ลมบ้ากะ....(อี)หมูพะโล้
อัพบล็อกถี่จังเลย ช่วงนี้ เป็นดัชนีบ่งชี้ได้ 2 อย่าง คือ หนึ่ง สภาพจิตแปรปรวนอย่างแรงสอง ขี้เกียจทำงานมากๆ เล่าเรื่องวันนี้ให้ฟังแล้วไปตัดสินกันเอาเองนะคะ ว่า ข้อไหนเป็นแรงขับขณะนี้เวลา 9 โมง 57 นาที เยอรมนี ชีวิตวันนี้-ตื่นนอน 7 โมง 50 เกลือกกลิ้ง เกลือกกลิ้ง เซ็งตัวเองนิดหน่อย น่าจะตื่นเช้ากว่านี้ -ลุกจากเตียงแล้ว อย่างแรกที่ทำ คือ เสียบกาน้ำร้อน รอน้ำเดือดอาบน้ำไปด้วย-อาบน้ำเสร็จ เตรียมอาหารเช้าให้ตัวเอง อันประกอบด้วย Musli Yoguhrt กาแฟใส่นม และไข่ต้ม 1 ฟอง -เสียบ Dvorak หมายเลข 9 เข้าไป แล้วฟัง-ทาครีม แต่งตัว-กินอาหารเช้า ปิด Dvorrak เปิด com เชค เมล (ไม่มีตามเคย)-กินอิ่ม เป่าผม-ผมจวนแห้ง ไปเปลี่ยนชุด เปลี่ยนอยู่ 2-3 ชุด เสื้อที่หยิบมาลองแต่ละตัว ทำไมมันคับจังวะ -ได้ชุดที่ใส่ได้ไม่อึดอัด แล้ว ทาหน้าหน่อยดีกว่าวันนี้ ว่าแล้วก็คว้า อายแชโวสีเขียวมาป้ายๆๆๆๆ (ใส่เสื้อเขียวอ่ะ วันนี้ กับกระโปรงยีนส์ ต่อหลายๆ ชั้น) ทาหน้าแล้วต้องทาปาก เอาสีส้มลงก่อน แล้วเอาสีชมพูกะปิ ทับ มองหน้าตัวเองอีกที เอ้า เวงกรรม เยิ้มยังกะกินลาบเลือดเลย- เอาทิชชู่มา เม้มออก หน้าสวยแล้ว (คิดเอาเอง) ต้องเลือกร้องเท้าให้เข้ากับชุด วันนี้ใส่กระโปรง ห้ามใส่ผ้าใบ (จริงๆ แล้วรองเท่าผ้าใบทุกคู่ที่มี มันเปลี่ยนจากสีดั้งเดิมของมันเป็นสีเทาอมฝุ่นหมดแล้ว ขี้เกียจซัก สวยแต่รูป ? จูบไม่หอม จริงๆ เลยเรา)-สวยแล้วๆๆๆ เอ้า เลือกกระเป๋า เอาใบไหนดีหว่า ใส่กระโปรงไม่เอา backpack คว้าได้กระเป๋าสะพายมา ขนเอกสารยัดๆ ใส่กระเป๋า ไม่ลืม note violin ยัดกล่องข้าวกลางวันลงไป คว้าแจ็กเก็ต ผ้าพันคอ และไวโอลิน เกินมาที่ที่ทำงาน-ถึงที่ทำงาน 9 โมง 40 นาที ใช้เวลาเดินนานมาก เพราะวันนี้ลมแรงสุดๆ ดันใส่กระโปรงอีก นู่นกระพือพะเยิบพะยาบ โชว์ขาโต๊ะสนุ๊ก สีดำๆ เดินไป ตะครุบไปตลอดทาง ยังไม่พอผมที่เพิ่งสระก็โดนลมตีซะกระเจิง หนำซ้ำลมมันยังพัดแรง ต้านหีบไวโอลินไปมา เสียเวลาเดินทางมากๆ ระหว่างทางเต็มไปด้วย site ก่อสร้าง ลมพัดมาทีก็หอบฝุ่นมากระบุงหนึ่ง นี่มันฤดูใบไม้ผลิในเยอรมนี หรือหน้าแล้งขอนแก่นวะเนี่ยยยยยย (รู้งี้ไม่ทาแป้งซะก็ดี เจอแป้งฝุ่นฉาบซะ) -กว่าจะถึงที่ทำงาน เหนื่อยมากๆ ขนาดลมแรงๆ ออกแรงต้านมันจนร้อนเหงื่อแตก เซ็ง อุตส่าห์จะสวยรอไว้แต่เช้า เพราะเย็นนี้ต้องไป ดื่มกับน้องหญ้าอ่อน เลี้ยงส่งก่อนคุณน้องจะจากไป ออก field ที่ Utah กะว่างานเสร็จก็ตอนเย็นก็พุ่งตรงไปที่บาร์เลย แต่ตอนนี้ชักไม่อยากไปแล้ว เหนื่อย งานเยอะ ตอนเย็นต้องซ้อมไวโอลิน และ พรุ่งนี้ข้าเจ้าก็ยังต้องมาทำงานอีก เกิดไปเมามายไร้สติ เสียงานเสียการพอดี แต่ แต่ แต่ แต่ ไม่ไปไม่ได้ เพราะน้องหญ้าอ่อน ก็ออกจะเป็นคนดี มีอัธยาศัย ไม่ได้เจอกันหลายเดือน และเดี๋ยวจะไม่ได้เจอกันหลายเดือน ด้วย วุ้ย......