เวียดนามกลาง สนุกกว่าที่คิด .. (วันที่ 3-4 ฮอยอัน-ดานัง-ดอนเมือง)

ย้อนดูวันที่ 2 คลิ๊กเลย

วันอังคารที่ 21 พ.ค.62

7676 06.30 น. ลงมาถ่ายรูปข้างล่าง ที่พักผมอยู่ไม่ไกลจากลานเบียร์ จากที่พักเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้ว



 
สมาชิกพร้อม ได้เวลาเดินหามุมถ่ายรูปกันบนนั้นแหละครับ 120




 
ข้างบนมุมถ่ายรูปเยอะมาก แนะนำให้มาค้าง 1 คืน มีทั้งที่เครื่องเล่นทั้ง Indoor และ Outdoor มุมถ่ายรูป สระว่าย (เสียดายวันที่ผมไปปิดปรับปรุง) เยอะไปหมด ขนาดผมไปค้าง 1 คืนยังเดินไม่ค่อยจะทั่วเลย แถมเครื่องเล่นยังเล่นไม่ครับและทีสำคัญ เช้าๆนักท่องเที่ยวไม่ค่อยมี เดินถ่ายรูปกันได้สบายใจ

ลุยเลย 20


 
สมาชิกเดินวนๆถ่ายรูปตรงบริเวณข้างบนที่พักกันก่อน






 
เดินมาสำรวจเครื่องเล่น Roller coaster ก่อน ยังไม่เปิด เดี๋ยวเจอกัน


 
ลงไปเป็นเครื่องเล่น Indoor ยังไม่เปิดเหมือนกัน


 
ถ่ายรูปต่อไป










 
พื้นที่ส่วนปรับปรุงเพิ่มเติม แค่นี้ก็สวยไม่รู้จะสวยยังไงแล้ว พัฒนาการท่องเที่ยวน่าดูนะเรา






 
นักท่องเที่ยวทัวร์ยังไม่ขึ้นมา ส่วนที่มาพักคงยังไม่ตื่น บานา ฮิลล์ เลยเป็นของเรา
























 
เดินวนบน บานา ฮิลล์ นั้นแหละครับ มาถึงลานเบียร์เหมือนเดิม


 
ตอนแรกสมาชิกว่าจะนั่งกระเช้าไฟฟ้าลงไปถ่ายรูปที่สะพานมือ แต่กลัวจะกลับมาเล่น Roller coaster ไม่ทัน เลยเดินฆ่าเวลารอเล่น Roller coaster






























 
ร้านอาหารข้างบนเริ่มจัดของเตรียมเปิดบริการแล้วครับ

มะพร้าวไม่รู้ลูกเท่าไหร่ ปั๊มโลโก้สวยดี


 
7608.30 น.ได้เวลาไปรอเล่น Roller coaster กันแล้วครับ เช้าๆคิวน้อยมาก


 
เครื่องเล่น Roller coaster มี 2 โซน โซนนั้นยังไม่เปิด




 
เจ้าหน้าที่ ทดสอบความพร้อมและความปลอดภัย


 
รอไม่นานหลังจากเจ้าหน้าที่ทดสอบเสร็จเริ่มปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้เล่น

ใกล้ถึงคิวผมแล้ว


 
1 นาทีกว่าๆ เร็วมาก สนุกสุดๆ บังคับไม่ยากครับ แค่ปล่อยไปเครื่องเล่นจะวิ่งลงไปตามราง การบังคับ จะใช้มือจับเบรก 2 ข้าง ซ้าย-ขวา ถ้าดันไปข้างหน้าจะปล่อย ถ้าดึงเข้าตัวจะเบรก ความมันส์อยู่ตอนเข้าโค้ง ยิ่งตอนทิ้งดิ่งไม่ต้องเบรก ปล่อยสุดๆ มันส์มากกก ไม่รู้จะอธิบายยังไง พอลงไปข้างล่างสุด ค่อยใช้มอเตอร์ลากขึ้นกลับมาที่จุดเดิม


