แก่งกระจาน เรือนจำเขากลิ้งที่ไม่ตั้งใจไปแต่ประทับใจครับ



วันศุกร์ที่ 18 - วันเสาร์ที่ 19 ม.ค.56

ที่จริงวันนี้ผมไปทำธุระให้แม่แค่ โพธารามกับตัวเมืองราชบุรี ตั้งใจไปทำธุระเสร็จแล้วกลับ แฟนผมบอกงั้นไปด้วยจะได้ไปค้างที่บ้านราชบุรีแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับ แล้วต่อไปยังไงถึงไปแก่งกระจานได้ ตามไปเที่ยวด้วยกันนะครับ





ออกเดินทางจากบ้านเวลา 09.20 น.ตั้งไมล์ไว้ที่ 0 ก.ม.ใช้เส้นทาง หน้ากระทรวงสาธารณะสุข ขึ้นพระราม 5 ยิงยาวไปเส้นบางบัวทอง-สุพรรณ เลี้ยวซ้ายไปถึงทางต่างระดับฉิมพลี ขึ้นสะพานเลี้ยวขวาไปนครปฐม ลงมาหน่อยก็แวะกินอาหารเจ้าประจำครับ เล้งต้มเลือดหมู กินมายี่สิบกว่าปีแล้วกลับราชบุรีทีไรก็แวะร้านนี้ สังเกตเลี้ยวขวาลงตรงทางต่างระดับแล้วชิดซ้ายเลยครับ เลยปั๊มตราดาวไม่เกินห้าเมตรแล้วเลี้ยวเข้าร้านได้เลย อยู่ติดถนน





อิ่มเสร็จก็ได้เวลาเดินทางไปราชบุรี ถึงแยกบางแพเลี้ยวขวาเข้าโพธารามทำธุระเสร็จก็เดินทางไปราชบุรีต่อ ไปติดต่องานที่ อบต.โคกหม้อเที่ยงกว่าๆ เหลือเจ้าหน้าที่อยู่หนึ่งคน โทรไปตามเจ้าหน้าที่อีกท่านมา ไม่เกินห้านาทีมาจัดการธุระให้ผม สุดยอดเลยครับ เจ้าหน้าที่กำลังทานข้าวอยู่โดดมาทำงานให้ผมก่อน ผมต้องขอโทษที่มาช่วงเวลาพัก เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไรเต็มใจให้บริการ เห็นผมมาไกลด้วยเลยรีบทำให้ก่อน ผมก็ลืมถามชื่อน้องผู้ชายเรื่องเก็บภาษีที่ดิน บริการสุดยอดเลยครับ ทั้ง อบต.โคกหม้อ กับอบต.ดอนตะโก เต็มใจบริการ ขอชื่นชมจากใจครับ

ทำธุระเสร็จก็ไปกินข้าวคลุกกะปิร้านชุนเซ้น ร้านนี้ก็กินกันมาเกือบสามสิบปีแล้วครับ รสชาดยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ตรงสี่แยกตระการมอเตอร์ แยกไปทาง รพ.ราชบุรีครับ











กินข้าวเสร็จว่าจะเข้าบ้านราชบุรี ผมขอขับรถไปเที่ยวก่อนแต่ยังไม่รู้ไปไหน กะขับไปเรื่อยๆ ออกจากราชบุรีเวลา 12.50 น.ระยะทาง 117 ก.ม. ผ่านปากท่อ-แยกวังมะนาว-เลยเขาย้อยไปได้หน่อย เจอป้ายชิดซ็ายขึ้นสะพานเลี้ยวขวาไปหนองหญ้าปล้อง-แก่งกระจาน ไม่ได้ไปนานแล้ว ลองเข้าไปเที่ยวดูหน่อยสิ





ขึ้นสะพานเลี้ยวขวาไปแก่งกระจาน ขับไปได้ซักพักเจอวิวต้นตาล สัญลักษณ์เมืองเพชรเค้าเลยครับ









ขับตรงไปเรื่อยๆจะเจอสี่แยกแรกข้ามคลองชลประทานด้านขวามือฝั่งตรงกันข้ามจะเป็นปั๊มขับตรงไป วิ่งไปเรื่อยจะมีป้ายเล็กอยู่ตรงโค้งว่าไปแก่งกระจาน ขับตรงไปหน่อยจะเจอสี่แยกเลี้ยวซ้ายตามป้ายไปเลยครับ





เส้นทางนี้ถนนดีเลยครับตั้งแต่ป้ายเลี้ยวไปหนองหญ้าปล้อง-แก่งกระจาน เป็นทางลาดยางสองเลนรถวิ่งสวนกัน แต่กว้าง ไม่ค่อยมีรถมากเท่าไหร่ ขับสบายๆ









