามเดียว... ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะมีแอบเคือง แต่ทุกวันนี้ยินดีปรีดาเฮฮา ยอมรับความจริงกันโดยดุษฎี ไม่มีอะไรซีเรียสอีกต่อไป
ถ้ามีใครสักคนที่ร้องเพลง "หมีแพนด้า หมีแพนด้า หมีๆแพนด้า" (ของวงไฮโล) ขึ้นมา ผมเองก็บ้าจี้ที่จะร้องตามไปด้วยความเมามันส์ 4. ผมเป็น "หัวงู" โรคจิต เวลามองผู้หญิงน่ารัก...
มันเป็นโรคประจำตัว ที่ผมเป็นบ่อย นอกเหนือไปจาก อาการหวัดปื๊ดๆ และไอคร่อกๆ ...ซึ่งพยายามจะหายามารักษาชนิดที่หายขาดไม่มีอาการเรื้อรังแล้ว แต่ก็ไม่เคยรักษาได้เสร็จสักที พอไปถามหมอ หมอก็บอกว่ามันเป็นกมลสันดาน แก้ไม่หายเลิกไม่จบ ต้องร้องเพลงพี่อ๊อฟ "หยุดไม่ได้ขาดใจ" สถานเดียว
ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ที่ใด หรืออยู่ในสถานการณ์ดีร้ายอย่างไร ถ้าเกิดผมได้เจอผู้หญิงสักคนที่หน้าตาดี ดูน่ารักขึ้นมาแล้ว อาการ(หื่น)จะกำเริบเลิฟขึ้นมาในทันที ...ผมจะจ้องมองเธอด้วยความจิตแตก แบบว่าเธอเดินไปไหน กำลังทำอะไร นั่งหรือยืนอยู่ ก็จะมองดูเธออย่างเงียบๆเชียบๆ ไม่ละสายตา จนกระทั่งเธอจะรู้ตัวและมองกลับมา ผมก็จะทำตัวไม่รู้ไม่ชี้หันไปดูนู้นดูนี่ แต่ถ้าเธอหันกลับไปปุ๊บ ผมก็พร้อมที่จะกลับไปมองเธอได้อีก(ด้วยความหื่น)ปั้บ
การมองผู้หญิง มันอาจจะดูเป็นเรื่องที่ปกติ๊ปกติของชายหนุ่มอยู่บ้างก็จริง ...แต่ที่ผมว่ามันไม่ปกติก็ตรงที่ ผมมันเป็นพวกชอบมองแบบฮาร์ดคอร์ ถ้าเธอยังไม่ลับตาผม ผมก็จะเหลือบหันไปมองเธออยู่อย่างนั้นแหละ สายตาเหยี่ยวคู่นี้จะสอดส่ายหาเหยื่อจนกระทั่งไม่เห็นเธอจึงจะบินไปหาเหยื่อรายใหม่(ด้วยความหื่น)
สาวที่ว่านี้ ไม่มีเกี่ยงอายุ จะแอล หรือเฮช ก็ได้หมด ...จะเป็นเด็กมัธยม มหาลัย หรือว่าทำงานแล้ว ก็โอทุกประเภท ...ขอเพียงแค่น่ารัก น่ามอง ให้หัวใจมันได้ชุ่มชื่น(และหื่นกราม)ก็พอแล้ว
แต่ช้าแต่... แม้ผมจะมีสายตาเจ้าชู้กันซะขนาดนี้ก็ตามที แต่ถ้าผมได้มีรักกับใครสักคนแล้ว ผมก็พร้อมจะรักเธอหมดหัวใจ และไม่มีอื่นใครมาแทนที่เธอได้ (ฮิ้วววว...) แต่ถ้าบางทีผมยังเผลอไปมองใคร ก็โปรดเข้าใจได้ว่า "ฉันรักเธอ แต่ว่าอาจจะเผลอมองใคร แต่ก็ไม่ได้คิด เธอนั่นแหละที่คิดมากไป รู้มั้ย ยังไงฉันก็รักเธอ..." (ฮู้ฮิ้วววว...)
5. ผมเป็น "อีแอบ"...