 
อ๋อ.. จะมีอยู่ 2 ช่วง ช่วงแรกก่อนจะลงและช่วงโค้งสุดท้ายเค้าจะถ่ายรูปเราไว้ พอขึ้นมาข้างบน เค้าจะมีรูปที่ถ่ายไว้ให้เรา 2 รูป ไว้บริการขายไม่บังคับ สมาชิกรวมถึงผม โดนกันไปคนละ 2 รูป (รูปละ 3 US)
มุมสวยทั้ง 2 รูป รูปเราขนาด 10x8 นิ้วจะอยู่ด้านใน ใส่กรอบขนาด 17 x10.5 นิ้ว แบบพับครึ่งเคลือบมันทั้งแผ่น หน้า-หลัง สวยดีครับ ขอปิดใบหน้านิดนึง

กางออกรูปด้านใน


 
พับด้านหน้า ด้านหลัง


 
เล่นเสร็จ เห็นแถวแล้วนักท่องเที่ยวน้อยมาก อยากจะเข้าไปเล่นต่ออีกรอบ แต่เกรงว่าจะอดกินข้าว 19

7609.00 น.ได้เวลากินข้าวเช้าแล้วครับ ห้องอาหารคนละห้อง ไม่ใช่ร้านเดิมที่กินเมื่อตอนเย็นเมื่อวาน วันนี้อาหารเช้ารวมอยู่ในราคาที่พักแล้ว ลุย


 
เป็นบุฟเฟ่ต์นานาชาติ มาดูไลน์อาหารกันครับ

พวกผักต่างๆกับน้ำสลัดและซอส มีให้เลือกหลายแบบ






 
Cornflake กับเครื่องดื่มต่างๆ






 
น้ำปลา ซอสพริก ข้างบนเป็นพวกถั่ว งาต่างๆ


 
แฮม ตับบด หมูยอ


 
กิมจิ ไข่เค็ม กินกับข้าวต้ม


 
คล้ายเนื้อผัดพริกแบบบ้านเรา เฉยๆ


 
ผัดผัก


 
ผัดหมี่เหลือง คล้ายๆหมี่ซั่วบ้านเรา


 
ไข่ดาว


 
อะไรไม่รู้ ไม่ได้ชิม


 
ไส้กรอก ไม่ค่อยอร่อยแข็งไปหน่อย เบค่อนก็มีนะครับแต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้


 
ขนมจีบ ซาลาเปาก็มี คล้ายๆบ้านเรา




 
ผลไม้


 
Cheese


 
ขนมปัง


 
ข้าวต้ม น้ำซุปต่างๆ


 
ด้วยเวลาจำกัด ห้องอาหารปิด 09.30 น.ตรงเวลาเป๊ะ เรามีเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เลยไม่ค่อยได้ละเลียดเท่าไหร่ รีบๆตักอาหารมาก่อน

สรุป อาหารมีให้เลือกหลากหลาย รสชาติจะออกกลางๆ ถูกปากบ้างไม่ถูกปากบ้างแล้วแต่ลิ้นใครลิ้นมัน สำหรับบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าถือว่าโอเคเลยครับ ห้องอาหารกว้าง สะอาด พนักงานก็หน้าตาเรียบๆ เรื่องการบริการยังห่างจากบ้านเราเยอะ อ๋อ.. ก่อนจาก เฝอ ที่นี่ก็มีบริการนะครับ อร่อยมาก เลยเอามาปิดท้าย


 
อิ่มแล้วสมาชิกแยกย้ายขึ้นไปเก็บกระเป๋าเพื่อ Check out ระหว่างรอสมาชิก Check out ผมลงไปสำรวจเครื่องเล่นที่ Fantasy Park ก่อนครับ

ลงบันไดเดินเข้าไปเลย ด้านซ้ายมือเดินไปหน่อยเป็นเครื่องเล่น Roller coaster ที่เราเล่นกันเมื่อเช้า


 
เดินเข้าไปได้เลย ไม่ต้องใช้บัตรอะไรทั้งนั้น เครื่องเล่นทุกอย่างในนี้ ฟรีหมด จะเล่นกี่รอบก็ได้