เส้นนี้จากแยกเลี้ยวซ้ายให้ขับตรงไปเรื่อยๆ เจอกี่แยกๆก็ขับตรงไปเรื่อยๆ จนมาถึงแยกร้อยศพ จะเป็นวงเวียน มีป้ายบอกให้เลี้ยวขวาไปแก่งกระจานเลยครับ

ป้ายรีสอร์ทเยอะมาก







ป้ายนี้เขียนผิดนะครับ ถ้าจะไปพะเนินทุ่ง ให้เลี้ยวขวาไปทางแก่งกระจาน ไม่ใช่ตรงไป





จากแยกวงเวียนเลี้ยวขวาไป ขับตรงไปเรื่อยๆ ตอนแรกผมขับเลยผ่านไปแล้ว แต่เห็นป้ายทางเข้าแล้วสะดุด เลยขับกลับมาดูหน่อยครับ







เจอป้ายนี้ข้างหน้าทางซ้ายมือ ลังเลอยู่ซักพัก ว่าเปิดให้เข้าชมหรือเปล่า หรือยังไงอะไร 555





ลองขับช้าๆเข้าแบบดูเชิง 555 เห็นมีห้องสมุดเลยจอดแวะเข้าไปถามข้อมูลก่อน









ผมมาถึงเรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง เวลา 14.10 น.ระยะทาง 203 ก.ม. เอาแผนที่มาให้ดูครับ ถ้าใครไม่ได้เข้าทางหนองหญ้าปล้องแบบผม ก็วิ่งตามแผนที่ของเรือนจำชั่วคราวได้ครับ





ห้องสมุดจะปั้นดินประดับข้างๆตัวอาคารครับ สวยดี













ห้องสมุดจะอยู่ส่วนข้างหน้า ผมเดินถ่ายรูปได้ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาต้อนรับ เชิญให้เข้าไปชมข้างใน แถมเดินไปอาคารข้างๆ เปิดประตูให้เข้าชมภายในห้องซึ่งเป็นห้องที่พระเทพได้ประทับทรงงานในห้องนี้ หลังจากพระเทพทรงงานเสร็จห้องนี้ก็ปิดไม่ได้ใช้งาน โชคดีจังครับที่เจ้าหน้าที่เค้าเปิดให้ชม









ผมจะกลับแล้วถามข้อมูลเจ้าหน้าที่แนะนำให้ขับเข้าไปข้างในอีก จะมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลอยู่ ผมลองขับเข้าไปจนถึงที่จอดรถ แล้วเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ





เจอห้องประชุมดาวเคียงดินด้านในจอดรถก่อนเลยครับ







ข้างๆห้องประชุม จะมีห้องน้ำ เก๋มาก

















เดินออกจากห้องประชุมกลับมาทางข้างหน้า เดินตรงไปหน่อยทางขวาจะเป็นป้ายเข้าไปชมศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง







เดินมึนๆได้ซักพัก มีน้องเดินเข้ามาต้อนรับ ผมก็ถามแหลก น้องก็ตอบได้หมด ทีนี้น้องเลยพาทัวร์แบบ PRIVATE ซะเลย 555

ตรงข้ามศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง จะเป็นที่สาธิตหรือจำลองการทำบ้านดินตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดินจนถึงสร้างบ้านเสร็จครับ





ขั้นตอนแรกการทำก้อนดินดิบ





น้องเค้าอธิบายละเอียดมาก บอกทุกขั้นตอน เรียกว่าฟังเพลินเลยครับ ดูรูปไปแล้วกันครับ เดี๋ยวท้ายๆจะผมเอาวิธีการขั้นตอนทำบ้านดินมากฝากครับ

นี่คือตัวอย่างดินที่จะนำมาสร้างบ้าน ส่วนสีก็เลือกชนิดดินได้ สีเหลืองก็ดินชนิดนี้ สีแดงก็ดินอีกประเภท น้องเค้าอธิบายแต่ผมจำไม่ได้แล้วอ่ะ 





ได้ดินก็เอาไปแช่น้ำ ปล่อยให้ดินอมน้ำสองถึงสามวัน พอดินเซตตัวดีก็ทำการนวด เสร็จแล้วก็นำมาตากแดด 3-4 วัน หลังก้อนดินแห้งแล้วก็เริ่มก่อ แล้วก็ฉาบ ทาสีดิน ไม่อธิบายเดี๋ยวข้อมูลจะเพี้ยนเอาครับ



















ทุกขั้นตอนจะมีวิธีการทำบอกให้หมด พอดีผมไม่ได้อ่าน แค่ฟังน้องเค้าอธิบายก็ละเอียดสุดๆแล้วครับ บอกเทคนิคข้อดีข้อเสียให้ด้วย น้องเค้าเจ๋งจริง

