Brokeback Mountain: ชีวิตไร้ค่า กับช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่
นาทีแรกที่ผมดูหนังเรื่องนี้ ผมบอกตัวเองทันทีเลยว่า "ไม่ชอบหนังเรื่องนี้เลย" ไม่ใช่ว่าหนังมันไม่ดีนะครับแต่ผมดูหนังแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก
มันเป็นหนังที่ดีครับ ผมไม่เถียง การแสดงนั้นต้องถือว่าสุดยอดไม่ว่าจะเป็น Heath Ledger, Jake Gyllenhaal หรือ ดาราจอมขโมยซีนอย่าง Michelle Williams เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักที่มีอุปสรรคก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ (แต่ผมก็ไม่ยักร้องไห้ทั้งที่เป็นคน sensitive) การเล่าเรื่องก็สมจริง แต่ละบทสนทนาก็ซ่อนความหมายกันละเอียดยิบ อีกทั้งฉากธรรมชาติที่สะท้อนสัญชาตญาณของมนุษย์ และฉากในเมืองที่แทนกรอบของสังคม ก็ถูกนำเสนอได้อย่างลงตัว
แต่ผมก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ชอบหนังเรื่องนี้...
แม้จะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมาตลอดทั้งวัน มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงหนังหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งไม่น่าจะโยงกันได้ทั้ง ข้างหลังภาพ Million Dollar Baby, Chariots of Fire, Titanic, Moulin Rouge ฯลฯ
Brokeback Mountain เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคาวบอยสองคนที่ขึ้นไปบน "ภูเขาหลังหัก???" และด้วยบรรยากาศและแอลกอฮอล์พาไปทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเกินเลยไปกว่าปกติ หลังจากนั้นพวกเขาก็ต่างไปมีชีวิตของตนเอง สร้างครอบครัวแต่พวกเขาก็ยังแอบคบหากันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งกระทบต่อชีวิตของพวกเขาและคนรอบข้าง... หนังดำเนินเรื่องอย่างเนิบนาบ สมจริงราวกับชีวิตจริง ๆ อาจเป็นเพราะเหตุนี้กระมังที่ทำให้ผมไม่ค่อยชอบหนังเรื่องนี้ ยิ่งชีวิตของ Ennis (Heath Ledger) หลังจากเผชิญมรสุมชีวิตต่าง ๆ แล้ว ยิ่งรู้สึกว่าไม่เห็นมันจะมีอะไรเป็นแก่นสาร หรือเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ผมไม่สามารถสลัดเรื่องนี้ออกจากหัวได้เสียที จึงที่สุดก็ต้องนั่งลงคิดใคร่ครวญอย่างจริงจัง ถึงเริ่มเข้าใจว่า เหตุการณ์ในเรื่องไม่ได้เนิบนาบเรื่อยเปื่อย แต่ชีวิตของตัวละครต่างหากที่เรื่อยเปี่อยไร้แก่นสาร เหมือนกับมีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ
และจริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้ไม่ชอบหนังเรื่องนี้หรอก แต่ผมกลัวการมีชีวิตแบบนี้ต่างหาก...
มันอาจเชยถ้าจะพูดว่า "ความฝันและความรัก ทำให้ชีวิตงดงาม" สี่วันใน The Bridges of Madison County ถึงเป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมค่า ฉากสุดท้ายของละครเวที ใน Moulin Rouge จึงเป็นเวลาที่ยิ่งใหญ่ แต่ปัญหาคือ เมื่อช่วงเวลาที่มีค่าเหล่านั้นผ่านไปแล้ว ชีวิตเราจะเป็นยังไงต่อไป ใน Chariots of Fire มีฉากหนึ่งที่ที่นักกีฬาที่พึ่งได้เหรียญทองโอลิปิกเอ่ยถามโค้ทว่า "ชีวิตหลังจากได้เหรียญทองมันเป็นยังไง" โค้ทพุงพลุ้ยผู้เคยได้เหรียญทองเมื่อนานมาแล้วตอบว่า "ชีวิตของแกหลังจากนี้มันก็คงห่วยแตกไม่ต่างอะไรกับฉันตอนนี้ไงเล่า"
บางทีการพยายามลืมช่วงเวลาเหล่านั้นแบบนพพร หรือการตายไปเสียเลยแบบท่านหญิงกีรติในข้างหลังภาพ ซาตีนใน Moulin Rouge และMaggie ใน Million Dollar Baby อาจจะง่ายกว่า
แต่ลองนึกเอาเองแล้วกันว่า ชีวิตของ Frankie หรือปู่คลินส์ ใน Million Dollar baby จะเป็นยังไงต่อไป หรือชีวิตของ ครินเตียน (Moulin Rouge) เป็นยังไงหลังละครจบ
ผมเองก็อยากมีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าสุดท้ายเราต้องเก็บช่วงเวลาแห่งความทรงจำไว้ในตู้เสื้อผ้าและรอเวลาให้มันเสื่อมสลายไปพร้อมกับตัวเรา ผมว่ามันน่าเศร้ามากกว่าน่าประทับใจนะ...
แต่เชื่อผมเถอะครับว่า การใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ไม่มีความฝันไม่มีความรัก และไม่เคยมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่เลยต่างหาก ที่เป็นเรื่องน่าเศร้าของจริง
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2549 |
|
6 comments |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2549 17:35:05 น. |
Counter : 1249 Pageviews. |
|
|
|
สงสัยนิดนึง
lonly theater นี่มันอันเดียวกะ lonely รึเปล่า ?