 
ตัวนี้น่าจะไฮไลท์สุด






 
ตัวนี้ก็ดูน่าจะมันส์เหมือนกัน ตอนจอดนิ่งๆดูไม่น่ากลัว แต่ตอนเหวี่ยง ท่าทางเอาเรื่องเหมือนกัน


 
พวกตู้เกมส์ต่างๆ ไม่ต้องหยอดเหรียญอะไรทั้งนั้น เค้าเปิดตลอด นั่งแล้วกดเล่นได้เลย เด็กวัยรุ่นต่อคิวกันยาวเลย มีให้เล่นหลายตู้มาก มีทั้งเกมส์ยิงปืน บังคับรถ เกมส์ต่อสู้ต่างๆ เยอะมากแต่ไม่พอสำหรับนักท่องเที่ยว เยอะจริงๆ


 
รถบัมพ์ก็มี


 
ชิงช้าสวรรค์ น่ารักเชียว


 
ทั้งหมดที่บรรยายมา ไม่ได้เล่นซักอย่าง ตอนนี้สมาชิกลงมาพร้อมกันหมดแล้ว เตรียมตัวลง บานา ฮิลล์

ส่วนทางออก ไม่ได้ออกทางเดิม ต้องขึ้นบันไดออกอีกทางจะผ่านร้านขายของที่ระลึกก่อน


 
วันนี้สมาชิกสาวๆจัดเต็ม เตรียมไปเฉิดฉายที่เมืองฮอยอัน

ก่อนลง บานา ฮิลล์


 
7611.00 น.ได้เวลานั่งกระเช้าไฟฟ้า ลงไปข้างล่างแล้วครับ

แนะนำ ให้นั่งกระเช้าละ 2 คน จะได้มีมุมถ่ายรูปเดี่ยวบนกระเช้าสวยๆ


 
7611.30 น. นัดน้อง Cong ที่เราเหมารถตู้ตลอด 3 วันให้มารับเรา เพื่อไปเที่ยวเมือง ฮอยอัน (Hoi An)

จากบานา ฮิลล์ ขับรถเลาะชายหาดมาได้ประมาณ 40 นาที ใกล้ถึงดานัง น้อง Cong จอดรถให้สาวลงไปถ่ายรูปกับเรือกระด้ง เหมือนพานางสาวไซง่อนมาปฏิบัติภารกิจเก็บตัวยังไงไม่รู้ 24


 
ถ่ายรูปพอหอมปากหอมคอได้เวลาเดินทางไปต่อ ระหว่างทางเราไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่ใหญ่ที่สุดในดานัง 








 
วิวจากมุมบนเจ้าแม่กวนอิม จะเห็นเมืองดานัง ทั้งเมือง


 
เราอยู่ประมาณ 20 นาที ได้เวลาไปต่อ

นั่งประมาณครึ่งชั่วโมงเข้าเมืองดานัง สมาชิกหาข้อมูลไอศรีมอโวคาโด เอารูปให้น้อง Cong ดู พาเรามาตลาดนี้


 
เดินตรงเข้าไปเลย เป็นตลาดทั่วไป เหมือนตลาดสดบ้านเรา ร้านไอติมจะอยู่ข้างในตลาด หาไม่ยาก เดินตรงไปกลางตลาดร้านจะอยู่เยื้องๆทางซ้ายมือ ดูชื่อร้านไว้เลยครับ


 
แม่ค้าใจดี ขอแถมอะไรตักให้หมด


 
2 คน ผู้ช่วย


 
มาดูไอติม อโวคาโดและTopping ต่างๆครับ






 
หน้าตาไอติมเสร็จแล้ว เนื้อไอติมัน หวานนิดๆ ใส่อโวคาโด โรยด้วยมะพร้าวคั่วหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วคนๆให้เข้ากัน ตักไปคำแรก สวรรค์ชัดๆ อร่อยจริงๆครับ อร่อยกว่าไอติมบ้านเราเจ้าดังๆเลย รับรอง ห้ามพลาด แนะนำ ต้องร้านนี้ด้วย ถ้วยละประมาณ 15 บาท

เชียร์สุดตัวเลย 13


 
ถัดไปเป็นร้านอาหารคาว ไม่รู้เรียกอะไร น่ากินเหมือนกันลองชิม อร่อยเหมือนกัน สั่งไป 2 แบบ ให้น้อง Cong เป็นคนสั่ง