น้องอธิบายเสร็จก็พาไปเดินชมบ้านตัวอย่าง แถมเปิดให้เข้าไปชมบ้านข้างในด้วย อยากบอกว่าเย็นมาก รู้สึกว่าราคาหลังนี้ประมาณ 2-3 แสนบาท ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว ยังไงใครสนใจลองโทรถามข้อมูลกันเอาเอง





ที่นี่รับสร้างบ้านนอกสถานที่ให้ด้วยนะครับ เห็นน้องเค้าบอกว่าข้อดี เรื่องความเย็นไม่ต้องห่วงคุณสมบัติบ้านดินคลายความร้อนได้ดี ไม่แพงแต่ข้อเสียคือถ้าโดนน้ำขังไม่เกินห้าถึงหกชั่วโมง บ้านพังเลยครับ เพราะตัวบ้านไม่มีเสาเอาแค่ดินมาก่อขึ้นไปเฉยๆ ถ้าดินโดนน้ำมากมันจะอุ้มน้ำแล้วเกิดการยุบตัวของฐานทำให้บ้านพัง ถ้าจะแก้เค้าจะสร้างฐานที่พื้นหรือเอาปูนมาฉาบที่ฐานก็ได้ ฟังจากน้องเค้าอธิบายนะครับ













บ้านตัวอย่างอีกหลังครับ เชิญชมบ้านตัวอย่าง คลี๊กเลย









เดิมชมพื้นที่ไปเรื่อยๆ















เดินชมบ้านตัวอย่างเสร็จ ก็เดินกลับเข้าศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจ จะผ่านร้านกาแฟและขายของที่ระลึก ทำเก๋อีกแล้วครับ



















น้องเค้าพาชมบ้านตัวอย่างเสร็จก็พาทัวร์ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงต่อ ทำแผนที่ให้เดินดูด้วย
ก่อนเข้าไปชม มาดูประวัติศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง คลี๊กเลย

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2505 กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดอาณาเขตที่ดินบริเวณเชิงเขากลิ้งตำบลวังไคร้ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ประมาณ 600 ไร่ ขึ้นเป็นเรือนจำชั่วคราวเขากลิ้งตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่1298/2505ลงวันที่ 24ตุลาคม 2505(ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น ตำบลวังจันทร์ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี )โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการฝึกอบรมและฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขัง ด้านการปลูกสร้างสวนป่า ด้านการเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ โดยมีอาณาเขต ดังนี้

1. ทิศเหนือจรดถนนสายเขาเจ้าเขื่อนเพชร ยาวประมาณ 480 เมตร(ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นถนนสายเขื่อนเพชร – แก่งกระจาน)

2. ทิศใต้จรดป่าและห้วยขี้พร้าขม ยาวประมาณ80เมตร(ปัจจุบันจดถนนสาธารณะและบ่อน้ำ บ้านทุ่งเคล็ด)

3. ทิศตะวันออกจรดป่าและห้วยขี้พร้าขม ยาวประมาณ 2,400เมตร (ปัจจุบันจดถนนสายสาธารณะสายบ้านทุ่งเคล็ด – บ้านซ่อง)

4. ทิศตะวันตกจรดเชิงเขากลิ้ง และที่ดินจัดสรรส่วนกลาง ยาวประมาณ 2,400เมตร (ปัจจุบันจดที่ดินกรมการปกครองและที่ดินหน่วยทหารพัฒนาเคลื่อนที่ 13 )

เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง เป็นเรือนจำความมั่นคงต่ำ เป็นศูนย์เตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ควบคุมผู้ต้องขังที่ต้องโทษครั้งแรก ใกล้พ้นโทษ (เหลือโทษจำไม่เกิน ๕ ปี) หรือจำคุกมาแล้ว ๑ ใน ๔ หากเป็นคดียาเสพย์ติดต้องอยู่ในเงื่อนไขการพักโทษ จากเรือนจำกลางเพชรบุรีและเรือนจำใกล้เคียง เปิดดำเนินการเมื่อปี ๒๕๐๕ ขึ้นตรงต่อเรือนจำกลางเพชรบุรี มี ความจุในการควบคุมผู้ต้องขัง ๑๐๐ คน ปัจจุบันมีผู้ต้องขังในความรับผิดชอบ ๑๓๔ คน เป็นชายล้วน มีพื้นที่ ๕๘๐ ไร่ เป็นสวนป่าสะเดา ๓๘๐ ไร่ ป่าธรรมชาติ ๕ ไร่ บ่อน้ำเพื่อการเกษตร ๓ บ่อ รวม ๒๐ ไร่ เป็นแปลงสาธิต กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง ๕๐ ไร่ และเป็นสิ่งปลูกสร้าง ๒๕ ไร่

