Blogger Reader Writer Runner
จดหมายถึงเธอ ผู้ไม่มีอยู่จริง (4)


สายฝนช่วงต้นเมษาที่กำลังโบยตีพื้นทางเดินภายนอกเป็นสิ่งที่ไม่เคยคุ้นนัก ก็นี่มันเป็นฤดูร้อนมิใช่หรือ ฉันได้แต่ดีใจที่ได้ที่นั่งที่เดิมในร้านกาแฟร้านเดิมไม่ต้องผจญความเปียกปอนจากหยาดฝนกลางฤดูร้อนอย่างนี้ ฉันอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งนี้เป็นประจำ ตั้งแต่ช่วงค่ำไปจนดึก ฉันชอบเขียนจดหมายเป็นชีวิตจิตใจ ฉันจะอุทิศอย่างน้อยสองชั่วโมงต่อวันในการปล่อยตัวเองให้จมหายไปในหน้ากระดาษเขียนจดหมาย และร้านกาแฟแห่งนี้ก็เป็นเหมือนฐานบัญชาการเขียนจดหมายของฉัน เพลงแจ๊ซแผ่วเบา สลับกับบอสซ่าสวิงสวายในบางเวลา ช่วยขับสมาธิในการเขียนจดหมายของฉันได้ดียิ่งขึ้น และรสชาติกาแฟของที่ร้านก็มีฝีมือที่มิอาจดูเบาได้เลย ร้านกาแฟนี้จึงเสนอตัวเข้ามาเป็นที่ประจำของฉันได้ไม่ยาก ฉันเขียนจดหมายถึงทุกคนที่ฉันรู้จักมาเป็นเวลานานหลายปี เพราะหลงใหลในการเขียนถึงใครสักคนที่บางครั้งคำพูดก็ดูเลื่อนลอยจนเกินไป หากมีหลักฐานอย่างลายมือของเราประทับ ตราเอาไว้ ความรู้สึกจึงน่าจะส่งผ่านตัวหนังสือได้ดีกว่าคำพูด เมื่อฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงใหลการเขียนจดหมาย กระดาษเขียนจดหมายหลากหลายรูปแบบกองวางกองอยู่รอบตัวฉันเต็มไปหมด ตอนนั้นเองที่ฉันเริ่มสะสมกระดาษเขียนจดหมายเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งเอาไว้ใช้งานจริง และเพื่อเป็นที่ระลึก ฉันจะเลือกรูปแบบและลวดลายของกระดาษเขียนจดหมายให้เหมาะกับแต่ละคนที่ฉันเขียนถึง บางครั้งลวดลายกระดาษที่ต่างกัน ก็สื่อความหมายที่ต่างออกไป

สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงแรกที่ฉันลงมือเขียนจดหมาย ฉันเริ่มจากเขียนหาเพื่อนสนิทในวัยเรียน เริ่มจาก2คน เป็น4คน มากขึ้นมากขึ้น จนในห้วงเวลานั้นมีจดหมายฉบับแรกจากฉันส่งออกไปหาเพื่อนแต่ละคนนับ20ฉบับเห็นจะได้ หากล่าวให้ชัดน่าจะเป็น30ฉบับมากกว่า ซึ่งบางส่วนถูกตีกลับ เนื่องจากไม่มีผู้รับบ้าง ที่อยู่ไม่ถูกต้องบ้าง และสิ่งที่ฉันได้รับตอบกลับจากเพื่อนแต่ละคนที่ได้รับจดหมาย กลับมิใช่จดหมายตอบกลับ หากแต่เป็นเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นแทบจะทันทีที่เพื่อนเหล่านั้นได้รับจดหมาย ช้าเร็วต่างกันไปตามระยะทางที่จดหมายเดินทางไปถึง เสียงปลายสายของเพื่อนแต่ละคนบ่งบอกถึงความดีใจระคนประหลาดใจ ที่มีจดหมายจากฉันเดินทางไปถึง อาจเพราะโลกปัจจุบันเต็มไปด้วยจดหมายอิเลคทรอนิคส์ หรือจะเป็นสังคมออนไลน์ต่าง ๆ นานา ยังไม่รวมถึงโทรศัพท์อีกมากประเภทเต็มไปหมด ที่แค่เรากดปุ่มก็สามารถสื่อสารกับปลายทางได้แล้ว แต่ฉันกลับรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นลดทอนเสน่ห์ของความรู้สึกที่เราต้องการส่งผ่านให้ผู้รับน้อยลงไปทุกที ผิดกับการส่งสารที่เราต้องการผ่านลายมือของเราเอง เสียงเพื่อนแต่ละคนเมื่อแรก เริ่มด้วยความตื่นเต้นดีใจ พอการสนทนาดำเนินไปถึงกลางทาง คำถามส่วนใหญ่จากเพื่อนแต่ละคน ก็ล้วนแล้วแต่สามัญทั้งสิ้น ราวกับเป็นพล็อตเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่หลุดออกมาจากเครื่องถ่ายเอกสาร แจกจ่ายให้แต่ละคนได้พูดตาม


