ไม่มีจดหมายถึงเธอในเดือนนี้ เพราะผมไม่ใคร่แน่ใจนักว่าจดหมายสองฉบับ ในเวลาสองเดือนที่ผ่านมาจะถึงมือเธอรึเปล่า หรือผู้หญิงที่ผมเขียนถึง จะไม่มีตัวตนอยู่ เลิกดำรงตนในโลกนี้ไปแล้วนานแสนนาน ผมมิอาจรู้ได้เลย จากจดหมายสองฉบับในสองเดือนถึงเธอ แต่หากจะนับย้อนเวลาไปสู่ห้วงก่อนจดหมายฉบับแรกจะเดินออกจากความกล้าและความพยายามของผม มันกินเวลานับขวบปีที่เลือกเดินจากไป
สายฝนกระหน่ำซัดพื้นทางเดิน ไอน้ำกระเซ็นเกาะพราวที่กระจกร้านกาแฟ ร้านที่ผมจะพบตัวเองเป็นประจำช่วงเย็นไปจนค่ำ สายฝนนำมาซึ่งความเปียกปอนและหนาวเย็น แม้เพียงชั่วขณะก็ทำให้เราตัวสั่นไม่หยุดภายใต้อากาศที่เพียบไปด้วยเครื่องปรับเปลี่ยนอากาศ หลังจากสายฝนเฝ้าโหมกระหน่ำพื้นที่นอกชายคา ผู้คนภายนอกต่างพากันวิ่งเข้าสู่ใต้ชายคาเพื่อหาที่หลบภัยจากสายน้ำที่สาดกระเซ็น แต่ผมนั่งลำพังกับกาแฟร้อนถ้วยเล็ก เหม่อมองทะลุผ่านหยาดฝนไปไกลแสนไกลราวกับผมจะหาอะไรได้จากภายนอกนั่น หลังจากผมดำเนินชีวิตแบบเปล่าดาย ผมมักจะนั่งเผาทำลายเวลาที่ร้านกาแฟแห่งนี้ราวกับไฟในการเผาเวลาจะลามเลียเผาไหม้อดีตของผมให้หมดไปได้ในคราวเดียว ผมถูกเพื่อนๆพร่ำเตือนด้วยความเป็นห่วงว่าผมจะกลายเป็นพวกเสพติดความเหงาเสียแล้ว ผมกล่าวตอบความเหงาต่างหากเสพติดผมไม่ยอมทิ้งห่างผมไปสักที ใช่ว่าผมจะใฝ่หาแต่ผมพยายามอยู่กับมันต่างหาก
สุดท้ายผมก็อดไม่ได้ที่จะเขียนถึงเธอ อีกครั้ง ต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้น มันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างมารองรับสิ่งที่มันเกิดขึ้นผมรู้สึกอย่างนั้น หากเธอไม่ได้รับจดหมายของผม มันจะต้องถูกตีกลับตามที่อยู่ของผม หาไม่แล้ว ก็ต้องมีใครสักคนที่ได้รับมันแล้วเพียงแต่ไม่ใช่เธอเท่านั้นเอง แต่ผมกลับลืมไปว่า อาจเป็นเธอเองที่ได้รับจดหมายแล้วแต่ไม่ได้มีความกระหายอยาก ที่จะตอบกลับจดหมายของผม ก็ในเมื่อเธอเองที่เป็นคนตัดสินใจที่จะจากไปแล้วใยอยากจะติดต่อกับผมอีก
ผมเฝ้ารออะไรอยู่ ผมเฝ้ามองอะไรอยู่ ผมเฝ้าตามหาอะไรอยู่ หรือเป็นเธอ เป็นเธอเองที่ไม่เคยมีอยู่จริง
แล้วผมก็จับปากกา จรดปลายลงบนกระดาษ เพื่อเขียนจดหมายหาเธออีกครั้ง
สวัสดี คุณ
ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน
ผมเอง ... สี่เดือนสี่