เมื่อไรสัตว์โลกจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสักที


Why are we cruel to other animals ?


บอกล่วงหน้าก่อนค่ะว่าที่เขียนวันนี้มันค่อนข้างยาวมากๆ และอาจจะไร้สาระสำหรับคนบางคน เพราะแค่เรื่องในเมืองไทยที่มันล้อมรอบตัวอยู่ทุกวันมันก็ปวดหัวพอแรงอยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาคิดเรื่องอื่นอีก เพื่อไม่ไห้อาการไมเกรนมันกำเริบจึงขอแนะนำให้ปิดได้เลยค่ะเพราะจะได้ไม่ต้องเสียความรู้สืกและเสียเวลามานั่งอ่านหรือเพิ่มความหดหู่ให้กับจิตใจ


ผู้เขียนได้นำเอา link และ วิดีโอจาก Youtube มาเสริมเพราะจะได้เห็นภาพและความรู้สึกที่ชัดเจนยิ่งขึ้น


จากการที่ได้ยินข่าวและติดตามบางครั้งบางคราวเรื่องราวของสัตว์ป่าที่กำลังถูกทำลายและสูญหายไปจากโลกนี้มานานตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่เมืองไทยครั้งที่ยังจำได้คือเรื่องทุ่งนเรศวรที่มีเหล่าตำรวจใหญ่ๆและพวกพ้องเข้าไปล่าสัตว์ป่าคิดว่ามันก็นานพอสมควรคงเกือบจะ 40 ปีมาแล้วซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดังพอสมควร เพราะสมัยนั้นตามบ้านคนที่มีฐานะก็จะต้องมีหัวเก้งหัวกวางประดับบารมีเพื่อแสดงถึงอำนาจและฐานะของครอบครัวซึ่งก็อาจจะได้มาจากคนที่นำมามอบให้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณหรือสินน้ำใจ


และหลังจากที่ได้ไปอยู่สวีเดนนั่นแหละถึงได้เริ่มตระหนักและเริ่มรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ป่าทั้งหลายในโลกที่เริ่มจะสูญพันธุ์โดยเฉพาะในอัฟริกาเพราะสัตว์บางสายพันธุ์มีเหลือเพียงแค่หลักพันในโลกนี้ ลองคิดกลับกันว่าถ้าเชื้อสายมนุษย์มันจะหดหายไปอย่างนี้แล้วมีสัตว์สายพันธุ์อื่นมาแทนที่มนุษย์บ้างในอนาคตมันคงเป็นไปได้แต่ก็คงจะใช้เวลาอันยาวนานกว่าเวลานั้นจะมาถึง เพราะมนุษย์ยังคงเป็นสัตว์ที่ครองโลกอยู่ในเวลานี้






ทุกวันนี้เอเซียเป็นทวีปที่มีการล่าและค้าสัตว์ป่ามากที่สุดของโลกรองมาจากอัฟริกา ซึ่งทั่วโลกกำลังจับตามองและได้เริ่มรณรงค์ต่อต้านรวมทั้งยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือกับประเทศนั้นๆหากรัฐบาลเต็มใจที่จะยอมร่วมมือ ก็คงจะต้องเต็มใจเพราะไม่มีรัฐบาลไหนในโลกจะปฎิเสธที่จะไม่ให้ความร่วมมือเพราะทุกประเทศยังต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันและไม่อยากให้ประเทศของตนถูกตราหน้าว่ายังเข้าข่าย Uncivilized Country


ได้อ่านเจอบทความหนึ่งใน Action Asia ที่เขียนเกียวกับสวนจตุจักรว่าเป็นแหล่งค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฏหมายแห่งหนึ่งในเอเซีย ถ้ามีเวลาก็ลองกดที่ลิงค์และอ่านดู อีกทั้งการรายงานข่าวของ Anderson Cooper นักข่าวของ CNN ที่รายงานข่าวเรื่องนี้และมีคนเอาไปเผยแพร่ใน Youtube ตั้งแต่ปี 2007