ในปี ๒๕๕๐ กรมราชทัณฑ์ได้จัดตั้งให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงน้อมนำแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานเรือนจำ และพัฒนาผู้ต้องขัง ให้ผู้ต้องขังรู้จักพึ่งพาตนเองตั้งแต่ ด้านปัจจัย ๔ ที่อยู่อาศัย การเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย มีอาชีพที่สุจริต มั่งคง กิจกรรมการฝึกวิชาชีพการเกษตร (เกษตรพอเพียง) การปลูกสร้างบ้านดิน ของเรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เป็นที่ยอมรับของบุคคล หน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน ทั้งจังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดอื่นๆ จัดบุคลากรเข้ามาศึกษาดูงาน และฝึกทักษะ วิชาชีพในศูนย์ฯ เป็นจำนวนมากในแต่ละปี

ในปี ๒๕๕๒ นายนัทธี จิตสว่าง อดีตผู้บริหารระดับสูงของกรมราชทัณฑ์ มอบนโยบายการก่อสร้าง “ห้องสมุดพร้อมปัญญา เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง”เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่ครบวงจรทั้งในด้านวิชาการ และภาคปฏิบัติ ให้ห้องสมุดสนับสนุนภารกิจภาคสนามของเรือนจำและให้บริการข่าวสาร สาระความรู้เพิ่มเติมให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องขังในเรือนจำ รวมถึงชุมชนรอบๆ เรือนจำและผู้สนใจทั่วไป





เกือบลืม น้องเค้าชี้ให้ดูว่านี้เป็นบ้านดินหลังแรกของที่นี่ ตอนนี้อาคารทุกอย่างจะเป็นบ้านดินและถือว่าเป็นเรือนจำดินแห่งแรกในประเทศไทยครับ





ได้เวลาเข้าชมศูนย์เศรษกิจพอเพียงแล้วครับ
ในศูนย์จะมีทั้งหมด 17ฐาน คลี๊กเลย

ฐานการเรียนรู้ที่ 1 การปลูกมะลิปลอดสารพิษ
ฐานการเรียนรู้ที่ 2 การเลี้ยงแย้
ฐานการเรียนรู้ที่ 3 การเลี้ยงกระต่าย
ฐานการเรียนรู้ที่ 4 การเลี้ยงหมูหลุม
ฐานการเรียนรู้ที่ 5 ไบโอดีเซล
ฐานการเรียนรู้ที่ 6 น้ำส้มควันไม้
ฐานการเรียนรู้ที่ 7 เตาตาลกลั่นสมุนไพร
ฐานการเรียนรู้ที่ 8 การเลี้ยงหมูป่า
ฐานการเรียนรู้ที่ 9 บ่อก๊าซชีวิภาพ
ฐานการเรียนรู้ที่ 10 การปลูกผักปลอดสาร
ฐานการเรียนรู้ที่ 11 การเลี้ยงปลาน้ำจืด
ฐานการเรียนรู้ที่ 12 การเพาะเห็ดนางฟ้า
ฐานการเรียนรู้ที่ 13 การเลี้ยงไก่พื้นเมือง
ฐานการเรียนรู้ที่ 14 การเลี้ยงโคพื้นเมือง
ฐานการเรียนรู้ที่ 15 การเลี้ยงแพะ
ฐานการเรียนรู้ที่ 16 การทำปุ๋ยแห้ง+น้ำหมักชีวภาพ
ฐานการเรียนรู้ที่ 17 จุลินทรีย์หน่อกล้วยไม้

น้องเค้าไม่ได้พาผมเดินเข้าฐานแรกนะครับ พาเดินตัดเข้าด้านหลังก่อน จะผ่านตัวอาคารสำนักงานของเรือนจำ ข้างหลังจะเป็นห้องประชุมพอเพียง







ด้านตรงกันข้ามจะเป็นอาคารเกียรติยศ ซึ่งจะเก็บถ้วยรางวัลที่ได้มาไว้ในอาคารนี้ ซึ่งเรือนจำเขากลิ้งได้รางวัลรองชนะเลิศการประกวดผลงานตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยครับ







เดินเข้าทางด้านหลัง จะเห็นไร่มะกรูด มะนาว ทาบกิ่งกับต้นมะขวิดปลูกไว้ น้องเค้าอธิบายว่าพวกต้นมะนาวกับมะกรูดรากไม่ค่อยแข็งแรง เลยใช้กิ่งไปทาบกับต้นมะขวิดซึ่งจะมีรากแก้วที่แข็งแรงซื่งจะทำให้ต้นมะนาวกับต้นมะกรูดมีต้นที่แข็งแรงและอายุได้นานกว่าการเพาะปลูกทั่วๆไป







แล้วที่ผมประทับใจอีกอย่างคือ อาคารวิมานดิน อาคารนี้เค้าจะให้ครอบครัวนักโทษเข้ามาเยี่ยมแบบค้างคืนได้หนึ่งคืน ต่อหนึ่งสัปดาห์ ให้เฉพาะภรรยาที่จดทะเบียนหรือถ้าไม่ได้จดก็เอาทะเบียนบ้านชื่อลูก หรือถ่ายบัตรประชาชนให้ผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันรับรอง ถ้าไม่มีภรรยาก็ให้พ่อ-แม่มานอนด้วยกันได้หนึ่งคืน อาคารมีสองห้องครับ