 
ชื่อร้าน อยู่เยื้องๆตรงข้ามร้านไอติม


 
วัตถุดิบ วัตถุสุกจัดไว้หน้าร้าน เรียกลูกค้าดีจัง


 
อาหารที่สั่งไป 2 อย่าง หน้าตาเป็นแบบนี้

แบบแรกเอาแป้งไปหยอดใส่เหมือนขนมครกบ้านเราแล้วใส่เครื่องต่างๆทอดจนกรอบ อีกจานคล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่บ้านเราแต่แผ่นจะหนากว่าตัดมาเป็นชิ้นๆ แล้วใส่เต้าหู้ เครื่องใน ถั่วงอก ผักต่างๆ แล้วราดด้วยน้ำจิ้มเหมือนกัน รสชาติน้ำจิ้มจะหวานน้ำตามด้วยเปรี้ยวนิดๆ มีเผ็ดนิดหน่อย อร่อยทั้งสองจานเลย แนะนำอีกแล้ว 9 แต่ไม่รู้เมนูเรียกว่าอะไร




 
ประมาณ 14.30 น.ออกจากดานังไปฮอยอัน ใช้เวลาประมาณ่ไม่เกิน 30 นาที

น้อง Cong จะมาปล่อยตรงจุดจอดรถ แล้วให้เราเดินเข้าไป ตรงทางเข้ามาสะดุดนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติมุงร้านนี้กันเยอะมาก


 
บั๋นหมี่ (Bahn mi) ร้านอาหารดัง


 
รสชาติเข้มข้นดี ก็อร่อยอยู่แต่ผมชอบรสชาติของที่ร้านเว้ ละมุนลิ้นกว่า อร่อยคนละแบบ 


 
ชิมเสร็จ เดินไปอีกซักพักก็มาถึงตัวเมืองเก่าฮอยอัน ตรงนี้จะปิดถนนให้คนเดินชมเมืองอย่างเดียว


 
ฮอยอันเป็นเมืองมรดกโลก เมืองน่ารัก น่าเดินเล่น ไม่รู้จะบรรยายยังไง ดูรูปไปก่อนแล้วกัน


 
ถนนหลัก ๆ ของย่านเมืองเก่า แบ่งออกเป็น 3 สายขนานกัน เส้นแรกอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำทูโบน เส้นที่สอง จะพบร้านอาหารหลายสัญชาติเรียงรายเต็มสองฟากถนน และเส้นสุดท้ายเป็นถนนช้อปปิ้ง มีร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ร้านขายของฝากพื้นเมือง ของที่ระลึก งานแกะสลักไม้ โคมไฟ เครื่องหนัง ให้เลือกช้อปกันตามอัธยาศัย










 
ถ้าใครเดินไม่ไหวหรืออยากจะนั่งรถสามล้อชมเมืองก็ได้นะครับ (ชาวเวียดนามเรียกว่า ซิโคล่ ผมไม่ทราบราคา)




 
ส่วนผมแค่เดินชม ถ่ายรูปไปเรื่อยๆก็เพลินแล้ว






 
อาคารบ้านเรือนสีเหลืองสดใส สไตล์ชิโนโปรตุกีสผสมผสานโคโลเนียล มีให้เราเห็นตลอดทาง สวยงามสมกับเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO เลยจริง ๆ






 
เดินไปเรื่อยๆก็มาถึงแม่น้ำทูโบน






 
ลืมบอก การจะเที่ยวในเขตเมืองเก่านั้น เราต้องซื้อบัตรเข้าชมเมืองก่อน โดยจะมีหางตั๋วเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ 5 แห่ง ภายใน 1 วัน ราคา 120.000 VND (ประมาณ 180 บาท) จะเลือกเดินเท้าลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ปั่นจักรยาน หรือใช้บริการสามล้อถีบก็ได้


 
ตอนซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ เค้าจะถามว่าจะให้ไกด์เป็นคนบรรยายและนำไปเที่ยวแต่ละสถานที่เปล่า บริการฟรี แน่นอน เราไม่พลาดของฟรีอยู่แล้ว 13

