จงยิ้มเถิดน้องสาวเจ้าผมนิ่ม เพราะรอยยิ้มเจ้าเติมแต้มโลกแจ่มใส
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
กรกฏา

ห่างหายไปจากการอัพบล็อกเกือบเดือน เพราะมีกรรม เอ้ย กิจกรรมเยอะแยะไปหมด เล่าเลยแล้วกัน

ไปงานแต่งงาน

ศุกร์ 13 ก.ค. ฉันไปงานแต่งงานเพื่อนค่ะ มาดิน่า สาวรัสเซีย กะ อัลเฟรโด้ หนุ่มเปรู คู่รักหวานแห่ง department สองคนนี้เขา น่ารักมากค่ะ นิสัยใจคอดี สมกันจริงๆ อัลเฟรโด้ ชอบพูดกับฉันบ่อยๆ ว่า "เธอคิดดูสิ กุสุมา ถ้าเธอเจอผู้หญิงที่แสนดี อย่างมาดิน่า เธอจะอยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาไหม" แหม เข้าใจแล้วจ้า ว่า so much in love หมั่นไส้จริงๆ เลย ตอบไปว่า " อ้าว เจอผู้หญิงแสนดีอย่างมาดิน่า ฉันก็เป็นเพื่อนกะเขาสิ ฉันจะไปอยู่กะเขาทำไม ถ้าเจอชายแสนดีว่าไปอย่าง" อิอิอิ



ที่สถาบันที่ฉันทำงานอยู่เนี่ย ชอบกำเนิดคู่รักต่างชาติเยอะ แยะ (จะยังขาดอยู่ก็คู่สาวไทยกับหนุ่มต่างชาตินี่แหละค่ะ หึ หึ หึ) ก่อนจะไปงานแต่งงานก็เตรียมตัวนิดหน่อย เลือกหาเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการนิดหนึ่ง อุปกรณ์เสริมก็ต้อง เหมาะสมกันด้วย (จะได้ไม่ดูเยินมาก)

ด้วยความถังแตก ก็คุ้ยๆ เอาเดรสสีดำ ตัวเดิม มาใส่ จริงๆ ซื้อมานานแล้ว เพิ่งใส่ครั้งเดียวเอง แต่นิสัยมันเสียน่ะนะคะ คอยอยากจะได้ชุดใหม่เรื่อย ถ้าเป็นเดรส ใส่ 2 ครั้งแล้วจะออกอาการอยากได้ของใหม่ทันที ยิ่งตอนนี้อ้วนขึ้น 5 กิโล ชุดเดิมๆ ใส่เข้าไปมันชักจะปลิ้นๆ เลยยิ่งอยากได้ของใหม่ พอซื้อใหม่ก็ไม่พ้นสีดำ อีกเหมือนเดิม (เข้ากับสีผิวคุณพี่ดีนะคะ....เหมือนในโฆษณาเลย)



งานแต่งงานเขาจัดกันตอนกลางวัน ที่ศาลาว่าการ จริงๆ ก็เหมือนจดทะเบียนสมรสธรรมดานี่ล่ะค่ะ แต่ฝรั่งที่เยอรมันเขาชอบเลือกเอาเป็นวันฉลองไปเลย คู่นี้เขาไม่แต่งในโบสถ์....... เพราะท่าทางจะปวดหัว ผู้ชายเป็น คาธอลิก ส่วนผู้หญิงเป็น กรีก-ออร์โธดอกซ์ ก็เลยเอาแค่จดทะเบียน คนเยอรมันเองก็มีหลายๆ คู่ ที่ทำแบบนี้ โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออก ที่คนส่วนมากไม่มีศาสนา จะจัดเฉพาะที่ศาลาว่าการ (หรือบางทีก็เพราะความประหยัด เพราะถ้าจะแต่งในโบสถ์ต้องจ่ายอีกบาน) ที่มีเยอะกว่าจริงๆ คือ อยู่ด้วยกันเลย ไม่จดทะเบียนสมรส เพราะ(เวลาหย่า มันแพงมาก) มีลูกมาก็จดรับรองบุตร ซึ่งผู้ชายคนที่รับว่าเด็กคนนี้เป็นลูก เซ็นต์แกร็ก ลงไปนี่ มีผลตามกฏหมายอัตโนมัติ ว่าจะต้องเลี้ยงดู ส่งเสียเด็ก



