LEAVES & ME
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
gone baby gone: มันดีแล้วหรือถ้าเราจะทำสิ่งที่ผิดเพื่อความถูกต้อง???


ผมเกลียด Batman

แม้แบทแมนภาคล่าสุดอย่าง "the dark Knight" จะเป็นหนังที่ทำรายได้
มหาศาลพร้อมกับกอบโกยคำชมจากบรรดานักวิจารณ์ไปมากมาย ทั้ง
จากการแสดงอันยอดเยี่ยมของ ฮีจ เลจเจอร์ หรือแม้แต่ฝึมือคริสโตเฟอร์
โนแลนด์ผู้กำกับการดัดแปลงให้การ์ตูนสักเรื่องกลายเป็นหนังดราม่า แอ็คชั่นชั้นยอด

ผมชอบหนังแบทแมนภาคนี้มาก แต่ผมกลับกลียดสิ่งที่แบทแมนทำ...

ถ้าเรามองว่า โจ๊กเกอร์เป็นตัวแทนของความชั่วร้าย และฮาร์วี เดนท์
เป็นคนดีที่พยายามกำจัดสิ่งชั่วร้ายด้วยวิธีที่ถูกต้อง (กฎหมาย) แล้วหละก็
แบทแมนก็คือผู้ปราบเหล่าร้ายโดยไม่สนวิธี... (ประเภทตาต่อตาฟันต่อฟัน)
แบทแมนเองก็รู้ตลอดสิ่งที่ตนทำมันไม่ถูกต้อง แต่เขาอ้างว่าโลกยังต้อง
การผู้รักษาความถูกต้องโดยใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง (แบบเขา) อยู่

วิธีคิดแบบนี้แหละที่ผมเกลียด...

หนังที่ผมได้ดูไม่นานนี้อย่าง gone baby gone ก็ยิ่งทำให้ผมเกลียดวิธีคิดแบบนี้หนังมากขึ้นไปอีก
หนังเรื่องนี้ดัดแปลงจากนวนิยายของ Dennis Lehane เจ้าของผลงานดังอย่าง
Mystic river กำกับโดย Ben Affleck และนำแสดงโดยน้องชายเขาเอง
Casey Affleck เนื้อหาของหนังว่าด้วยคดีเด็กที่หายตัวไปอย่างลึกลับ
โดยพระเอกซึ่งเป็นนักสืบเอกชน ต้องพยายามตามหาเด็กน้อยคนนั้น
ให้เจอ เนื้อหาส่วนใหญ่เน้นการสืบสวนคดีเป็นหลัก แต่คำถามหนัก ๆ ที่
ถูกโยนมาให้ผู้ชมในตอนท้าย กลับไม่ใช่เพียงประเด็นการตามหาเด็กมาคืน
สู่อ้อมอกแม่เท่านั้น แต่คนดูอาจต้องคิดต่อด้วยว่าจะเป็นอย่างไรถ้าเราต้อง
"เลือกทำสิ่งที่ผิด (ผิดกฏหมาย ผิดศีลธรรม) เพื่อชีวิตของเด็กคนหนึ่ง"

แต่เดิม ความถูกต้องนั้นเกิดจากศีลธรรมและมีกฏหมายในสังคม
แต่เราเองก็คงเคยรู้สึกว่าหลาย ๆ ครั้งสิ่งถูกกฏหมายถูกศีลธรรม
ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป

ตัวละครเกือบทุกตัวในหนัง gone baby gone ต่างพยายามทุก ๆ อย่างเพื่อ "เด็ก"
ทั้งนั้น ทุกคนคิดว่าตนทำถูกต้อง แต่ว่าวิธีของแต่ละคนนั้นต่างกันชนิดสุดขั้วเลย...

แล้วความถูกต้องคืออะไรกันแน่???

ที่สุดแล้ว คำตอบของหนังก็ไม่ต่างอะไรกับวิธีคิดแบบแบทแมน คือ
"ช่างหัวกฏหมาย ช่างหัวศีลธรรมเถอะ จงทำสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้อง"

ปัญหาก็คือเราจะรู้ได้ยังไงว่า สิ่งที่เราคิดว่าถูกคือสิ่งที่ถูกต้องที่แท้จริง
แล้วถ้าสิ่งที่เราทำมันไม่ใช่สิ่งถูกต้องจริง ๆ หละ

อัลกออิดะ ถล่มสหรัฐฯ ก็อ้างความถูกต้อง
สหรัฐบุกยึดอิรัก ก็อ้างความถูกต้อง
ผู้ก่อการร้ายสามจังหวัดก็อ้างความถูกต้อง
พันธมิตรบุกยึดสถานที่ราชการ ก็อ้างความถูกต้อง
สมัครจะแก้รัฐธรรมนูญก็อ้างความถูกต้อง
(ทุกคนต่างคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง)

มันก็เพราะทุกคนมุ่งแต่จะทำตามแต่สิ่งที่ตัวเอง "คิดว่าถูก" โดยไม่สนผู้อื่น
ไม่สนกติกา
สุดท้ายเราถึงได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งความโกลาหล

บางทีความถูกต้องที่แท้จริงอาจไม่มีอยู่ในโลก...

