เวียดนามกลาง สนุกกว่าที่คิด .. (วันที่ 1 ดอนเมือง-ดานัง-เว้) วันอาทิตย์ที่ 19 – วันพุธที่ 22 พ.ค.62 ทริปนี้สมาชิกแกงค์เดิม ทั้งหมด 8 ท่าน อยากรวมตัวเที่ยวเวียดนามกลาง หลังจากประทับใจกับเวียดนามเหนือมาแล้ว คลิ๊กเลย จึงเกิดทริปนี้ขึ้นมา รายละเอียดเดี๋ยวลงทีหลังเนอะ เพราะไม่มีข้อมูล ตอนนี้ไปเที่ยวกันก่อน  ทริปนี้เหมือนเดิมครับ สมาชิกช่วยกันจัดการให้หมด ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จองรถ หาร้านอาหาร วางแผนเที่ยว  ส่วนผมนั่งนิ่งๆ มืนๆตามเค้าไปเหมือนเดิม จบนะ    วันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค.62 07.30 น. สมาชิกนัดเจอสนามบินดอนเมือง Terminal 1 ROW 1   ทริปนี้บินกับ แอร์เอเชีย  บินไฟล์ FD 636 เวลา 09.50 น.-11.30 น. สมาชิกในทริป จองราคาไป-กลับ 2,880 บาท ไม่รวมค่าน้ำหนักกระเป๋า จองล่วงหน้าประมาณ 8 เดือน Check-in + โหลดกระเป๋าเสร็จ ผ่าน ตม. เดินหล่อๆเข้าไปรอที่ GATE กันครับ   เจ้าหางแดงรอที่ ประตู 5    เวลาเหลือแวะเข้าเลาจน์ คิงพาเวอร์ เติมพลังก่อน    ไลน์อาหารมีอยู่ 2 ไลน์ เป็นพวกน้ำดื่มต่างๆ กับพวกขนมปัง แครกเกอร์ ข้าวต้ม ประมาณนี้   อาหารโดยรวมไม่เยอะเท่าไหร่  แต่จะว่าไปข้าวต้มรสชาติถูกปากสมาชิกเลยละ  ของฟรีไม่กล้าติมากกกกก   ใกล้เวลาไปรอที่ Gate นักท่องเที่ยวมารอตรึมเลย    เราไม่ได้ขึ้นงวง ต้องนั่ง shuttle bus ไปขึ้นที่เครื่อง  ไฟล์นี้บินเครื่อง  A320-200 ที่นั่งแบบ 3-3 ใช้เวลาประมาณ 1.40 ชั่วโมง     Take off 09.50 น.  landing 11.30 น.ตรงเวลาเป๊ะ  ส่วนอุณหภูมิที่ดานัง 38 องศา  หนีร้อนไปพึ่งร้อนกว่า เห้อๆ เวลาเวียดนามเท่ากับเวลาบ้านเรา ไม่ต้องปรับเวลาอะไรทั้งนั้น   เวียดนาม ไม่ต้องขอวีซ่า ขอแค่พาสปอร์ตไม่หมดอายุพอ ซื้อตั๋วบินมาเที่ยวได้เลย     ตม.ดานัง ผ่านง่ายมาก ยื่นพาสปอร์ตปั๊มผ่าน ไม่ถามสุขภาพซากกกกคำ หน้ายังไม่มองเลย ออกจากสนามบินมีน้อง Cong มายืนรอรับ เอารถตู้ 12 ที่นั่งมาบริการกรุ๊ปเราตลอด 3 วัน  เบาะกว้าง นั่งสบายกว่าเครื่องบินอีก แอร์เย็นฉ่ำ คันนี้เลยครับ    12.15 น. ได้เวลาเดินทางจากสนามบินดานัง ไปเมือง เว้ (Huế) วิ่งเรียบทะเลมาได้ซักพักก็เริ่มไต่ระดับขึ้นเขา ระหว่างทางขึ้นมาถึงจุดชมวิวน้อง Cong จอดให้ถ่ายรูปวิวทะเลมุมสูง    สีน้ำทะเลเหมือนภูเก็ตบ้านเราเลย   ชมวิวประมาณ 10 นาที ได้เวลาไปต่อ ทางจะไต่ระดับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ แล้วลงเขาอีกด้าน ลงมาได้วิ่งทางเรียบซักพักแวะร้านอาหารร้านนี้ครับ    แถวนี้จะมีร้านอาหารทะเล ประมาณแนวนี้อยู่ 3-4 ร้าน แต่ร้านนี้คนมากินเยอะสุด     13.40 น. ถึงร้านอาหาร หาที่นั่งได้ เมนูมา เมนูมีรายการอาหารเยอะอยู่เหมือนกัน   