วันจดทะเบียนเจ้าบ่าว-เจ้าสาว เขาก็ใส่ชุดเต็มยศกันไปเลย พอเข้าไปในห้อง คุณป้าเจ้าหน้าที่ก็กด รีโมทเปิดเพลงคลาสสิก ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่งเพลงจบ ปอกะเจ๊ติ๊ มองหน้ากันด้วยความทึ่งและ อึ้ง ด้วยความชั่วอันเป็นพื้นนิสัยเดิม ฉันก็คิดในใจว่า "อะไรมันจะ fake ขนาดนี้วะ" คิดไปแล้วก็รีบด่าตัวเอง บ้าจริงๆ งานมงคลของเพื่อนนะ คิดอะไรบ้าๆ ...... หลังจากเพลงจบคุณป้ากดรีโมทปิด เพลง แล้วเริ่มให้โอวาท พูดจาประมาณเหมือนเมื่อตอนที่ญาติผู้ใหญ่ เมืองไทยให้พรเวลารดน้ำสังข์น่ะค่ะ (ไม่เคยแต่งนะ แต่รู้ดีมากๆ เลย จำๆ ไว้ไง เวลาที่ต้องเป็นคุณป้าทึนทึก ไปงานหลานชาย .....) ทำนองว่าให้รักกัน ดูแลกัน มีอะไรก็ให้คุยกัน หัวเราะด้วยกันทุกวันอะไรทำนองนี้ ได้ฟังแล้ว ความเลวอันเป็นนิสัยดั้งเดิมก็ประทุขึ้นมาอีกครั้ง คิดในใจว่า " โห พูดยังกะเป็นพ่อ-แม่มาสั่งสอน เลยว่ะ ป้านี่เป็นใครมาจากไหนเนี่ย ประหลาด" แต่คิดว่า นะ จะเป็นใครก็เถอะ เขาพูดสิ่งดีๆ ตักเตือนในสิ่งดีๆ ก็น่าจะต้องยินดีรับฟัง และแล้วก็ถึงตอนสำคัญ คือ คุณป้าก็ถามว่า คุณอัลเฟรโด้ คุณจะรับคุณมาดิน่าเป็นภรรยาไหม แล้วก็ตอบว่า รับครับ รับค่ะ (เลียนแบบในโบสถ์ สุดฤทธิ์) แล้วก็จดทะเบียนกัน จะต้องมีพยานลงชื่อ 2 คน คือ พยานของฝ่ายหญิง และฝ่ายชาย (ประมาณเหมือน เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว น่ะค่ะ)



หลังจากนั้น ก็เป็นอันเสร็จพิธี เราต้องรีบออกจากห้องทำพิธี เพราะวันนั้น คุณป้าเจ้าหน้าที่ ยังต้องจัดการอีก 2 คู่ จากนั้นขบวนผู้ร่วมงานทั้งหลาย อันประกอบด้วยครอบครัวเจ้าบ่าว-เจ้าสาว และ บรรดาเพื่อนๆ ก็ไปกินเลี้ยงกันต่อ ที่ ร้านอาหาร งานแต่งงานจัดเล็กมาก เมื่อเทียบกับแต่งงานแบบคนไทย แขกทั้งหมดมีประมาณ 50-60 คน เองค่ะ เป็นคนคุ้นเคย เห็นหน้ากันมาแล้วทั้งนั้น ถึงแม้ว่างานจะเล็ก แต่เป็นงานแต่งที่ international มาก เพราะคนที่มางานเนี่ย ไล่ดูแล้วมาจากทั้งหมด 17 ประเทศค่ะ มีการเล่นเกมส์ แข่งขันกันของบ่าว-สาว ว่าในอนาคต ใครจะเป็นผู้นำ เชียร์กันสนั่นร้าน นำเกมส์โดย พ่อหนุ่มโรหิต เพื่อนชาวอินเดียแล้วก็มีการช่วยกันเลื่อยไม้ของบ่าว-สาว ( อันนี้เป็นธรรมเนียมเยอรมัน ถือเอาเป็นเคล็ด การทำงานร่วมกันชิ้นแรกของสามี-ภรรยา)



แล้วบรรดาหนุ่มๆ อิตาลี ก็ช่วยกันไปหาซื้อข้าวของตลกๆ ประหลาดๆ เช่น ลูกอม สก๊อตไบรท์ คอนดอม อะไรพวกนี้ แล้วก็เอามาใส่กล่อง เขียนป้ายขำๆ แล้ว ให้ บ่าว-สาว เอาไปขายให้คนในงาน ก็ซื้อๆ แบบช่วยๆ กัน บางทีจ่ายเกินราคานะคะ ให้เป็นเงินขวัญถุงทำนองนี้ล่ะค่ะ เล่นกันสนุก



เป็นงานเล็กๆ น่ารัก ไม่มีพิธีการมาก แต่ฉันว่าก็ดีนะ ไม่ต้องเหนื่อยดี แล้วก็กันเองดีด้วย (ปรึกษาใครล่ะเนี่ย) ที่จริงมีเต้นรำด้วย แต่ฉันไม่ได้เต้นกะเขา เพราะกระแดะใส่ส้นสูง โชว์ขาหมูไป กลัวมันปลิ้นตกลงมาคอหักตาย ไม่เคยโพสรูป ตัวเองเลยอ่ะ ด้วยจรรยาบรรณและอาชีพ เลยต้องรักษาภาพพจน์ไว้ วันนี้ขอแหกกฏหนึ่งวันแล้วกัน หากท่านใดไปเจออิฉันเดินเปรี้ยว อยู่ตามถนน ก็ทักทายกันได้นะคะ


เชิญชม รูปภาพ เทพธิดาขาหมูพะโล้ (ดำไงคะ) และบรรยากาศวันแต่งงานได้ ณ บัดนี้

สาวๆ รอแย่งดอกไม้ ฉันพลาด



หวานชื่นกันซ้า มดยังอาย


เล่นเกมส์ท้าทาย ใครจะหาแหวนได้ก่อนกัน ฝ่ายหญิงชนะ 3:2



เลื่อยไม้



ขายของ


ฉันกับโด้ วันนี้หล่อมากเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว



ฉันกับอีกหนึ่งหล่อ ฟาบิโอ และสาวสวย เจ๊ติ๊


ไปวัด วันเกิด

เสร็จงานแต่งงานเพื่อน แล้ว ฉันก็เร่งรีบจัดกระเป๋าไปเบอร์ลิน เย็นนั้นเลย เดินสาย เพราะนัดกะเจ๊เปิ้ลว่าจะไป ช็อปปิ้งกัน วันเสาร์ เพราะ วันอาทิตย์จะไปวัด เนื่องด้วยวันเกิดวนเวียนมาครบรอบอีกครา แล้ว เมื่อ วันที่ 16 ที่ผ่านมานี่เอง ค่ะ สามสิบเอ็ดย่างสามสิบสองแล้ว ยังไม่จบ Ph. D. เลย คิดแล้วเครียดนะเนี่ย เอาเหอะ มันคงจบซักวัน

วันเกิด ก็อยากจะ เริ่มต้นด้วยเรื่องดีๆ กน่อย เลยตัดสินใจไปทำบุญที่วัด ปีที่แล้วก็ไป ไปวัดแล้วแทนที่จะได้บุญ ก็ดันได้บาปกลับมาอีก เพราะ ดันส่งจิตออกนอกไป เกาะอยู่กะคนที่ไปวัด ไปนึกตำหนิเขาอีก เวรกรรมจริงๆ เพราะอะไรจะ อรรถาธิบายดังนี้