มีอะไรที่แตกต่างจากมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าสัตว์ที่ประเสริฐกว่าสัตว์อื่นๆที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ อะไรที่ทำให้เราแต่ละคนมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป อะไรคือสิ่งที่เราไปตัดสินว่าไอ้นั่นมันคือสัตว์เดรัจฉานเพราะว่ามันแตกต่างจากเราและไม่มีสมองหรือ อะไรที่กำลังทำลายล้างโลกที่เราอาศัยอยู่ ก็จะมีใครมันก็คือสัตว์ประเสริฐที่เราต่างยกย่องตัวเองกันขึ้นมา


จากที่ได้เห็นมนุษย์คร่าชีวิตหมาด้วยวิธีที่เห็นในเว็บไซต์ของ OKNATION ของไทยเพราะว่ามันเป็นหมาบ้าทำให้มีความคิดและความรู้สึกแปลกๆหลายๆอย่างเกิดขึ้นในใจของผู้เขียนและต้องขอขอบคุณเจ้าของเว็บนั้น ณ ที่นี้ที่สามารถถ่ายรูปเอาไว้ได้และเอามาเผยแพร่ให้ดู


ไม่เคยคิดว่าจิตใจของคนบางคนที่เรียกว่าตัวเองว่าเป็นคนไทยและนับถือศาสนาพุทธมันจะต่ำลงถึงขนาดนี้ คิดมานานเหมือนกันตั้งแต่เรื่มได้เห็นปริมาณของหมาจรจัดที่มันเพื่มขึ้นอย่างไม่เดยเห็นมาก่อน และยิ่งแย่มากกว่านั้นก็คือกล้าแสดงออกอย่างเปิดเเผยมากขึ้น ถึงแม้จะมีคนใจบุญที่คอยช่วยเหลือและมีมูลนิธิที่เกิดขึ้นมาใหม่มากมายที่ตั้งขึ้นโดยคนไทยและจากคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวของไทยก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับอัตราของคนที่มีความเห็นแก่ตัวที่ละทิ้งสัตว์เลี้ยงของตัวเองเพิ่มมากขึ้น


สิ่งที่ชายผู้นั้นกระทำลงไปคงคิดแล้วว่าเป็นการฉลาดที่ได้ช่วยเหลือสังคมให้ปลอดภัยจากหมาบ้าโดยการใช้เครื่องทุ่นแรงแทนที่จะใช้กำลังของตัวเองที่ปลิดชีวิตสัตว์ที่ไม่มีทางต่อสู้ด้วยวิธีนั้นเนื่องจากความกลัวและความขลาดนั่นเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเอาเชือกไปผูกคอหมาได้อย่างไร สงสัยว่าป่านนี้คงจะได้ไปทำบุญล้างซวยมาหลายวัดแล้ว ลองดูภาพถ้ายังไม่เคยเห็น คนไทยส่วนใหญ่ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศคงจะได้ยินข่าวหรือได้รับ forward mail กันบ้างแล้ว ลองหลับตาแล้วนึกถึงภาพสัตว์ 4 ขาตัวนั้นกลายมาเป็นคนแทนบ้างความรู้สึกจะต่างกันอย่างไร สังคมจะมีพฤติกรรมในการแสดงออกและมีการกระทำตอบโต้อย่างไรบ้าง


ถ้าจะมีคนค้านขึ้นมาว่าจะเปรียบเทียบกันระหว่างคนกับสัตว์มันเป็นไปไม่ได้เพราะมันแตกต่างและคนละอย่างกัน ก็อยากจะถามกลับว่าใครเป็นคนสอนให้คิดแบบนี้และได้ยินประโยคนี้มาจากไหนตั้งแต่เมื่อไร ได้ยินพ่อแม่พูดหรือครูที่โรงเรียนสอนไว้ หรือว่าศาสนาพุทธสอนเอาไว้หรืออย่างไรหรือเคยได้ยินพระเทศน์เอาไว้ การกระทำทารุณกรรมและปลิดชีวิตไม่ว่าของคนและสัตว์ไม่ใช่เรื่องเล็กในสายตาและความคิดของผู้เขียน