เดินต่อไปจะเป็นเรือนนอนดิน ข้างในจะเป็นเตียงนอนเรียงกันเป็นระเบียบซ้ายขวา มีห้องน้ำข้างในและมีทีวีให้ดูเป็นเวลา ส่วนรายละเอียดผมไม่อธิบายนะครับ











เลยจากเรือนนอนดินก็เข้าฐานการเรียนรู้แล้วครับ ฐานนี้เป็นฐานโรงกรองน้ำส้มควันไม้ น้องคนนี้ชื่อน้องต้นครับ เดินอธิบายผมตลอดทริป ให้ความรู้ดีมาก รู้ทุกเรื่อง รู้ทุกฐาน อธิบายเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยได้หมด ผมถามน้องเค้าแล้วว่าพี่เอารูปน้องไปลงบล็อกได้เปล่า น้องบอกได้เลยครับ แถมบอกชื่อจริงพร้อมนามสกุลให้เสร็จสรรพ 555

ตอนพี่เอามาลงบล็อกพี่เบลอหน้าน้องแล้วกัน น้องบอกไม่ต้องครับขอเต็มๆ หล่อๆได้เลย จัดไปน้องต้น









ฐานต่อไปหมูหลุม





น้องเค้าบอกหมดต้องขุดหลุมลงไปกี่เมตร เอาหญ้า เอาอะไรมาปูรองพื้นบ้าง ขนาดความกว้างความยาวของหลุม ให้อาหารอะไร แล้วผลที่ได้รับคือหมูเค้าจะมีมันน้อย มีแต่เนื้อแดง จะได้ราคาดี ได้ความรู้มากเลยครับ หลุมนึงเลี้ยงได้ไม่เกิน 7 ตัว หรือ 4 ตัวหว่า จำไม่ได้แล้ว 555













ฐานต่อไปการเลี้ยงกบ จะมีบ่อเพาะไส้เดือนไว้ข้างๆ ตอนแรกผมก็นึกว่าเอาไว้ไปใส่ในต้นไม้ไว้พรวนดิน พอน้องเค้าเฉลยบอกว่าเอาไว้ให้กบกิน อืมมมมม นะ อ้อ..บ่อกบจะแยกตัวผู้กับตัวเมียคนละบ่อกันครับ ไม่งั้นมันจะกัดกันจนตาย จริงอ่ะ เห้อๆ









ไม่เล่าละเอียดแล้วนะครับ เดินผ่านฐานต่างๆน้องเค้าก็อธิบายไปเรื่อยๆ จนมาถึงฐานกระต่าย ที่ฐานมีหลายพันธุ์ครับ น้องเค้าบอกเวลาอุ้มกระต่ายอย่าจับหู เพราะเส้นเลือดเค้าจะแตก ทำให้กระต่ายตายได้ วิธีที่ถูกในการอุ้มกระต่ายให้อุ้มจากท้องขึ้นมาครับ



















ที่นี่จำหน่ายลูกกระต่ายด้วยครับ ตัวละแปดสิบถึงสามร้อยแล้วแต่ละพันธุ์ ผมชอบพันธุ์กำมะหยี่ ขนนิ่มมาก ตัวนี้แหละครับ







ฐานต่อไป แย้ ศัตรูของแย้คือนกครับ บ่อแย้จะเป็นบ่อเปิด ที่เค้าเลี้ยงแย้เพราะใกล้ศูนย์พันธุ์แล้ว เนื่องจากถูกจับกินหมด ไม่อยากเชื่อเลย หุหุ













เดินมาถึงฐานแรก เป็นฐานการปลูกมะลิปลอดสารพิษ









หลังจากนั้นก็เป็นฐานต่างๆ พอเสร็จแล้วก็ได้เวลากลับแล้วครับ น้องต้นเดินมาส่งผมถึงรถ ผมให้ค่าน้ำใจไป 100 บาทไม่รู้ผิดกฏอะไรหรือเปล่า แต่ประทับใจน้องเค้าครับ เต็มใจอธิบาย ความรู้แน่นมาก รู้ข้อมูลทุกฐาน น้องเค้าอยู่แค่ 7 เดือนเอง แต่เป็นวิทยากร คอยบรรยายให้กับองค์กรต่างๆที่มาเป็นหมู่คณะมาดูงานด้วย ถึงว่าทำไมรู้เยอะจัง

สำหรับองค์กรใดหรือน้องๆนักศึกษาต้องการหาที่ดูงาน แนะนำให้มาดูที่เรือนจำเขากลิ้งเลยครับ

สนใจศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนเรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง สอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 032-465171
ขอลาด้วยป้ายพระราชดำรัสที่เรือนจำเขากลิ้ง

เราจงน้อมนำราชดำรัส ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ พระองค์เป็นบุคคลที่ทั้งโลกควรจดจำ พระองค์ได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่ประชาชนของพระองค์ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน





ผมอยู่ที่เรือนจำประมาณชั่วโมงกว่าๆ ไม่ผิดหวังเลยครับที่ขับย้อนเข้าไปดู ยิ่งได้น้องที่มีความรู้มาอธิบายด้วย ได้ความรู้มาเต็มที่ สำหรับใครที่ขับรถผ่านแนะนำลองแวะเข้าไปชมได้ครับ ไม่ผิดหวัง





ออกจากเรือนจำเขากลิ้งก็ขับตรงไปตามทาง ป้ายรีสอร์ทเพียบ





ประมาณ 10 ก.ม.ก็มาถึงป้ายนี้แล้วครับ





ขับไปขึ้นไปทาง อช.แก่งกระจาน ข้ามสะพานไปหน่อยเห็นป้ายรีสอร์ทอยู่ทางซ้ายมือเพียบเลย

ซอยแรกผมเลี้ยวเข้าไป แต่ละรีสอร์ทยังไม่ค่อยโดน แถมไม่มีใครอยู่อีกต่างหาก





ขับออกมาซอยที่สอง แวะเข้าไปดู พอโอเคอยู่บ้าง





ดูถนนเข้าไปก่อนครับ สภาพอย่างนี้ทั้งสองซอย 555 สภาพถนนจะเป็นดินลูกรังอัดแน่นทั้งสองเส้น หน้าร้อนฝุ่นจะเยอะหน่อย วิ่งได้สบาย หน้าฝนไม่รู้เหมือนกัน เห้อๆ







ผมเข้าไปดูหลายๆรีสอร์ท ไม่ได้ตั้งใจค้างหรอกครับ แต่มาสะดุดที่ภูมพฤกษ์หนึ่ง แถวนั้นมีสามเจ้าเป็นพี่ญาติพี่น้องกันหมด ถามราคาบอกห้องละ 1,200 ผมต่อเล่นๆ 1,000 ถ้วนได้เปล่า เจ้าของโอเคเลย อ้าวๆๆ ไม่ได้ตั้งใจมาพักกะมาสำรวจไว้เฉยๆ ก็เลยต้องนอนหนึ่งคืน แฟนบ่นอุบเลย บอกว่าจะไปนอนที่บ้านราชบุรี เลยไม่ได้นอนกัน







ได้ห้องเสร็จก็ขับรถไปเที่ยว อช.แก่งกระจาน ออกจากรีสอร์ทกลับทางเดินถึงปากซอยเลี้ยวซ้ายขับไปตามทางก็มาถึง อช.แก่งกระจาน ผมมาถึงที่ อช.แก่งกระจานเวลา 14.50 น.ระยะทาง 222 ก.ม.พอดีครับ







อช.แก่งกระจานผมมาหลายครั้งแล้วครับ ไม่บอกข้อมูลแล้วนะ สนใจตามไปอ่านในบล็อกเก่าๆผมได้ จากที่พักมาถึง อช.ประมาณ 4 ก.ม.เองครับ ไม่ไกลเลย

เอาระยะทางไปบ้านกร่าง-พะเนินทุ่งมาฝาก





ผมเคยเช่าเรือนั่งไปไหว้พระเกาะโสมมาแล้ว แนะนำเลยครับ ถ้าใครมาเป็นกลุ่มเช่าเรือเหมาลำไป อย่าไปเช่าของรีสอร์ทเอกชนนะครับ ทุกที่จะแพงกว่าของ อช.จากที่ถามมาเกือบทุกรีสอร์ท อย่างรอบอ่างเก็บน้ำของ อช.จะแค่ 500 ต่อสิบคน ส่วนของเอกชน มีตั้งแต่ 700 ขึ้นไป นอกจากคุณจะซื้อแพคเกจรายหัวของรีสอร์ท อย่างนั้นไม่ว่ากัน





เสียดายไม่ได้เอาเต้นท์ติดรถมา ไม่งั้นผมกางนอนที่ อช.แล้วครับ นักท่องเที่ยวน้อยมาก ไม่เหมือนช่วงเทศกาลที่ผมเคยกางเต้นท์นอน คลี๊กเลยแต่ดูบรรยากาศตอนนี้ ทางอช.ปรับภูมิทัศน์สวยขึ้นเยอะเลย ทำที่กางเต้นท์เพิ่มขึ้น ตรงจุดที่ผมเคยกางเต้นท์ริมอ่างน้ำก็ปรับเป็นลานกางเต้นท์ให้เรียบ มีห้องน้ำห้องท่าอำนวยความสะดวกขึ้นเยอะเลย

