1. ฉันรู้สึกว่า ทำไม คนไปวัดมีแต่ปู้หญิงหว่า วุ้ยนั่งกันเต็มใจบุญสุนทาน ผู้ชายทำไมไม่ค่อยอยากมาวัด สัดส่วนพุทธบริษัท ไม่สมดุลอย่างแรง (แล้วเอ็งเป็นกระเทยหรือ นังปอ )

2. แม่ออก (อุบาสิกา) ที่ไปวัดทำไมชอบพูดแซวพระล่ะค่ะ อาจจะสนิท สนม คุ้นเคย อุปถัมภ์ค้ำชูวัดมา แต่ว่า ไปกระเซ้าเย้าแหย่ ด้วยวาจา มันยังไง อยู่นะ ปล่อยท่านไปเถอะ เทิดทูนไว้ดีกว่า กิเลศตัณหา มันตัดยาก ถ้าท่านเลือกทางประเสริฐแล้ว ก็ช่วยๆ กันหน่อยสิคะ บางทีเราทำไปไม่รู้ตัวอ่ะ คุ้นๆ กันก็พูดล้อเล่น แต่พระท่านต้องสงบสำรวมนี่คะ

3. สาวๆ วัยรุ่นใจบุญมาวัด สวดมนต์กันคล่องปรื๋อเชียว แต่น้องจ๋า ขาขาวๆ ยาวๆ สวยๆ ของน้องน่ะ เอาไปโชว์ที่อื่นสิคะ เข้าวัดเข้าวา ใส่กางเกงสั้นจุ๊ดจู๋ เสื้อผ้ารัดนม รัดต้ม ทะลักทะลาย แบบนี้ได้ไง วุ้ย ไม่มีใครบอกเหรอคะ
เห็นแล้ว อกอีป้าจะแตก


4. ข้าน้อยได้เห็นจคุคามฯ ด้วยตาของตนเองก็งานนี้ล่ะค่ะ ห้อยกันตรึม หูย องค์ ใหญ่เท่ากำปั้นเลย เห็นแล้วก็นะ.... หนักแทน

เอาล่ะคะ ไปทำบุญได้บาปแล้ว ก็เอามาเล่าให้ทุกท่านฟัง อย่าทำอย่างปอเลยนะคะ จิตส่งออกนอก เป็นทุกข๋ ค่ะ





เลี้ยงวันเกิด

วันจันทร์ที่ 16 ที่เป็นวันเกิดของฉัน (อากาศร้อนตับแตกมาก) ปกติแล้วคนเยอรมัน เขาจะให้ความสำคัญกับวันเกิดมากๆ เพื่อนร่วมงานจะจดตารางไว้ ว่าใครเกิดวันไหน แล้วเขาจะเอาของขวัญ ดอกไม้มาให้ แล้วเจ้าของวันเกิดก็ต้องแสดงน้ำใจโดยการ เอาขนมไปเลี้ยงเพื่อนๆ

จะว่าไปมันก็ ดีอยู่อ่ะนะ แต่นิสัย เสียๆ ของฉัน ก็ทำให้ฉันรู้สึก ว่ามันแปลกๆ เพราะปกติแล้ว ที่บ้านฉันจะไม่มีการฉลองอะไร แค่ทำบุญตักบาตร ไหว้พ่อ-แม่ ขอพรท่าน ก็จบ ไอ้ของขวัญวันเกิดนี่ มาได้ ก็จากเพื่อนๆ แล้วขนมนมเนย ทำให้ตื่นเต้นอะไรนี่ เพื่อนๆ จัดการให้หมด เจ้าของวันเกิดอยู่เฉยๆ มันสื่อ นิดๆ นะ " ว่าเราเป็นคนสำคัญของเพื่อนๆ เพื่อนๆ เลยจัดให้" เราเป็นเจ้าของวันเกิด เราก็รับเละ ไง แล้วไม่ต้องไปป่าวประกาศบอกใครด้วยนะ คนที่เขาใส่ใจเรา เขารู้เอง ที่ทำที่นี่มันดูยื่นหมู ยื่นแมวพิกล เธอให้ของฉัน ฉันต้องเลี้ยงเธอ


