ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
4 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

-Love is...- Vol.3 (7)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."




6.30 น.

พริกและชมพู่กุลีกุจอจัดบรรดาอาหารและของว่างใส่กล่องทัพเพอร์แวร์แพ็คอย่างดียกไปเก็บหลังรถ CR-V สีบรอนท์ที่ยืมมาจากเพื่อนอาจารย์มหา’ลัย เขาว่าการไปปิกนิกข้างนอก รถแบบนี้สะดวกกว่า ที่สำคัญการลากสองศัตรูสังหารออกไปให้ห่างบ้านของเขาจะเป็นการสร้างความปลอดภัยให้บ้านของเขามากที่สุด

มะเหมี่ยวก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังจากที่ไปวิ่งรอบบ้านมาแล้ว เขามองน้องสาวที่กำลังยืนมองเครื่องทำน้ำปั่นอยู่อย่างชั่งใจ...

“คิดอะไรคะ?” ชมพู่หันมาตามเสียงของพี่สาวฝาแฝดก่อนจะยิ้มบางๆ

“พู่กลังคิดว่าจะเอาเครื่องปั่นไปด้วยมั้ย เผื่อว่าเหมี่ยวอยากจะทำน้ำปั่นทาน”

“แล้วเราจะเอาไฟจากไหนล่ะคะ?”

“ต่อกับแบตเตอร์รี่ในรถได้นะ ฉันมีเครื่องมือ” พริกเป็นคนตอบแทนเมื่อเขาเดินตามมะเหมี่ยวเข้ามา

“งั้นเอาไปก็ได้ จะทำให้ดื่มตอนกลางวัน” มะเหมี่ยวพูด พอจะรู้อยู่หรอกว่าทั้งชมพู่น่ะชอบน้ำผลไม้ปั่นของเขาอยู่เป็นทุน ส่วนพริกน่ะมันกินทุกอย่างที่เป็นของหวานอยู่แล้ว... อากาศดีๆ คงอยากให้ทำให้ดื่มกัน เขาก็ไม่ขัดศรัทธา

“งั้นเดี๋ยวแกเอาเครื่องปั่นไปเก็บในรถด้วยนะพริก ฉันขอไปอาบน้ำก่อน แล้วจะได้ลงมาทำน้ำเชื่อม...” ว่าแล้วก็ก้าวขึ้นบันไดที่ละสองขั้นไป...

“ว่าแต่หน่าเขาตื่นหรือยังคะพู่”

“ยังค่ะ เมื่อคืนกว่าจะนอนก็ดึกดื่นเอาเรื่องเลยค่ะ นอนไม่หลับเพราะไม่ได้อาบน้ำ”

“อ่าว...ทำไมล่ะ หรือว่าน้ำไม่ไหล?” พริกถาม เพราะที่นี่ถ้าดึกมากๆ แล้วประปาชอบหยุดไหล ถึงจะไม่ทุกวันแต่ก็บ่อยเอาการ

ชมพู่รีบส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่าหรอกค่ะ ไม่กล้าออกจากห้องน่ะ กลัวไปเจอมะเหมี่ยวเข้า”

“ก็น่าอยู่หรอก ไอ้หมาเล่นไปขู่จะกัดหน่าขนาดนั้น” ชมพู่หัวเราะคิกคัก ยิ่งพริกเล่าว่าหลังจากเขาเข้าห้องไปตอนสี่ทุ่มก็เจอมะเหมี่ยวนั่งหน้าหงิกบ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ในห้องนอน กับสารพัดคำที่ขุดขึ้นมาฉะคนสวย

พริกกับชมพู่นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก สิบห้านาทีต่อมามะเหมี่ยวก็เดินลงมาชั้นล่าง เขาเตรียมน้ำตาลออกมาเพื่อจะเอามาทำน้ำเชื่อมผสมกับน้ำปั่น แต่พยายามหาแล้วก็ไม่เจอที่มีก็นิดเดียวสำหรับทำอาหาร เขาเลยหันมาถามพริก

“เฮ้ย! พริกแถวนี้มีน้ำผึ้งขายมั้ย?”

“ก็พอมีนะตามทาง อยากได้เหรอ” มะเหมี่ยวพยักหน้า

“น้ำตาลหมดน่ะ เลยว่าจะใช้น้ำผึ้งแทนอร่อยกว่าด้วย” มะเหมี่ยวว่า

“งั้นเดี๋ยวฉันลองไปถามลุงตั๋นที่ท้ายหมู่บ้าน แกเลี้ยงผึ้ง” มะเหมี่ยวรีบพยักหน้า...

“งั้นก็เลยออกไปเลยสิจะได้ไม่เสียเวลา”

“เอ่อ...” ชมพู่ทำท่าจะค้านขึ้น มะเหมี่ยวจึงเลิกคิ้วถาม

“หน่ายังไม่ลงมาเลยน่ะค่ะ”

“อ่าว!” มะเหมี่ยวชักสีหน้าเล็กน้อย ยัยนี่อีกละ

“เดี๋ยวพู่ไปปลุกนะคะ เผื่อยังไม่ตื่น พริกไปซื้อน้ำผึ้งก่อนก็ได้ค่ะ”

“ไม่ต้องๆ” มะเหมี่ยวยกมือห้ามก่อนที่ชมพู่จะลุกขึ้นเดินไปชั้นบน ฉีกยิ้มหวาน “พู่ไปกับพริกเถอะ เดี๋ยวเหมี่ยวจัดการยัยนั่น เอ้ย! ไปปลุกเอง”

ทั้งสองนั่งหน้ามะเหมี่ยวอย่างชั่งใจ มะเหมี่ยวเนี่ยนะจะไปปลุกน้อยหน่า...

