2 วัน 1 คืน แพชาวดง กาญจนบุรี



วันเสาร์ที่ 30 – วันอาทิตย์ที่ 31 พ.ค.58

ทริปนี้ซื้อแพคเกจตั้งแต่ เดือนต้นมิ.ย.ปีที่แล้ว จองไปสามครั้ง มีเหตุให้เลื่อนมาตลอด จนใกล้วันหมดอายุเลยหาเวลาไปจนได้ ไปนอนแช่น้ำในแพด้วยกันครับ


วันเสาร์ที่ 30 พ.ค.58

เวลา 07.00 น.ได้ฤกษ์ออกเดินทางจากบ้านนนทบุรี เซทไมล์ไว้ที่ 0 เหมือนเดิม น้ำมันเต็มถัง ทริปนี้ไปกับแฟนสองคนเหมือนเดิม



ใช้เส้นทาง ผ่านหน้ากระทรวงสาธารณสุข ข้ามสะพานพระราม 5 ยิงตรงไปถึงถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายตรงไปถึงแยกต่างระดับฉิมพลีขึ้นสะพานเลี้ยวขวา(ป้ายบอกไปทางนครปฐม เลี้ยวตามป้ายไป) ลงสะพานจะเข้าเส้นถนนบรมราชินี ขับตรงไปถึงทางเชื่อมเพชรเกษม เลี้ยวตามป้ายไปนครปฐมยิงยาว (สะพานข้ามแยกตรงทางเลี่ยงเมืองนครปฐมเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ วิ่งสบายมาก รถไม่ติดแล้ว) ตรงไปถึงแยกทางเข้าบ้านโป่ง (มีป้ายบอกไปกาญจนบุรี) ชิดซ้ายขึ้นสะพานขับไปตามทาง ตามป้ายไปกาญจนบุรี ขับตามป้ายไปเรื่อยๆ จนมาถึงแยกท่าล้อ ผมเลี้ยวขวาตรงแยกท่าล้อนี้ครับ ไม่เข้าตัวเมืองกาญจน์ แยกท่าล้อ เลี้ยวขวาโลด...

ผมมาถึงแยกท่าล้อ เวลา 8.57 น.ระยะทาง 126 กม.


ขับตรงไปเรื่อยจะผ่านแยกสารภี ตรงไปอีกซักพักก็มาถึงแยกแก่งเสี้ยน

ถึงแยกแก่งเสี้ยน เวลา 9.14 น.ระยะทาง 139.4 กม.


ถึงแยกแก่งเสี้ยนเลี้ยวขวา ทางแพชาวดงแนะนำร้านอาหารข้าวราดแกงร้านเจ๊ดำ ตรงลาดหญ้า จะอยู่ตรงตลาดเลยครับ ขาไปจะอยู่ทางด้านซ้ายมือติดข้างทางไม่ต้องยูเทิร์น เข้าเขตลาดหญ้าขับช้าๆก็จะเห็นป้ายร้านเจ๊ดำ


รสชาติธรรมดา ยังไม่ค่อยโดนครับ แต่ก็โอเคอยู่ ไม่ถึงกับเลวร้าย รสชาติจะออกเค็มๆหน่อย











อิ่มเสร็จออกเดินทางต่อ

ผมออกจากร้านเจ๊ดำ เวลา 9.43 น.ระยะทาง 149.6 กม. ขับตรงไปเรื่อยๆจนมาถึง แยกเขื่อนศรีนครินทร์ เวลา 10.20 น.ระยะทาง 198 กม. (เลี้ยวซ้ายจะไปเขื่อน-น้ำตกเอราวัณ-น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น) ผมเลี้ยวขวาขึ้นเขาไปท่าเรือหม่อนกระแทะ

ลงเขามาได้ขับไปไม่ไกลจะมีแพต่างๆ ดังๆเยอะมาก จะอยู่ทางซ้ายมือ ลงเขาก็ขับช้าๆนะครับ จะมีป้ายบอกแพชาวดง เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปเลยครับ จะมีเจ้าหน้าที่คอยตอนรับอยู่

ที่จอดรถเพื่อขึ้นเรือไปแพชาวดง เราเสียค่าจอดรถ 100 บาทต่อคืนต่อคันครับ


แพชาวดงนัดเวลาให้มาถึงท่าเรือก่อน 11.00 น. ผมมาถึงที่ท่าเรือหม่อนกระแทะ เวลา 10.35 น. ระยะทาง 209.8 น. ก็มีลูกค้าของแพชาวดงมากันเกือบครบแล้วครับ