ดูเมนูไม่สะใจจะไปจิ้มๆที่ตู้กระจกหรือในตะกร้าได้เลย มอลเล่ย์ก็กินได้เหรอ   ระหว่างรออาหาร ชอบสีเขียว นุ่มกว่า    นั่งรอซักพักอาหารเริ่มทยอยมา  เมนูแรกผักบุ้ง  มาก่อนเพื่อน รสออกเค็มๆมันๆ กลมกล่อมดี แต่ไม่ได้ใส่เต้าเจี้ยวเหมือนบ้านเรา จานนี้อร่อยมากจนสมาชิกต้องสั่งเพิ่มมาอีกจาน   เมนูต่อมา ข้าวผัดกุ้ง  เหมือนผัดกับเนยใส่ขมิ้น มีต้นหอม แครอท ถั่วฝักยาว แต่ไม่เน้นผัก ส่วนกุ้งตัวเล็กไปหน่อย จานนี้เฉยๆ รสชาติยังไม่โดดเด่น   ยำสาหร่ายพวงองุ่น  ถึงน้ำยำรสเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ไม่จัดจ้านเหมือนบ้านเราแต่จานนี้ทำได้รสกลมกล่อมดี สาหร่ายให้มาเยอะมาก มีกระเทียมเจียว แครอท ใบมิ้น มะม่วงดิบกับผักอะไรไม่รู้ จานนี้ก็อร่อยแต่ไม่ถึงกับว๊าววววว    กุ้งคั่วเกลือหรือทอดกระเทียมไม่รู้ 1 กิโล ได้มา 2 จาน เยอะเหมือนกัน สั่งแถวบ้านเรา 1 กิโลเหมือนกันทำไมได้น้อยก็ไม่รู้ เมนูนี้เด็ดสุด ห้ามพลาด กุ้งตัวไม่ใหญ่แต่เนื้อแน่นมาก สด หวาน แกะเนื้อ ราดกับกระเทียมคลุกข้าวหรือกินกุ้งเปล่าก็ได้ ความอร่อยไม่ต้องไปตามใครมาชิมเลย ทั่งกรุ๊ปให้เมนูนี้เป็นพระเอก ชนะเลิศ  แนะนำ   หอยนางรมสด ตัวเล็กไปหน่อยแต่สดดี ส่วนเครื่องเคียงแพ้บ้านเรา ของเค้ามีแค่มะนาวกับมะม่วงดิบและวาซาบิวางบนใบอะไรไม่รู้ ไม่มีกระถิน หอมเจียว น้ำพริกเผา น้ำจิ้มซีฟูดเหมือนบ้านเรา ถ้ากินกับเครื่องเคียงบ้านเค้า กินสดๆจะดีกว่า   ปูอะไรไม่รู้ เอาไปต้มหรือนึ่ง กระดองแข็ง เนื้อน้อย แพงกว่าชาวบ้านเค้าด้วย ไม่แนะนำ  ถ้าอยากกิน สั่งปูม้า หรือปูดำมากินดีกว่า ถูกกว่าด้วย โอเคนะ    หอยตลับผัดเนยใช่เปล่าหว่า .. เหมือนเอาหอยไปลวกให้สุกก่อนแล้วทำน้ำมาราดในตัวหอย มีถั่วลิสงทอด ต้นหอม กระเทียมเจียว เมนูนี้ผมชอบ อร่อยดี  รสชาติจะออกมันๆ ใครชอบพวกถั่ว ชอบมันๆห้ามพลาดเมนูนี้ แต่หอยมันจะเหนียวหน่อย ส่วนสมาชิกบอกเฉยๆ แล้วแต่ลิ้นใครลิ้นมันเนอะ   อีกจานข้าวผัดรวมมิตร สั่งมาทีหลัง ไม่ได้ถ่ายรูป มัวแต่จ้วงหอยตลับอยู่ รสชาติคล้ายๆข้าวผัดกุ้ง ส่วนน้ำจิ้มจะมีผงเกลือกับพริกไทยแล้วบีบมะนาวใส่ อีกช่องเหมือนน้ำจิ้มซีฟูดบ้านเรา แต่รสชาติคนละเรื่องๆ แค่เอาพริกมาปั่นแล้วใสน้ำอะไรผสมไม่รู้ ไม่ผ่าน  อีกถ้วยซีอิ้วพริกดอง ไม่ได้ลองชิม   ค่าเสียหายทั้งหมด หลักล้าน เห้อๆ     15.00 น.ออกจากร้านอาหารเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง  16.30 น. มาถึง Imperial Citadel Hue พระราชวังเว้    พระราชวังเว้  ที่นี่ เรียกได้ว่าเป็น Logo เมือง Hue เลยก็ว่าได้ เสียบัตรเข้าชมนะครับ เราซื้อแบบบัตรรวมสถานที่เที่ยวจะเข้าได้ 3 ที่ ใช้ข้ามวันได้ในราคา 280.000 ดอง   บัตรเข้าชมเป็นบัตรกระดาษ ตรงปลายบัตรจะบอกเข้าแต่ละสถานที่ เค้าจะฉีกตรงรอยปะเก็บไว้ตอนที่เราเข้าไปชมสถานที่ที่นั้น    ทางเข้าพระราชวังเมืองเว้ตั้งปืนใหญ่อยู่สองฟาก เรียกว่า ซุนทานกง หรือ ปืนใหญ่ 9 เทพเจ้า ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือจากประตูทางเข้า หมายถึงเทพ 5 องค์ ตัวแทนของธาตุทั้ง 5 คือ โลหะ น้ำ ไม้ ไฟ และดิน ส่วนอีก 4 องค์ เป็นตัวแทนของฤดูกาลทั้ง 4 ฤดูใน 1 ปี   เดินเข้ามาจะเจอป้อมปราการ มีธงชาติผืนใหญ่ ตั้งเด่นสง่าอยู่ฝั่งเหนือของแม่น้ำหอมหรือ “ซงเฮือง” (Son Huong)   ตรงข้ามป้อมปราการ เป็นทางเข้าไปชมพระราชวัง เว้   ผ่านประตูเข้ามาข้างในพระราชวังแล้ว ถ่ายรูปหน่อย     เดินเข้าไปต้องผ่านประตูมังกรแห่ง The Imperial City   ถามว่าอากาศเป็นยังไง ไม่น่าจะต่ำกว่า 38 องศา เหงื่อเต็มหลังเลย ร้อนกว่าบ้านเราอีก หมดคำบรรยาย    อยากโดดน้ำไปเล่นกับปลาคราฟ   เดินเข้าไปยังท้องพระโรง   หลังท้องพระโรง เรียกกันว่า พระราชวังสีม่วง (Purple Palace) เป็นบริเวณที่ประทับของกษัตริย์และพระมเหสีเชื้อพระวงศ์และครอบครัว ส่วนเหล่านางสนมอยู่รวมกันในอีกส่วนหนึ่งของพระราชฐาน ตัวพระราชวังมีทุ่งนาเล็กๆ กระทั่งถึงสนามเทนนิส ที่เป็นเช่นนี้เพราะจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย ทรงเติบโตที่ฝรั่งเศส ทำให้มีนิสัยชอบเที่ยวเตร่ ชอบการพนัน และทรงโปรดเทนนิสเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วตามเมืองตากอากาศ เช่น ดาลัด จึงมีวิลล่าพักผ่อนของพระองค์เอาไว้    หลังท้องพระโรงมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆเยอะเหมือนกัน      สวยค่าาาาาาาาาา    18.00 น.ได้เวลาออกจากพระราชวังแล้วครับ เราออกประตูด้านข้างซ้ายมือ    เดินตรงไปเป็นประตูใหญ่   ก่อนถึงประตูจะมีโคมไฟ มุมถ่ายรูปของสาวๆเค้าละ อยู่ด้านซ้ายมือ      18.30 น. ออกจากพระราชวัง เว้  บัตรเข้าชมเก็บไว้ด้วยนะครับ ยังเหลืออีก 2 ที่ ต้องแสดงบัตรเข้าชม   เป้าหมายต่อไป Thien Mu Pagoda ; วัดเทียนมู่หรือวัดเทพธิดาราม  จากพระราชวังเว้ นั่งรถประมาณ 5 นาที ก็มาถึงวัดเทียนมู่แล้ว เจดีย์เทียนมู่ อยู่ริมแม่น้ำหอม เมืองเว้ ตั้งอยู่ด้านหน้า ทางเข้าวัด มาซะมืดเลย ถ่ายรูปได้แค่นี้ครับ เข้าชมฟรี    เดินเข้าไปเข้าในวัด ถ้าไม่รู้ประวัติดูเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ถ้าเรารู้ประวัติวัดนี้ห้ามพลาด ลองอ่านดูครับ  วัดเจดีย์เทียนมู่ แห่งนี้ ถึงเป็นพุทธสถาน ที่มีความสำคัญมาก ในแง่ของการเป็นจุดรวมพลของชาวเวียดนามที่นับถือศาสนาพุทธ ที่ไม่พอใจรัฐบาลโงดินห์เดียม ที่มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง และสั่งทำลาย ทำร้ายผู้นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งมีมากกว่า 