ฉันย้ายเข้ามาอยู่อพาร์ตเมนต์แห่งใหม่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบอพาร์ตเมนต์ห้องนี้ด้วยความบังเอิญ ระหว่างทางเดินไปบ้านเพื่อน สังเกตเห็นป้ายประกาศและติดต่อไปตามเบอร์ที่ให้ไว้เพื่อนัดขอดูห้อง เมื่อฉันเห็นภายในห้องสิ่งแรกที่สะดุดตาและถูกใจฉัน ก็คือสีห้อง มันเป็นสีชมพูเฉดที่ฉันไม่อาจกล่าวอธิบายได้ว่ามันเป็นเฉดใด หากฉันวานให้ใครสักคนไปซื้อสีชมพูแบบนี้ให้ ก็คงไม่อาจแจ้งได้ว่าต้องการเป็นเฉดชมพูใด ยังไม่ทันที่จะเอ่ยถามตกลงค่าเช่า ฉันก็แทบจะขอทำสัญญาซะเดี๋ยวนั้น เมื่อมองโดยรวมของห้องแล้ว มันเป็นห้องที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์ไว้แล้วอย่างลงตัว เหมือนกับเจ้าของห้องกำลังจะย้ายเข้ามาอยู่แล้วแต่เกิดเหตุบางอย่างให้ไม่สามารถย้ายเข้าอยู่ได้ จึงต้องปล่อยให้เช่าเพื่อไม่ให้ห้องทรุดโทรมโดยที่ไม่ได้ประโยชน์ใด

ฉันเดินชมรอบห้องและระเบียงได้สักพัก นายหน้าของห้องเช่าก็เข้ามาคุยกับฉันถึงสัญญาเช่า และข้อตกลงต่าง ๆ ซึ่งก็เหมือนกฎตามอพาร์ตเมนต์ทั่วไป แต่สิ่งนึงที่เจ้าของห้องขอไว้ คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามอย่าเปลี่ยนสีห้องหรือซ่อมแซมผนังห้องด้วยสีใดใด ฉันตกลงเพราะฉันเองก็ชอบสีห้องนี้ไม่น้อยเหมือนกัน จากนั้นก็ได้นัดวันทำสัญญาโอนเงินค่าเช่าและมัดจำต่างๆ พร้อมนัดวันย้ายของเข้า

ฉันยังจำวันแรกที่ย้ายของเข้ามาได้ มันผ่านมานานกว่าสามเดือน หลังจากที่เสร็จจากงานย้ายของ ฉันออกไปซื้อของใช้เพิ่มเติมจากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน และหลังจากที่กลับมาที่ห้อง ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งนอนรอฉันอยู่ในกล่องรับจดหมายพลาสติกใสหน้าห้อง ด้วยความแปลกใจเพราะคงไม่มีใครส่งจดหมายหาฉันเป็นแน่ ก็นี่มันเพิ่งวันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ ใครกันจะรู้ที่อยู่ใหม่ของฉัน และก็จริงดังคาด จดหมายนี้ไม่ได้ส่งหาฉันแต่จ่าหน้าซองถึงหญิงสาวอีกคน ซึ่งฉันก็ไม่คุ้นชื่อที่ประทับอยู่หน้าซองอยู่ดี แต่อาจเป็นเจ้าของเดิมของอพาร์ตเมนต์นี้กระมัง