หน้าตาของเรือแพชาวดง


บรรยากาศท่าเรือหม่อนกระแทะ จะมีรีสอร์ทและแพต่างๆอยู่ใกล้ๆกันเยอะมากเลยครับ


ลูกค้ามากันครบก็ออกเดินทาง


ผมนั่งชั้นบนครับ บรรยากาศจะเป็นอย่างนี้ แดดแรงแต่ไม่ร้อน ลมเย็นมากๆ หลับไปหลายตื่นเหมือนกัน


ระหว่างทางจะเห็นแพเล็ก แพน้อยลากไปตลอดทาง

ขึ้นเรือมาได้ บนเรือก็จะมีขนมจีน แกงไก่หรือจะข้าวสวยราดแกงไก่ก็ได้นะครับ แต่ผมอิ่มมาแล้วเลยไม่ได้ชิมแกงไก่ว่ารสชาติเป็นยังไง 


วิ่งประมาณสองชั่วโมง นั่งๆนอนๆบนเรือนั้นแหละ หลับเพลินมาก ก็มาถึงท่าเรือเพื่อขึ้นไปเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เค้าจะมีรถกระบะมารับที่ท่าเรือเลยครับ


รถจะมาที่ อช.ชั้นแรกก่อนครับ เพื่อเช็คนักท่องเที่ยว แล้วค่อยขับไปส่งชั้นสี่


มาถึงชั้นสี่ ก็ปล่อยให้เราลงเดิน แต่ไม่ให้ขึ้นไปชั้นเจ็ดครับ เพราะเวลาไม่พอ ให้ลงจากชั้นสี่เดินไปลงชั้นหนึ่ง


มีลานกางเต้นท์ที่ชั้นสี่ด้วย ไว้จะมากางนอนเล่นซักคืน


ทางแพชาวดงจะให้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็เดินลงตามทางไปเรื่อยๆ เจอชั้นสี่ก่อนเลย ฉัตรแก้ว


มาหน้าแล้ง น้ำน้อยไปหน่อย แต่ก็สวยเหมือนกันครับ


ร้อนมาก แต่พอเข้ามาเดินในน้ำตก ร่มรื่น เย็นสบายดีครับ

ทางเดินจะเป็นอย่างนี้ ทำเป็นสะพานไม้เดินสะดวกมาก


เดินลงมาก็จะเป็นชั้นที่ 3 วังหน้าผา



เดินมาเรื่อยๆจะมีน้ำตกให้ชมตลอดทาง เดินเพลินมาก


จะมีนักท่องเที่ยวอาบน้ำเล่นในน้ำตก แต่จะมีข้อห้ามให้ใช้สบู่ ยาสระผมในน้ำตก บางจุดห้ามกระโดดน้ำด้วย รู้สึกจะปรับเยอะด้วยใครไปเที่ยวก็ทำตามกฏด้วยนะครับ


ทางเดินจะเป็นทางเรียบบ้าง เดินขึ้นบันไดบ้าง เดินสบายๆ


เดินไปเรื่อยๆ





แล้วก็มาถึงชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น







ชั้น 1 ดงว่าน











แล้วก็เดินมาถึงจุดขึ้นชั้นแรก





ก่อนเดินขึ้นน้ำตกจะมีป้ายบอกให้ดูเป็นไกด์ไลน์ครับ


เดินมาหน่อยก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

ด้านหน้าของศูนย์บริการ


ข้ามถนนไปหน่อยจะมีร้านอาหารปิ่นไพร-ป้าหยุด ผมไม่รู้ว่าเปิด-ปิดกี่โมง แต่มีอาหารขายเยอะ รวมขนม ของใช้ อยู่ติดถนนหน้า อช.เลยครับ


หลังจากนั้นก็เดินกลับไปยังเรือ ขามานั่งรถ ขากลับให้เดินชมธรรมชาติกลับเรือ เห้อๆ
ก่อนกลับถ่ายป้าย น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น 7 ชั้น


จากชั้น 1 เดินมายังจุดจอดเรือ เดินไกลเชียว ร้อนอีกต่างหาก แต่เห็นเมฆแอบกดมาสองสามแชะ







เดินขึ้นเรือมาได้ก็มีขนมหวานต้อนรับ เย็นชื่นใจ

ส่วนไอติม เป็นของนักท่องเที่ยวเอามาเอง ผมก็ไม่รู้นึกว่าเป็นของแพชาวดงเดินไปตักมากินเฉยเลย มารู้ตอนกลับแล้ว ฟาดไปหลายถ้วยเหมือนกัน 555 ขอบคุณเจ้าภาพไอติมด้วยนะครับ