หลังจากดูหนังจบ ผมเถียงกับน้องชายยกใหญ่ว่าสิ่งที่พระเอกทำมันถูก
หรือเปล่า (ผมอยู่ข้างพระเอก แต่น้องอยู่ข้างนางเอก)

แต่สิ่งที่เพิ่งจะมานึกได้ตอนสุดท้ายคือ ขณะที่ตัวละครทุกคนพยายาม
ทุกอย่างเพื่อช่วยเด็ก แต่สุดท้ายแล้ว...

ไม่มีใครเลยที่ถามเด็กว่าต้องการอะไร








Create Date : 31 สิงหาคม 2551
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 0:27:47 น. 9 comments
Counter : 5219 Pageviews.

 
เฉยๆ กับ Dark Knight ไม่ใช่เพราะหลักการ แต่มันรวดเร็วจนหลายคนอาจหลงลืมประเด็นดังกล่าวไปได้

Gone Baby Gone ไม่ได้ดู แต่อยากดูมาก ช่วงนี้ที่บ้านดูแต่ซีรี่ส์...เฮ้อ


โดย: yuttipung วันที่: 1 กันยายน 2551 เวลา:17:32:50 น.  

 
ไม่รู้ว่าคำตอบจะตรงใจรึเปล่า?

แต่ผมขอเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในโลกนี้

ตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เมื่อผู้หญิง 2 คนทะเลาะกัน

เรื่องก็มีอยู่ว่า ผู้หญิงคนแรกอ้างว่า เด็กทารกคนนี้เป็นลูกของเธอ

หญิงอีกคนก็อ้างแบบเดียวกันเลยว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของเธฮเช่นกัน

เมื่อต่างคนต่างไม่ยอมกัน เรื่องก็รู้ไปถึงหูพระราชา

พระราชาองค์นี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่ฉลาดที่สุดในโลกตั้งแต่โลกนี้ถูกสร้างขึ้นมา

คุณคิดว่าพระราชาคุณจะตัดสินอย่างไร?

ใครผิดล่ะ ก็ในเมื่อทุกคนก็อ้างสิทธิ์ความถูกต้องของตนเอง

แน่นอนว่าต้องมีใครซักคนที่โกหก ใครซักคนที่เป็นคนผิดและสมควรแก่การลงโทษ

แต่พระราชาไม่ได้ใช้อำนาจล้นฟ้าตัดสินว่าใครผิด

พระองค์ใช้วิธีง่ายๆ แค่ตรัสสั่งทหารให้แบ่งเด็กคนนี้ออกเป็น 2 ส่วน

เพียงเท่านี้ ก็รู้ทันทีว่าใครเป็นแม่ของเด็กคนนี้

หญิงคนแรกยินดีให้พระราชาฆ่าเด็กคนนี้ได้ทันที

แต่หญิงคนที่สองยอมรับโทษยอมทุกอย่าง ขอเพียงอย่าให้เด็กคนนี้เป็นอันตรายใดๆ

แน่นอนครับ ทุกอย่างในโลกนี้ต้องการความถูกต้อง

แต่ใครล่ะที่เราจะเชื่อใจได้ว่าเป็นผู้ที่ยุติธรรมที่สุด

ทักษิณไม่ยอมขึ้นศาล เพราะไม่มั่นใจในความโปร่งใส

พันธมิตรฯไม่ไปตามหมายศาล เพราะเชื่อว่าความยุติธรรมอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาล

ทุกวันนี้ที่บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะต่างคนต่างก็บอกว่าตัวเองถูก พอมีคนมาตัดสินก็ไม่ฟัง ไม่ยอมรับ

พูดตรงๆเลยในฐานะที่ผมเป็นคริสเตียน พระเจ้าบอกว่ามนุษย์ทุกคนทำบาป แม้คนที่บอกว่าตัวเองประเสริฐแค่ไหน ก็ต้องเคยทำบาป
แล้วใครล่ะจะเป็นผู้ตัดสินที่ยุติธรรมได้ ในเมื่อเราปล่อยให้คนบาปตัดสินคนบาป

อเมริกาทำตัวเป็นศาลโลก คนอื่นผิดหมดยกเว้นประเทศตัวเองเท่านั้น

นี่คือ อนิจจังของมนุษย์

พระคัมภีร์สอนว่าอย่าให้เราตัดสินใครหรือกล่าวโทษใคร เพราะเราก็ไม่ได้ต่างจากเค้า

และถ้าเราที่เป็นคนบาป ไปกล่าวโทษคนอื่น พระเจ้าก็จะกล่าวโทษเราแบบนั้นเช่นกัน

ผู้เดียวที่เป็นความหวังของมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้

คือ พระเจ้าเท่านั้น

ที่เปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและความรัก

พระเจ้ายุติธรรมอย่างไร? โดยการตัดสินว่าทุกคนที่ทำบาปแม้แต่ครั้งเดียวก็ต้องตาย เหมือนอย่างอดัมกับเอวา ที่ทำผิดแค่ครั้งเดียวก็ต้องตาย และในโลกนี้สังเกตได้เลยว่าแม้แต่คนที่บอกว่าตัวเองบริสุทธิ์แค่ไหนก็ต้องตาย

พระเจ้าเปี่ยมด้วยความรักอย่างไร? พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาด้วยความรัก และรู้ว่ามนุษย์ทุกคนทำบาปจึงต้องตาย ด้วยความรักพระเจ้าจึงบอกว่า โอเคๆอ่ะทำบาปก็ไม่เป็นไร แต่ต้องแค่ไม่เกิน 10 ครั้งเท่านั้นนะ

อย่างนี้คือยุติธรรมรึเปล่า? ความรักรึเปล่า?

ความรักของพระองค์ คือ ในเมื่ออย่างไรก็ต้องตายไม่มีทางเลือก พระองค์จึงใช้ทางออกสุดท้ายเพียงทางออกเดียวคือ ต้องเอาชนะความตายที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ให้ได้

เอาชนะอย่างไร? ก็โดยการที่พระเจ้ามาเกิดในโลกนี้ในฐานะมนุษย์ 100% มีชีวิตเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง มนุษย์เจอปัญหาอย่างไร พระองค์ก็เจอแบบนั้น แต่พระองค์ไม่ทำบาปเลย นี่คือชัยชนะครั้งแรก ชัยชนะเหนือความบาป

ชัยชนะครั้งที่สอง คือ เมื่อก่อนที่พระเยซูจะถูกตรึงที่กางเขน พระองค์บอกกับสาวกว่า พระองค์จะชนะความตายโดยการฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาในวันที่ 3

เมื่อพระเยซูถูกตรึง สิ้นพระชนม์ สิ่งที่พระเยซูเคยตรัสไว้กับสาวก ไม่มีประโยชน์เลย

เพราะสาวกคิดว่าทุกอย่างจบแล้ว อุตส่าห์ละทิ้งทุกอย่างติดตามพระองค์ ได้เห็นการอัศจรรย์มากมาย และเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าจริงๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นก็คือ ศพของชายคนหนึ่งที่ถูกบรรจุเข้าไปในอุโมงค์

ในเวลานั้น มีหลายต่อหลายคน ละทิ้งความเชื่อ คิดว่าพระเยซูเป็นเพียงมนุษย์คนนึงที่โกหกและหลอกลวง

เวลาผ่านไป 3 วัน (ตามความเชื่อของชาวยิวที่เชื่อว่า หากใครก็ตามที่ตายแล้ว 3 วัน วิญญาณก็จะออกจากร่างแน่นอน)

เช้าวันที่ 3 มีสาวกบางคนยังแอบมีความเชื่อเหลืออยู่นิดหน่อย จึงไปแอบดูที่อุโมงค์เผื่อว่าสิ่งที่พระเยซูบอกไว้จะเป็นจริง

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าสาวก คือ อุโมงค์ว่างเปล่า ผ้าพันศพถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย ฝื้นรึเปล่าไม่รู้ แต่อุโมงค์ว่างเปล่า

สาวกจึงรีบไปบอกคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ จึงต้องมาดูด้วยตาตัวเองจึงจะเชื่อ

แต่มีสาวกคนหนึ่งชื่อ โธมัส บอกว่าถึงอุโมงค์ว่างเปล่า แต่ถ้าเขาไปม่ได้เห็นพระเยซู และไม่ได้เอานิ้วไปจับแผลที่มือ หรือที่สีข้าง เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่ผี แต่เป็นพระเยซูจริงๆ ก็จะไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด

ในที่สุดพระเยซู ก็ปรากฏแก่เหล่าสาวกทุกคน โธมัสก็ได้จับอย่างที่ต้องการ เขารู้สึกผิดมาก เพราะเขาไม่ยอมเชื่อสิ่งที่พระเยซูทรงสัญญาไว้ กลับคิดว่าพระเยซูโกหก
แต่พระเยซูบอกว่า "เพราะเจ้าได้เห็น เจ้าจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นแต่เชื่อก็เป็นสุข"

ความเชื่อ คือ ความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่าสิ่งที่ยังไม่เห็นนั้นมีจริง


โดย: perfectjoe วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:18:20:51 น.  

 
(ถ้ายังไม่ดูห้ามอ่านนะคับ)

ผมเพิ่งดูหนังจบไปเมื่อกี้นี้

ผมว่าหนังมันมีคำตอบที่ถูกต้องอยู่แล้วนะคับ

แต่สุดท้ายก็เถียงกับแม่จนได้
แม่บอกว่าพระเอกมันซื่อ...ทื่อ...บื้อเกินไป

ส่วนผมบอกว่าพระเอกก็ทำถูกแล้ว
เพราะเชื่อว่าเด็กควรจะได้อยู่กับแม่แท้ๆ
และถ้าสิ่งที่ตำรวจพวกนั้นทำ มันถูกต้องจริง
ทำไมต้องขโมยด้วย ต้องโกหก สร้างเรื่อง
มีคนต้องมาตาย หลายคนติดคุก

ตำรวจพวกนั้นทำไปก็เพราะหวังดีต่อเด็ก
ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้น มันไม่ถูกต้องก็ตาม

เหตุการณ์ที่เป็นเหตุให้พระเอกตัดสินใจแบบตอนจบ
น่าจะมาจาก ตอนที่พระเอกไปเจอเด็กผู้ชายตายอยู่ในอ่างอาบน้ำ ภาพที่เขาเห็นถึงกับทำให้อาเจียนออกมา
และด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เขาตัดสินด้วยปืนว่าผู้ชายคนนั้นไม่ควรจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

หลังจากนั้นพระเอกรู้สึกผิดตลอด
แต่นากเอกบอกว่า "เธอภูมิใจในตัวพระเอกมาก"
และงานศพของเพื่อนตำรวจ ก็มีคนมาบอกพระเอกว่า "คุณทำได้ดีมาก"
แต่พระเอกกลับไม่ภูมิใจเลยซักนิด
เขาครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกต้องแล้วหรือ?

จนกระทั่ง เขาได้คุยกับเรมี่
พระเอกบอกว่า เขาทำบาป เพราะฆ่าคนตาย
แต่เรมี่บอกว่า มันขึ้นอยู่กับว่าคุณฆ่าใคร?
แต่พระเอกก็ไม่เห็นด้วยกับเรมี่
รวมถึงเหตุการณ์ที่เรมี่เล่าให้ฟัง
และการที่เรมี่บอกว่า ใครที่ทำร้ายเด็กก็อยู่คนละข้างกับเขา และสมควรตาย

เหตุกาณ์นี้ก็คงจะเหมือนกับตอนจบในแบบที่ 2
สมมุติว่าพระเอกตัดสินใจกลับบ้านไม่โทรแจ้งตำรวจ นางเอกก็คงจะบอกว่า "ฉันภูมิใจในตัวคุณ"
และได้คบกันต่อไป และคนอื่นๆที่รู้เห็นก็คงจะเข้ามาชื่นชมว่า "คุณทำได้ดีมาก"

สิ่งเหล่านี้พระเอกเคยเจอมาแล้ว เขาได้ทำสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าดี แต่ไม่ถูกต้อง และเขาต้องรู้สึกผิด

พระเอกจึงไม่อยากให้เกิดเหตุกาณ์แบบนั้นขึ้นอีก
เขาจึงเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะโดนทิ้ง และต้องเห็นเด็กน้อยอยู่ตามลำพังกับแม่แท้ๆ
ซึ่งจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อตุ๊กตาของลูกตัวเอง
(ตอนจบเด็กบอกว่า ตุ๊กตาชื่อ เบลินดา ไม่ใช่มิแรนด้า)

"เพราะว่า การได้รับความทุกข์เพราะทำความดี ถ้าเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า ก็ดีกว่าจะต้องทนอยู่เพราะการประพฤติชั่ว" 1 เปโตร 3:17