และที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะยังคิดว่าตัวเองยังเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ยังฝันและอยากให้ประเทศชาติเป็นประเทศตัวอย่างที่ดีประเทศหนึ่งไม่ต้องถึงในโลกเอาแค่เป็นประเทศที่น่ายกย่องในเอเซียก็พอแล้ว จิตใจและสมองของคนไทยมันก็ไม่ด้อยไปกว่าฝรั่งแต่อย่างใดถึงแม้จะไม่มีคนอย่าง Albert Einstein หรือ Bill Gates มาเกิดเป็นคนไทยก็ตาม


อ่านดูหนังสือพิมพ์ไทยเรื่องการประหารชีวิตนักโทษด้วยการฉีดยา (คิดว่าโทษประหารชีวิตไม่มีแล้วในเมืองไทยซะอีก) ก่อนตายขอเกาะชายผ้าเหลืองไม่รู้ว่าในใจของนักโทษตอนนั้นคิดอย่างไร สำนึกได้หรือเกิดกลัวตายขึ้นมา อ่านแล้วก็ต้องมานั่งคิดว่าเออผ้าเหลืองเนี่ยทำให้คนเปลี่ยนได้ก็ตอนที่ใกล้จะตาย แต่ตอนที่กำลังเป็นกลับไม่นึกถึงก่อนที่คิดจะทำอะไร


จะแนะนำอะไรบางอย่างให้เอาไหม ตอนนี้ก็พยายามหาผ้าสบงหรือจีวรเอาไว้ติดตัวเกิดถูกทำมิดีมิร้ายหรือมีคนเอาปืนมาจ่อห้ว (จำไว้ว่าอย่าใช้ได้ผ้าสีเหลืองอย่างอื่น เพราถ้าคนร้ายเป็นพวกสีแดงก็มีแต่ตายลูกเดียว) จงตั้งสติและกล่อมให้คนร้ายรับผ้าเหลืองไปซะเผื่อตายไปจะได้ไม่ต้องตกนรกบางทีเรื่องหนักจะได้กลายเป็นเบา คนร้ายอาจจะกลับใจไม่ทำร้ายคุณ


กฏหมายในเมืองไทยมันไม่มีความหมายกับเรื่องการคุุ้มครองคนและสัตว์ การลงโทษก็ไม่มีผล ฉะนั้นองค์การต่างๆที่เป็นแบบ Non-Profit Organizations จึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะบางอย่างเป็นการขัดผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ลูกปืนราคาถูก เงินจึงซื้อได้แม้แต่ชีวิตคน ชีวิตดูเหมือนจะไร้ค่าถ้าจะเอาไปแลกกับคนป่าเถื่อนพวกนี้ ทุกวันนี้สังคมไทยกำลังสอนให้คนมีแต่ความเห็นแก่ตัวไม่รู้จักกับคำว่าพอ มีพันก็จะต้องเพิ่มเป็นหมื่น มีหมื่นก็จะต้องเป็นแสนเดี๋ยวนี้เงินแสนก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะส่วนใหญ่กำลังคิดถึงแต่หลักล้าน


เจอเว็บไซต์องค์กรระหว่างประเทศองค์กรหนึ่งชื่อว่า WSPA ( World Society for the Protection of Animals ) และทราบว่าองค์กรนี้เป็นระดับ Global มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกและก็มีสำนักงานอยู่ที่ Olympia Thai Tower ถนน รัชดาภิเศก ที่กรุงเทพฯซึ่งได้เปิดมาตั้งแต่ปี 2007 จึงได้โทรฯไปติดต่อสอบถามได้ความว่าสำนักงานที่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯนี้คลอบคลุมคลุมในเขตเอเซีย จากที่ฟังดูคร่าวๆ องค์กรนี้จะหนักไปทางด้านให้ความรู้กับประชาชนและประสานงานกับสมาคมและมูลนิธิต่างๆในเอเซีย ให้รู้จักกับการรับผิดชอบและสวัสดิการกับสัตว์เลี้ยงและช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ที่ยังหลงเหลือ อย่างที่เข้าไปอ่านในเว็บไซต์ มโนภาพและภาระขององค์กรนี้ก็ดูดีในสายตาของเรา


และเมื่อเร็วๆนี้องค์กรได้จัดการให้มี Training workshop ให้กับครูของโรงเรียนระดับประถมถึงมัธยมจาก 18 โรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ เพื่อศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญในการดูและให้สวัสดิภาพของสัตว์เพื่อนำไปเผยแพร่ให้กับนักเรียน

ที่จริงผู้เขียนคิดว่าความรู้เช่นนี้กระทรวงศึกษาควรจะเป็นผู้รับผิดชอบมานานแล้วแต่กลับต้องให้ฝรั่งมาชี้แจงและดำเนินการจัดการให้ในศตวรรษที่ 21 ทำไมพวกรัฐมนตรีทั้งหลายที่มีมาตั้งหลายยุคหลายสมัยต่างก็มีดีกรีติดห้อยจากเมืองนอกกันมาแทบทั้งนั้น แต่ตอนที่เรียนมากลับไม่มีหูไม่มีตาที่จะเก็บเอาความคิดและความสร้างสรรค์ของฝรั่งมาใช้บ้าง เพียงแต่ต้องการว่าถ้าเมืองนอกเขามีอะไรเมืองไทยก็จะต้องมีบ้างเพื่อจะเป็นการอวดสายตาของต่างชาติว่าเมืองไทยได้พัฒนาไปไกลแล้วแต่หารู้ไม่ว่ายังมีคนไทยอีกเยอะที่จิตใจและความสำนึกมันยังด้อยพัฒนาอยู่ทั้งนี้ก็รวมไปถึงไอ้ประเภทอืดๆเบ่งๆทั้งหลายที่เอาเงินภาษีของราษฎรไปดูงานต่างประเทศแต่กลับทำอะไรให้มันดีขึ้นไม่ได้นี่แหละมันน่าสังเวชเสียจริง


คิดว่ากว่าคนไทยจะมีความเข้าใจและรู้ลึกซึ้งถึงความรับผิดชอบกับสัตว์เลี้ยงของตัวเองและการทำร้ายและทารุณสัตว์ไม่ว่าในด้านใดเราคงจะตายเสียก่อนเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะได้เห็นผล เมื่อเด็กได้รับการศึกษาและการเรียนรู้จากโรงเรียน แต่ถ้าคนเป็นพ่อแม่ไม่ทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง แล้วลูกที่ไหนจะกล้าสอนพ่อแม่ เด็กที่ไหนในเมืองไทยจะกล้าไปชี้แจงผู้ใหญ่ถ้าเห็นผู้ใหญ่ทิ้งขว้างหมาอยู่กลางถนน หรือที่วัด เด็กที่ไหนที่จะกล้าเอ่ยปากไปบอกชาวบ้านให้เอาหมาไปฉีดยาและทำหมัน เด็กที่ไหนจะกล้าบอกกับเจ้าของหมาว่ากรุณาเก็บขี้หมาของหมาท่านด้วยตามหน้าบ้านและฟุตปาท เพราะว่ามันขัดกับวิสัยคนไทยดีไม่ดีโดนอัดเสียก่อน ฉะนั้นแล้วคงต้องรอไปอีก 20 ปีข้างหน้าที่เด็กเหล่านั้นเติบโตขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นผู้สอนให้กับลูกของตัวเองต่อไป


การลดการทารุณกรรมสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นเพื่อการบริโภค, การจำหน่ายหรือแม้แต่เลี้ยงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังรณรงค์และหลายประเทศรวมทั้งสวีเดนได้มีการจัดการให้สัตว์ได้อยู่ดีกินดีมีการขนส่งที่ดีก่อนที่จะถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์รวมทั้งการฆ่าก็จะใช้วิธีที่ไม่ให้เป็นการทรมาณสัตว์ เคยอ่านมาจากไหนมาจำไม่ได้ว่าประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์และสามารถทำได้ผลมากที่สุดคือ Denmark, Holland และ UK อันนี้ไม่ทราบเท็จจริงเป็นอย่างไรเพราะยังไม่ได้หาข้อมูลด้วยตัวเอง คราวหน้าจะมาเขียนเรื่องการปฏิบัติของคนสวีดิชต่อสัตว์เลี้ยงและการเลี้ยงสัตว์เพื่อการบริโภคนั้นเขาทำอย่างไร


ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างในเมืองไทยที่คนไม่รู้ถึงรู้ก็ปิดหูปิดตาเพราะไม่อยากจะรับรู้โดยเฉพาะเรื่องการลักลอบซื้อขายสัตว์ป่า ถ้าคนในประเทศไม่ช่วยกันก่อน มัวแต่จะรอให้รัฐบาลที่ไม่มีความคำนึงถึงเรื่องนี้หรือถึงมีแต่ก็จัดการไม่ได้เพราะไอ้เรื่องการคอรับชั่นมันไปอุดตันอยู่ในเซลสมอง หรือต้องรอความช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้ามาช่วยเหลือสัตว์ วันนั้นมันอาจจะสายเกินไป ประเทศไทยยังไม่เป็นประเทศในแถบอัฟริกา เพราะทุกวันนี้ไม่เพียงแต่สัตว์ในอัฟริกาที่ถูกล่าและถูกฆ่า คนอัฟริกันก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว


เพียงแต่ได้เจอ วิดีโอนี้ใน Youtube ที่เกี่ยวกับเมืองไทยก็สะอึกแล้วค่ะแต่ก็ดีใจที่ต่างชาติเริ่มตระหนักว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเข้าช่วยเหลือแต่ถ้าจะคิดว่าอย่าเข้ามายุ่ง ก็อยากให้ประเทศไทยปิดประตูบ้านแบบพม่าไปเลยจะดีกว่าแต่ก็คงจะยอมรับกันไม่ได้กันอีก








จากที่หาดูทาง Google มีองค์กรมากมายที่ตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครองช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าในเมืองไทย


สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย ( Thai Society for the Prevention of Cruelty to Amimals )

Thai Society for the Conversation of Wild Animals สมาคมนี้ส่วนใหญ่จะมีอาสาสมัครจากต่างประเทศเข้ามาคือทั้งสัตวแพทย์, พยาบาล, คนดูแล, zoologist และ biologist เป็นต้น เคยมี documentary film ที่เอามาฉายในทีวีของสวีเดนเนื่องจาก สัตวแพทย์และพยาบาลสัตว์ชาวสวีดิชเดินทางมาเป็นอาสาสมัครกันเยอะ

The Wild Animal Rescue Foundation of Thailand ( WARF ) มูลนิธิมีอาสาสมัครส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเช่นกัน

สมาคมพิทักษ์สัตว์(ไทย) Thai Animal Guardians Association รู้สึกว่าการจัดการและดำเนินการเป็นคนของไทย

มูลนิธิเพื่อนป่า


นอกจากนั้นก็ยังมีสมาคมและมูลนิธิอื่นๆ อีกมากมายในเมืองไทย รายชื่อมูลนิธิและสมาคมต่างๆเพื่อช่วยเหลือคนและสัตว์



มีวิดีโอใน Youtube มากมายที่เกี่ยวกับหมาพิการที่ได้รับความช่วยเหลือและต่อชีวิตให้พวกเขาให้ยาวนานออกไปอีกก็มีตัวอย่างดังที่เห็นข้างล่างนี้ ขอให้อ่านเว็บไซต์ที่ลิงค์เอาไว้ด้วยจะได้ทราบซึ้งกันยิ่งขึ้น

เจ้า Faith ที่บางคนอาจจะเคยได้ดูมาแล้วเพราะมีออกมาตั้งแต่ปี 2006 ถ้าเป็นหมาที่เมืองไทยแบบนี้คงจะตายไปนานแล้วแต่ยังโชคดีที่ดวงไม่ถึงฆาตที่ได้มีฝรั่งที่มีน้ำใจงามช่วยเหลือและเลี้ยงดูเหมือนกับลูกของตัว และตอนนี้กลายเป็นหมาที่ทั่วโลกรู้จัก มีวีดิโอของ Faith มากมายใน Youtube






Popeye ลองเข้าไปอ่านในเว็บไซต์ของ Popeye กับเพื่อนฝูงที่พิการและ Blog ที่เจ้าของเขียนเอาไว้เรื่อง Popeye & His Doggon Wheels อ่านแล้วให้ความรู้สึกดีๆหลายอย่างในจิตใจ





