♪♪Sunshine Bikini&Beach
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

คนไทยรักกัน

ช่วงนี้ร้อนโค ต ร แถมอบอ้าว บางวันความชื้นขึ้นไปถึง 90% พาลให้หงุดหงิดงุ่นง่าน เลยต้องหาทางระบาย

วันนี้เอาเรื่องคนไทยในตปท. (ระบุเซี่ยงไฮ้ จีน) มาแฉ เป็นการคลายร้อน....มันเกี่ยวกันไม๊หว่า


อยากไปใช้ชีวิต อยากไปเรียนตปท. คงเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน ตอนสมัยเรียนมหาลัย เพื่อนๆหลายคนก็ไปต่อโทตปท. ซึ่งก็ไม่พ้นอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น แหมเราเชยจังเรียนโทเมืองไทย พอเรียนจบก็จะมาเรียนภาษาจีนที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อนมันถาม มาทำไมวะเมืองจีน (เชยรอบสอง), เจอแต่เจ๊กขากถุยแน่แก (เออ...จริง ), วิศวกรเรียนจีนไปทำไรวะ (ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แค่อยากเรียน), ทำไมไม่ไปไต้หวัน ดู "ไฮโซว" กว่าเยอะ (คนจีนว่าพวกไต้หวันพูดจีนไม่เป็นจีน) ฯลฯ ยังลุง ป้า น้า อา รวมไปถึงอาจารย์ สุดท้ายก็มาด้วยความ"เซ้ล์ฟ" ใครว่าไรชั้นไม่สน



มายังไงอ่ะ

ก็หลากหลายวิธี วิธีที่เด็กไทยส่วนใหญ่เชี่ยวชาญก็คือไปหาบริษัทนายหน้า เรียกเท่ๆ หน่อยก็เอเจนซี่ซึ่งก็มีมากมายเป็นดอกเห็ด ดาก็เคยไปถามๆ ดู แต่คงด้วยความเคี่ยวดันจับไต๋พวกนั้นได้ว่าก็ไม่ได้รู้จริงนี่หว่า เลยตัดสินใจว่าเรื่องง่ายๆ แบบนี้ทำไมจะทำเองไม่ได้วะ เรียนมาก็สูง (อีโก้จัดอีก) เลยติดต่อมหาลัยเอง เลือกมหาลัยที่เด็กไทยไม่ค่อยมา มหาลัยไหนที่พวกเอเจนซี่เชียร์จัดๆ น่ะเขี่ยออกก่อนเลย ง่ายๆ แค่ตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า มาเพื่อฝึกภาษาจีนหรือไทย, มาเพื่อเรียนรู้หรือเพื่อเอาไว้โม้ว่าชาตินึงก็ได้ออกมาอยู่เมืองนอก บางคนบอกว่ามากับเอเจนซี่แต่ไปคบเพื่อนต่างชาติก็ได้นี่นา ขอบอกว่าคงมีน้อยคนมากๆ ที่จะทำได้ เพราะเอเจนซี่เค้าจะจัดให้เด็กไทยมาด้วยกัน อยู่ด้วยกัน แล้วมันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เวลาโดดเดี่ยวอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ก็มักจะ "เกาะติด" กับคนที่เรารู้จักเป็นคนแรก ใครเคยย้ายโรงเรียนคงเข้าใจ ส่วนใหญ่ก็เลยออกมาในรูป แก็งค์เด็กไทย จริงๆ มันก็ไม่ผิดอะไรเพราะก็มีแก็งค์ญี่ปุ่น แก็งค์เกาหลี และอื่นๆ เต็มไปหมด สุดท้ายคือต้องตอบตัวเองก่อนว่าอยากได้อะไร

