ทำอย่างไรถึงจะให้คนเข้าใจสัตว์มากขึ้น
ไม่ได้เขียนเรื่องคนกับสัตว์มานานมัวแต่ไปกังวลเรื่องของคนมากเกินไปเลยทำให้สมองเครียดจิตใจว้าวุ่นอยู่บ่อยๆ อย่างนี้ทางศาสนาพุทธเขาเรียกว่ายังมีบาปอยู่ใช่รึเปล่าที่ยังไม่สามารถทำใจให้สงบได้เพราะสองตามันยังมองเห็นสิ่งรอบๆข้าง ได้อ่านข่าวได้เห็นความไม่ยุติธรรมในสังคมของมนุษย์และสัตว์ในโลกนี้ ที่จริงก็อยากทำตัวแบบคนพิการหูหนวกตาบอดเหมือนกันแต่ก็ทำไม่ได้สักที เมื่อสองวันก่อนได้อ่าน blog ของน้องคนหนึ่งที่เขียนถึงรุ่นพี่ที่ทำงานถึงสาเหตุที่ไปทำงานสายเพราะมัวไปช่วยลูกหมาตกน้ำที่ร้องโหยหวนแต่ไม่มีใครสนใจที่จะช่วย เท่าที่อ่านพอจะจำได้คร่าวๆว่าน้องคนนั้นต้องนั่งรถไฟเข้าไปทำงานในกรุงเทพๆ และช่วงที่รอรถไฟก็ได้ยินเสียงลูกหมาร้องแต่ก็มองไม่เห็นว่าเสียงนั้นมาจากไหน คนที่เดินผ่านไปมาก็ไม่สนใจที่จะค้นหาแต่ในที่สุดเธอก็มองหาจนเจอว่าลูกหมานั้นอยู่ในน้ำและคงจะติดอยู่กับอะไรสักอย่างหนึ่งและก็เป็นเวลาเดียวกับที่รถไฟมา การตัดสินใจอย่างที่เธอทำอาจจะไม่ง่ายสำหรับคนหลายล้านคนในโลกนี้ แต่เธอก็ได้ตัดสินใจลงไปในน้ำเพื่อช่วยลูกหมาตัวนั้นและไม่มีใครสักคนที่สถานีรถไฟแม้แต่บนรถไฟช่วยเธอในขณะที่อยู่ในสภาพที่เปียกปอนไม่มีใครสนใจลูกหมาตัวนั้นและไม่มีใครสนใจเธอด้วย ในที่สุดเธอก็ต้องนั่งรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างนำลูกหมาตัวนั้นกลับไปบ้านและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะต้องเดินทางไปทำงานต่อไป เข้าไปเขียนคอมเมนต์แต่ก็ลืมดูชื่อของเจ้าของ blog เลยจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอยากให้คนไทยลดความเห็นแก่ตัวลงบ้าง และเติมความมีเมตตากรุณากับมนุษย์และสัตว์ในจิตใจของตัวเองบ้างคงจะทำให้ เมืองไทยน่าอยู่ขึ้นอีกหลายร้อยเท่า อย่าเอาวัตถุนิยมหรือทุนนิยมมาต้้งไว้บนหิ้งบูชาเลยเพราะมันทำให้สามัญสำนึกเสื่อมถอยลงไป ในช่วง 2-3 เดือนมานี่ได้อ่านแต่ข่าวถึงเรื่องคนที่ทำทารุณกรรมกับสัตว์แม้แต่ในสวีเดนก็ตาม สื่อของสวีเดนมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วทั้งหนังสือพิมพ์และทางโทรทัศน์ที่ออกข่าวทำให้ต้องมีการตรวจสอบคือเรื่องการเลี้ยงดูฟาร์มตัวมิงค์ที่เจ้าของปล่อยปละละเลยให้สัตว์อดอยากถึงขนาดที่กัดกินกันเองและไม่ทำความสะอาดในกรงที่อยู่ กลุ่มพวกที่รักษาสิทธิของสัตว์ถึงกับลักปล่อยตัวมิงค์มาหลายฟาร์มแล้วเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เจ้าของฟาร์มก็มักจะไม่ค่อยได้เดือดร้อนกันเท่าไรเพราะว่ามีประกันกันทั้งนั้นแต่บางแห่งก็ถูกสั่งปิดกิจการกันเลย บางคนอาจจะได้อ่านเจอเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องสวนสัตว์และคณะแสดงละครสัตว์ในประเทศจีนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเมื่อประมาณวันที่ 9-10 สิงหาคมที่ MSN News, Bangkok Post, The Mirrror และ The Telegraph ของประเทศอังกฤษ, The Washington Post, ITN, Sky News ,CNN และหนังสือพิมพ์ของสวีเดนได้ออกข่าวพร้อมกันทั่วโลกเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์ของคณะแสดงละครสัตว์ของจีนที่แสดงให้เห็นว่าตนสามารถ control สัตว์ป่าเหล่านั้นได้ ดูใน youtube แล้วหดหู่ใจมากอาการสังเวชก็ตามมา วัฒนธรรมและประเพณีของจีนที่สร้างขึ้นมาเป็นเวลานับพันพันปีกลับมาแสดงออกให้ชาวโลกเห็นว่าความคิดและจิตใจที่มีต่อสัตว์นั้นยังโหดเหี้ยมเหมือนเวลาพันพันปีที่ผ่านไปหรืออาจจะมีมากกว่าเดิมเสียอีก รู้สึกว่าประเทศต่างๆในโลกนี้หาความเจริญเข้าสู่ของประเทศของตนด้วยการก่อสร้างตึกสูงระฟ้า แต่จิตใจไม่ได้สูงตามตึกเหล่านั้นไปด้วย ประเทศจีนมุ่งมั่นที่จะต้องการนำประเทศไปสู่ความเป็นผู้นำของโลกในทางไหน ก็คือทางวัตถุ การลอกเลียนแบบ และทางเศรษฐกิจ อย่าลืมว่าสิทธิมนุษยธรรมในสังคมประเทศจีนยังหลอกตาชาวโลกอยู่แต่ทำไมคนของเขาจึงเชื่อฟังผู้นำของประเทศได้ดีนัก เพราะระบบคอมมิวนิสต์มันยังฝังลึกอยู่ในจิตใจของพวกเขาอยู่น่ะ แต่ปัญหาก็จะต้องมีตามมาเมื่อประชาชน 1000 กว่าล้านคนได้เปิดหูเปิดตาเห็นโลกกว้างภายนอกและจีนได้เปิดประเทศให้ต่างชาติได้เข้าไปลงทุนมากขึ้น เสรีภาพคือสิ่งที่ทุกคนต้องการแต่ต้องอยู่ภายใต้กฏหมายของประเทศนั้น จีนกับไทยยังเหมือนกันอยู่ที่สื่อยังไม่กล้าพอที่จะจับผิดและวิจารณ์รัฐบาลเพราะเดี๋ยวถูกปิด การคอรับชั่นและอำนาจยังเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ในประเทศทางเอเซีย เงินเท่านั้นที่ซื้อชีวิตคนได้ เงินและอำนาจที่ทำให้คนก้มลงกราบแทบเท้าคนอื่น การก้มหัวและสิบนิ้วพนมมือให้กับใครขอให้ทำจากใจจริงอย่าเสแสร้งเพราะตัวเองก็รู้อยู่กับตัวเองแล้ว เกิดมาเป็นคนอย่าหลอกตัวเองและหลอกผู้อื่นเป็นอันขาด อีกเรื่องหนึ่งที่ได้อ่านเรื่องที่เกี่ยวกับวัดถ้ำเสือที่เมืองกาญจน์ที่มันกลายเป็นธุรกิจหาเงินที่ทำรายได้มหาศาลเข้าวัด เคยไปครั้งเดียวเมื่อ 3 ปีที่แล้วเพราะความเป็นคนที่รักสัตว์เคยฝันที่อยากจะเห็นสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิดอยากจะเข้าไปลูบคลำและกอดให้เหมือนกับกอดสุนัข แต่เดี๋ยวนี้ความคิดนั้นเปลี่ยนไปเมื่อได้เขียนเรื่อง Christian the Lion การที่ต้องการจะอนุรักษ์สัตว์ป่าจะต้องไม่ทำเหมือนกับวัดถ้ำเสือดังที่นโยบายของวัดที่ออกมาตั้งแต่เริ่มต้น ทุกวันนี้แม้แต่ใน Travel Forum ของสวีเดนที่แนะนำการเรื่องการท่องเที่ยวในเมืองไทยก็มีการแสดงความคิดเห็นและพยายามรณรงค์ไม่ให้ไปเที่ยวที่นั่นอีกเพราะเขาบอกว่ามีเงินไปเที่ยวเมืองไทยได้ถ้าอยากเห็นสัตว์ป่าก็ให้ไปอัฟริกาเพื่อจะได้เห็นความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าที่แท้จริงที่ไม่ได้อยู่ในที่กักกันและถูกลามโซ่ องค์กร Care For The Wild International ของอังกฤษได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเลยนำเอาส่วนที่เป็นภาษาไทยมาให้อ่านเป็น pdf file กดลิ้งค์ที่นี่ค่ะ คำถามและคำตอบที่องค์กรต้องยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ อ่านได้ที่นี่ค่ะ ( ผู้ที่ใช้ Firefox ดูเหมือนจะเปิดอ่าน link Questions & Answers ไม่ได้ค่ะไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดแก้ไขไม่เป็นค่ะ ) ทำไมคนเราบุกรุกในสิทธิและเสรีภาพของคนด้วยกันยังไม่เพียงพอยังต้องไปบุกรุกสิทธิของสัตว์อีก