ขอจบด้วยประโยคเริ่มต้นที่พระเอกถามนักบุญที่โบสถ์ว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ขึ้นสวรรค์ และปกป้องตัวเองให้พ้นจากความชั่วร้ายของโลกนี้ได้

นักบุญตอบว่า
"เราเป็นเหมือนแกะที่อยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า เหตุฉะนั้นจงฉลาดเหมือนงู และไม่มีภัยเหมือนนกพิราบ" มัทธิว 10:16

ขอบคุณมากครับ สำหรับความคิดเห็นของท่าน
ทำให้ผมได้คิดอะไรได้อีกเยอะเลย

ขอพระเจ้าอวยพร

^______________^


โดย: perfectjoe วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:0:06:18 น.  

 
ขอบคุณครับที่ไปตอบกระทู้


โดย: The Learner วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:25:36 น.  

 
ลืมบอกครับ
ผมก็ไม่ชอบ ดาร์ค ไนท์ เหตุผลเดียวกันด้วย
แต่โดนคนที่ชอบด่าว่าโชว์พาว


โดย: The Learner วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:29:50 น.  

 
ชอบ dark knight และชอบเรื่องนี้ด้วยค่ะ
เราคิดว่าถ้าถามเด็กแล้ว วุฒิภาวะหรือความคิดถึงอนาคตในระยะยาวก็อาจจะไม่ดีเท่าไหร่
ยกตัวอย่างว่า ถ้าคุณไปถามเด็กว่าอยากกินข้าวหรือกินขนม เด็กก็จะตอบแต่ว่าขนม ๆ ทุกครั้งไป

สรุป เราอยากให้เด็กอยู่กับครอบครัวของ Morgan Freeman (จำชื่อในเรื่องไม่ได้)
แต่เราก็เข้าใจในสิ่งที่พระเอกทำ แล้วก็เข้าใจคนที่อยู่ข้างพระเอกด้วย
และนี่คือส่วนหนึ่งของสาเหตุที่เราคิดว่าเรื่องนี้เป็นหนังดี
เพราะว่า มันทำให้เกิดความคิด (และข้อโต้แย้ง) ต่อไปได้


โดย: half a person วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:3:30:42 น.  

 
"the dark Knight" งะ อยากดูมั๊กกก แผ่นดันเสีย เพราะพระเอกเล่นเรื่องนี้แล้วเค้าตาย พระเอกกะได้รับรางวัลออสการ์ด้วยย

Gone baby Gone เรากะดูนานแล้วเหมือนกันค่ะ

มันเหมือนกับ ผู้ใหญ่ทำตามความต้องการของตัวเอง เด็กมันกะคือเด็ก ไม่รู้ว่าจะอยู่ตรงใหน

กับความล้ำของพวกผู้ใหญ่ ที่คิดกัน ในขณะที่ เด็กมันมองตาแป๋ว ซื่อๆๆว่ามัน ว่าผู้ใหญ่มันทำอารายกานอยู่อ่า


โดย: Bernadette วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:20:00:51 น.  

 
อ่าโต๊ต สำนวนคุณเหมือน จานที่สอนเราหัดเขียนบล๊อคแรกๆๆๆเลยอ่า

โต๊ตตตต บางทีลีลาการเขียน ความคิด คล้ายๆๆกันอ่า จาน เราเค้ามะได้เขียนเรื่องนี้หรอกก เราอาศัย อ่านและแกะตีความตามตัวอักษรอ่า

ดีดี มีจาน เพื่มอีกคน


โดย: Bernadette วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:21:03:27 น.  

 
บางทีความถูกต้องมันก็พร้อมกับความรับผิดชอบครับ
และบางทีคนทำผิดก็ไม่กลัวความถูกต้อง
เพราะรู้ว่าโทษของมันนั้นช่างน้อยนิดเหลือเกิน
ผมจึงชอบความถูกต้องด้วยวิธีผิดๆ
แบบ เดธ โน้ต
และแบบซูเปอร์ฮีโร่ด้านมืดทั้งหลาย
เพราะบางครั้งถ้าเรารอกฏหมายไปลงโทษพวกทำผิด
ตอนนั้นก็มีคนรับเคราะหืเพราะความชั่วของพวกนั้นเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณแล้วครับ



ปล.ขอบคุณที่ไปแนะนำหนังให้นะครับ กะจะหามาดูหลายครั้งล่ะครับ ไม่มีเวลาสักที


โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:21:04:51 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

trufa
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add trufa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.