90% อย่างรุนแรง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สำคัญ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้าน ขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายน 2506 วันนั้นโลกต้องตกตะลึง เมื่อ พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก วัยุ 73 ปี เจ้าอาวาสจากวัดเทียนมู่ ประกาศอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ด้วยการเผาตนเอง ณ กรุงไซง่อน (โฮจิมินห์ ซิตี้ ในปัจจุบัน) แต่คณะรัฐบาลโงดินห์เดียม ไม่ได้ให้ความสนใจใยดี และสั่งกวาดล้างพระสงฆ์หนักขึ้น และมีพระรูปอื่นเผาตัวเองประท้วงอีกหลายรูป แต่การเรียกร้องครั้งนั้น ก็ได้จุดชนวนให้กลุ่มทหารผู้นับถึงพุทธลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาล โดยการนำของหัวหน้าเสนาธิการกองทัพเทียน วัน ดง และนายพลสำคัญๆอย่าง เยื้อง วัน มินห์, ทราน เทียน เคียม, เล วัน คิม และ เหวียน ฮู โก แผนการเริ่มขึ้น 11:00 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2506 และสุดท้าย ปธน.โงดินห์เดียม และน้องชาย ถูกทหารยิงประหารในวันรุ่งขึ้น หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง รถออสตินคันสีฟ้า ที่พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก ใช้เป็นพาหนะขับไปจอดที่กลางกรุงไซ่งอน ในวันที่ท่านเผาตัวเอง พร้อมทั้งเถ้าถ่าน และหัวใจของท่าน ถูกนำมาเก็บไว้ในสถูปทองคำ วัดเทียนมู่ จนถึงปัจจุบัน   เราอยู่วัดประมาณ 15 นาที ขากลับเดินไปขึ้นรถ เจอร้านขายชุดอ๋าวหญ่าย  สาวๆจัดไปคนชุด ใช้เวลาต่อรองประมาณครึ่งชั่วโมงได้ นานกว่าอยู่วัดอีก เสน่ห์ของการซื้อของที่เวียดนาม คือการต่อราคา เป็นการวัดใจระหว่างลูกค้ากับแม่ค้า ไม่เชื่อลองดูแล้วจะรู้ว่ามันส์ สุดๆ จากวัดไปยังโรงแรมในตัวเมืองเว้  ใช้เวลาประมาณ 40 นาที คืนนี้เราพักที่โรงแรม Serene Shining Hotel    ทางเข้าโรงแรมจะเป็นซอยเล็กๆเข้าไป แต่อยู่ใจกลางเมือง ทำเลสะดวกสบาย ตั้งอยู่ห่างจาก Huong River ยอดนิยมและ Trang Tien Bridge เป็นระยะทางไม่เกิน 200 เมตร   ระหว่างรอ Check in มี welcome drink  เป็นน้ำแตงโมปั่น แต่ออกเปรี้ยวๆเหมือนแตงโมบูด กับ Welcome Fruit  ให้มา 2 จาน ชอบมะม่วง รสชาติอร่อยดี ส่วนกล้วยเป็นกล้วยสุกนะครับ ไม่ใช่กล้วยดิบ   ได้ห้องแล้ว เป็นคีย์การ์ด 1 ใบไว้เสียบเปิดไฟในห้อง กุญแจ 1 ดอกใช้สำหรับเปิดห้อง กุญแจห้องเปิดยากมาก  ผมได้ห้อง 405 ชั้น 4 มีลิฟต์นะครับ พนักงานบริการดีมาก มาช่วยยกกระเป๋าตั้งแต่หน้าโรงแรมไปยังบนห้องแถมขากลับเข็นกระเป๋าไปส่งถึงรถ ประทับใจ    เข้าไปดูในห้องกัน เปิดประตูเข้าไป ด้านซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ภายในห้อง กว้างเลยครับ พื้นไม้ปูเรียบ เตียง 2 เตียง ขนาด 6 ฟุต กับขนาด 3.5 ฟุต ฟูกไม่แข็ง ไม่นิ่มจนเกินไป เตียงแข็งแรงเวลาขยับตัวไม่มีเสียงเอียดอ๊าดให้กวนใจ หมอนใบใหญ่นิ่มไปหน่อย ส่วนผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม สะอาดดีครับ   ระหว่างเตียงมีชั้นวางของระดับเดียวกับเตียง ไว้วางโคมไฟ โทรศัพท์โรงแรม พร้อมปลั๊กเสียบว่าง 1 เต้า ส่วนด้านข้างเตียงจะทั้ง 2 ข้างมีปลั๊กไฟ 2 เต้าไว้เสียบชาร์ทอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆทั้ง 2 ด้าน ชอบอ่ะ ไม่หวงปลั๊กไฟ     ห้องผมอยู่ริมสุด มีกระจก 2 ด้าน เปิดม่านชมวิวได้ แต่ไม่เห็นวิวอะไรหรอก ด้านปลายเตียงจะเห็นซอยทางเข้ามายังโรงแรม ส่วนด้านข้างเห็นร้านอาหารตรงหน้าโรงแรม วิวจากมุมห้องประมาณนี้   ตรงมุมซ้ายมีโต๊ะเครื่องแป้งให้ 1 ชุด โต๊ะเล็กไปหน่อย แค่นี้ไม่พอวางชุดเครื่องสำอางแฟนผมหรอก หอบมาจากเมืองไทยนึกว่าม้า อร นภา มาเอง แอบเม้าท์หวานใจหน่อย   จากเตียงมองกลับไปยังประตู พื้นไม้ ผนังทาสีขาว ไฟห้องจะออกขาวนวลๆ ด้านข้างมีตู้เสื้อ ผ้าให้ 1 ใบ   ปลายเตียงให้ชุดรับแขก 1 ชุด มีเก้าอี้โซฟา 2 ตัว โต๊ะวางแก้วน้ำพร้อมน้ำดื่ม 2 ขวดและกาแฟ 2 ซอง ตามมาตรฐานโรงแรมทั่วไป   ถัดไปเป็นโต๊ะยาว วางทีวี ชั้นล่างมีประตูไม้เปิด-ปิดเก็บของได้   ต่อไปเป็นชั้นวางของ ชั้นล่างให้รองเท้าแตะ 3 คู่    มาดูตู้เสื้อผ้ากันบ้าง ตู้ใหญ่เต็มผนัง ด้านบนเป็นชั้นกระจกใส 3 ชั้น มีแจกันวาง 1 ใบ ส่วนด้านล่างสุดเป็นประตูไม้เปิดมามีตู้เย็นพร้อมมินิบาร์ ไม่ฟรีนะครับ   ถัดไปเป็นตู้เสื้อผ้า ชั้นล่างมีตู้เซฟ   เข้าไปดูห้องน้ำกันบ้าง เปิดประตูเข้าไป ไม่กว้างมากแต่ไม่แคบเกินไป  เครื่องสุขภัณฑ์ชักโครกต้อนรับตรงด้านหน้าเลย มีสายชำระให้ด้วย ชอบๆๆ   ด้านขวามือ มีกระจกบานใหญ่ เต็มบาน ส่วนเค้าเตอร์เป็นหินอ่อนปูเต็ม มีอ่างล้างมือ 1 อ่าง Amenities ของใช้ในห้องน้ำมีให้พร้อมหมด ทั้งสบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สำลีปั่นหู พร้อมไดร์เป่าผม    ด้านซ้ายมือเป็นอ่างอาบน้ำ  ฝักบัวพร้อมน้ำร้อน น้ำเย็น ปลายอ่างอาบน้ำให้ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมืออย่างละ 2 ผืน สะอาดดีแต่ไม่หอม   ประตูห้องน้ำแขวนร่มไว้ให้ 1 คัน แอบใส่ใจเหมือนกันนะเนี้ย    สรุป ห้องกว้าง สะอาด ไม่มีกลิ่นอับหรือกลิ่นบุหรี่ ผ้าปูที่นอน ผ้าปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัวรวมถึงผ้าต่างๆ สะอาดไม่มีคราบ รอยเปื้อนใดๆ ปลั๊กไฟมีให้ชาร์ทหลายจุด ห้องน้ำไม่กว้าง ไม่แคบ สะอาดพอประมาณ ผนัง รอบห้องน้ำต่างๆไม่มีคราบรา หัวก๊อกรวมถึงฝักบัวสะอาด น้ำไหลแรงพอประมาณ น้ำร้อน น้ำเย็นใช้ได้ดี ไฟตลอดคืนไม่มีตกๆดับๆ แอร์เย็นฉ่ำ ทำเลดีมาก อยู่ใกล้ถนนคนเดิน