ขอโทษด้วยครับ ลืมชื่อน้อง น้องพูดภาษาอังกฤษได้ดี พาไปทั้ง 5 สถานที่บรรยายประวัติพร้อมเป็นช่างกล้องให้พวกเราด้วย


 
ไม่ทราบว่าใคร


 
ผ่านร้านขายน้ำดอกบัว ร้านนี้ดังอยู่ ขอชิมหน่อย ชิมแล้วยังไม่ค่อยโดน แต่เก๋ตรงใช้ก้านบัวแทนหลอด





 
น่าจะดังจริง คนมุงตลอด ในร้านก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว


 
ไกด์พามาจุดแรกก่อน บ้านเลขที่ 101 เป็นบ้านที่โด่งดังของตระกูล Tan Ky สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง มี 2 ชั้น อายุมากกว่า 75 ปี ซึ่งอยู่อาศัยกันมาถึง 6 รุ่นแล้ว ภายในมีบ่อน้ำตั้งอยู่กลางบ้านเหมือนบ้านชาวจีน มีห้องนอน ห้องรับแขก ห้องสมุด ห้องครัว ข้าวของเครื่องใช้ที่ดูแลรักษามาเป็นอย่างดี


 
ไกด์อธิบายตัวอักษรที่ไม่ธรรมดาโดยใช้มุกตัดเป็นตัวนกแล้วมาเรียงเป็นตัวอักษร




 
ป้ายบอกปีร่องรอยน้ำท่วมที่ถูกทำสัญลักษณ์บ่งบอกระดับน้ำในแต่ละปีบนฝาผนังบ้าน เนื่องจากหลังบ้านติดกับแม่น้ำทูโบน จึงมักเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง


 
หลังจากชมบ้านเลขที่ 101 เสร็จ ไกด์สาวพาเดินเลียบแม่น้ำทูโบน




 
สะพานฮอยอัน


 
บ้านเมืองเค้าอนุรักษ์ได้ดีมาก


 
เดินเพลินๆไกด์พาเรามายังจุดที่ 2 ศาลบรรพบุรุษชาวฟุกเกี๋ยน

Cantonese Assembly Hall เป็นอาคารที่มีความโดดเด่นที่สุดในด้านสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมณฑลกวางตุ้ง ผสานกับช่างฝีมือฮอยอันท้องถิ่นตกแต่งอย่างประณีต อาคารนี้สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์หลักในการสร้างสถานที่เป็นที่รวมตัวของชาวจีนกวางตุ้งที่มาค้าขายในฮอยอัน เป็นที่บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บรรพบุรุษ ซึ่งสถานที่นี้ถือว่าเป็นสมาคมที่สวยที่สุดในฮอยอัน เหมาะสำหรับผู้ชอบงานสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมโบราณ




 
เข้าไปสักการะสิ่งศักสิทธิ์กันสักหน่อย แต่ที่สะดุดตาก็ธูปนี่ล่ะ สวยงามแปลกตาดี เหมือนวงสปริงสีแดงเลยธูปขอพร จุดได้นานถึง 45 วันธูปถึงจะหมดดอก


 
Cantonese Assembly Hall หรือหอประชุมเมืองชาวกวางตุ้ง สร้างขึ้นเมื่อปี 1885 โดยชาวจีนกวางตุ้งที่มาอาศัยอยู่และทำการค้าขายที่เมืองฮอยอัน ส่วนประกอบของตัวอาคารนั้นกล่าวว่าได้ทำการสร้างที่ประเทศจีน ก่อนนำมาประกอบกันที่นี่ จุดเด่นของที่นี่คือรูปปั้นมังกรที่ทำมาจากกระเบื้องเคลือบที่อยู่ด้านหน้าและรูปภาพนูนต่ำศิลปะจีนทางด้านหลัง


 
จุดที่ 3 สะพานญี่ปุ่น เรียกว่าเป็นซิกเจอร์ของฮอยอันที่ต้องมา เป็นสะพานที่ทอดข้ามคลองเพื่อกั้นแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่น มีรูปทรงโค้ง หลังคามุงกระเบื้องดินเผาโบราณสีเหลืองและเขียว