และขณะนี้เวลาที่ล่วงเลยมากกว่าสามเดือน ฉันนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟร้านเดิม บรรยากาศร้านระหว่างฝนตก จะว่าโรแมนติกก็น่าจะได้เพราะอากาศเย็นอย่างนี้ที่ไรคนมีความรักก็มักนึกคนที่รักอยู่ในที แต่สำหรับคนไร้คู่อย่างฉันจะให้นึกถึงคำว่าโรแมนติกเห็นจะยาก คงนึกได้เพียงกลิ่นของความเหงาที่กำลังคืบคลานโอบอุ้มทั่วทั้งร้านนั่นเอง บนโต๊ะที่ฉันจับจองอยู่ นอกจากกาแฟถ้วยโปรดและกระดาษเขียนจดหมายที่กระจายอยู่ ยังมีจดหมายสามฉบับ จากคนส่งคนเดิมถึงผู้รับคนเดิม เดือนละฉบับ ซึ่งฉันยังไม่ได้ถือวิสาสะที่จะเปิดมันออกอ่าน จึงได้แต่เก็บไว้เพื่อรอหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของจดหมายมารับไป แต่นี่มันเลยผ่านมาถึงสามเดือน และฉันก็ไม่รู้จะติดต่อหญิงสาวคนนี้ได้ที่ไหน ติดต่อไปที่นายหน้าอพาร์ตเมนต์ก็บอกไม่รู้จักชื่อนี้ ฉันนั่งจ้องจดหมายสามฉบับนี้มาชั่วโมงกว่าแล้ว ใจนึงก็อยากเปิดออกอ่านให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจก็นึกเกรงใจถึงความเป็นส่วนตัวของเจ้าของจดหมาย สุดท้ายความอยากรู้ก็มีชัยเหนือทุกอย่าง แต่อีกเหตุผลที่ฉันอยากเปิด ก็เพียงเพราะฉันรู้สึกว่าจดหมายที่ไม่ถูกตอบกลับ น่าเศร้าเพียงใด ดังนั้นฉันจึงเริ่มเปิดจดหมายออกอ่านเริ่มจากฉบับแรก พร้อมกับจรดถ้วยกาแฟที่ริมฝีปาก


ฉันเดินออกจากร้านด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก เหงาเหรอ โดดเดี่ยวเหรอ ไม่น่าจะใช่ เพียงแต่ความรู้สึกข้างในมันโหว่ง กลวง หรืออะไรก็ตามแต่ สาเหตุต้องมาจากจดหมายทั้งสามฉบับแน่แท้ ฉันเข้าใจถึงความรู้สึกคนที่รอรับจดหมายตอบกลับเป็นอย่างดี บางครั้งมันก็ทรมาน และบางครั้งมันก็กัดกร่อนเรา หากคนที่เราจดหมายตอบกลับอยู่นั้น เป็นคนสำคัญของชีวิตคุณ ระหว่างที่ฉันเดินกลับห้อง ฉันก็นึกขึ้นได้ว่านี่มันก็ใกล้ปลายเดือนห้าเต็มที่ ถ้าเป็นไปตามที่ฉันรู้สึก จดหมายฉบับที่สี่จากผู้ชายคนนั้นน่าจะเดินทางมาถึงแล้ว ก่อนถึงห้อง ฉันหยิบจดหมายฉบับที่สามออกมาอ่านอีกครั้ง ฉันซึมซับทุกความรู้สึกของแต่ละตัวอักษรที่ประกอบเป็นข้อความบนจดหมายฉบับนั้น รู้สึกถึงอารมณ์ของผู้ที่อยู่เหนือกระดาษเขียนจดหมายฉบับนั้น “ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน” ราวกับข้อความเหล่านั้นส่งมาถึงฉันเอง


ตอนนี้ ฉันหยุดยืนที่หน้าห้องของฉัน ความรู้สึกแวบแรกที่ฉันรู้สึกและสัมผัสได้ นั่นก็คือ ... จดหมายฉบับที่สี่นั่นเอง ราวกับมันนอนรอฉันมาเนิ่นนานในกล่องรับจดหมาย







Create Date : 03 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2553 1:02:02 น. 3 comments
Counter : 593 Pageviews.

 
:)


โดย: xyz IP: 202.147.43.153 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:54:13 น.  

 

อืมม์...

พี่ว่าจดหมายเป็นสื่อที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างหนึ่งที่ไม่มีอะไรแทนที่ได้นะ

เลยชอบอ่านอะไรที่สื่อด้วยการเขียนจดหมายมากๆ


ขอบคุณที่ไปโหวตให้ด้วยนะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:37:13 น.  

 
ขอบคุณครับพี่
.
ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับจดหมายเหมือนกันครับ จึงพยายามเอามาเขียนดูครับ ฝากติดตามจนจบด้วยนะครับ


โดย: i.am.Victor วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:11:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

i.am.Victor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]





รักเร้นเร้นลับโลกคู่ขนาน
บันทึกแห่งนกไขลานหวามหวั่นไหว
แกะรอยหาแกะดาวคืนฝนปราย
ด้วยรักใจสลายแดนสนธยา




#สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความภายในบล็อคนี้
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน#




"Pain is inevitable, Suffering is optional"
Haruki Murakami
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
3 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add i.am.Victor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.