แต่ตอนนี้ฉันอยู่เยอรมันไง เลยต้องทำตัวเยอรมัน คือ เข้าของวันเกิดต้องทำเค้กเอง แล้วเชิญคนอื่นๆ มากิน เป็นเกียรติค่ะ วันนั้นฉันตื่นมาเห็นแดดมันแสบตาดีแท้ๆ เลยจัดการไปขนซื้อ ไอติม มา 4 กล่องใหญ่ วิ่งตุ๊บๆ เอาไปแช่ตู้เย็นไว้ แล้วส่งอีเมลไปหา เพื่อนร่วมงานทุกคนว่า

"สวัสดีค่ะ ทุกคน วันนี้เป็นวันเกิดฉัน ค่ะ ฉันอยากจะชวนทุกๆ คนมาร่วมรับประทานไอศครีมกันวันนี้ เวลา บ่ายสอง เจอกันที่ออฟฟิศนะคะ"

บ่ายสองทุกคนก็มากิน และคุยกัน เรื่องโน้นเรื่องนี้ หนีไม่พ้นเรื่องงานเหมือนเดิม ช่างเป็นการฉลองวันเกิดที่ perfect จริงๆ (รู้ไหมคะ ว่า ประชด)



สังสรรค์วันเกิด แสนจะระทึกใจและสุดเซ็ง....



เล่าเรื่องไปวัดวันเกิดและเรื่องเลี้ยงเพื่อนร่วมงานวันเกิดแล้ว ตอนนี้จะเล่าเรื่องสังสรรค์วันเกิดกะเพื่อนๆ ที่สนิทๆ กันให้ฟัง ปีนี้ไม่มีอะไรมาก ฉันกะน้องสาวขวัญเกิดวันที่ 16 ก.ค. เหมือนกัน ก็เลยชวนๆ เพื่อนๆ ไปหาอะไรดื่มกันที่บาร์ แล้วก็คุยกัน คนที่ไปก็มี ฉัน น้องสาวขวัญ เพื่อนเป๊าะ เจ๊ติ๊ เพื่อนโด้ น้องหญ้าอ่อน (เนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วฉันไปเบี้ยวนัดเขา ที้งปู้ชายให้รอเก้อ..... สมควรแล้วที่เป็นโสด) ตาไมค์ และ เพื่อนใหม่ คือ ฟรานซิสโก เพิ่งรู้จักกันวันนั้นแหละค่ะ แกสนิทกะเจ๊ติ๊ ฉันบังเอิญเจอสองคนนี้เมาท์แตกกันอยู่ที่ ซุปเปอร์มาเกต ฉันเลยชวนเขามาด้วยเลย ทุกคนที่ไปเนี่ย ก็คือคนที่ฉันค่อนข้างสนิทด้วย แต่เขาไม่ได้สนิทกันเองทุกคน แต่การสนทนาก็เป็นไปราบรื่น สนุกสนานพอสมควร

ร้านที่ไปกินกัน เป็นร้านที่น้องหญ้าอ่อนชอบมาก ส่วนฉันเองก็ชอบ คือ ชอบเด็กเสิร์ฟในร้าน (กรี๊ดดดดดดด........ อาย ง่ะ) ดาเนียล หนุ่มหล่อชาวบราซิล มาทำงานพิเศษที่ร้านนี้ พอเข้าไปในร้านเท่านั้นแหละ โอ้ย หัวใจป้าจะละลาย ....... น้องดา (ดาเนียล) มารับ order ที่โต๊ะ โอ้ อกอีป้าจะแตก มองตาค้างเลยล่ะค่ะ .... เนื่องจากน้องดา เป็นเพื่อนกับเจ๊ติ๊ และเพื่อนโด้ แกเลยมาดูแลโต๊ะ พวกเราอย่างดี ฉันรู้สึกอายมาก หน้าร้อน ไปหมด (เขามาทำอะไรให้ แกร๊) หลังจากนั้นไม่นาน สวรรค์ก็ยิ่งกว่าเป็นใจ น้องดา ทำงานเหนื่อย เลยขอเลิกกะก่อน แล้วมานั่งคุยกับพวกเราที่โต๊ะ โอ้ พระเจ้า นี่แหละของขวัญวันเกิดสุดพิเศษ ตอนแรกจะนั่งข้างฉันแล้ว แต่ว่า น้องหญ้าอ่อนดันมาขัดขวางเอาไว้ซะก่อน (เซ็งเรย) ฉันคุยกับเขาไป ก็แบบว่า นะ หน้าออกสุดฤทธิ์ เคลิ้มมาก เวลามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของน้องดา (เพื่อนเป๊าะแอบขำ) แต่ว่า สวรรค์ก็ให้ของขวัญฉันได้ไม่เท่าไหร่...... แฟนน้องดา ก็เดินมาปรากฏกาย แล้วกอด จูบคลอเคลียกัน หึ หึ หึ ความสุขนี่มันอยู่กะคนไม่นานจริงๆๆๆ (แค่จะมองยังไม่ได้นานเลย)