 
ก่อนข้ามจะมีรูปปั้นสุนัขกำลังนั่ง และเมื่อข้ามไปแล้วจะเจอรูปปั้นลิง แฝงความหมายว่าสะพานนี้เริ่มสร้างในปีวอก และสร้างเสร็จในปีจอนั่นเอง






 
ภายในสะพาน


 
ถ่ายรูปดูบรรยากาศภายนอกจากกลางสะพานญี่ปุ่น


 
จุดที่ 4 ไกด์พาเรามาที่ no 4 nhà có phòng ngủ


 
เป็นบ้านไม้เก่า 2 ชั้น ชั้นล่างจะมีช่างปักผ้าเป็นรวดลายต่างๆ สวยดีครับแต่ราคาแอบแรงไปนิด






 
ส่วนชั้นบนไม่ค่อยมีอะไร แต่ตรงระเบียงสามารถออกมาถ่ายรูปมุมเก๋ๆได้ จุดที่ 5 จุดสุดท้ายไม่ทราบว่าวัดอะไร 14


 
ยังไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่น ก่อนจากขอถ่ายรูปกับไกด์คนสวย ใส่ชุดอ๋าวหญ่าย สีเขียว นะครับ


 
หลังล่ำลาไกด์สาวสวยของเราแล้ว ได้เวลาเดินเล่น ในเมืองฮอยอัน

เดินเล่นรอจนมืดเพื่อชมโคมไฟในเมืองฮอยอัน ถือเป็นไฮไลน์ของเมืองนี้ที่ต้องมาสัมผัส












 
คืนนี้เราไม่ได้นอนที่ฮอยอัน ต้องกลับไปนอนที่ดานัง เพราะพรุ่งนี้เราบินกลับเที่ยง

เราเดินกลับไปยังจุดที่น้อง Cong จอดรถนัดไว้ ระหว่างทางเจอร้านอาหารข้างทาง ขายเกาเหลา อ่านเกาเหลาจริงๆ(พ้องเสียง)เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้งบ้านเรา อีกอย่า่งคล้ายๆข้าวมันไก่ อร่อยใช้ได้เลย

ข้าวมันไก่ ไม่รู้ภาษาเวียดนามเรียกว่าอะไร




 
เกาเหลา ใส่หมูชิ้นใหญ่มาก อร่อยดีครับ


 
จานนี้สั่งไก่เปล่าๆมากินเล่นๆ ร้านค้าเค้าใส่ผักผสมมาด้วย


 
ร้านค้าอยู่ข้างถนนเป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ไม่ใช่ร้านดังอะไร แต่รสชาติถูกปากสมาชิกทุกคนเลยครับ


 
ได้เวลากลับไปดานังแล้วครับ เสียดายไม่ได้นอนค้างที่เมืองฮอยอัน ถือเป็นเมืองเล็กที่มีเสน่ห์ ไว้มีโอกาสต้องมานอนเล่นซักคืน ลาฮอยอันด้วยภาพนี้แล้วกันครับ


 
ประมาณ 3 ทุ่มเราก็มาถึงเมืองดานัง คืนนี้เรานอนพักที่โรงแรมนี้ ติดแม่น้ำหาน




 
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราเช่ารถทั้งหมด 3 วัน โดยมีน้อง Cong เป็นทั้งไกด์ คนขับรถ คนถ่ายรูป คอยแนะนำสถานที่ต่างๆ บริการประทับใจ รถสะอาด มาตรงเวลา ขับรถดีมาก ไม่มีกระชาก ไม่มีเบรกให้หัวทิ่มหัวตำ ไม่แซงซ้ายแซงขวาให้ปวดหัว ไม่มีงอแงและที่สำคัญไม่เห็นบีบแตรให้ได้ยินเลยตลอดทั้ง 3 วัน ขอบคุณน้อง Cong มากนะครับ ที่ดูแลพวกเราอย่างดีตลอดทริป