The story of Babe




Kandu





Sugar





หมาพิการที่เอาวิดีโอมาให้ดูนี้ได้กลับกลายมามีชีวิตอยู่รอดและมีความสุขแบบหมาๆ อีกครั้งหนึ่งร่วมกับสัตว์ประเสริฐที่มีใจประเสริฐเช่นกัน



พูดถึงเรื่องหมาๆ แล้วขอมาพูดถึงเรื่องคนบ้างเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาได้พบเว็บไซต์หนึ่งใน Twitter มีชื่อว่า borninseptember.org จัดตั้งโดย Scott Harrison ลองกดที่ลิงค์และฟังเขาพูดในวิดีโอดูค่ะ ซึ่งวิดีโอนี้เป็น September Campaign ของปี 2009 เนื่องจากผู้เขียนเองก็เกิดเดือนนี้ จึงได้ร่วมสบทบบริจาคให้กับ Scott เพราะอยากให้เดือนเกิดและวันเกิดของเราที่จะมาถึงมีสิ่งดีๆ เก็บไว้และนอกจากนั้นก็เพื่อต้องการช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกที่เขายังแย่กว่าเราอีกหลายร้อยหลายพันเท่า หากใครที่สนใจเมื่อเข้าไปในเว็บของเขาแล้วก็กดไปที่ Donate ลองมาดูวิดีโอ September Campaign ของเขาเมื่อปี 2008 ว่าเขาทำอะไรไว้บ้างค่ะ





โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งใน CharityWater.org ก็เลยได้สมัครเป็นสมาชิกและมีเว็บไซต์ของตัวเองเรียบร้อยแล้วที่นี่แต่คงจะยังไม่มีปัญญาที่จะทำอะไรได้ตอนนี้เพราะไม่มีเวลา ส่วนตัวแล้วชอบช่วยเหลือกับองค์กรที่ทำผลงานให้เห็นในระยะสั้นมากกว่าที่จะรอดูผลงานในอีก 10 ปีข้างหน้า






หลายคนคงจะคิดว่าช่วยเมืองไทยดีกว่า ถ้าทำได้ก็ดีค่ะไม่ใช่ทำแล้วครั้งเดียวก็เลือนหายไป ทำไมองค์กรนี้ไม่คิดมาช่วยเมืองไทยบ้างก็อาจจะเป็นเพราะเมืองไทยอยู่ดีกินดีในสายตาของคนต่างชาติหรือว่าเพราะเขายังไม่เห็นหลังฉากของความเจริญในด้านวัตถุและสิ่งก่อสร้างว่ายังมีคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่ยังต้องการความช่วยเหลือนั่นเอง







Create Date : 31 สิงหาคม 2552
Last Update : 31 สิงหาคม 2552 1:36:39 น. 3 comments
Counter : 591 Pageviews.

 
เห็นพี่แว้บๆ เลยขอแว่บมาทักก่อนค่ะ แล้วพอเห็นหัวเรื่องเลยรู้สึกอยากพูดเหมือนกัน

เรื่องสิทธิสัตว์นั้น มดเองเคยเข้าไปดู furisdead (มีลิงค์อยู่ที่บล็อกค่ะ) ซึ่งเป็นเครือข่ายของ peta.org เมื่อก่อนก็แปลกใจเรื่องต่อต้านขนมิงค์ขนเฟอร์ เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องของการถูกล่าเพื่อใช้ขน นึกว่าเขายิงแล้วจึงถกหนังมาใช้

แต่พอเห็นวิธีการ "ถลกหนังทั้งเป็น" แล้ว เหมือนมีอะไรมาจุกคอค่ะพี่ รู้สึกสงสัยว่าทำไมมนุษย์จึงอ้างตัวเป็น สิ่งมีชีวิตชั้นสูง ถึงทำอะไรแบบนี้ลงไปได้

เมื่อก่อนไม่เข้าใจว่าทำไมศาสนาพุทธจึงห้ามบริโภคเนื้อเสือ ม้า ช้าง หมี หมา งู และคน แต่พอเห็นเรื่องการคุกคามสัตว์จนใกล้จะสูญพันธ์แล้ว ก็เริ่มจะเข้าใจค่ะ

แต่การ "กินคน" เดี๋ยวนี้มันแนบเนียนกว่าสมัยก่อนนะคะ เพราะคนที่ถูกกินก็ยังมีชีวิตเดินไปเดินมาได้อยู่


โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:9:36:31 น.  

