|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Whale Rider: เด็กหญิงบนหลังปลาวาฬ
เวลานี้ทุกคนคงทราบผลรางวัลออสก้าร์กันแล้ว และแม้ Whale Rider จะไม่ได้รับรางวัลใด ๆ ติดไม้ติดมือกลับไป แต่เราก็ต้องยอมรับว่า งานประกาศผลรางวัลออสก้าร์ที่ผ่านมาทำให้หนังนิวซีแลนด์โนเนมเรื่องนี้เป็นที่รู้จักของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะดาวเด่นดาวน้อย ๆ อย่าง Keisha Castle-Hughes ที่เบียดเข้าชิงดารานำหญิงยอดเยี่ยมชนิดพลิกโผทุกสำนัก และได้กลายเป็นนักแสดงหญิงที่อายุน้อยที่สุดที่เคยเข้าชิงรางวัลในสาขานี้ ก่อนหน้านี้หลายคนคงไม่เคยรู้จักหนังเรื่อง Whale Rider เท่าใดนัก แต่แท้จริงแล้วหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้โนเนมมาจากไหน เพราะนอกจากหนังเรื่องนี้จะกวาดรางวัลในประเทศตนเองจนเกือบหมด Whale Rider ยังกวาดรางวัลขวัญใจมหาชนจากเทศกาลหนังใหญ่ ๆ หลายแห่งไม่ว่าจะที่ Sundance, Toronto San Francisco และ Rotterdam (เรียกว่าเป็นหนังขวัญใจสำหรับพวกคอเทศกาลหนังก็คงได้) แม้ผมเองที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนธันวาและยกให้เป็นหนังขวัญใจ (ผม) ประจำปีเรียบร้อยแล้ว แต่ผมก็ยังไม่คิดว่าหนังแบบ Whale Rider จะมีที่ทางบนเวทีออสก้าร์แต่อย่างใด เพราะคู่แข่งในสาขาหนังต่างประเทศแต่ละเรื่องก็หิน ๆ ทั้งนั้น แถมกระแสนักวิจารณ์แต่ละสำนักก็เหมือนจะตัดหนังเรื่องนี้ออกจากสาระบบหนังที่มีโอกาสเข้าชิงออสก้าร์ไปแล้ว การที่ได้เห็นชื่อ Keisha Castle-Hughes เข้าชิงในสาขาดารานำหญิงจึงสร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคน (ผมด้วย) Whale Rider เป็นเรื่องราวของหลานสาวหัวหน้าชนเผ่าเมารีนามว่า ไพเคีย เธอเองมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าชนเผ่าต่อจากโกโร (ปู่) ของเธอ แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ เธอเป็นผู้หญิง หนังตลอดทั้งเรื่องจึงเป็นเรื่องราวความพยายามที่จะพิสูจน์คุณค่าในตัวเองของไพเคีย เพื่อจะเอาชนะอคติของปู่ของเธอ ฟังเรื่องย่อดูแล้วก็เดาได้ไม่ยากว่านี้เป็นหนังแนวสิทธิสตรีจ๋าอีกเรื่องที่ว่าด้วยเรื่องราวของผู้หญิงซึ่งต้องลุกขึ้นมาพิสูจน์ศักยภาพของตนเอง เพื่อเอาชนะอคติของพวกผู้ชายทั้งหลาย เหมือนหนังอย่าง Girlfight หรือ King of marks (ราชาพันหน้า) หนังอย่าง Whale Rider จึงมีละครแสนจะสูตร แบบคุณปู่หัวโบราณที่ถืออำนาจปิตาธิปไตยสุดโต่งอย่างโกโร และเด็กสาวเลือดนักสู้อย่างไพเคีย หากพิจารณาให้ดีแล้วความปรารถนาของทั้งโกโรและไพเคียแล้ว ก็แทบจะไม่ต่างกันเลย เพราะฝ่ายหนึ่งต้องการหาบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นผู้นำคนรุ่นต่อไป ส่วนอีกคนก็ดูจะพร้อมอุทิศตัวเพื่อทำหน้าที่นั้น (คนดูเองก็ดูออกว่าไพเคียเหมาะสมกับตำแหน่งนี้เพียงใด) แต่ปัญหากลับเป็นเรื่องของอคติที่ฝังรากลึกอยู่ในแทบทุกวัฒนธรรมบนโลกนี้ คือ อคติที่ว่าผู้นำต้องเป็นชายเท่านั้น
