แสงสว่างในความมืด
โล่งใจเมื่อสถานการณ์ในเมืองไทยคลี่คลายไปด้วยดี คืนนี้ก็อยู่กับความมืดที่มีแต่แสงเทียนเป็นแสงสว่างอยู่ในบ้านเหมือนเคย บอกกับคุณ Mermaid AI ว่าจะสวดพระชัยมงคลคาถาเพื่อประเทศไทยและคนไทยทั่วประเทศถึงแม้เหตุการณ์จะสงบเงียบลงแล้วก็ทำให้แล้วค่ะ ถึงแม้จะอ่านถูกบ้างผิดบ้างเพราะความไม่เคยชินแต่อะไรก็ตามที่ทำจากใจ มันก็เป็นผลดีกับตัวเองเหมือนกัน ขอบคุณค่ะคุณ Mermaid AI เหตุการณ์ที่ผ่านมามันคงไม่หยุดอยู่แต่เพียงแค่นี่หรอก นี่มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของปี 2009 ที่คนไทยถูกจูงไปในทางที่ผิด หากรัฐบาลไม่เริ่มหาวิธีการที่จะให้การดำเนินวิถีชีวิตของประชาชนเป็นในแบบเท่าเทียมกัน รัฐบาลไหนก็อยู่ไม่ได้ ประเทศไทยเผชิญกับปัญหานี้มานานแต่ทำไมแก้ไขไม่ได้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด ไม่ใช่ว่าคนไทยโง่ แต่การใช้ความคิดของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เพราะเราเองก็เป็นคนไทยแต่อาจจะมีความคิดที่แตกต่างไปจากคนอื่น ที่สำคัญคือเนื่องจากข้อมูลข่าวสารไปไม่ถึงประชากรทั่วประเทศ ความเจริญและวิวัฒนาการทางด้านการสื่อสารและเทคโนโลยี่ที่คนไทยพยายามตามให้ทันฝรั่งมันก็มีเฉพาะแต่ในกรุงเทพฯ เสียส่วนใหญ่ พออินเทอร์เนทเริ่มเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยกลับกลายเป็นว่าเด็กไทยเข้าดูเว็ปโป๊ซะนี้ แทนที่จะหาข่าวสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพราะอะไร ยกตัวอย่างเช่น คนที่นี่หมายถึงคนสวีดิชชอบนอนอาบแดดในที่สาธารณะมีเพียงแค่กางเกงในตัวเดียวไม่เห็นมีใครกลัวว่าจะโดนข่มขืน ทุกคนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมันเห็นอยู่เป็นประจำในฤดูร้อนของที่นี่ ลูกเต้าเขาก็เห็นพ่อแม่ของเขานอนแก้ผ้าอาบแดดอยู่ที่บ้านเหมือนกัน ข่าวข่มขืนที่เกิดในหน้าหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่เกิดจากคนต่างชาติแทบทั้งนั้น กลับมาเรื่องเมืองไทยบ้าง บางจังหวัดที่มี สส เป็นนักการเมืองที่ได้นั่งอยู่ในรัฐบาลก็ทำความเจริญให้แก่จังหวัดตนเท่านั้น พูดง่ายๆว่าเงินภาษีของประชาชนถูกรัฐบาลจัดจ่ายไปไม่ทั่วถึงขึ้นอยู่ว่า สส ผู้นั้นมีความตั้งใจที่จะพัฒนาจังหวัดของตนแค่ไหน เงินคืออำนาจในเมืองไทย มีเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ เงินซื้อได้ทุกอย่างแม้แต่ชีวิตคน คนที่ไม่มีก็พยายามทำให้มีไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งเพื่อจะได้ออกมาเชิดหน้าชูตาในสังคมเพื่อให้มีคนกราบไหว้ การเคารพนบนอบผู้หลักผู้ใหญ่ถือเป็นประเพณีที่ดีงามของไทย แต่ไอ้พวกนักการเมืองที่ขวนขวายหาผลประโยชน์ใส่ตัวและพวกพ้อง จะไปไหว้ให้เสียเวลาทำไม ก่อนจะมานั่งเขียนเนี่ยก็นั่งมองเทียนปล่อยความคิดให้กระเจิดกระเจิงกับความเงียบถามตัวเองและตอบตัวเองไปพร้อมๆกันกับทุกๆเรื่องที่สงสัยแต่ก็ไม่ได้อย่างที่ใจคิดไปหมดทุกเรื่อง พยายามหลายครั้งที่จะ meditate แต่ทุกครั้งก็จบลงด้วยหน้าแทบจะกระแทกอะไรบางอย่างนี่เขาเรียกว่ายังคุมสติให้อยู่กับที่ไมได้ เราเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงไม่ชอบให้ใครมาบอกว่าจะต้องทำอย่างไรเพราะชอบที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้ามันเกิดผิดพลาดก็ถือว่าเป็นบทเรียนและเป็นการเรียนรู้ ไม่ชอบที่จะเอากรอบมาครอบตัวเองเพราะชอบหาข้อเท็จจริงถ้าเมื่ออยากจะเอาขาข้างหนึ่งออกไปนอกกรอบแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ในต่างประเทศมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ถ้าเมืองไทยมันก็ไมแน่ เพิ่งจะมารู้ตัวเอาตอนแก่นี่แหละว่าทุกแต่ละวินาทีในชีวิตมันมีค่าเหลือเกิน อยากทำอะไรก็ทำไปถ้าสิ่งที่ทำไปแล้วไม่ทำความเดือดร้อนให้กับคนใกล้ชิดและคนที่อยู่รอบข้าง อยากให้โลกนี้สุดสวยเหมือนกับที่เราเคยตั้งความหวัง อยากให้คนเลิกเสแสร้ง อยากให้สัตว์และมนุษย์อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข นี่เป็นแต่เพียงความฝันที่อยากให้มันเป็นจริง ตอนนี้อยากจะเรียนรู้เรื่องศาสนาอิสลามว่าคนของเขาคิดอย่างไรกับศาสนาอื่นแล้วทำไมไอ้เหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นในโลกต้องเกิดขึ้นกับประเทศเหล่านี้พวกเขาต้องการอะไร มีอะไรที่เขาคิดต่างออกไปจากเราหรือไม่ จำกันได้หรือเปล่าที่เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่คนกลุ่มหนึ่งทำลายพระพุทธรูปองค์โตในปากีสถานเมื่อปี 2001 ยังแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่มีพุทธศาสนาประเทศใดประท้วง ปล่อยให้เลยตามเลยแล้วก็ลืมกันไป แล้วก็ไม่มีประเทศอิสลามประเทศไหนออกมาประณาม แต่เมื่อมีนักหนังสือพิมพ์ชาวเดนมาร์กเขียนการ์ตูนล้อเลียนพระเจ้าของเขา ชาวอิสลามทั่วโลกกับลุกฮือขึ้นมาประท้วงแทบจะเป็นสงครามกลางเมืองในเดนมาร์ค และนี่แหละคือความสงสัยที่เราอยากค้นหา มนุษย์ทุกคนมีจิตและวิญญาณเหมือนกันทั้งนั้นตั้งแต่แรกเกิด Sin, Guilt, Heven and Hell เด็กแรกเกิดไม่รุ้ว่ามันคืออะไร และเมื่อไรล่ะที่เขาจะเริ่มรู้ใครเป็นผู้กำหนดเวลาก็พ่อแม่เป็นผู้ที่ให้ความรู้เบื้องต้นให้ความเชื่อถือที่สั่งสอนกันมา ความรู้ความเชื่อถือของแต่ละคนก็แปลความหมายแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการวิเคราะห์ของแต่ละบุคคล อยู่เมืองไทยครั้งสุดท้ายได้เจอเพื่อนที่ไม่เคยได้เจอมา 40 กว่าปีไม่เคยมีใครเชื่อว่านี่หรือคือเราในสมัยนั้น ถามว่าทำไมเราถึงเปลี่ยนไปเยอะไม่ใช่รูปร่างหน้าตาแต่ความรู้สึกนึกคิดของเรา เราก็เลยตอบว่าเราก็คือสัตว์โลกตัวหนึ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามประสบการณ์และวิถีชีวิตที่นำไป จะให้เราเรียบร้อยเหมือนสมัยเมื่อเป็นเด็กที่อยู่ในความดูแลของพ่อแม่ไม่ได้ เพราะอยู่ต่างประเทศเราไม่มีพ่อแม่เพื่อคุ้มครองปกป้องเรา ความเรียบร้อยที่ถูกสอนมาไม่ให้มีการโต้เถียงให้มีสัมมาคารวะมันใช้ไม่ได้ในต่างประเทศ ไม่มีใครเขามานั่งเดาใจคุณถ้าคุณไม่พูดออกมา ชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ต้องพูดต้องแสดงออกให้รู้ เหมือนกับคนไทยที่ต้องการแสดงออกให้รัฐบาลรู้ว่าตนต้องการอะไรภายใต้กฏหมายในระบอบประชาธิปไตย