หลังจากแฟนน้องดาเนียลมาถึง ฉันก็ถูกถอนมนต์สะกด โงหัวขึ้นมา เหลือกตาไปดูเพื่อนๆ รอบๆ ก็พบว่า มีคนกำลังทำท่า เหม็นเบื่อ หน้าตูด อารมณ์อักเสบ อยู่หนึ่งคน คือ ตาไมค์นั่นเอง มองหน้ามันปุ๊บ ฉันรู้ปั๊บเลยว่า เขาไม่สนุก ฉันพยายามจะไม่สนใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก ก็ฉันเห็นแล้วนี่ วูบหนึ่ง.....ฉันรู้สึกรำคาญ ปนหมั่นไส้........ เพราะนี่เป็นโฉมหน้าเดิมๆ ที่ฉันแสนจะคุ้ยเคยในอดีต เขาจะออกอาการอย่างนี้เสมอเวลาที่ตัวเองไม่ใช่จุดศูนย์กลางของการสนทนา หรือเราไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูด ........ (ไม่รู้เหมือนกันแหละ ว่ามันเป็นอะไรของมัน) โอเค ฉันเป็นคนชวนเขามา เพราะเขาสนิทกับฉัน ฉันควรจะดูแลแขกของฉัน แต่เขาก็รู้จักคนอื่นๆ นะ ถึงไม่สนิทมาก แต่เราคุยกันเรื่องทั่วไปๆ แบบที่ใครๆ เขาก็คุยกันได้นี่นา มาทำตัวเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เรียกร้องความสนใจอยู่ได้ (หน้าตาเธอเหม็นบูดมาก จนขนาด ทั้งเป๊าะ ขวัญ และเจ๊ติ๊ สังเกตได้)


ย่อหน้าต่อไปนี้ขอบ่น กับตัวเอง......

แต่ฉันมันก็ยังคงเป็นคนเดิม ที่เจ็บแล้วไม่จำ และใส่ใจกับความรู้สึกของคนที่ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของฉัน มากเท่ากับความพอใจของเขาเอง (ประโยคยาวๆ แบบชวนงง) ตอนจบเรื่องนี้ คือ ฉันห่วงความรู้สึกคนอื่น จนลืมขาดความระมัดระวังเรื่องความรู้สึก และความคิดตัวเอง ทำให้ฉันต้องเสียใจ เพราะขาดสติ รู้ทันความคิดตน เบื่อตัวเอง ไม่รู้เวรกรรมอะไร ซ้ำซาก อยู่ได้ วันดี คืนดี ก็ย้อนกลับมาทำให้เสียใจ อยู่เรื่อย ฉันเปลี่ยนเขาไม่ได้ ไปบอกกันตรงๆ ก็คงไม่ได้ ไม่มีทางแก้.......นอกจากฉันต้อง ควบคุมตัวเองไม่ให้เสียสติเท่านั้น