ตัวละครที่ผมเห็นว่ามีความซับซ้อนและเป็นศูนย์รวมของปัญหาทั้งหมดก็คือตัวละครอย่าง โกโร โกโรเป็นตัวอย่างของผู้นำรุ่นเก่าที่พยายามประคับประคองรากเหง้าความเป็นชาวเมารีในชุมชนของเขาเอาไว้ งานของเขาเป็นงานที่หนักหนาสาหัสมากเพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันนี้วัฒนธรรมดั่งเดิมแทบจะทุกมุมของโลกถูกกระแสความเจริญกลืนหายไปเกือบจะหมดแล้ว โกโรเองก็ยิ่งทุกข์หนักเพราะเขาไม่อาจหาคนที่สมบูรณ์แบบมาสืบทอดตำแหน่งของเขาได้ และความปรารถนาที่เกินพอดีของเขานี่เองที่ทำร้ายทุกคนที่อยู่รอบข้างตัวเขา ตัวอย่างอย่างที่เห็นได้ชัดอย่างเช่น ตอนต้นเรื่องเมื่อลูกชายคนโตของโกโรเพิ่งสูญเสียภรรยาเพราะการคลอด สิ่งแรกที่ Paka เอ่ยขึ้นทันทีที่ถึงโรงพยาบาลก็คือ การถามหาเด็กผู้ชาย นั้นเป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ลูกชายคนโตของโกโร หนีไปอยู่ต่างประเทศ และทิ้งลูกสาว (ไพเคีย) ไว้ ตัวละครที่เป็นหัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้ก็คือ ไพเคีย เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่มีหัวจิตหัวใจยิ่งใหญ่จนเหลือเชื่อ ไพเคียได้รับการเลี้ยงดูจากโกโรผู้เป็นปู่ ซึ่งเป็นเหตุให้เธอซึมซับจิตวิญญาณความเป็นชาวเมารีไว้เต็มตัว ไพเคียเป็นเด็กกระตือรือร้น กล้าคิด กล้าแสดงออก แต่อีกมุมหนึ่งเธอดูเป็นเด็กธรรมดาที่ต้องการการยอมรับจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะการยอมรับจากปู่ของเธอเอง โกโรเองก็รักและเอ็นดู ไพเคียอย่างมาก แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงทำให้ เขาต้องกันเธอออกจากกิจกรรมทุกอย่างที่ถูกกำหนดไว้สำหรับผู้นำ (ที่เป็นชาย) และเพราะเหตุนี้เอง มันก็ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องการพิสูจน์ความสามารถของเธอให้ปู่เห็นยิ่งขึ้นไปอีก โดยเธอลืมนึกไปว่าความพยายามของเธอนั้นจะสร้างปัญหาตามมาเพียงใด ... เล่ามาเพียงเท่านี้ก็อย่าได้นึกว่ากว่า Whale Rider เป็นหนังเฟมินิสต์ดาด ๆ ที่เป็นเพียงเวทีปะทะกันระหว่างคุณปู่หัวโบราณกับสาวน้อยใจเด็ดเท่านั้น เพราะ Whale Rider มีประเด็นทางสังคมที่หนักอึ้งกว่านั้น โดยเฉพาะคือเรื่องความล่มสลายของวัฒนธรรมชาวเมารี ตัวหนังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงปัญหาที่ผู้คนต่างอพยพออกจากถิ่นฐานดั่งเดิม ในขณะที่เด็กรุ่นใหม่ก็ไม่เห็นความสำคัญของรักษาขนบธรรมเนียมของคนบรรพบุรุษ (จริง ๆ แล้วก็เป็นปัญหาที่ไม่ต่างกับบ้านเราเลย) สิ่งที่น่ายกย่องในหนัง Whale Rider ก็คือการนำขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมต่าง ๆ ของชาวเผ่าเมารีมาใส่ไว้ในหนังไว้ได้อย่างลงตัวและไม่ดูเป็นการยัดเยียด ไม่ว่าจะเป็นบทร้องและท่าเต้นของชาวเมารี (ที่ไพเคียร้องอยู่เกือบตลอดทั้งเรื่อง) การทักทายด้วยการเอาจมูกชนกัน ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องปลาวาฬ เรือพายพื้นบ้านของชาวเผ่าเมารี ศิลปะการต่อสู้โดยใช้พลอง การแลบลิ้นของนักรบเมารี ฯลฯ หนังเรื่องนี้เกือบจะเรียกเป็นคู่มือศิลปวัฒนธรรมเมารีเบื้องต้นก็ว่าได้ เพราะเมื่อเราดูหนังเรื่องนี้อย่างน้อยก็จะทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมของชาวเมารีมากขึ้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ รายละเอียดทางวัฒนธรรมเหล่านี้ ล้วนมีหน้าที่ในการดำเนินเรื่องทั้งสิ้น เวลาที่ดูหนังเรื่องนี้ เราจะรับรู้ได้ถึงความกลิ่นไอของเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตแบบเมารีที่ตลบอบอวลอยู่ในตลอดทั้งเรื่อง เราจะเข้าใจถึงความผูกพันของชนเผ่าเมารีกับปลาวาฬ ที่สำหรับพวกเขาแล้วปลาวาฬเป็นเสมือนสัตว์พาหนะของบรรพบุรุษ มันทำให้ไม่ว่าหนังเอ่ยอ้างถึงปลาวาฬในช่วงใดก็ตาม เราจะสัมผัสได้ถึงความขรืมและความขลังของตำนานบรรพบุรุษของชาวเผ่าเมารี แม้ผมเองจะไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับชนเผ่าเมารีมาก่อน