 
ซ้ายมือเป็นสะพานอะไรไม่รู้ แต่ขวามือเป็นสะพานมังกรที่พ่นไฟ พ่นน้ำได้ โรงแรมเราอยู่ระหว่าง 2 สะพานครับ


 
เรามาถึงดานังมืดเลยไม่ได้สำรวจ เดินเล่นเมืองดานังเลย ได้แต่สำรวจห้องที่เราพักอย่างเดียว

ห้องพักผม 605 เป็นคีย์การ์ดให้มา 1 ใบ


 
ห้องออกเล็กไปหน่อย แต่ยังพอวางกระเป๋า มีที่เดินได้นิดหน่อยแต่ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นถือว่าห้องนี้กว้างเลยครับ 7

ถ่ายจากเตียงด้านในไปยังประตูหน้า


 
เปิดเข้ามาด้านซ้ายมือเป็นห้องน้ำ เดินเข้ามาจะเป็นเตียงขนาด 6 ฟุต ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าคลุมปูด้วยผ้าสีขาว สะอาดไม่มีจุด รอยด่างใดๆ แต่งแบบเรียบๆ


 
ด้านในสุดเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่ มีม่าน 2 ชั้น สีน้ำตาลกันแดด กับม่านผ้าบางโปร่งแสง ส่วนวิวจะหันไปทางตัวเมือง ไม่ได้หันไปทางแม่น้ำ


 
ข้างเตียงมีชั้นวางของ ชั้นล่างมีสลิปเปอร์ให้ 2 คู่ พร้อมปลั๊กไฟ ชอบ โรงแรมนี้ไม่หวงปลั๊กไฟ


 
ปลายเตียงมีโต๊ะวางของพวกโทรทัศน์ มินิบาร์


 
มินิบาร์อย่างที่เห็นแหละครับ เสียตังค์ มีฟรีคือน้ำเปล่า 2 ขวด


 
มีกาน้ำร้อนให้ 1 ใบ


 
ในส่วนของตู้เสื้อผ้า เหมือนทั่วๆไป ไม่มีตู้เซฟ ไม่มีชุดคลุม แต่มีตู้เย็นพร้อมเครื่องดื่มไว้บริการ


 
เข้าไปดูห้องน้ำกันบ้าง ไม่กว้างมากแต่จัดพื้นที่ได้ลงตัว ไม่มีอ่างน้ำแต่ใช้ตู้กระจกกันน้ำได้ดี แยกแบบเปียกแห้ง ตรงนี้ชอบเลยครับ เปิดเข้าไปจะเห็นซิงค์ล้างหน้าให้ 1 ซิงค์พร้อมกระจกบานใหญ่เต็มบาน


 
เห็นอย่างนี้ มีไดร์เป่าผมให้ด้วย


 
ตู้กระจกอาบน้ำ กันน้ำได้ 100% มีสายฝักบัวพร้อมเรน ชาวเวอร์ น้ำไหลแรงดี น้ำร้อน น้ำเย็นใช้ได้ปกติ พร้อมผ้าเช็ดเท้าให้ 1 ผืน


 
สุขภัณฑ์ชักโครกมีสายชำระให้ด้วย ชอบมากๆ ส่วนพื้นที่ถ้าคนตัวใหญ่อาจจะแคบไปหน่อย ส่วนผมสบาย ผมตัวเล็ก


 
สรุปห้องน้ำสะอาดมาก พวกสายต่างๆรวมถึงหัวก๊อกไม่มีคราบ ไม่มีเชื้อรา ใหม่มากๆ ถือว่าพนักงานทำความสะอาดดูแลอย่างดี ส่วนห้องไม่กว้างมากแต่ก็ไม่อึดอัด พอซุกหัวนอน 1 คืนแบบสบายๆ ตัดมาตอนเช้าแล้วกัน