สู่โหมดปกติ ..... แล้วเอาความขมขื่นไปทิ้ง (ลงขวด) แม่โขง... เสียน้ำตาก็ช่างหัวมัน เช็ดๆ บ่นๆ ระบายๆ บ้างก็ดีขึ้น แล้วก็กลับไปทำตัว (เหมือนจะ) ปกติ ตามเดิม คนเรามันก็รักแต่ตัวเองกันทั้งนั้นแหละ (รวมทั้งตัวฉันด้วย) ตอนนี้ฉันก็ยังล้มลุก คลุกคลานกับไอ้การเรียนปริญญญาใบนี้อยู่ เรื่องรักๆ เลิกๆ ก็ช่างหัวมันก่อนแล้วกัน ช่างมันฉันไม่แคร์



Create Date : 01 สิงหาคม 2550
Last Update : 8 สิงหาคม 2550 13:57:39 น. 11 comments
Counter : 927 Pageviews.

 
เรื่องพระใจแตกนี่ บางทีก็ไม่แน่ใจว่าเป็นพระใจแตกเอง หรือสีกาไประริกระรี้ใกล้ๆ พระ ยั่วให้ศีลพระแตกหรือเปล่า



เขาว่า การเรียนปริญญาเอกนั้นเหมือนกับการติดคุก คิดแง่หนึ่งก็ทรมาน ทำอะไรที่อยากทำไม่ได้ แต่คิดอีกแง่หนึ่งมันก็มีมุมที่เป็นประกายแห่งความหวังอยู่เหมือนกัน การติดคุกมันมีระยะเวลาของมันอยู่ ชดใช้กรรมเสร็จเมื่อไรก็เป็นไท ไร้สิ่งรบกวนจิตใจ อยากทำอะไรก็จะได้ทำ

เขาคนนั้นไม่ใช่ใครครับ ผมเอง

เวลาคิดเรื่องเรียนทีไร ก็คิดแบบนี้เพื่อปลอบใจตัวเองทุกที

"I'm doing my time... I'm doing my time..."

"ฉันกำลังชดใช้กรรมในคุก... ฉันกำลังชดใช้กรรมในคุก..."

(จำมาจากในหนังฝรั่งอีกทีครับ )


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:11:06:55 น.  

 
พี่ปอ รี่อ่านแล้วหัวเราะอยู่คนเดียว
สามสาวนั่งมองแม่บ้าแบบงงๆ

สนุกมากๆเลยค่ะบล้อกนี้ อ่านจุใจ
มีรูปอีกต่างหาก อิอิ

ป.ล. สุขสันต์วันเกิดพี่ปอย้อนหลังด้วยค่ะ
ขอให้จบ PhD ไวๆนะคะ
คิดถึงค่ะ


โดย: ShiEri วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:11:46:38 น.  

 
โห พี่ปอขา..กลับมาอัพบลอคแล้ว
คิดถึงสำนวนฮาๆของพี่ปอมากมาย

กลับมาอัพรวดเดียว 4 เรื่องเลยเหรอคะ
กะจะดองอีกนานล่ะสิเนี่ย
งั้นกระต่ายอ่านครั้งละเรื่องดีไม๊พี่ปอ
คราวหน้ามาอ่านเรื่องที่ 2 ต่อ คิคิก



ได้เห็นหน้าพี่ปอแล้ว แหม..ออกจะงาม
แต่พี่ปอชอบบ่นว่าอ้วน ..ตรงไหนคะ
ตัวกระจึ๋งนึงเอง
เพื่อนแต่งงานเรียบง่ายดีนะคะ
เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจอ่ะเนอะพี่ปอ



สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังด้วยนะคะ
ว่าแต่ อายุเท่าไหร่แล้วคะพี่ ( ถามคำถามหลาบคายไม๊คะนี่)


โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:13:45:34 น.  

 
หวัดดีค่ะ พี่ปอ

Happy Birthday ย้อนหลังด้วยนะคะ

blog วันนี้ยาวจังเลย แต่ก็อ่านจบจนได้ แหะ ๆ ๆ ๆ

ปล. โหที่เยอรมันมีจตุคามด้วยนะเนี่ย อินเตอร์จิง ๆ

ปล.2 แพรจะไปเรียนต่อเดือนหน้าแล้วนะคะ


โดย: Conglomerate วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:21:35:25 น.  