หลังจากนั้นก็นั่งเรืออีกประมาณชั่วโมงครึ่ง ระหว่างนั่งเรือก็ถ่ายรูปไป ฟังเพลง นอนหลับ เอาที่สบายใจเลยแล้วกัน 555



เห็นแพชาวดงแล้วครับ


เรือจอดได้ก็ลงไปรับกุญแจที่เค้าเตอร์


ผมได้ห้องนี้ครับ 2/2


ห้องไม่มีอะไรเลยครับ นอกจากเตียงกับที่นอน อ้อ..มีกระจกกับไฟหนึ่งดวงเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ธรรมชาติสุดๆ สุดมากไปเปล่า

รูปภายในห้องผมครับ ไม่ได้ตั้งใจถ่ายให้เบลอนะครับ ฝีมือผมถ่ายเบลอเอง 555


ส่วนท่านอื่นกำลังทยอยลงจากเรือ


แพชาวดง


ส่วนห้องน้ำต้องขึ้นไปข้างบนครับ

ทางเดินขึ้นไปยังห้องน้ำ


ขึ้นไปห้องน้ำแล้วมองลงยังแพชาวดง


ห้องน้ำหญิงกับชายจะแยกกัน ผู้หญิงจะอยู่ข้างล่าง ส่วนของผู้ชายจะเดินขึ้นข้างบนไปนิดเดียวแต่ใกล้กันครับ ห้องน้ำค่อนข้างสะอาด เสียอย่างเดียวน้ำไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ ไม่มีน้ำอุ่นนะครับ นอกนั้นมีครบหมด



หลังจากเดินสำรวจแพเรียบร้อย ก็นั่งเล่น นอนเล่น ส่วนใครอยากเล่นน้ำก็ลงหน้าแพได้เลย มีชูชีพให้ครบทุกคน มีเรือคยักและกิจกรรมต่างๆให้เล่น

กิจกรรมสาวน้อยตกน้ำ เล่นกันเอง ฟรี



ส่วนสนุ๊กเกอร์ กับปิงปอง อันนี้เสียเงินมั่ง


โต๊ะค่อนข้างเน่าหน่อยนะครับ

แต่ถ้าไม่มีอะไรทำก็ถือว่าฆ่าเวลาได้ดีทีเดียว


ประมาณทุ่มก็มากินอาหารที่หน้าแพครับ จะเป็นแพเปิดโล่ง มีลานตรงกลางไว้ก่อไฟ


ก่อนอาหารมื้อเย็น จะมีบุฟเฟ่ต์ส้มตำ ให้ตำกันเองครับ

จัดไปหนึ่งครก แฟนผมตำเอง ไม่อร่อยอ่ะ ไม่กล้าบ่น ไม่รู้ใส่อะไรไปหืนๆหน่อย


หลังจากนั้นก็เป็นอาหารมื้อเย็น ดีตรงไม่ต้องนั่งปนกับใคร โต๊ะใครโต๊ะมัน อาหารให้มาห้าอย่าง หมดเติมได้ตลอด




อาหารรสชาติปานกลาง ชอบแกงจืดฟักน้ำซุปอร่อยดีครับ ส่วนปลาทอดกรอบก็อร่อย ตบท้ายด้วยมันแกว ไม่ค่อยได้กินมานานแล้ว

ระหว่างเสริฟอาหารจานแรกแพดนตรีก็ลากมาหน้าแพเล่นกันสดๆให้ฟังไปด้วย กินไปด้วย นักร้องร้องเพลงเพราะดีครับ

ถ่ายตอนกลางคืนภาพเบลอหน่อยนะครับ



หลังจากนั่งกินไป ฟังเพลงไป ใกล้อิ่มนักร้องก็จะเชิญตัวแทนแต่ละกลุ่มขึ้นไปร้องเพลง

ตอนแรกนึกว่าอาหารหมดแล้ว มีปลาเผามาให้อีกจาน ไม่รู้เป็นปลาอะไร ผมไม่ได้กินครับ แฟนกินไปสองคำอิ่ม


ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆก็เข้าห้องนอน ไม่อยากนอนเลย อากาศข้างนอกลมพัดเย็นมาก แถมพระจันทร์เต็มดวง ดาวระยิบระยับสวยมากเลย (อ้อ..ก่อนนอนได้ยินประกาศว่าตอนกลางคืนมีข้าวต้มให้ด้วย ใครไม่อิ่มก็ไปตักกินได้ ส่วนผมขอนอนก่อนดีกว่า)