ทำไมไม่ปล่อยให้สัตว์ป่าทั้งหลายอยู่อย่างอิสระกับธรรมชาติที่สร้างขึ้นมาให้ การอนุรักษ์สัตว์ป่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องทำเพราะมันเหลือน้อยเต็มทีแล้วในโลกนี้แต่ก็ควรจะทำให้มันถูกต้องไม่ได้ให้เอามาเป็นสิ่งสังเวยอารมณ์และเพื่อความหรรษาของคน การดูแลสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ป่าผู้ดูแลจะต้องมีความรู้ในพฤติกรรมของสัตว์ไม่ใช่เอาพระหรือชาวบ้านที่ไม่เคยเรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์มาก่อนไปดูแลเพื่อจะให้โลกได้รู้ว่าความเมตตาปราณีของชาวพุทธสามารถแก้ไขปัญหาของสัตว์ทั้งปวงได้ จะเห็นได้ว่าคนนั้นเอาศาสนามาเป็นเครื่องมือไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม คนเอาไปแปลและใช้กันในทางที่ผิดโลกของเรามันถึงได้ปั่นป่วนกันทุกวันนี้ อย่าลืมว่าสมัยนี้คนเราก่อนจะมีลูกหรือมีแล้วก็ตามก็ยังต้องศึกษาและหาความรู้ใส่ตัวเพื่อที่เรียนรู้พฤติกรรมของลูกและเด็กที่กำลังเติบโตว่าพฤติกรรมต่างๆของเด็กทั้งหลายที่แสดงออกจะส่อไปในทางใด องค์กรต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของวัดถ้ำเสือนี้ก็คือ: American College of Traditional Chinese Medicine, AMUR, Animal Welfare Institute, Animals Asia Foundation, Association of Zoos & Aquariums, Big Cat Rescue, Born Free Foundation, Born Free USA, British and Irish Association of Zoos & Aquariums, Care for the Wild International, Conservation International, Council of Colleges of Acupuncture and Oriental Medicine, David Shepherd Wildlife Foundation, Education for Nature − Vietnam, Environmental Investigation Agency, Global Tiger Patrol, Humane Society International, Humane Society of the United States, International Fund for Animal Welfare, International Trust for Nature Conservation, PeunPa, Phoenix Fund, Save The Tiger Fund, Species Survival Network, The Fund For The Tiger, Tigris Foundation, Tour Operators for Tigers, TRAFFIC, 21st Century Tiger, WildAid, Wildlife Alliance, Wildlife Conservation Nepal, Wildlife Trust of India, Wildlife Watch Group, World Association of Zoos & Aquariums, World Society for the Protection of Animals, World Wildlife Fund (WWF), Zoological Society of London เมื่อวานนี้ได้ดูหนังเรื่องหนึ่งทางทีวีของสวีเดนที่มีชื่อว่า Instinct ออกมาตั้งแต่ปี 1999 นำแสดงโดย Anthony Hopkins, Cuba Gooding Jr และ Donald Sutherland ดูครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วแต่ไม่เคยได้อัดเอาไว้เพราะเครื่องเล่น DVD มันเสียและยังไม่มีปัญญาที่จะเอาไปซ่อมหรือซื้อใหม่ หากใครที่ยังไม่เคยดูขอแนะนำให้ไปหาดูค่ะ ดูแล้วต้องคิดและวิเคราะห์ว่าทำไมที่คนและสัตว์แสดงออกถึงอาการก้าวร้าวและความรุนแรงเป็นเพราะสาเหตุใด หนังเรื่องนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงสังคมของคนและสัตว์ที่ดูเหมือนจะมีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันต่างกันที่ว่าสัตว์ไม่สามารถที่จะบอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาได้ นอกเสียจากคนที่เข้าใจพวกเขาเท่านั้นที่จะอธิบายได้ มีหลายคนบอกว่าหนังเรื่องนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับเรื่อง Avatar ที่เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์และความเข้าใจของคนกับสิ่งมีชีวิตสิ่งอื่น ยังไม่ได้ดูค่ะเรื่องนี้เลยเขียนเปรียบเทียบให้อ่านไม่ได้ ขอเอา trailer เรื่อง Instinct ที่หาได้ใน youtube มาให้ดูกันและขอให้ทุกคนที่ได้แวะเข้ามาอ่านคิดและคำนึงว่าสิ่งที่มีชีวิตในโลกนี้มีค่าและมีสิทธิเท่าเทียมกับคนทุกคนในโลกนี้หากคนมีความรักกับชีวิตของตัวเอง สัตว์ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันค่ะ
Create Date : 02 ตุลาคม 2553
Last Update : 2 ตุลาคม 2553 3:08:28 น.
9 comments
Counter : 1439 Pageviews.
โดย: หน่อย -ตั้ม (tumauto ) วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:0:26:55 น.
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:6:58:29 น.
โดย: athena_b วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:18:14:30 น.
โดย: nokiki28 วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:22:34:56 น.
โดย: pinkyrose วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:22:46:20 น.
Location :
กาญจนบุรี Sweden
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [? ]
ขอปรับปรุงข้อมูลของตัวเองซักหน่อยเอาเป็นว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสวีเดนมานานพอสมควรและชอบกับระบบและวัฒนธรรมของสวีเดนจึงทำให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ดีทีเดียว เป็นคนเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรีแต่มาแก่อยู่ที่กรุงสต๊อกโฮล์ม อายุเริ่มมากแล้วแต่จิตใจยังวัยรุ่นอยู่เพราะไม่มีเวลาที่จะมากังวลเรื่องความแก่ ถ้าคิดว่าตัวเองแก่มันก็แก่อย่างที่คิด กำลังคิดที่จะเขียนประวัติย่อๆของตัวเองเพราะมีน้องคนหนึ่งเขียนถามมา ที่จริงไม่ค่อยอยากจะเปิดเผยเท่าไร เพราะชีวิตจริงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นแต่อาจจะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย เพราะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งที่ทำงานและในยามว่าง ไม่ค่อยมีคนไทยเป็นเพื่อนเนื่องจากเป็นคนตรงและปากเสีย เลยคนส่วนใหญ่ไม่อยากจะคบ ไม่เคยเกรงกลัวคนประเภทโอ่ๆทั้งหลาย เคยทำงานที่ Office of Commercial Affairs มาก่อน (เดี๋ยวนี่คงจะไม่มีแล้วในสวีเดน ไม่ทราบเหมือนกัน) เจอประเภทพวกใหญ่ๆโตๆทั้งหลายที่มาสวีเดนมาแล้วทำตัวเหมือนเจ้าแล้วมองคนอื่นเหมือนทาส เลยเบื่อและออกห่างจากสังคมไทยมานานเกือบ 20 ปีแล้วเนื่องจากเห็นมาเยอะ เกลียดคนที่ชอบเลียก้นนักการเมืองและผู้ที่มีอิทธิพลทั้งหลาย วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยไม่เคยลืมแต่จะใช้และแสดงออกก็ต่อเมื่อฝ่ายตรงข้ามสมควรที่จะได้รับ
1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
31
เห็นด้วยทุกประการขอรับ