 
พี่ปอคะขา วันนี้กระต่ายจะคอมเม้นท์เรื่องวัด นะคะ คิคิก


คราวก่อนถามว่าพี่ปออายุเท่าไหร่ วันนี้รู้แล้ว แหม.. พี่ปอ เท่านั้นไม่แก่หรอกค่ะ กำลังแตกเนื้อสาว

ส่วนเรื่องวัดเนี่ย มองในแง่ดีก็คือ ยังมีสาวรุ่นไปวัดกันอยู่นะ แต่นุ่งสั้นนี่ก็ไม่ไหวอ่ะ พระเพรอะ ศีลขาดหมด


โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:11:09:42 น.  

 
แล้วเม่อไหร่จะมีงานคุณปอ กะหนุ่มต่างชาติมั่งล่ะครับ

ป.ล.
แซวเล่น นะคร้าบบบ


โดย: กุมภีน วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:12:13:51 น.  

 
สวัสดีครับคุณปอ
เข้ามาที่บล็อกคุณเรื่อยๆ
แต่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว
อิอิอิ

ผมสบายดีครับ

ขอให้คุณปอมีความสุขมากๆนะครับ



โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:17:54:58 น.  

 
สุขสันต์วันเกิดนะคะ ยังงัยก็ขอให้คุณปอเรียนจบไวไว แสดงความยินดีกับว่าที่ด็อกเตอร์ก่อนแล้วกัน

ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจนะคะ


โดย: ประมุขขวัญ วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:22:32:42 น.  

 
คุณปอ สวยนิ ผิวน้ำผื้งแบบนี้ละ หนุ่มยุโรปจะชอบ ...น้องดา บราซิลไม่สนไม่เป็นไร เดี๋ยวเจ้าชายแถบเยอรมันจะเข้ามาทักครับ

เพิ่งรู้ว่าที่เบอร์ลินมีวัดไทยด้วย อ๊ะ อ๊ะ เพิ่งนึกออก หลวงพี่ รูปที่จำวัดกุฏิเดียวกับผม ฉันข้าวทุกมื้อกับผม ตอนผมบวชที่วัดสระเกศ มาจำวัดที่เยอรมัน นิ (ผมบวชหลายปีแล้ว) ป่านนี้อาจจะแก่พรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ก็ได้


สุขสันติ์วันเกิดครับ ขอให้เรียนจบไวๆ มีน้ำหนักลดตามที่หวัง มีสุขภาพแข็งแรง มีเงินหมุนเวียนไม่ขาดมือ มีเพื่อนชายดีๆมีน้ำใจ และมีความสุขในวันเกิดปีนี้ครับ






โดย: yyswim วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:0:57:00 น.  

 
ไม่เห็นอ้วนเลยค่ะ คุณน้องขา ยังกินได้อีกเยอะ อิอิอิ

เรื่องจตุคามนั้น ห้อยกันคนละองค์ไม่แปลก ที่ยุดยามีอยู่เจ้า ห้อยที เก้าองค์ค่ะ เต็มแผงคอ

ผู้พันกระซิบว่า คนนี้ โดนปืนครกก็ไม่ตายค่ะ นับว่าจตุคามรักษา

เจ๊ว่าเจ๊ชอบพิธีแต่งงานแบบฝรั่ง ไม่ปวดหัวดี ประหยัดด้วย


โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:16:39:51 น.  

 
มาอัพบล็อกซักทีเนาะ
ขอให้จบปริญญาเอกไว ๆ นะคะ

เล่าเรื่องสนุกมากค่ะ
แต่ถ้ามาเล่าบ่อย ๆ จะดีกว่านี้


โดย: ดอกรักเร่ (ดอกรักเร่ ) วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:20:25:33 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

O_Sole_mio
Location :
TH Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add O_Sole_mio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.