วันอาทิตย์ที่ 31 พ.ค.58

ตัดมาตอนเช้าแล้วกันครับ ประมาณหกโมงก็ต้องตื่น เนื่องจากสมาชิกนักท่องเที่ยวเดินกันให้ลื่ม ส่งเสียงดังถือว่าปลุกไปในตัวแล้วกัน ผมก็เลยต้องตื่น

เดินขึ้นไปแปรงฟัน แล้วลงมากินข้าวต้ม เป็นข้าวต้มไก่ แล้วก็มีพวกกาแฟ โอวันติน ส่วนปาท่องโก๋ทอดให้ใหม่ๆเลยพร้อมขนมครกหยอดกันเห็นๆ แคะกันสดๆ






อิ่มแล้วก็ชมบรรยากาศยามเช้าหน้าแพชาวดง


หลังจากอิ่มเสร็จ ประมาณแปดโมงครึ่งก็มีกิจกรรมล่องแพเปียก ใครไม่อยากไปจะนอนพักที่แพก็ได้ครับ สำหรับผมไม่พลาด


ออกเดินทาง เค้าจะลากไปน้ำตกลำเขางู แต่เนื่องจากน้ำแห้งมากเลยลากไปไม่ถึง ได้ไปแค่แพเพื่อนบ้าน แพลำน้ำโจน แพนี้ถ้าใครเป็นคนชอบตกปลาต้องรู้จักดี


แพจะลากไปเรื่อยๆ ใครจะเล่นน้ำหรือเกาะแพให้ลากไปด้วยก็ได้ เค้าจะลากไปเรื่อยๆ แล้วมาจอดให้เราเล่นน้ำอีกจุดหนึ่ง











ประมาณสี่โมงก็ลากกลับมาเข้าที่พัก ปล่อยให้เล่นน้ำที่แพต่อ ส่วนผมขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวกลับแล้วครับ

ห้าโมงเช้าก็เก็บของขึ้นเรือ แล้วกินข้าวที่แพต่อ มื้อกลางวัน จัดมา 5 อย่าง


มีไข่เจียว ปลาทูน้ำพริก-ผัดวุ้นเส้น-ผัดเปรี้ยวหวาน-ต้มยำไก่-ต้มจืดฝัก อร่อยถูกปากทุกอย่างเลยครับ มีวุ้นเส้นที่จืดไปหน่อย ทุกอย่างเติมได้ตลอดครับ ตบท้ายด้วยมะม่วงกับน้ำจิ้ม ก็นั่งกินไปเรื่อยๆ นึกว่าหมดแล้ว ซักพักมีปลาตะเพียนหางแดงทอดมาให้กินเล่นอีกหนึ่งตัว เป็นปลาตะเพียนที่ตกได้หน้าแพนั้นแหละครับ

ตัวนี้กินเล่นๆหมดตัวเลยครับ ทอดกรอบดีที่สำคัญสด


อิ่มเสร็จ ประมาณเที่ยงก็ออกเดินทางกลับไปยังท่าเรือหม่อนกระแทะ

จากแพชาวดงไปยังท่าเรือวิ่งประมาณสามชั่วโมงครึ่ง นานจัง หลับไปหลายตื่นเลย
ใกล้ถึงแล้ว


ถึงแล้ว


ผมเก็บของขึ้นรถได้ ก็ออกเดินทาง

เวลา 15.30 น.ระยะทาง 209.8 กม. ก็ออกจากท่าเรือหม่อนกระแทะ ขับกลับทางเดิม มาถึงแยกแก่งเสี้ยนเวลา 16.30 น. ระยะทาง 280 กม. เลี้ยวซ้ายวิ่งตรงยาวมาถึงแยกท่าล้อ เลี้ยวซ้ายวิ่งตรงไปถึงท่าเรือ แวะกินข้าวร้านครัวลุงรัตน์ เคยผ่านหลายครั้งแล้ว เห็นรถจอดเยอะมาก ไม่เคยแวะซักที ครั้งนี้ของลองชิมหน่อยครับ
มาถึงร้านครัวลุงรัตน์ เวลา 17.04 น.ระยะทาง 305 กม.