ใกล้แหล่งของกิน พนักงานเต็มใจบริการ ดีทุกคน ทุกอย่างดีหมดยกเว้นกุญแจห้อง เปิดยากหน่อย แต่ไม่ใช้ปัญหา แค่นี้ก็เพียงพอที่กล้าจะแนะนำคนรู้จักให้ไปพัก สำหรับราคา ถูกเวอร์ๆๆ แนะนำครับ    สำรวจห้องเสร็จ ลงไปสำรวจบ้านเมืองเค้าบ้าง ประมาณ 20.40 น. ออกจากโรงแรมเดินเลี้ยวขวาไปเรื่อยๆจะเลาะแม่น้ำหอม ระหว่างทางเจอวัดอะไรไม่รู้ ประดับกระทงไฟวางไว้ตรงพื้น สวยดี   ผ่านวัดตรงนี้มาไม่ไกลจะถึงถนนคนเดิน ชอบตรงที่เค้าไม่ให้รถเข้าไป คือคนเดินจริงๆ ใครขับมอเตอร์ไซค์มาก็จูงเอา ทำให้บรรยากาศถนนคนเดินน่าเดินเล่นเลยครับ   เดินหาร้านอาหาร ตั้งใจไปกินแถวสะพาน Truong Tien Bridge เป็นสะพานเจ็ดสี (มณีเจ็ดแสง) ที่เมืองเว้ ประเทศเวียดนาม ตัวสะพานจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ สลับกันไปเจ็ดสีสวยงามมาก บรรยากาศรอบด้านอารมณ์คล้ายๆสะพานพุทธฯบ้านเรา เป็นที่ๆผู้คนหลากหลายพากันมาพักผ่อนหย่อนใจมีร้านจำหน่ายสินค้าและอาหารในบริเวณใต้สะพานมากมาย แต่ที่เราไป ตลาดน่าจะปิดหมดแล้ว เงียบเชียว    สรุป แถวร้านอาหารใต้สะพานปิดหมดแล้ว เดินหาร้านอาหารต่อไป วันนี้เราไม่มีร้านในดวงใจ ตั้งใจมาหาอาหารกิน Street Food แถวใต้สะพาน ผ่านถนนตรงนี่จะประดับไฟตลอดเส้นทาง   เดินวนรอบเมืองเว้ กลับมากินร้านแถวถนนคนเดิน ไม่ใช่ร้านแนะนำใดๆ แต่เดินรอบเมืองเว้แล้ว ร้านนี้ดูน่าจะฝากผีฝากไข้ได้ ร้านจิงโจ้ โล้สำเภา ผมตั้งชื้อภาษาไทยให้แล้วกัน    เปิดเมนูเครื่องดื่มก่อนเลย   ตอง 3 แรงแต่ไม่นุ่ม สู้กระป๋องเขียว HUDA มื้อเที่ยงไม่ได้   นั่งไม่นาน เมนูแรก บั๋ญแส่ว (Banh xeo) หลายคนคงไม่คุ้นหู แต่ถ้าเรียก ขนมเบื้องญวน คงร้องอ๋อกันทันที บั๊ญแส่ว เป็นแป้งขนมเบื้องกรอบๆ ทำจากข้าวเจ้า และผงขมิ้น ยัดไส้ข้างในที่มีหมู กุ้ง ถั่วงอก และสมุนไพรแล้วแต่สูตรของแต่ละร้าน และถ้าจะกินให้เหมือนชาวเวียดนามล่ะก็ ต้องตัดให้เป็นชิ้นพอดีคำห่อด้วยผักกาดก่อนแล้วค่อยราดน้ำจิ้ม ร้านนี้ทำอร่อยดีครับ    เมนูต่อมาสั่งเป็นชุด Combo ในเซทนี้ให้มา 3 อย่าง มีคล้ายๆแหนมเนืองแต่ไม่ใช่ ให้หมูพันตะไคร้มา 2 ไม้ ห่อแป้ง ใส่ผัก ใส่น้ำจิ้มออกเค็มๆหวานๆ อันนี้ชอบ อร่อยดี อีกอย่างเป็นของคาวเหมือนกันใส่ถ้วยตะไลคล้ายขนมถ้วย เป็นแป้งโรยด้วยหอมเจียวกับอะไรไม่รู้ ถ้วยนี้พอกินได้ อีกอย่างเป็นแป้งใสบางๆใส่ไส้อะไรไม่รู้ ห่อด้วยใบอะไรไม่รู้เหมือนกัน สรุปไม่รู้อะไรแต่รสชาติทั้งแกงค์ชอบ ส่วนผมเฉยๆ   เมนูต่อมาเรียกอะไรไม่รู้ เหมือนเมนูข้างบน แต่แป้งจะหนากว่า ตัวเล็กกว่า ไม่อร่อย ตัวแป้งเหนียวเคี้ยวลำบาก ไม่ผ่าน    เปาะเปี๊ยะสด แป้งบาง ใส ห่อด้วยกุ้งสด แตงกวา เห็ด เส้นหมี่จิ้มกับน้ำจิ้ม จานนี้อร่อย ผมชอบเลยละ    เมนูสุดท้าย ผัดผักบุ้ง ติดใจร้านเมื่อเช้า