ชอบอีกอย่าง เดี๋ยวนี้ตาม อช.ห้ามกินเหล้า ส่งเสียงดัง ทำให้พวกเล่นกีต้าร์ชอบเปิดเครื่องเสียงดัง กินเหล้าโหวกเหวกโวยวาย ไม่มีแล้วครับ เดี๋ยวนี้ไม่เกินสามทุ่มเจ้าหน้าที่เดินตรวจห้ามกินเหล้าหรือส่งเสียงดัง พวกเที่ยวแบบครอบครัว มากางเต้นท์พักผ่อน ดูธรรมชาติก็สบายใจไป ไม่ต้องมีเสียงมารบกวน







เดินชมบรรยากาศ ขับรถเล่นแถวนั้น หาข้อมูลนิดหน่อย ก็ได้เวลาขับกลับแล้วครับ ขากลับแวะกินข้าวแถวริมเขื่อนนั้นแหละ มีหลายเจ้าอยู่เหมือนกัน เจ้าแรกเจอทัวร์ลง เผ่นก่อนดีกว่า อาหารท่าจะนาน เจ้าที่สองเคยกินแล้ว แฟนบอกลองเปลี่ยนร้าน ขับไปถึงเจ้าที่สามร้านดูดี วิวแจ่มมีมุมถ่ายรูปเอาร้านนี้แหละ เรื่องรสชาดค่อยว่ากันทีหลัง 









สั่งไปสามอย่าง ปลานิลทอดกระเทียม ตัวใหญ่มากกกกกกกกกกก ปลาสดแถมเป็นปลาในเขื่อนเพิ่งจับมาได้ เนื้อหวานมาก ตัวนี้ 200 ผมกับแฟนแทะกันถึงก้าง เรียกว่าแมวร้องไห้เลยอ่ะ 555 จานต่อไป ทอดมันปลาอะไรจำไม่ได้แล้ว อร่อยพอประมาณ ให้มาหลายชิ้นเลย เคี้ยวหนุบหนับดี สมราคาให้ผ่าน สุดท้ายแกงส้มหน่อไม้ดองปลากด จานนี้เปรี้ยวได้ใจ สรุปร้านนี้รสชาดปานกลาง ราคาโอเคสมเหตุสมผล แต่ของสดมากครับ แฟนผมให้ผ่าน

ที่สำคัญ ใครมากินอาหารแถวนี้สองคน อย่าสั่งเยอะ เพราะทำอาหารจานเล็กไม่เป็น ยกมาทีนึกว่ามาเลี้ยงคนงานก่อสร้าง 555









เรื่องรสชาติไม่เป็นไร ผมให้ผ่านเรื่องบรรยากาศตอนเย็นครับ เอาไปเต็มสิบ

















ที่จริงถ่ายมาเยอะกว่านี้อีกครับ แต่ทริปนี้รูปเยอะไปหน่อย แบบว่าประทับใจที่เรือนจำเลยอัดข้อมูลเยอะหน่อย หุหุ แถมพระอาทิตย์ตกก็งามหลายๆ ใครสนใจก็แวะทานกันได้ที่ร้านชายหาด@แกร่งกระจาน ขับผ่านจะเห็นป้ายร้านเด่นเป็นสง่า ขาไปน่าจะเป็นร้านแรกเลยมั่ง อยู่ทางขวามือไม่แน่ใจ แต่รับรองเห็นร้านแน่

ประมาณทุ่มกว่าๆก็กลับเข้าที่พักแล้วครับ คืนนี้ผมนอนห้อง กรรณิการ์ 1 ครับ





ตัดมาตอนเช้าเลยครับ มาดูห้องกัน ไม่มีอะไรมาก มีแค่ที่นอน โทรทัศน์ ลงไปเป็นห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นแค่นี้ก็โอเคแล้ว 1,000 บาท ขำๆครับ











ผมชอบที่นี้ตรงที่บรรยาศครับ รีสอร์ทจะปลูกด้วยไม้เกือบทั้งหมด มีเล่นระดับ มีหลายหลังให้เลือก ไม่ว่าจะมีแบบสองคนหรือห้องเดียวนอนรวม 20 คนก็มีให้ แล้วแต่จะเลือก 































สไลด์เดอร์ อยู่หน้าห้องผมเลยครับ เวลาเล่นเค้าจะเปิดน้ำให้ใหลไปตามทางสไลด์เดอร์ เห็นอย่างนี้ทั้งสูงทั้งไกล แต่สภาพสไลด์เดอร์ไม่น่าเล่นเลย สกปรกอ่ะ ส่ว่นใครเล่นให้ไปเช่าชูชีพที่รีสอร์ทได้ ตัวละ 30 บาท แต่รีสอร์ทที่อื่นไม่เห็นเก็บเลยอ่ะ น่าจะให้ฟรีเนอะ อ้อ..แถวนั้น รีสอร์ทที่ติดริมน้ำจะมีสไลด์เดอร์กันทุกแห่งเลยครับ แถมมีกิจกรรม ห้อยตัว อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด เหมาะกับการมาเป็นกลุ่มใหญ่ ถึงจะสนุกครับ