สั่งไปสี่อย่าง

ไข่เจียวหมูสับ อาหารประจำกูลผม 555 จานนี้อร่อยดีครับไม่กรอบมาก ไม่อมน้ำมันเท่าไหร่ เค็มกำลังดี


ผัดวุ้นเส้น รสชาติยังไม่ค่อยโดน เฉยๆครับ แต่วุ้นเส้นเหนียวดี ให้เครื่องมาเยอะเลย เสียดายถ้ารสชาติปรุงให้เข้มข้นหน่อยให้เต็มเลย


ไก่บ้านทอดเกลือ ทอดแห้งไปหน่อยแต่รสชาติเค็มกำลังดี จิ้มซอสพริกนิดหนึ่งใช้ได้เลย


จานสุดท้าย เนื้อผัดเผ็ด เด็ดขาดมาก มีเผ็ดกับเค็ม 555 ถ้าใส่หวานอีกนิดผมให้เต็มเลยครับ เนื้อไม่มีมันติดเลย


โดยรวมถ้าเป็นคอเหล้าน่าจะถูกปาก รสชาติจะออกเค็มไม่หวาน สำหรับผมรสชาติปานกลางไม่ถึงกับอร่อยมากแต่ก็ไม่แย่เท่าไหร่ อาหารค่อนข้างออกช้า ปริมาณให้มาเยอะสมกับราคา ส่วนราคาปกติ ไม่ถูกไม่แพง ใครไม่มีร้านประจำจะลองแวะมาชิมร้านลุงรัตน์ก็ได้ครับ อยู่ก่อนถึงของฝากวุ้นเส้นท่าเรือ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือเลยครับ

อาหาร 4 อย่าง ข้าวครึ่งหม้อ น้ำเปล่า 2 ขวด น้ำแข็ง 1 ถัง ทั้งหมด 600 บาท


อิ่มเสร็จก็แวะซื้อของฝากที่ วุ้นเส้นท่าเรือ อยู่อีกฝั่งหนึ่งครับ จากครัวลุงรัตน์ไปร้านวุ้นเส้นท่าเรือไม่ถึงกิโลครับ แวะซื้อของได้นิดหน่อยก็กลับ ผมออกจากร้านวุ้นเส้นท่าเรือ เวลา 18.00 น.ระยะทาง 305.7 กม. ก็ยิงยาวมาถึง อ.นครชัยศรี ผมเลี้ยวซ้ายเข้า นครชัยศรี ขับตรงมาถึง มหิดล ศาลายา เลี้ยวเข้าถนนบรมราชินี แล้วเลี้ยวเข้าเส้นกาญจนาภิเษก เลี้ยวไปสะพานพระราม 5 ผ่านกระทรวงสาธารณสุข เข้าบ้าน

ผมมาถึงบ้านเวลา 20.05 น. ระยะทาง 418.1 กม. ส่วนน้ำมันก็เหลือตามรูปนั้นแหละครับ


ก็จบทริปไปอีกหนึ่งทริป สำหรับแพชาวดง เหมาะกับไปเที่ยวเป็นกลุ่มกับเพื่อน ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่มีสัญญาณใดๆ อยู่กับธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ไม่หรู มีแต่ความจริงใจให้ ถ้าใครต้องการสะดวกสบาย ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวก มุมถ่ายรูปเก๋ๆ ที่นี้ไม่เหมาะกับคุณครับ แต่ถ้าคุณชอบธรรมชาติ ไม่อยากติดต่อภายนอก ที่นี่เหมาะกับคุณครับ ใครสนใจ แพชาวดง คลิ๊กเลย

สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป
- ค่าแพคเกจ 2 วัน 1 คืน 4,000 บาท (คนละ 2,000 บาท
- แวะ 7/ 11 เรย์ 2 ถุง ยาฉีดยุง 1 ขวด 80 บาท
- ค่าจอดรถที่ท่าเรือหม่อนกระแทะ 100 บาท
- ข้าวแกงร้านเจ็ดำ ลาดหญ้า 120 บาท
- น้ำเปล่า 2 ขวด กล้วยฉาบ 1 ถุง ที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น 55 บาท
- ข้าวร้านครัวลุงรัตน์ 600 บาท
- ของฝากร้านท่าเรือวุ้นเส้น 585 บาท
รวมทั้งหมด 5.540 บาท

รวมระยะทางทั้งหมด 418.1 กม.






Create Date : 01 มิถุนายน 2558
Last Update : 19 กันยายน 2560 11:41:48 น. 2 comments
Counter : 12065 Pageviews.