วันพุธที่ 22 พ.ค.62

7606.30 น.ลงมากินอาหารเช้า (ที่พักรวมอาหารเช้าให้ด้วย) ห้องอาหารจะอยู่ชั้น 2


 
ด้านในสุดจะมีพ่อครัวปรุงเฝอทำให้กินแบบชามต่อชาม


 
รสชาติไม่เลว อร่อยเลยครับ


 
มาดูไลน์อาหารกัน ด้านในสุดเป็นพวกแฮม ผัก ผลไม้และก็สลัดนิดหน่อย


 
มีขนมปังแบบแผ่นและแบบฝรั่งเศสเป็นท่อนยาวๆแล้วมาตัดแบ่ง ต่อด้วยชา กาแฟ


 
พวกเครื่องดื่ม นม น้ำมะเขือเทศ น้ำเปล่าพร้อมคอนเฟร็ค


 
ต่อมาเป็นอาหารหลัก ชั้นล่างจะวางพวกภาชนะต่างๆ


 
ทั้ง 2 อย่างไม่รู้เรียกอะไร แต่เมนูที่ห่อใบไม้ เคยกินที่เว้วันแรก อร่อยดีครับ


 
เบค่อนกับปอเปี๊ยะ เบค่อนของโปรดผมครับ


 
ผัดเต้าหู้ ไม่ทางผม แต่แฟนผมชอบกิน บอกอร่อยดี ส่วนจะต้มยำก็ไม่ใช่ มัสมั่นก็ไม่เชิง ยังไม่โดนได้แต่ตักไก่มากินเล่นๆ 


 
ผักต้มกับเส้นสปาเก็ตตี้ ผ่าน ไม่ได้ชิมเลย


 
ข้าวผัดถั่วกับข้าวผัดไข่ ไม่เชิงอร่อย พอกินได้


 
สุดท้ายข้าวต้ม ไม่ได้ชิม


 
ส่วนมาจะกินเบค่อนกับเฝอ อาหารไม่เยอะแต่ก็ไม่ถึงกับแย่ รสชาติอร่อยพอประมาณสำหรับราคาห้องพักรวมอาหารเช้าถือว่าคุ้มครับ


 
ประมาณ 7 โมงเช้า เราเดินไปซื้อของนิดหน่อยที่ตลาดฮาน อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก ออกจากโรงแรมเดินไปทางซ้ายมือประมาณ 500 ม.ก็ถึงตลาดฮานแล้วครับ ส่วนโบสถ์คริสต์ดานัง (Danang Cathedral) หรือที่มักเรียกกันว่า ‘โบสถ์คริสต์สีชมพู‘ ก็อยู่ด้านหลังโรงแรมไม่ไกล

เราเดินช้อปของได้นิดหน่อยเนื่องจากไปแต่เช้าร้านยังเปิดไม่ค่อยเยอะ แต่ก็หมดไปหลายล้านด่องเหมือนกัน

7610.00 น.เดินกลับเข้าโรงแรม Check out ให้โรงแรมเรียกรถตู้ Grab ไปส่งที่สนามบิน ประมาณ 20 นาทีก็ถึงสนามบินแล้วครับ


 
เราบินไฟล์ FD637 เวลา 12.00 น. บินตรงเวลามาก


 
เราบินลำนี้ เดินขึ้นงวงได้เลย


 
เป็นแอร์บัส รุ่น A320-200 ที่นั่งแบบ 3-3 เหมือนขามา


 
ได้เวลาอำลาดานัง ไว้พบกันใหม่ครับ




 
ถึงดอนเมืองอย่างปลอดภัย


 
เวียดนามกลาง เป็นทริปที่ประทับใจอีกทริปหนึ่ง ตอนไปไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอได้ไปสัมผัสแล้วกลับมาดูข้อมูลในเนท เวียดนามกลางมีอะไรมากกว่านี้ เราไม่ได้ไปอีกตั้งหลายที่ ไว้มีโอกาสต้องกลับไปเวียดนามกลางอีกแน่นอน

สรุปค่าใช้จ่ายรวมตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่ากิน ค่าเช่ารถ ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆตกคนละประมาณ 8,500 บาท 




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2562
1 comments
Last Update : 21 มิถุนายน 2562 13:07:21 น.
Counter : 1544 Pageviews.

 

ขอแชร์นะครับ

 

โดย: ธีทัต ด้วยคุ้มเกล้า IP: 125.26.9.42 24 พฤศจิกายน 2562 6:39:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2562
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
20 มิถุนายน 2562
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.