ที่พักภายในรีสอร์ทครับ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 081 - 8524615 , 089-9181415 หรือจะลองเข้าไปดูในเวปเค้าได้ คลี๊กเลย



















แปดโมงกว่าๆก็ได้เวลากลับแล้วครับ ผมไม่ได้ออกทางเดิมครับ เลี้ยวซ้ายเลาะรีสอร์ทไป ขับไปตามทางเป็นลูกรังเหมือนเดิม ก็ขับไปเรื่อยๆ จนมาถึงสะพานเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานเจอรีสอร์ทอีกเจ้า สไลด์เดอร์อลังการงานสร้างมากครับ 

















ขับมาเรื่อยๆก็จะมาออกตรงหน้าอำเภอพอดี ขากลับผมไม่ได้กลับทางเก่า จากแยกวงเวียนขามาเลี้ยวซ้ายไปหนองหญ้าปล้องออกปากท่อได้เลย แต่ผมตรงครับ ไปกินข้าวที่ท่ายางแวะหาเพื่อนเก่านิดหน่อย พอออกจากท่ายางคุณแฟนอยากกินขนมหวานร้านโอวทึ้งที่ตัวเมืองเพชรบุรี ตามใจหน่อย

แฟนผมเล่นขนมลอดช่องหนึ่งถ้วย ไอติมอีกสอง หุหุ สงสัยอยากกินจัด











ใครสนใจก็ไปตามนี้เลย ที่ตั้ง: สาขาหน้าโรงเรียนอรุณประดิษฐ์ ถนนราชดำเนิน ต.บ้านหม้อ จ.เพชรบุรี หรือไปไม่ถูกก็โทร เบอร์นี้เลยครับ 081-852-3350

อิ่มเสร็จก็ยิ่งยาวกลับบ้านไม่แวะไหนแล้ว ผมใช้เส้นทางวังมะนาว – ปากท่อ –ราชบุรี –นครปฐม- นนทบุรี มาถึงบ้าน เวลา 14.35 น.รวมระยะทางทั้งหมด 453 ก.ม.





ขอบคุณคนข้างกายที่ไปเป็นเพื่อนตลอด ไม่ว่าจะพาไปลำบากแค่ไหน มีหลงบ้าง ที่พักเป็นยังไง อาหารถูกปากหรือไม่ก็ไม่เคยว่า ตามใจผมตลอด น่ารักเนอะ 555

ขอบคุณเจ้าน้องวีโก้คันเก่ง พาไปขึ้นห้วย ลงเขา เข้าป่า เข้าดอย ก็ไม่เคยงอแง ตลอดระยะเวลา 7 ปี

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ





ทริปนี้ประทับใจที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้งมาก ดีที่ตัดสินใจเลี้ยวกลับเข้าไปชม ทำให้รู้ว่า ยังมี ที่หน่วยงานของรัฐบาล นำโครงการของพ่อหลวงของเรามาสานต่อ และทำได้ดีเลยครับ เห็นเพิ่งเปิดได้ไม่กี่ปีเอง ใครมีโอกาสหรือองค์กรใดสนใจ แนะนำเข้าไปเยี่ยม ไปดูงาน ไปให้กำลังใจพวกเค้าด้วยนะครับ ทริปนี้รูปเยอะที่สุดเลย ไว้มีโครงการดีๆอะไรอีกจะมาแนะนำให้อีกครับ


ค่าเสียหายทั้งหมด

วันแรก
- อาหารเช้าที่ร้านเล้งต้มเลือดหมู 151 บาท
- เติมน้ำมันเต็มถัง 1,000 บาท
- ข้าวกลางวันร้านข้าวคลุกกะปิ 92 บาท
- ค่าน้ำใจน้องต้นคนเก่ง 100 บาท
- ค่าที่พัก 1,000 บาท
- ค่าอาหารมื้อเย็น 565 บาท
- ซื้อของใช้ส่วนตัว 55 บาท

วันทีสอง
- อาหารเช้าที่ร้านท่ายาง 180 บาท
- ขนมท่ายาง 25 บาท
- ไอศรีม+ลอดช่อง ร้านโอวทึ้ง 100 บาท (ไอติม 2 ถ้วย ลอดช่อง 2 ถ้วย)

รวมทั้งหมด 3,268 บาท




 

Create Date : 22 มกราคม 2556
0 comments
Last Update : 13 ตุลาคม 2560 15:13:56 น.
Counter : 76705 Pageviews.


nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.