แต่ผมเองก็ยังอดภูมิใจแทนพวกเขาไม่ได้ ส่วนประกอบที่สำคัญของหนังเรื่องนี้แต่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป(สงสัยเพราะโดนองค์ประกอบส่วนอื่น ๆ กลบรัศมีก็ไม่รู้??) ก็คือดนตรีประกอบ ซึ่งเป็นผลงานของ Lisa Gerrard หลายคนคงเคยได้ยินมาแล้วว่า ดนตรีประกอบหนังที่ดีคือดนตรีที่บรรเลงโดยคนฟังไม่ได้ยิน ผมว่าดนตรีประกอบในหนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ปิดทองหลังพระโดยแท้ เพราะหลังจากที่ดูหนังเรื่องนี้รอบสองผมถึงได้สังเกตว่า บรรยายกาศของหนังที่ดูเต็มไปด้วยมนต์ขลังนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากดนตรีประกอบ เมื่อมาดูผลงานเรื่องอื่น ๆ ของ Lisa Gerrard ก็ถึงได้รู้ว่าเธอเองก็เคยผ่านงานใหญ่ ๆ มาแล้วทั้ง Tears of the Sun, Unfaithful, Ali , The Insiderหรือ Gladiator ถ้าหากจะกล่าวถึงความยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้ ผมก็อยากจะบอกว่า Whale Rider เป็นหนังที่ลงตัว โครงเรื่องของหนังที่ง่ายและหนักแน่น รายละเอียดทุกอย่างในหนังต่างทำหน้าที่เน้นย้ำแนวคิดหลักของเรื่องอย่างถูกจังหวะ ยิ่งเรื่องการแสดงแล้วก็ถือได้ว่า นี้เป็นการแจ้งเกิดอย่างสง่างามของดาราเด็ก (ที่กำลังเป็นสาว) อย่าง Keisha Castle-Hughes ซึ่งตอนนี้ถูกล็อคตัวไปเล่นหนัง Star Wars: Episode III เรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวผู้กำกับอย่าง Niki Caro ซึ่งรับหน้าที่ทั้งดังแปลงบทและนั่งเก้าอี้ผู้กำกับด้วย ผมถือว่าเธอคือคนที่ควรได้รับการยกย่องมากที่สุดคนหนึ่ง ทั้งความยอดเยี่ยมในการดัดแปลงโครงเรื่องที่แสนจะสูตรให้การเป็นหนังที่มีรายละเอียดในแง่ภาษาหนังที่ยอดเยี่ยม และความสามารถในการสื่อสารกับนักแสดงจนสามารถดึงพรสวรรค์ของนักแสดงแต่ละคนในเรื่องออกมาได้เกิน 100% ตอนที่ผมดูหนังเรื่องนี้ผมออกจะแค้นใจว่าทำไมไม่มีหนังไทยที่สะท้อนวัฒนธรรมความงดงามออกมาเหมือนกับ ที่ Whale Rider ทำได้บ้าง แต่พอผ่านไปไม่กี่เดือนจนผมได้ดู โหมโรง ความน้อยอกน้อยใจของผมก็หายเป็นปลิดทิ้ง แม้ผมจะยอมรับว่า โหมโรง เราอาจจะยังห่างช่วงกับ Whale Rider อยู่บ้าง... แต่วัฒนธรรมของเราก็งดงามไม่เป็นรองใครแน่นอน!!!
Create Date : 31 ธันวาคม 2547 |
|
8 comments |
Last Update : 31 ธันวาคม 2547 2:46:17 น. |
Counter : 7433 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Register_AC 31 ธันวาคม 2547 3:10:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: จ๊อบ (joblovenuk ) 1 2548 3:43:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ผู้ที่ชอบเรื่องนี้มัก มาก IP: 61.19.112.34 18 กรกฎาคม 2549 9:20:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: มาม่าจัง IP: 118.173.55.95 30 พฤษภาคม 2551 12:15:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนขับช้า 3 มิถุนายน 2552 15:02:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: Jai Natthanicha IP: 61.19.227.66 15 กันยายน 2552 10:53:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: อยากดูจัง IP: 202.28.27.2 28 กุมภาพันธ์ 2555 23:39:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: Fake Oakleys Sunglasses IP: 94.23.252.21 2 สิงหาคม 2557 6:46:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เพิ่งดูไปเมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง