ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้
หยุดอยู่กับบ้านทั้งอาทิตย์เนี่ยไมได้ทำอะไรเลยมัวแต่นั่งหน้าคอมพ์ไม่เครื่องเล็กก็เครื่องใหญ่ทั้งวัน เพราะคิดที่จะเปลี่ยนสีบ้านใหม่ไม่ใช่ที่จะเป็นสีแดงหรือเหลืองอย่างที่เมืองไทยกำลังฮิตกันหรอกนะ เพียงแต่อยากให้มันเข้ากับฤดูกาลที่กำลังจะตามมาแต่มันก็ยังไม่ถูกใจซะที
อยากจะมีความสบายใจเมื่อเข้าบ้านตัวเอง ที่จริงหยุดอยู่กับบ้านเฉยๆมันก็ไม่ดีเท่าไรอารมณ์มันฟุ้งซ่านเอาเหมือนกัน เมื่อตอนเย็นแฟนโทรมาถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำอะไรทานหรือยัง
ก็ตอบว่านั่งอ่านหนังสือเพราะไปค้นในลังเจอหนังสือที่กำลังอยากจะหาอ่านแต่จะมานั่งหาอ่านในอินเทอร์เนตตลอดเวลามันก็ไมไหวและก็จำไม่ได้เช่นกันว่าตัวเองมีหนังสือพวกนี้อยู่เลยเอาออกมานั่งอ่าน (ที่จริงหนังสือยังมีอีกเยอะแต่ชั้นที่วางหนังสือมันเต็มไปหมดแล้ว ขืนเอาออกมาวางเต็มบ้านใครไปใครมาบ้านเดี๋ยวเขาจะนึกเป็นห้องสมุดไป ) ตอนนี้ไม่มีหมาเป็นเพื่อนเลยต้องหันมาหาหนังสือเพราะบางที่เราก็นอนดูมันหรือไม่มันก็นอนดูเราผลัดกันไป แต่อ่านหนังสือพวกนี้ทีไรมันเล่นนอนดูเราก่อนเสียทุกที เพราะสมองมันไม่ค่อยจะรับเสียแล้ว กับข้าวก็ทำไว้ตั้งแต่วันอังคารมันก็ยังไม่หมดซักทีเลย 2-3 วันมานี่แสนที่จะสบายไม่ต้องมานั่งทำกับข้าวทุกวัน ก็บอกกับแฟนว่าไม่ต้องห่วงเรื่องกินหากที่สวีเดนเกิดอะไรขึ้นมา แล้วทำให้ออกจากบ้านไม่ได้ ชั้นก็ไม่อดตายเพราะของแห้งของแช่แข็งอะไรก็เต็มไปหมดไม่ต้องไปจ่ายกับข้าว 3 เดือนก็ยังได้ ซึ่งเพ่อเจ้าประคุณก็รู้อยู่แก่ใจดีเพราะไปช่วยหิ้วทุกครั้งเวลาไปจ่ายกับข้าวของเต็มรถกลับบ้านทุกที ที่ทำไว้ก็แกงเผ็ด 1 หม้อที่เห็นนี่แหละ แล้วก็ความที่อยากจะทานอะไรเผ็ดๆ ก็เลยละเลงพริกป่นลงไปด้วย รับรองแกงหม้อนี้รสชาดไม่เหมือนใคร ครั้งหนึ่งแฟนเคยถามว่าถ้าอยากทานอะไรเผ็ดๆทำไมไม่เอาพริกขี้หนูใส่ปากเคี้ยวเลยล่ะ ไม่รู้ว่าเขาประชดให้หรือเปล่าเลยตอบไปว่ามันไม่อร่อยเพราะมันมีแต่รสเผ็ดอย่างเดียว
หลายปีมาแล้วช่วงหน้าหนาวที่อากาศข้างนอกลบ 15 องศา มีเพื่อนคนใต้มาเยี่ยมพร้อมทั้งเอาแกงเหลืองและแกงไตปลามาฝากด้วย ล่อกันซะพุงกาง ทั้งร้อนทั้งเผ็ดจนหุบปากไม่ลง มันร้อนเสียจนต้องเปิดประตูระเบียงออกไปเพื่อให้ความเย็นเข้ามา แต่เดี๋ยวนี่ทานเผ็ดไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อนเพราะท้องมันต้องครวญครางออกมาให้รู้