ข้อแม้ทางสังคมเยอะจริงๆ มาบ่นๆ บ้าๆ ในบล็อกอีกแล้ว ฮือฮือ ออกจะบ้าๆ ไปแล้วล่ะค่ะ ช่วงนี้ สงสัยเป็นเพราะโปรเจคไดเอ็ท แน่ๆ เลยอ่ะค่ะ เคยประกาศกร้าวว่า 'I don't care' แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ ก่อนมาเยอรมัน ฉันสูง 158 หนัก 51 กก. ตอนนี้ สูงเท่าเดิม 158 หนัก 54 กก. ค่ะ สัดส่วน ไม่กล้าวัด กลัวจะผูกคอตาย เพราะอืดมากๆๆๆ ฉันไม่เคยสนใจเลย จนกระทั่งได้รับคำตอบว่า ได้เข้าร่วมสัมนาที่อิตาลี เลยเอาชุดสูทมาลอง คุณพระคุณเจ้า!!!!!!!! มันยังใส่ได้ แต่แบบห้ามหายใจจจจจ ฮือ ฮือ ฮือ ฉันคือ อีหมูพะโล้......))))))))) ตั้งแต่วันนั้น ฉันก็เริ่มควบคุมอาหาร งดขนมหวาน เลิกกินมันฝรั่งทอด เดินขึ้นบันได 8 ชั้นแทนการใช้ลิฟต์ เดินเร็วๆ เวลาอยู่ในแลป กินแครอทแทนขนม ............รู้ไหมคะ ว่าฉันกลับกลายเป็นมีปัญหาในการนอนหลับแทน ตอนตื่นนอนขึ้นมามันล้ามากๆ เลยค่ะ เป็นสัญญาณว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล แน่ๆ เลย ฉันก็ยังอุตส่าห์ ทู่ซี้ทำมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อวาน ฉันเหนื่อยมากๆ งานเยอะมาก วิ่งวุ่นทั้งวัน ข้าวกลางวันได้กินตอนบ่ายสามโมง แล้วมันรู้สึกไม่สดชื่นเลยค่ะ เหนื่อยๆ หวุดหงิดทั้งวัน จนกระทั่งตกบ่าย ผลการทดลองออกมาไม่ได้ผล แถมอันที่ทำไว้สวยงามดีก็มีอันเป็นไป แค้นมากๆๆๆๆๆไม่เอาแล้ว ไดอ่ง ไดเอ็ท ชีวิตปกติก็มีเรื่องให้เครียดพออยู่แล้ว (ออกแนว บัด...... อยู่ทุกวัน) แล้วทำไมฉันต้องมาอดอาหาร อดกินของที่ฉันชอบ ทั้งๆ ที่ในแต่ละวันฉันเหนื่อยแสนเหนื่อย เครียดกับเรื่องต่างๆ มากมาย แล้วต้องมาเครียดกับเรื่องจะกินหรือไม่กินอีก....... บางทีที่ฉันหงุดหงิด เหนื่อย ล้า อาจจะเพราะสมองขาดน้ำตาลก็ได้....... ดังนั้น.......จะอ้วนก็ช่างหัวมัน ฮิปโปมันยัง สืบทอดเผ่าพันธุ์ได้ ที่ฉันต้องขึ้นคานไปมันคงไม่เกี่ยวกับอ้วนไม่อ้วนหรอก (มั้ง)..... กิน กิน กิน กิน.......
ห่วงยางขยายตัว
น้ำหนักผมขึ้นหลายโลครับ
ภรรยาดูแลดีเกินไป
............
ผมสวดอยู่บทเดียวครับ
ก่อนนอน
"นะ โม พุท ธา ยะ" สามจบ
หลับสบายไม่ฝันร้าย
อ้อ...แผ่เมตตาด้วยอีกหนึ่งจบ