 
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ข้อมูลจากเวป คลิ๊กเลย

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น หรือ "น้ำตกห้วยขมิ้น" เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย ด้วยความงามของม่านน้ำตกที่ไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นเล็กชั้นน้อย บรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยป่าเขา และต้นไม้นานาพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนต่างติดใจจนแวะมาเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นหลายต่อหลายครั้ง อย่างไม่รู้เบื่อ

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นพื้นที่ที่ยังคงเป็นป่าที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ สมัยก่อนการเข้าไปถึงตัวน้ำตก ทำได้ยาก ต้องผ่านเส้นทางที่ลำบาก ต้องใช้รถโฟว์วิล หรือขับรถอ้อมอ่างเก็บน้ำเพื่อข้ามแพขนานยนต์จากฝั่งตัวอำเภอศรีสวัสดิ์ มายังฝั่งน้ำตก ปัจจุบันมีเส้นทางลาดยางที่รถยนต์สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนต่างมาเที่ยวชมน้ำตกกันอย่างไม่ขาดสาย

การเข้าสู่บริเวณน้ำตก เมื่อผ่านจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมแล้ว จะมาถึงบริเวณลานจอดรถ ที่ทำการอุทยานฯ ใกล้กันเป็นลานสนามหญ้าโล่งกว้าง เป็นที่นั่งพักผ่อน และสถานที่สำหรับกางเต็นท์ สามารถมองเห็นวิวอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ออกไปไม่ไกลนัก เป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม การเดินไปยังน้ำตกก็แสนง่ายดาย เพราะ ณ ลานโล่งแห่งนี้ใกล้กับจุดชมน้ำตกชั้นที่ 4 ของน้ำตกห้วยขมิ้น เป็นชั้นที่มีความสวยงามมากที่สุดจุดหนึ่ง

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น มีต้นน้ำมาจากเทือกเขากะลา น้ำตกอยู่ทางทิศตะวันออกของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นน้ำที่ไหลมาจากลำห้วยแม่ขมิ้น ไหลผ่านเรื่อยลงมายังชั้นหินปูนที่ละลายปนมากับน้ำ เมื่อสายน้ำไหลผ่านความลาดชัน และสิ่งกีดขวางที่ทำให้น้ำเกิดการชะลอตัว ทำให้หินปูนตกตะกอนสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนลดหลั่นกันเป็นขั้นบันไดธรรมชาติ และเกิดเป็นชั้นน้ำตกที่สวยงาม

ข้อดีของน้ำตกหินปูนคือ บริเวณหินน้ำตกจะไม่ลื่นเหมือนน้ำตกอื่นๆ แต่ตามทางเดินที่เป็นดินข้างทางเดินน้ำตกนั้น ถ้าเปียกน้ำหรือมีฝนตก ก็อาจจะลื่นได้ น้ำตกถูกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น มีชื่อเรียกเรียงกันจากชั้นหนึ่งไปจนถึงชั้นเจ็ดคือ "ดงว่าน ม่านขมิ้น วังหน้าผา ฉัตรแก้ว ไหลจนหลง ดงผีเสื้อ ร่มเกล้า" ทางเดินลัดเลาะริมน้ำตก ทางอุทยานสร้างเป็นทางเดินไม้และบันไดไว้ในจุดที่ต้องปีนป่ายให้มีความสะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ป่าบริเวณน้ำตกเป็นป่าร่มรื่น เขียวขจี มีทั้งวิวป่าโปร่งสลับกับป่ารก น้ำตกแต่ละชั้นมีเอกลักษณ์และความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ชั้นต้นๆ ตั้งแต่ชั้นแรกถึงชั้น 4 มีระยะทางเพียง 300-750 เมตร ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดของน้ำตกมีระยะทางมากกว่า 1 กิโลเมตร และหากมีแรงเดินไปจนถึงชั้นบนสุดของน้ำตกที่มีระยะทาง 2,270 กิโลเมตร

การเดินชมน้ำตกก็ทำได้หลายแบบ เพราะจุดเริ่มต้นคือบริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นน้ำตกชั้น 4 อยู่แล้ว จึงสามารถเดินจาก ชั้น 4 ลงไปถึงชั้น 1 หรือจะเดินจากชั้น 4 ขึ้นไปถึงชั้น 7 หรือจะเดินให้ครบทุกชั้นก็ได้ ซึ่งคงต้องใช้เวลาเดินไปกลับนานเกือบสามชั่วโมงเลยทีเดียว

ชั้นที่ 1 ดงว่าน เป็นธารน้ำตกชั้นเตี้ยๆ ลดหลั่นกันลงมา บริเวณนี้มีพืชสมุนไพรที่สำคัญอยู่หลายชนิด เช่นพลูป่า รางจืด ซึ่งสามารถศึกษาลักษณะของพืชสมุนไพรได้จากแผ่นป้ายให้ความรู้ของทางอุทยานฯ ที่ติดไว้ให้

ชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น เป็นน้ำตกที่ไหลลงมายังแอ่งน้ำด้านล่าง เห็นเป็นม่านน้ำตกที่สวยงาม

ชั้นที่ 3 วังหน้าผา ชั้นนี้สายน้ำไหลผ่านผาน้ำตกสูงกว่าในชั้น 1และ 2 ลงมายังแอ่งน้ำด้านล่าง

ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว เป็นชั้นที่เป็นไฮไลท์ของน้ำตกห้วยขมิ้น สายน้ำที่ค่อยๆ ลดหลั่นกันลงมาตามชั้นดิน และหินเตี้ยๆ แล้วเทตกจากผาสูงกว่า 10 เมตร ลงมายังแอ่งข้างล่าง

ชั้นที่ 5 ไหลจนหลง เป็นชั้นที่น้ำตกไหลหลุบหายลงไปใต้ดิน เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า "หลุมยุบ"

ชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ สายน้ำไหลผ่านแต่ละชั้นของหินปูน ลดหลั่นกันลงมาไม่สูงมาก แต่หน้าน้ำตกมีความกว้างออกไปทุกทิศทุกทาง ท่ามกลางต้นไม้ที่ร่มรื่น

ชั้นที่ 7 ร่มเกล้า เป็นชั้นบนสุด ที่มีสายน้ำไหลซ่าผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ลงมาตามหน้าผาน้ำตก

กิจกรรมภายในบริเวณน้ำตก นอกจากได้เล่นน้ำตกใสแจ๋ว เย็นฉ่ำ ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง ซึ่งป่าในแถบนี้เป็นป่าที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีพืชพรรณนานาชนิดขึ้นอยู่หนาแน่น นอกจากนี้ยังจะได้เห็นสัตว์และแมลงที่หายากบางชนิด เช่น ผีเสื้อ และแมลงชนิดต่างๆ เช่นแมลงหนอนปลอกน้ำ ที่เป็นดัชนีวัดความสะอาดของน้ำ เป็นต้น ตอนกลางคืนนอกจะได้นอนดูดาวชัดแจ๋วแล้ว ทางอุทยานฯ มีการฉายสไลด์ให้ความรู้ ความบันเทิงอีกด้วย

สิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ทางอุทยานฯ มีให้บริการบ้านพัก ลานจอดรถ ลานกางเต็นท์ ห้องน้ำ สุขา ร้านอาหาร และร้านค้าสวัสดิการ ให้บริการตั้งแต่เวลาประมาณ 7.00-18.00 น.
สามารถจองบ้านพักอุทยานฯ ด้วยตนเองและผ่านทางอินเตอร์เน็ตที่ //www.dnp.go.th/

ค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยาน
- คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก และนักศึกษา 20 บาท
- ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
- ค่ากางเต็นท์คืนละ 60 บาท

ติดต่อสอบถามได้ที่
อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ตู้ ปณ.1 อำเภอศรีสวัสดิ์
อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์: 034-547-018 (VoIP), 034-532-027
กองอุทยานแห่งชาติกรมป่าไม้: 0-2579-0529, 0-2579-4842
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพรรณพืช: 0-2562-7060 (จันทร์-ศุกร์ 8.30-18.00 น., วันเสาร์ 9.00-15.30 น.)
เวบไซด์: //www.dnp.go.th/

การเดินทางไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือเส้นทางที่ผ่านทางเขื่อนศรีนครินทร์ (เส้นทางที่ 1) เมื่อก่อนเป็นทางลูกรังขรุขระมาก มีเฉพาะรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่ผ่านได้ ปัจจุบันเส้นทางนี้ได้ลาดยางสะดวกแล้ว รถเก๋งก็สามารรถขับไปได้ เส้นทางถนนที่ผ่านเขื่อนศรีนครินทร์จึงเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด และเป็นที่นิยมที่สุด

1.เส้นทางรถยนต์ (ผ่านเขื่อนศรีนครินทร์) **เส้นทางที่นิยมไปกัน**
เป็นเส้นทางที่รถทุกชนิดสามารถไปได้ เป็นถนนลาดยาง ไม่ลำบาก
ตัวเมืองกาญจนบุรี - น้ำตกห้วยขมิ้น 111 กิโลเมตร
น้ำตกห้วยขมิ้น - เขื่อนศรีนครินทร์ 45 กิโลเมตร
น้ำตกห้วยขมิ้น - อำเภอทองผาภูมิ 80 กิโลเมตร
น้ำตกห้วยขมิ้น - น้ำตกผาตาด 68 กิโลเมตร
น้ำตกห้วยขมิ้น - น้ำตกคลิตี้ 80 กิโลเมตร

- จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน ตรงไปทางอำเภอศรีสวัสดิ์ (ทางหลวงหมายเลข 3199)
- ถึงทางเข้าเขตเขื่อนศรีนครินทร์ ให้ขับไปถนนทางซ้าย เลียบลำน้ำแควใหญ่ ผ่านด่านของ กฟผ. มาจะเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปทางน้ำตกห้วยขมิ้น ผ่านตลาดเทศบาลเอราวัณ ตรงไปเป็นทางขึ้นเขา ถึงสามแยกให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายไปน้ำตกห้วยขมิ้นอีก 44 กิโลเมตร เส้นทางนี้ได้ลาดยางเรียบร้อยแล้ว เหมาะสำหรับรถยนต์ทุกประเภท เมื่อผ่านด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยาน น้ำตกอยู่ทางซ้ายมือ

2.เส้นทางรถยนต์ (ผ่านอำเภอศรีสวัสดิ์ + ข้ามแพขนานยนต์) เส้นทางเก่า
เป็นเส้นทางที่รถทุกชนิดสามารถไปได้ มีเส้นทางขรุขระบ้าง เส้นทางนี้มีระยะทางยาวกว่าเส้นแรก และใช้เวลานานกว่า เพราะต้องนำรถข้ามอ่างเก็บน้ำด้วยแพขนานยนต์
จากเขื่อนศรีนครินทร์ - น้ำตกห้วยขมิ้น 80 กิโลเมตร
ข้ามแพขนานยนต์ 4.5 กิโลเมตร หรือข้ามแพขนานยนต์ 2 ครั้ง (ย่นระยะทางไปประมาณ 25 กิโลเมตร)

- จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน ให้ตรงไปทางอำเภอศรีสวัสดิ์ (ทางหลวงหมายเลข 3199) ตรงไปเรื่อยๆ
- ผ่านทางเข้าเขื่อนศรีนครินทร์ ให้ขับตรงเลยไปทางอำเภอศรีสวัสดิ์ ผ่านวัดท่ากระดาน โรงเรียนบ้านท่าสนุ่น ถึงทางแยก ถ้าต้องการข้ามแพขนานยนต์ไปอำเภอศรีสวัสดิ์ให้ขับตรงไป (ช่วยย่นระยะทางได้ประมาณ 25 กิโลเมตร) ถ้าต้องการขับรถเลียบอ่างเก็บน้ำ ให้เลี้ยวขวา (ตรงหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าแม่ละมุ่น) เป็นเส้นทางลาดยาง แต่ถนนคดโค้งขึ้น-ลงเขา
*** นำรถลงแพขนานยนต์ข้ามไปท่าอำเภอศรีสวัสดิ์ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

- เมื่อผ่านช่วงแพขนานยนต์แรกไปแล้ว ขับต่อไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร จะผ่านโรงเรียนบ้านโป่งหวาย โรงเรียนบ้านดงเสลา
จากนั้นจะเป็นทางขึ้นเนิน แล้วมีป้ายบอกทางซ้ายมือไปท่าเรือแพขนานยนต์ ที่ไปยังน้ำตกห้วยขมิ้น
*** นำรถลงแพขนานยนต์ข้ามไปน้ำตกห้วยขมิ้น ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที (ค่าข้ามแพคันละ 200 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง*)
- เมื่อข้ามแพขนานยนต์นี้แล้ว จะเป็นถนนลูกรังบดอัด สองข้างทางเป็นป่าโปร่ง เมื่อวิ่งมาถึงสามแยก จะมีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายไปน้ำตกห้วยขมิ้น อีก 7 กิโลเมตร ช่วงนี้เป็นทางลูกรังอัด ผ่านป่าไผ่ สลับกับถนนคอนกรีต ไปจนถึงน้ำตกห้วยขมิ้นอยู่ทางขวามือ

3.เส้นทางรถยนต์ (จากอำเภอทองผาภูมิ)
มีหลายคนที่ไปเที่ยวทางอำเภอสังขละ หรืออำเภอทองผาภูมิ แล้วต้องการต่อไปยังน้ำตกห้วยขมิ้น ก็ทำได้ โดยใช้เส้นทางเดียวกันกับไปอุทยานแห่งชาติลำคลองงู และหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ เขาพระอินทร์ แต่เส้นทางผ่านป่าสองข้างทาง ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่เหมาะกับการเดินทางในเวลากลางคืน และรถที่นำเข้าไปควรเป็นรถกระบะ หรือขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะทางเป็นถนนลูกรัง
(ดูเส้นทางไปอุทยานไปอุทยานแห่งชาติลำคลองงู)


โดย: nongmalakor วันที่: 1 มิถุนายน 2558 เวลา:21:04:49 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 2 มิถุนายน 2558 เวลา:2:40:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
1 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.