LEAVES & ME
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
15 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 

Brokeback Mountain: ชีวิตไร้ค่า กับช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่


นาทีแรกที่ผมดูหนังเรื่องนี้ ผมบอกตัวเองทันทีเลยว่า "ไม่ชอบหนังเรื่องนี้เลย" ไม่ใช่ว่าหนังมันไม่ดีนะครับแต่ผมดูหนังแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก

มันเป็นหนังที่ดีครับ ผมไม่เถียง การแสดงนั้นต้องถือว่าสุดยอดไม่ว่าจะเป็น Heath Ledger, Jake Gyllenhaal หรือ ดาราจอมขโมยซีนอย่าง Michelle Williams เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักที่มีอุปสรรคก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ (แต่ผมก็ไม่ยักร้องไห้ทั้งที่เป็นคน sensitive) การเล่าเรื่องก็สมจริง แต่ละบทสนทนาก็ซ่อนความหมายกันละเอียดยิบ อีกทั้งฉากธรรมชาติที่สะท้อนสัญชาตญาณของมนุษย์ และฉากในเมืองที่แทนกรอบของสังคม ก็ถูกนำเสนอได้อย่างลงตัว

แต่ผมก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ชอบหนังเรื่องนี้...

แม้จะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมาตลอดทั้งวัน มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงหนังหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งไม่น่าจะโยงกันได้ทั้ง ข้างหลังภาพ Million Dollar Baby, Chariots of Fire, Titanic, Moulin Rouge ฯลฯ

Brokeback Mountain เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคาวบอยสองคนที่ขึ้นไปบน "ภูเขาหลังหัก???" และด้วยบรรยากาศและแอลกอฮอล์พาไปทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเกินเลยไปกว่าปกติ หลังจากนั้นพวกเขาก็ต่างไปมีชีวิตของตนเอง สร้างครอบครัวแต่พวกเขาก็ยังแอบคบหากันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งกระทบต่อชีวิตของพวกเขาและคนรอบข้าง...
หนังดำเนินเรื่องอย่างเนิบนาบ สมจริงราวกับชีวิตจริง ๆ อาจเป็นเพราะเหตุนี้กระมังที่ทำให้ผมไม่ค่อยชอบหนังเรื่องนี้ ยิ่งชีวิตของ Ennis (Heath Ledger) หลังจากเผชิญมรสุมชีวิตต่าง ๆ แล้ว ยิ่งรู้สึกว่าไม่เห็นมันจะมีอะไรเป็นแก่นสาร หรือเป็นชิ้นเป็นอันเลย

ผมไม่สามารถสลัดเรื่องนี้ออกจากหัวได้เสียที จึงที่สุดก็ต้องนั่งลงคิดใคร่ครวญอย่างจริงจัง ถึงเริ่มเข้าใจว่า เหตุการณ์ในเรื่องไม่ได้เนิบนาบเรื่อยเปื่อย แต่ชีวิตของตัวละครต่างหากที่เรื่อยเปี่อยไร้แก่นสาร เหมือนกับมีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ

และจริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้ไม่ชอบหนังเรื่องนี้หรอก แต่ผมกลัวการมีชีวิตแบบนี้ต่างหาก...

มันอาจเชยถ้าจะพูดว่า "ความฝันและความรัก ทำให้ชีวิตงดงาม" สี่วันใน The Bridges of Madison County ถึงเป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมค่า ฉากสุดท้ายของละครเวที ใน Moulin Rouge จึงเป็นเวลาที่ยิ่งใหญ่ แต่ปัญหาคือ เมื่อช่วงเวลาที่มีค่าเหล่านั้นผ่านไปแล้ว ชีวิตเราจะเป็นยังไงต่อไป
ใน Chariots of Fire มีฉากหนึ่งที่ที่นักกีฬาที่พึ่งได้เหรียญทองโอลิปิกเอ่ยถามโค้ทว่า "ชีวิตหลังจากได้เหรียญทองมันเป็นยังไง" โค้ทพุงพลุ้ยผู้เคยได้เหรียญทองเมื่อนานมาแล้วตอบว่า "ชีวิตของแกหลังจากนี้มันก็คงห่วยแตกไม่ต่างอะไรกับฉันตอนนี้ไงเล่า"