คิดว่าวันนี้คงจะได้ล้างหม้อซะที 2 วันทานกับข้าว อีก 2 วันทานกับสปาเก็ตตี้ พรุ่งนี้ค่อยคิดต่อว่าจะทำอะไรดี ถ้าความขี้เกียจมันมาเยี่ยมก็คงไม่พ้นที่จะต้องพึ่งมาม่าเพื่อนยามยากเหมือนกัน แต่คุณแม่เคยสั่งไว้ว่าอย่าทานบ่อยเพราะมันไม่ดีไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเนื่องจากเคยได้ยินข่าวในเมืองไทย เลยต้องปลอบใจคุณแม่ว่าไม่ต้องกลัวหรอกค่ะเพราะสลับกันไประหว่างไข่ต้มไข่เจียวไข่ดาวไปด้วย เรื่องไข่นี่เป็นของโปรดขาดบ้านไม่ได้เวลาอยู่ดึกๆหิวขึ้นมา ก็ได้ไข่นี่แหละเอามันมาทำ omlette ใส่ cheese ham เห็ด เหยาะ tabasco ลงไป แค่นี้ก็นั่งทำงานต่อได้อีกหลายชั่วโมง ถามว่าไม่กลัวมี high cholesterol บ้างรึไง ก็กลัวเหมือนกันนะแต่ตอนนี้เช็คร่างกายทุกปียังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยใจเย็นได้หน่อย
พูดถึงเรื่องอาหารที่กินกันทุกวัน พวกเราเป็นพวกที่โชคดีนะที่ยังมีโอกาสได้เลือกว่าอยากจะกินอะไร ลองนึกถึงคนที่ไม่มีอะไรจะให้เลือกและไม่มีอะไรจะให้กินนี่ ถ้าเป็นเราบ้างเราจะทำอย่างไร ในสวีเดนมีพวก Documentary film มาให้ดูทางทีวีอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องความยากจนและความไม่เจริญของประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในแถบอัฟริกาหรือละตินอเมริกา ในประเทศอัฟริกานี่ไม่เพียงแต่ที่จะมีปัญหากับความแห้งแล้งของประเทศแล้วแต่การคอรับชั่นก็ยังสูงอีก
การช่วยเหลือจากต่างประเทศไม่ค่อยจะได้ถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง แม้แต่น้ำก็ยังขาดแคลน เห็นรูปพวกนี้แล้วคงไม่มีใครที่จะอยากจะเกิดมาเป็นเช่นนี้หรอกเพียงแต่ขอภวานาให้ชาติหน้าถ้ามันมีจริงก็เกิดให้มันดีกว่านี้
เด็กพวกนี้ไม่มีอนาคต ไม่มีจะกิน ไม่ได้รับการศึกษา เพราะพวกเขาไม่มีหนทางให้เลือก เหนื่อยก็ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย อยู่ไปวันๆเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ไม่จำเป็นต้องกัดฟันต่อสู้เพราะไมรู้ว่าจะต่อสู้เพื่ออะไร ดูแล้วมันก็ไม่ผิดอะไรกลับหมากลางถนนบ้านเราหรอก มันต่างกันตรงที่ว่าเด็กพวกนี้ยังมีปากที่จะบอกให้ใครได้รู้ว่าเขาเจ็บปวดตรงไหนถ้ามีคนถาม เราเองก็บริจาคเงินช่วยเหลือไปเยอะเวลาที่มีรายการช่วยเหลือผ่านองค์กรต่างๆทางทีวี แต่ยิ่งบริจาคก็ดูเหมือนว่าคนจนก็มีเพิ่มขึ้นทั่วโลกทุกวัน
มนุษย์ถือว่าเป็นสัตว์ที่ประเสริฐและฉลาด พวกที่จะฉลาดเหนือกว่ามนุษย์คงจะเป็นพวก Aliens ละมั้งถ้ามันมีจริง การทำสงครามของมนุษย์ที่ฆ่ายิงแย่งชิงดินแดนมีมานับเป็นพันๆปี การต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่อมาเป็นอาหารก็คงเป็นสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดให้ แม้แต่สัตว์ก็ยังฆ่ากินกันเองเพื่อความอยู่รอด
เคยนึกสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมไม่มีมนุษย์ที่ถูกล่าแล้วฆ่ากันเองเพื่อเป็นอาหาร ทั้งๆที่มนุษย์ก็มีจนล้นโลกแล้ว ถ้าสัตว์ไม่มีหลงเหลือในโลกนี้แล้วมนุษย์จะกินอะไร คงจะกินอาหารมังสวิรัติกันทั้งโลก
เมื่อวานนี้ค้นหาเว็บไทยที่เกี่ยวกับมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ต่างๆในเมืองไทย ส่ง email ไป 2-3 ที่ เช็คดูเมื่อเช้านี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากใคร จนกระทั่งมาเจออีกเว็บหนึ่งชื่อว่าหมาหัวเน่า Mah Hua Nao Petdonation Web โดยบังเอิญ ซึ่งเจ้าของเว็บได้นำเอาชื่อและที่อยู่ของแหล่งช่วยเหลือสุนัขจรจัดและสุนัขที่ถูกทอดทิ้งจากเจ้าของที่ไม่มีความรักให้พวกเขาอีกแล้ว ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าของเว็บไซต์ ณ ที่นี้ด้วย
หลังจากที่อ่านดูก็เลือกโทรไปที่ เกาะสุนัข พุทธมณฑล ตามที่เจ้าของเว็บแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ไว้ให้ คุณตุ่นซึ่งเป็นผู้ดูแลหมารับโทรศัพท์ ก็ได้แต่บอกว่าเธอว่าต้องการช่วยเหลือเพราะทราบว่าต้องดูแลหมาที่ถูกละทิ้งมากมาย ถามว่ามีบัญชีธนาคารอะไร เธอก็บอกไม่มี แล้วก็ถามว่าอยู่ที่ไหน เธอก็บอกที่อยู่ว่าอยู่ที่พุทธมณทล สาย 4 ที่มีพระพุทธรูปองค์โตๆ ถ้าไปก็เห็นเอง เอาแหละซิไอ้เราก็ไม่เคยไปแล้วก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนเคยแต่นั่งรถผ่านและเห็นว่าถนนสายนั้นเขาเรียกว่าพุทธมณฑลก่อนที่จะเข้ากรุงเทพฯ
เลยต้องบอกว่าโทรจากต่างประเทศเพราะอยากจะช่วยเหลือบ้างเล็กๆน้อยๆเท่าที่พอจะช่วยได้ เธอเลยบอกว่ามีแต่บัญชีส่วนตัวของที่ธนาคารกรุงไทย ที่ไม่อยากบอกใครเพราะเดี๋ยวคนจะหาว่าเอาเงินเข้ากระเป๋า เราก็บอกว่าบอกมาเถอะเราไม่ไปล้วงเอาเงินออกจากบัญชีเธอหรอกน่า เธอก็หัวเราะแล้วก็ให้เลขที่บัญชี เราก็ถามต่อถึงที่อยู่ เธอก็บอกมาแต่สะกดไม่ถูกไอ้เราก็เขียนไม่ถูกอีกเลยบอกว่าเดี๋ยวหาทางอื่นดีกว่า เธอเล่าต่อให้ฟังอีกว่าเธอไม่ได้มีที่นี่ทีเดียว มีที่ตลิ่งชันอีกเพราะเธอต้องไปช่วยป้าคนใจบุญที่มีอาชีพเก็บเศษเหล็กขายแต่ไม่วายที่จะต้องรับเลี้ยงหมาจรจัดด้วย
พอวางหูเสร็จเช็คเงินในธนาคารที่เมืองไทยมีเงินอยู่นิดเดียว เพราะเงินโอนไปยังไม่เข้าคงเนื่องจากติดวันหยุดสงกรานต์หลายวันที่เมืองไทยเลยโทรไปบอกหลานชายว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีให้เพื่อให้เอาไปซื้อข้าวและอาหารให้หมาถ้าเผื่อมีเวลา หลานก็บอกว่าให้เงินไปดีกว่า เดี๋ยวจะขับรถไปเยี่ยมน้องหมาทั้งหลายให้ไม่วันเสาร์ก็อาทิตย์นี้เพื่อเขาจะได้มีเงินไว้รักษาหมายามเจ็บป่วยด้วย
หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่งโมงก็โทรกลับไปหาคุณตุ่นและก็บอกว่าจะให้หลานนำเงินไปมอบให้ ถ้าได้มีโอกาสกลับเมืองไทยเมื่อไรจะแวะไปหา เธอก็ขอบคุณเราและก็ให้ศีลให้พร เราก็บอกว่า เราต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอที่ช่วยต่อชีวิตให้กับหมาเหล่านั้น เธอพูดให้ฟังต่อว่าทุกวันนี้มีคนไปทำบุญที่วัดแล้วก็จะเอาหมาไปปล่อยให้เธออีกแต่เธอก็ไม่สามารถรับได้เพราะมันเริ่มเยอะแล้ว
คิดอยู่ในใจว่าถ้าคนมีปัญญาไปทำบุญแล้วก็ทำบาปไปในตัว มันจะได้บุญหรือทำไมพระท่านถึงไม่สั่งสอนหรือว่ากลัวจะไม่มีเงินเข้าวัด อย่างน้อยก็ให้เงินช่วยเหลือกับคนที่เขาจะรับเลี้ยงดูต่อไป
เราก็สอบถามว่ามีสัตวแพทย์มาทำหมันให้หมาตัวเมียหรือเปล่า เธอก็บอกว่ามีแต่ยังไม่หมดทุกตัว มิหนำซ้ำเมื่อไม่นานมานี้มีคนจะเอาหมามาปล่อยให้เธออีกเธอก็ตอบว่ารับไม่ไหวแล้ว เธอถามกลับไปว่าเพราะอะไรถึงเลี้ยงไม่ได้ รู้ว่าเลี้ยงไม่ได้แล้วเอาหมาไปเลี้ยงทำไม คำตอบก็ออกมาว่าเพราะลูกชายเพิ่งออกรถป้ายแดงแล้วถอยรถทับมันขาหักเลยไม่อยากเลี้ยงเพราะไม่มีเวลา แต่แล้วเธอก็เห็นคนคนนั้นเอาหมาไปปล่อยไว้ข้างนอก และในที่สุดเธอก็ต้องไปเก็บเอามาเลี้ยงเอง เราได้ฟังเพียงแค่นี้ก็ต้องขอตัวเพราะไม่อยากฟังต่อและบอกคุณตุ่นว่าจะโทรไปคุยด้วยใหม่
มานั่งนึกดูว่าทำไมคนที่ไม่ค่อยจะมีกินเขายังมีน้ำใจกรุณาต่อสัตว์ แต่ไอ้คนทีมีอันจะกินทำไมจิตใจถึงต่ำทรามขนาดนี้ อยากจะไปเจอหน้าไอ้คนพวกนี้จังเลย อะไรทำให้สังคมไทยเปลื่ยนแปลงได้ขนาดนี้ อะไรทำให้จิตใจคนต่ำลงเป็นเพราะว่าไม่มีจะกินหรือมีกินมากเกินไป
แต่ก็ช่างเถอะคิดเสียว่ามนุษยก็เป็นสัตว์โลกชนิดหนึ่ง ธรรมชาติสร้างให้มีมนุษย์เหมือนสัตว์อื่นทั้งหลาย เกิดมาแล้วก็ต้องตาย ถ้ามีตายน้อยมากกว่าเกิดธรรมชาติก็ต้องบันดาลให้เกิดเหตุอะไรสักอย่างไม่ว่าจะเป็นสงครามหรือวิบัติภัยทางธรรมชาติ เราคิดว่าเราทำได้แค่นี้ก็สบายใจแล้ว
คงต้องขอพักผ่อนจิตใจสักระยะเพราะหมดทั้งแรงและกำลังใจที่จะเขียนเรื่องอื่นต่อแล้วค่ะ
Create Date : 18 เมษายน 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 18 เมษายน 2552 20:34:45 น. |
Counter : 411 Pageviews. |
|
|
|
คุณ Mellitus ใจดีมากมากเลย ที่ช่วยคนที่ดูแลสุนัขจรจัด ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ยังไงก็อย่าไปเครียดมากนะคะ รักษาตัวด้วย นึกซะว่า 'สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม'
พอหายเซ็งเมื่อไหร่ ก็มาอัพเดทบล็อกด้วยนะคะ