การมีสัมมาคารวะเราก็ยังมีอยู่กับคนเฒ่าคนแก่ที่เราให้ความเคารพนับถือแต่มันต่างกับคำว่า respect ที่เราสามารถให้ได้แม้แต่เด็กที่อายุน้อยกว่าถ้าเขามีภูมิปัญญาและสติปัญญาที่เหนือกว่าเรา เราอยู่ด้วยตัวคนเดียวมานานต้องตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเองไม่ว่ามันจะผิดหรือถูกและต้องยอมรับกับผลที่ตามมาในสิ่งที่เราตัดสินใจทำลงไป อธิบายมากไปเพื่อนก็ได้แต่พยักหน้าแต่ไม่มีคอมเมนท์เพราะเพื่อนก็เป็นอาจารย์สอนหนังสือที่ต้องอยู่ในกรอบของสังคมไทยเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของนักเรียนต่อไปในต่างจังหวัด มานึกได้ตอนนี้ว่าลืมถามเพื่อนไปถึงการเป็นอาจารย์ว่าถ้ามีนักเรียนคนไหนมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไปจากที่เพื่อนสอนแล้วเพื่อนจะตอบว่าอย่างไรคราวหน้าถ้าได้มีโอกาสกลับเมืองไทยคงจะได้ถามว่าเพื่อนมีหลักจิตวิทยาอย่างไรในการสอนเหมือนกัน พล่ามมานานเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องงานให้รกในหัวสมองเนื่องจากหยุดอยู่กับบ้านเฉยๆ ตามวันหยุดในเมืองไทย ทราบเหมือนกันว่าข้าราชการได้หยุดทั้งอาทิตย์เหมือนกัน พักผ่อนให้เต็มที่นะคะจะได้มีแรงไปทำงานในวันจันทร์หน้า
Create Date : 15 เมษายน 2552
3 comments
Last Update : 17 เมษายน 2552 20:41:04 น.
Counter : 505 Pageviews.
โดย: gluhp 15 เมษายน 2552 11:07:02 น.
Location :
กาญจนบุรี Sweden
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [? ]
ขอปรับปรุงข้อมูลของตัวเองซักหน่อยเอาเป็นว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสวีเดนมานานพอสมควรและชอบกับระบบและวัฒนธรรมของสวีเดนจึงทำให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ดีทีเดียว เป็นคนเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรีแต่มาแก่อยู่ที่กรุงสต๊อกโฮล์ม อายุเริ่มมากแล้วแต่จิตใจยังวัยรุ่นอยู่เพราะไม่มีเวลาที่จะมากังวลเรื่องความแก่ ถ้าคิดว่าตัวเองแก่มันก็แก่อย่างที่คิด กำลังคิดที่จะเขียนประวัติย่อๆของตัวเองเพราะมีน้องคนหนึ่งเขียนถามมา ที่จริงไม่ค่อยอยากจะเปิดเผยเท่าไร เพราะชีวิตจริงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นแต่อาจจะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย เพราะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งที่ทำงานและในยามว่าง ไม่ค่อยมีคนไทยเป็นเพื่อนเนื่องจากเป็นคนตรงและปากเสีย เลยคนส่วนใหญ่ไม่อยากจะคบ ไม่เคยเกรงกลัวคนประเภทโอ่ๆทั้งหลาย เคยทำงานที่ Office of Commercial Affairs มาก่อน (เดี๋ยวนี่คงจะไม่มีแล้วในสวีเดน ไม่ทราบเหมือนกัน) เจอประเภทพวกใหญ่ๆโตๆทั้งหลายที่มาสวีเดนมาแล้วทำตัวเหมือนเจ้าแล้วมองคนอื่นเหมือนทาส เลยเบื่อและออกห่างจากสังคมไทยมานานเกือบ 20 ปีแล้วเนื่องจากเห็นมาเยอะ เกลียดคนที่ชอบเลียก้นนักการเมืองและผู้ที่มีอิทธิพลทั้งหลาย วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยไม่เคยลืมแต่จะใช้และแสดงออกก็ต่อเมื่อฝ่ายตรงข้ามสมควรที่จะได้รับ
1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
แต่
!
!
!
!
คิดไม่ออก