ดาบอกกับตัวเองว่าไม่อยากมาเซี่ยงไฮ้เพื่อคบคนไทย คุย ไปมาหาสู่บ้างนิดหน่อยไม่ให้เสียมรรยาทว่างั้น ผลลัพธ์คือไม่สนิทกับคนไทยเลย......ชิ สมน้ำหน้า อาจด้วยดวงชะตาฟ้าลิขิต ดันไปสนิทกับญี่ปุ่นที่อยู่หอเดียวกันเพราะห้องติดกัน และเพราะดันมาก่อนวันลงทะเบียนก่อนชาวบ้านเขา โหวงเหวงวังเวงกันอยู่สองคนตั้งหลายวัน แต่เพื่อนคนนี้เป็นกัลยาณมิตรจริงๆ ไม่สบาย มีปัญหาอะไรพึ่งพาได้ เริ่มคบกันมาตอนยังพูดจีนได้คนละไม่กี่ประโยคและยังคบกันมาจนบัดนี้ (ที่คนนึงภาษาจีนเริ่มลงรูไปแล้ว หลังจากกลับไปอยู่ญี่ปุ่น) นี่แหละที่เขาเรียกว่าภาษาไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคำว่ามิตรแท้.....



ทำไมเซี่ยงไฮ้

เด็กไทยส่วนใหญ่อยากได้จีนสำเนียงมาตรฐาน (ได้จริงๆ แค่ไหนอีกเรื่องนึง....ฮา) ก็จะแห่กันไปปักกิ่ง พูดไปรัวลิ้น เอ๋อร์...เอ๋อร์ บอกตรงๆ จนบัดนาวดาก็ยังฟังจีนปักกิ่งไม่ค่อยจะออก ทำไมเซี่ยงไฮ้น่ะเหรอก็

หนึ่ง หลบเด็กไทยเพราะเราไม่เด็ก เจอเด็กๆ แล้วทำตัวไม่ถูก....ฮา เพราะงั้นปักกิ่ง ตัดออก.....ทำแบบเดียวกับเทคนิคการทำข้อสอบ multiple choice ยังงั้นเลย อันไหนไม่ใช่...ตัดออก

สอง ยังรักข้าวสวยมากกว่าบะหมี่ หมั่นโถว ซาลาเปา เพราะงั้นเมืองทางเหนือตัดออก จากเซี่ยงไฮ้ลงไปทางใต้คนจะนิยมกินข้าวมากกว่า

สาม รักสบาย ชอปปิ้งต้องสะดวก ต้องมีของเดิร์นๆ ขาย (ชั้นไฮโซว เมืองไทยนะยะ) ก็เลยเจอคำตอบที่ถูกต้อง เซี่ยงไฮ้ค่า แต่.....แต่.....ตอนมาใหม่ๆ นะ ห้างใหญ่แบบบิ๊กซี โลตัสบ้านเรา ยังไม่มีน้ำยาปรับผ้านุ่มขายเลยอ่ะ โรลออนต้องไปหาตามห้างที่ขายของนำเข้า.....เวรกรรม ก็คนจีนเค้าไม่ใช้กันน่ะ (จริงๆ แล้วไม่มีให้ใช้ด้วยแหละ) ตอนนี้มีขายทั่วไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีมากมายหลายกลิ่น หลายยี่ห้อให้เลือกเหมือนเมืองไทย



คนไทยในเซี่ยงไฮ้เยอะไม๊

ราวๆ พันกว่าคน ถือว่าน้อยมากสำหรับหมา เอร้ย...มหานครเซี่ยงไฮ้ที่มีขนาด 6,340 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 20 ล้านคน และมีจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน (Expatriate) ประมาณ 600,000 คน (เพราะเขาเห็นศักยภาพ) เห็นยังว่าคนไทยพันกว่าคนมันช่างกระจิ๊ดริดแค่ไหน


เหตุผลง่ายๆ ที่คนไทยไม่ค่อยจะมาจีน

หนึ่ง ไปเป็นโรบินฮู๊ดล้างจานที่อเมริกา ยุโรป หรือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ได้เงินมากกว่า และดูมีสถุล สกุลกว่า


สอง คนไทยเห่อฝรั่ง พอทีกับคนจีน จะนึกถึงแต่ขาก...ถุย จะเห็นได้ว่ามีทู้ทั้งเป็นและอยากเป็นภรรเมียฝรั่งเต็มไปหมด ต่อไปชายไทยคงต้องนำเข้าหญิงต่างชาติ ไม่ก็เป็นเกย์กันไปให้หมด....ฮาฮา