แต่ร้านนี้อร่อยสู้ร้านกลางวันไม่ได้ กินเล่นๆไป   รวมทั้งหมด 6 แสนนิดๆ  จิ๊บๆ   อิ่มเสร็จเดินกลับเข้าที่พัก  ระหว่างทางเจอ บั๋นหมี่ (Banh mi) แซนด์วิชเวียดนาม เป็นเหมือนร้านรถเข็นแบบบ้านเรา ลองชิม 1 ชิ้น ร้านนี้มีไก่ย่างกับหมูย่าง ผมลองไก่ย่าง รสชาติไก่เหมือนไก่สะเต๊ะบ้านเรา ขนมปังตัวด้านนอกกรอบแม่ค้าเค้าเอาไปปิ้้งแต่ตัวด้านในนิ่ม อยากกลับไปกินอีกรอบ อร่อยจริงๆ เสียดายลืมถ่ายรูปไว้   22.30 น.ผ่านแยกนี้เดินไปนิดเดียวก็ถึงโรงแรมเราแล้ว   คืนนี้หัวถึงหมอน สลบยาว พรุ่งนี้ไปนอน บานา ฮิลล์ กันครับ คลิ๊กเลย สรุป ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าเครื่องบินแอร์เอเชีย ราคาไป-กลับคนละ 2,880 บาท (ไม่รวมค่าน้ำหนัก+ค่าอาหาร+ค่าระบุที่นั่ง) ซื้อน้ำหนัก 20 โล 735 บาท ค่าประกันเดินทาง บ.แอคซ่า ผ่าน ais คนละ 186 บาท ซิม 2 fly คนละ 299 บาท 4 GB 8 วัน ค่าแท๊กซี่ นนทบุรี-ดอนเมือง 140 บาท (139) อัตรา เรทวันที่ไป 1.38 ดอง (คิดหยาบๆ ตัด 0 สามตัว คูณ ด้วย 1.4 เท่ากับเงินบาทไทย) ค่าใช้จ่ายกองกลาง เก็บกองกลางคนละ 3,000,00 ดอง ตลอดทริป ค่ารถตู้ เหมา 3 วัน 9,760 บาท ค่าอาหารมื้อเที่ยง 2,256,000 ดอง ค่าเข้าชมพระราชวัง เว้ คนละ 280,000 ดอง ค่าอาหารมื้อเย็น 614,00 ดอง ค่าโรงแรม 2,171,400 ดอง 4 ห้องรวมอาหารเช้า (ห้องละ 542,850 ดอง) รถตู้เราจองจาก Agency บริษัท Huebooking tour ใครสนใจ Email : truongthanhha0508@gmail.com  สายการบินแอร์เอเชีย บินตรงเวลาทั้งไปและกลับ ส่วนราคาโปรจะประมาณนี้ แต่เวลาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วันสุดท้ายบินกลับประมาณ 11.00 น.ทำให้เสียเวลาเที่ยวไป 1 วัน แต่แลกกับราคาโปรก็ต้องยอม แนะนำควรกลับเย็นๆหรือไม่ดึกจะได้มีเวลาเที่ยว ถ้าไม่เกี่ยงเรื่องราคานะครับ  สนามบินดานัง ไม่ใหญ่ไม่เล็ก โอเคเลยนะ สะอาด เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่หยุมหยิม ผ่านง่าย สบายๆ  รถตู้ คันใหญ่ สะอาด เบาะกว้างนั่งสบายไม่ต้องนั่งเบียดเหมือนรถตู้บ้านเรา ไม่มีเสียระหว่างทางตลอด 3 วัน แอร์เย็นดี ขนาดอุณหภูมิร้อนๆยังเอาอยู่ น้อง Cong พนักงานขับรถ ขับมีมารยาท ไม่มีบีบแตรให้กวนใจ ไม่ขับกระชาก แซงซ้ายแซงขวาให้เห็น ขับใจเย็นดี มาตรงเวลาตามนัด บริการดีมาก ไม่ชมแหละเดี๋ยวเหลิง 555 แนะนำครับ ร้านอาหารทะเลมื้อกลางวัน เว้ ร้านสวย บรรยากาศดี มีเมนูให้เลือกหลากหลาย อาหารสด อาหารรอไม่นานเกินไป พนักงานตั้งใจบริการแต่ยังไม่ค่อยสุด รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อย ราคาไม่แรง ถือว่าร้านนี้ลองเข้าไปชิมกันได้ครับ (สังเกตร้านอื่นที่นั่งผ่าน ไม่มีลูกค้าเยอะเท่าร้านนี้แล้วครับ) Imperial Citadel Hue พระราชวัง