บางทีการพยายามลืมช่วงเวลาเหล่านั้นแบบนพพร หรือการตายไปเสียเลยแบบท่านหญิงกีรติในข้างหลังภาพ ซาตีนใน Moulin Rouge และMaggie ใน Million Dollar Baby อาจจะง่ายกว่า

แต่ลองนึกเอาเองแล้วกันว่า ชีวิตของ Frankie หรือปู่คลินส์ ใน Million Dollar baby จะเป็นยังไงต่อไป หรือชีวิตของ ครินเตียน (Moulin Rouge) เป็นยังไงหลังละครจบ

ผมเองก็อยากมีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าสุดท้ายเราต้องเก็บช่วงเวลาแห่งความทรงจำไว้ในตู้เสื้อผ้าและรอเวลาให้มันเสื่อมสลายไปพร้อมกับตัวเรา ผมว่ามันน่าเศร้ามากกว่าน่าประทับใจนะ...

แต่เชื่อผมเถอะครับว่า การใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ไม่มีความฝันไม่มีความรัก และไม่เคยมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่เลยต่างหาก ที่เป็นเรื่องน่าเศร้าของจริง




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2549
6 comments
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2549 17:35:05 น.
Counter : 1249 Pageviews.

 

มาเยี่ยมจ้ะ ยังไม่ได้อ่านหรอกนะ ยังไม่ได้ดูหนังเลย


สงสัยนิดนึง
lonly theater นี่มันอันเดียวกะ lonely รึเปล่า ?

 

โดย: pyg (jimkong ) 15 กุมภาพันธ์ 2549 17:55:47 น.  

 

พิมพ์ผิดอะครับ (แบบไม่เคยสังเกตเลย) ^_^"

งานนี้เลยเป็น โลนกันทั้งโรง...

 

โดย: ole IP: 202.28.180.130 16 กุมภาพันธ์ 2549 8:07:19 น.  

 

กลายเป็นโลนไปซะแล้ว 555

มีบทวิจารณ์ที่ผมคิดว่าน่าจะอธิบายตัวละครตัวนี้ได้ครับ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=yuttipung&group=1

 

โดย: yuttipung IP: 202.44.8.100 17 กุมภาพันธ์ 2549 20:44:46 น.  

 

ไม่แน่นะครับ
ชีวิตที่คุณกำลังบอกว่าไร้ค่าและไม่มีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้

คนที่คอยเอาแต่ใฝ่หาและสร้างช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ ผมเห็นแล้วสงสารเค้าแทนนะครับ เค้าอาจจะไม่ได้รับรู้ถึงควงมรู้สึกที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เค้าได้แต่ชื่นชมกับดวงดาวที่งดงามแต่จะไม่ได้พบกับท้องฟ้าที่ยิ่งใหญ่ ดวงดาวนั้นมีมาและก็หายไป แต่ท้องฟ้ายังคงอยู่ตรงนั้นเสมอ ในคนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่ได้มีความต้องการอะไร คนเหล่านี้กลับพบกับความรู้สึกบางอย่างที่คือท้องฟ้า มันเกิดขึ้นตลอดเวลา พวกเค้าไม่ได้ไปพยามทำอะไร เพราะสิ่งที่เป็นท้องฟ้านั้นมันมีอยู่แล้ว มันดีอยู่แล้ว เพียงแค่รอเวลาเราคุ้นพบมันเท่านั้น

 

โดย: ชอว์ IP: 125.26.119.32 18 มีนาคม 2551 12:59:01 น.  

 

อะไรอะ

 

โดย: tuch IP: 125.27.229.140 26 ตุลาคม 2552 21:58:41 น.  

 

อ่านแล้วได้มุมมองความเป็นจริงๆของชิวิตจริง ครับ

 

โดย: khun IP: 222.123.141.183 26 ตุลาคม 2553 13:35:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


trufa
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add trufa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.