สาม อยากมาแต่ไม่มีโอกาสทำงาน กลับไปหนึ่ง งานใช้แรงงานเนี่ยพี่จีนเค้ามีคนเกินพอไม่ต้องไปแย่งเค้าทำ งานที่คนไทยทำได้ส่วนใหญ่ก็เป็นงานที่ต้องใช้ภาษาไทย แต่งานที่ดาทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเลย นานๆ จะมีเพื่อนโทรมาที่ที่ทำงาน เลยได้โอกาสประกาศศักดาภาษาไทยหน่อย (ประกาศไปทำอะไร ) เคยไปสัมภาษณ์บริษัทนึงที่ทำธุรกิจขนส่งเอ๊กซ์เพรสซึ่งมีคนไทยทำงานอยู่ในนั้นสามสี่คน มีญี่ปุ่น เกาหลี และก็จีน งานก็ไม่ได้เกี่ยวกับที่เรียนมาซักเท่าไหร่ แต่ไปด้วยความอยากลองสัมภาษณ์หาประสบการณ์ คนสัมภาษณ์ถามว่าจะเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ เลยเรียกไปแบบฟูลแพคเกจ คนสัมภาษณ์อึ้ง แต่ดาบอกเค้าว่ายูเซฟไปได้เยอะเลยนะเพราะถ้าต้องไปล้วงคนไทยมาจากเมืองไทยจะแพงกว่านี้ บลา บลา ว่าไป จริงๆ แล้วรู้มาก่อนว่าเกาหลี ญี่ปุ่นได้เงินเยอะกว่าพวกคนไทยที่ทำอยู่ ก็เลยเรียกแบบให้รู้กันไปว่างานเหมือนกันทำไมให้คนไทยต่ำกว่า (บร้าดีเดือดจริงชั้น ไปหางานหรือไปหาเรื่อง)

ทำไมคนไทยได้น้อยกว่าน่ะเหรอ...ใจเย็นๆ ทนอ่านต่อไปอีกนิด ดามารู้ผลว่าเพื่อนของคนไทยที่ทำอยู่ได้ไป รู้สึกว่าเค้าแนะนำเพื่อนมาสมัครกัน จำไม่ได้ว่ากี่คน แต่มารู้ทีหลังว่าคนที่ได้ คือ คนที่เสนอ "ค่าตัว" ต่ำสุด แบบนี้ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งจะเรียกมาด่า ทำไมฉลาด (น้อย) งี้วะ ลองทุกคนรวมหัวกันเรียกแพคเกจเดียวกัน ต่อให้แพงกว่าเกา กว่ายุ่น ดูดิมันจะจ่ายแพงกว่าเพื่อมาควานคนไทยจากไทยไปไม๊นั่น และนั่นก็เลยเป็นคำตอบว่าทำไมคนไทยได้น้อยกว่าเกา กว่ายุ่น และก็ได้น้อยลงกว่าคนไทยรุ่นที่ทำอยู่ก่อนคือรู้สึกว่าจะได้พอๆ กับคนจีนเลยอ่ะ มันเลยกลายเป็นว่าบริษัทเค้ารู้ "สันดาน" คนไทย ที่มักขัดแข้งขัดขา ลดราคาแข่งกันเอง พวกแบกศักดิ์ศรีประเทศไทยอย่างดาเลยแห้วไป.....แต่นั่นคือการพลาดเพื่อสิ่งที่ดีกว่า บริษัทที่มองเห็นแค่ตรงนี้ไม่คู่ควรกับคนอย่างชั้น....เชอะ


โอย เหนื่อยจริงๆ พิมพ์ผิดพิมพ์ถูก แป้นไทยก็ไม่มี บล๊อกนี้คงเป็นบล็อกที่ยาวที่สุดของดาเลยมั้ง ใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมาก หวังว่าบล็อกไร้สาระคงจะมีสาระบ้าง.....เอ๊ะยังไง อ่านกันสนุกๆ กัดพอคันๆ แสบๆ จะได้หายร้อน ปายละค่า




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2553
1 comments
Last Update : 5 สิงหาคม 2553 21:36:33 น.
Counter : 597 Pageviews.

 

ครับ...คนไทรักกันครับ
...............................
สวัสดีครับ

 

โดย: panwat 5 สิงหาคม 2553 22:52:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


lisalee
Location :
Shanghai China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




~~Shanghai Time~~

Friends' blogs
[Add lisalee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.