เว้ เป็นพระราชวังประวัติศาสตร์ มีอะไรน่าสนใจเยอะ ด้านหน้ามีบริเวณกว้าง ส่วนตัวพระราชวังไม่ใหญ่มาก แต่มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆหลายจุดอยู่ ส่วนอากาศช่วงที่ไปร้อนมาก ถ้ามาช่วงอากาศเย็นสบายน่าจะดีกว่านี้ โดยรวมถ้ามาเมืองเว้ ห้ามพลาด Thien Mu Pagoda ; วัดเทียนมู่ ไปถึงมืดแล้วเลยไม่ได้ชมอะไรมาก โดยส่วนตัวเห็นครั้งแรกเฉยๆแต่พอกลับมาหาข้อมูลดู วัดนี้มีอะไรมากกว่าความสวยงาม  โรงแรม Serene Shining Hotel ไม่มีคำบรรยาย ทั้งราคา ทั้งทำเล รวมถึงภายในห้อง ถ้าใครถามพักเว้ที่ไหน เชียร์ รร.นี้สุดลิ้มทิ่มประตู ขอ sponsor ด่วน ร้านอาหารจิงโจ้ ไม่ใช้ร้านดัง เป็นร้านที่เดินหากันสดๆในตอนนั้น รสชาติอร่อยเป็นบางอย่าง โดยรวมกินก็ได้ไม่กินก็ได้ ไม่เสียหาย  บั๋นหมี่ (Banh mi) แซนด์วิชเวียดนาม เป็นแค่ร้านรถเข็นข้างทางธรรมดาๆ แต่รสชาติไม่ธรรมดา ถูกปากมาก อร่อยจนต้องเอามาแนะนำ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ จะบอกพิกัด บอกชื่อร้านก็บอกไม่ถูก แต่จำร้านได้  บรรยากาศตอนกลางคืนเมืองเว้ คึกคักดี แต่ร้อนอยู่เหมือนเดิม ถนนคนเดินมีร้านอาหาร ร้านเหล้าคนท้องถิ่นเต็มทุกร้าน ช่วงเดินหาร้านอาหาร เดินเกือบทั่วเมืองเว้ ผ่านถนนใหญ่เข้าซอยเล็กๆ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ตอนเที่ยวเวียดนามครั้งแรก หาข้อมูลให้ระวังนั้นระวังนี้ก็ระวังเต็มที่ มาทริปนี้เลยเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง ไม่อยากให้เที่ยวแบบระแวงไปหมดทุกอย่างทำให้เที่ยวไม่สนุก แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เที่ยวแบบไม่ระวังจนลืมตัว เพราะอุบัติเหตุ รวมถึงมิจฉาชีพมีอยู่ทุกประเทศไม่ว่าประเทศนั้นจะเจริญหรือไม่ก็ตาม เพียงแต่มีมากหรือมีน้อยเท่านั้นเอง เวลาเที่ยวก็ระวัง ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน  สุดท้าย ขอบคุณสมาชิกทุกท่านครับ ที่ช่วยกันวางแผน ช่วงกันจองที่พัก หาร้านอาหาร จนเกินทริปนี้ขึ้นมาได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าอากาศจะร้อนแค่ไหน อาหารถูกปากหรือไม่ จะเหนื่อยอย่างไร ไม่มีใครบ่นหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจ ถือเป็นทริปที่ประทับใจอีกทริปนึงของผม ขอบคุณสำหรับเพื่อนร่วมทริปทุกท่าน ... รอเวียดนามใต้อยู่นะ      Create Date : 28 พฤษภาคม 2562 1 comments Last Update : 21 มิถุนายน 2562 13:21:18 น. Counter : 1490 Pageviews. Share Tweet

ได้เที่ยวเยอะดี แต่ไม่ดีตรงอากาศร้อนกว่าบ้านเรา... ที่พักดีครับ รถก็ดูดีกว่าที่ พวกผมเหมา แบบรถมินิบัส...555 อาหารน่ากินครับ.. เห็นราคาสะดุ้งทุกที   โดย: ไวน์กับสายน้ำ 28 พฤษภาคม 2562 21:26:13 น.