 
เมื่อสมัยก่อนพวกเพื่อนๆพ่อเค้าก็ชอบเข้าป่าล่าสัตว์ในวันหยุดกันค่ะ ดีที่ว่าพ่อไม่ได้ไปด้วย

มีเพื่อนสนิทของพ่ออยู่ท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองที่ถือว่าสุดเฮี๊ยบของ รร.วิสุทธิ์ ตามพรรคพวกไปทุ่งใหญ่นเรศวร ที่จริงก็ไปแค่เที่ยวเล่น ไม่ได้คิดจะไปล่าสัตว์อะไรหรอกค่ะ แต่บังเอิญว่านักข่าวเค้าแอบตามแล้วหาเรื่องเล่นงาน เจอพาดข่าวหน้า1อยู่หลายวัน จนเกือบเสียอนาคตเลยละค่ะ เพราะการที่เข้าร่วมกับผู้ล่า ก็ถือว่าส่งเสริมผู้กระทำความผิดเหมือนกัน บาปพอกันใช่มั๊ยคะ

ปล.อ่านๆไปแล้วก็แอบขำเรื่องผ้าเหลืองค่ะ เลือกสีผิดมีสิทธิ์ถึงตาย 555

Photobucket


โดย: pinkyrose วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:14:32:40 น.  

 
พี่สนใจสิทธิสัตว์และสิทธมนุษยชนมากเลยนะครับ ผมเองก็ชอบติดตามประเด็นพวกนี้เช่นกัน ..


บทความเรียบเรียงได้ดี อ่านง่ายมากครับ อ่านแล้วเข้าใจง่าย ..



ยินดีที่ได้มาอ่านครับ




ปล. ไม่รู้เป็นไง กดเขียนที่บล๊อกพี่ไม่ค่อยได้เลย ต้องคอยกด Tab


โดย: นายอึเหม็น วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:22:30:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mellitus
Location :
กาญจนบุรี Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




ขอปรับปรุงข้อมูลของตัวเองซักหน่อยเอาเป็นว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสวีเดนมานานพอสมควรและชอบกับระบบและวัฒนธรรมของสวีเดนจึงทำให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ดีทีเดียว

เป็นคนเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรีแต่มาแก่อยู่ที่กรุงสต๊อกโฮล์ม อายุเริ่มมากแล้วแต่จิตใจยังวัยรุ่นอยู่เพราะไม่มีเวลาที่จะมากังวลเรื่องความแก่ ถ้าคิดว่าตัวเองแก่มันก็แก่อย่างที่คิด
กำลังคิดที่จะเขียนประวัติย่อๆของตัวเองเพราะมีน้องคนหนึ่งเขียนถามมา ที่จริงไม่ค่อยอยากจะเปิดเผยเท่าไร เพราะชีวิตจริงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นแต่อาจจะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย เพราะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งที่ทำงานและในยามว่าง ไม่ค่อยมีคนไทยเป็นเพื่อนเนื่องจากเป็นคนตรงและปากเสีย เลยคนส่วนใหญ่ไม่อยากจะคบ ไม่เคยเกรงกลัวคนประเภทโอ่ๆทั้งหลาย เคยทำงานที่ Office of Commercial Affairs มาก่อน (เดี๋ยวนี่คงจะไม่มีแล้วในสวีเดน ไม่ทราบเหมือนกัน) เจอประเภทพวกใหญ่ๆโตๆทั้งหลายที่มาสวีเดนมาแล้วทำตัวเหมือนเจ้าแล้วมองคนอื่นเหมือนทาส เลยเบื่อและออกห่างจากสังคมไทยมานานเกือบ 20 ปีแล้วเนื่องจากเห็นมาเยอะ เกลียดคนที่ชอบเลียก้นนักการเมืองและผู้ที่มีอิทธิพลทั้งหลาย วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยไม่เคยลืมแต่จะใช้และแสดงออกก็ต่อเมื่อฝ่ายตรงข้ามสมควรที่จะได้รับ



Locations of visitors to this page







Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mellitus's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.