เห็นหัวข้ออย่างนี้ แล้วอย่าเพิ่งเข้าใจว่าผมแอ๊บแมน ...ไม่จริ๊ง ไม่จริง ผมผู้ชายทั้งแท่งนะฮ้าาาาา
อีแอบ ในที่นี้ ผมหมายความว่า ผมกำลังแอบชอบเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ...เธอเป็นผู้หญิงนะฮ้าาาาา
ผมเจอหน้าเธอมาเป็นสิบปีแล้วล่ะ เจอกันมาตั้งแต่ยังสวมกระโปรงแดง เป็นเด็กอนุบาลวัยใสคิกขุ ...เธอกับผมอยู่ โรงเรียนเดียวกันมา ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้
ตอนที่อยู่โรงเรียนเก่า ก็ได้แต่เจอหน้า คุ้นหน้ากันก็เท่านั้น ไม่มีอะไร ไม่เคยคุยอะไร (ในตอนนั้น ผมมันเป็นพวกไม่สุงสิงกับเพื่อนห้องอื่นอยู่แล้ว ออกแนวหยิ่งประมาณนั้น) จนเมื่อย้ายมาเป็นมัธยมกัน ก็เพิ่งได้รู้จักตัวตนจริงๆนี่แหละ
ผมแอบมองเธอ มาตั้งแต่ตอนม.2 ครับ (ด้วยความที่เธอน่ารัก น่ามอง แม้จะหน้าตาไม่สะสวยก็ตามที)... แต่มาชอบและหลงรักเอาก็ตอนม.3 ซึ่งผมกับเธอได้กลายเป็นเพื่อนสนิท ที่อยู่ในกลุ่มก๊วนเดียวกัน
ผมกับเธอ สนิทกันมากจนสามารถที่จะพูดคุยกันได้ในทุกๆเรื่อง เมื่อเธอมีเรื่องอะไรที่ร้ายๆ ก็มักจะเอามาคุยปรับทุกข์กับผม หรือเมื่อเธอกำลังเป็นสุขกับอะไร เธอก็เอามาบอกผมให้ผมแอบรู้สึกยินดีไปด้วย ...ผมกับเธอ สนิทกันจนสามารถที่จะคุยโทรศัพท์มาราธอน ตั้งแต่ตอนสองทุ่มไปจนถึงตีสามตีสี่ของอีกวันหนึ่งเลยทีเดียว
ในวันนี้ ผมกับเธอก็ยังคงสนิทสนมกันอยู่ แม้ว่าความสนิทในตอนนี้มันจะไม่ถึงขั้นเปิดอกเปิดใจคุยได้ทุกเรื่องก็ตามแล้ว... เหตุผลที่ทำให้ผมกับเธอไม่สามารถจะสนิทกันได้เหมือนเมื่อก่อน มันเป็นเพราะเธอเองก็มีแฟนของเธอ ที่ต้องสนิทสนมกันมากกว่า
แฟนของเธอคนนี้ ...เคยเป็นอีกหนึ่งอริที่ผมมักจะมีเรื่องในตอนม.ต้น และตัวผมเองก็ไม่ชอบมันอีกต่างหาก (ตอนเริ่มเป็นแฟนกับเธอ ผมล่ะแอบค้านในใจ แต่ก็ดันไม่แสดงออกซะนี่) ...ในทุกวันนี้ ผมจะพยายามทำตัวให้อยู่ห่าง ไม่เข้าไปยุ่งแทรกแซงความรักของเธอและมัน (อาจดูหึงโหด แต่ขอใช้สรรพนามนี้แทนละกัน) ...แต่ถ้าเธอมาปรึกษาเรื่องความรักของเธอ แล้วผมก็พร้อมจะให้คำพูดที่ดีที่สุด โดยไม่มีอคติกับคนรักของเธอแต่อย่างใด
ผมท้อหรือเปล่า ที่เป็นอีแอบอยู่อย่างนี้ ...ก็พูดได้เลยว่า ท้อ แต่ถ้าจะให้หยุดรักเธอในตอนนี้ ก็คงจะทำไม่อยู่แล้ว... (ขอเน่าสักนิดนึงส์) ตัวผมเองก็ยังคงรอสักวันที่เธอจะเลิกกับคนนั้น แล้วสักในวันผมคงจะกล้าบอกรัก กล้าพูดว่า "ฉันรักแกว่ะ" กับเธอเสียที (ขอเพียงให้ตอนจบ ไม่มีคำพูดของเธอที่บอกว่า "มาบอกอะไรป่านนี้" ละกัน)
หมายเหตุ : ด้วยความอินในชีวิตจริง บวกกับเรื่องราวที่โดนอย่างแรง ...นี่คือ เหตุผลที่ทำให้ผมรักหนังไทยเรื่อง "เพื่อนสนิท" สุดกู่ และอาจจะไม่มีเรื่องไหนแย่งที่หนึ่งในใจผมไปได้อีกแล้ว
สารภาพกันซะจนหมดเนื้อหมดตัวผมเองแล้ว ...ถึงคราวที่ผมจะหาเรื่อง tag ให้คนอื่นได้สารภาพบ้าง
รายนามต่อไปนี้ เตรียมตัวโดน tag เป็น 5 คนต่อไป (ถ้าโดนแล้ว ต้องขออภัยด้วยครับ)... merveillesxx (คนนี้ โดนแล้ว) POGGHI BloodyMonday สมันน้อย เบอร์ 14 icebridy (คนนี้ โดนแล้ว)
ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน ...ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ
Create Date : 16 มกราคม 2550 |
|
14 comments |
Last Update : 16 มกราคม 2550 15:38:58 น. |
Counter : 1367 Pageviews. |
|
|
|