“แกแน่ใจนะ...”

“เอ่อ...ฉันจะปลุกเอง”

“เปล่า...ฉันถามว่าแกแน่ใจนะว่าจะไม่ฆ่ากันตายหมกในบ้านของฉัน” พริกพูดให้จบประโยคเป็นผลให้ชมพู่ยกมือขึ้นตีแขนของเขาเบาๆ

“ให้พู่ทำดีกว่าค่ะ...นะ” ชมพู่เสนอ แต่มะเหมี่ยวยิ้มและปฏิเสธ แถมรีบอันเชิญคู่รักออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็รีบสาวเท้าขึ้นชั้นสองเร็วชนิดที่เรียกได้ว่า แทบจะบิน

มะเหมี่ยวมองใบหน้าสวยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่อย่างสบายใจบนเตียงนุ่มที่เขาเคยใช้นอน ก็บังเกิดความหมั่นไส้สุดกู่แอบเค้นเขี้ยวอยู่ในใจ เขารอให้ได้ยินเสียงรถของพริกออกจากบ้านไปแล้วก่อนจะเริ่มทำการปลุกน้อยหน่าตามแบบฉบับของเขา

ประเภทว่า จูบอรุณสวัสดิ์ หอมแก้มรับอรุณ สะกิดเบาๆ

ไม่มีทางทำหรอก! ต่อให้เจ้าของร่างที่นอนอยู่จะดูเชื้อเชิญขนาดไหนก็ตามเถอะ

“เฮ้ย! ตื่นๆ” มะเหมี่ยวเรียกด้วยเสียงต่ำๆ “ตื่นๆ” เรียกอีกแต่ไม่ดังมาก น้อยหน่าขยับกายเล็กน้อย

“หื้อ...”

“ตื่นๆ” เรียกอีก

“ขออีกสิบนาทีนะ” คนสวยพึมพำ มะเหมี่ยวกระตุกยิ้มเหี้ยม

“ได้สิจ๊ะคนสวย สิบนาที พอดีเป๊ะ!” มะเหมี่ยวว่าก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องเดินเข้าห้องน้ำ...ผิวปากเป็นทำนองเพลงฝรั่งสบายใจ เขาเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำสุดแรงเลยทีเดียวรอจนระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ หยิบผงสบู่กลิ่นสมุนไพรเทลงไปในอ่างตีจนฟองขึ้น พอน้ำเต็มเขาก็ปิดน้ำ เดินผิวปากกลับมาในห้องนอนอีกครั้ง

เขายืนมองหน้าที่นอนหลับไม่รู้เรื่องนั้นก่อนจะฉีกยิ้มหวาน... เขาขยับตัวมายืนชิดเตียงก่อนจะกระตุกผ้านวมออกจากร่างของเธอที่สวมชุดนอนแบบกระโปรงผ้าเนื้อสบาย และก้มตัวลงไปช้อนร่างบางนั้นขึ้น เห็นบางๆ อย่างนี้หนักไม่ใช่เล่น เธอขยับตัวเบาๆ มะเหมี่ยวรีบจุ๊ปาก

“ยังไม่สิบนาทีเลย” แหมๆ รู้ด้วยเหรอจ๊ะคนสวย... แต่ถึงไม่ถึงไอ้เหมี่ยวไม่สนหรอก เพราะตอนนี้บริการอาบน้ำของเขามันพร้อมแล้ว...

“ก็นอนต่อสิ” เขากระซิบเบาๆที่ข้างหู เธอขยับตัวอีกเล็กน้อยซุกหน้าเข้ากับอกของเขาเอื้อมมือขึ้นมาโอบรอบคอ ตอนนี้เธอเหมือนกับฝันว่าตัวเองกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้ายังไงยังงั้น เสียงหวานที่กระซิบข้างๆ หูนั้นมันยิ่งทำให้เธอเหมือนจะฝันดีมากขึ้นอีกด้วย

มะเหมี่ยวค่อยๆ อุ้มร่างของน้อยหน่าเดินมาที่ห้องน้ำ และมาหยุดอยู่ที่ริมขอบอ่าง...ถ้าโยนจากตรงนี้จากน้ำหนักตัวของเธอคงกระแทกพื้นอ่างแน่ ถึงอ่างนั้นจะใหญ่พอสำหรับสองคนก็เถอะ... มะเหมี่ยวจึงย่อตัวลงเล็กน้อย สายตายังเหลือบมองร่างของผู้หญิงในอ้อมกอด ดูใกล้ๆ ก็น่ารักเหมือนกันแหะ

เหมาะจะไปอยู่ในอ่างเป็นที่สุด!

คิดได้ดังนั้นเขาก็ปล่อยร่างของเธอให้หล่นไปอยู่ในอ่าง

ตูม!!

“ว้าย!!” เธร้องว้ายก่อนจะสำลักทั้งน้ำทั้งฟองสบู่กลิ่นสมุนไพรที่หอมจนฉุนมันทำเธอแสบจมูก น้ำในอ่างกระเซ็นไปทั่วบริเวณ แต่มะเหมี่ยวกระโดดหนีทันเลยเปียกแค่ชายกางเกงยีนส์เล็กน้อย เขาหัวเราะจนน้ำตาเล็ดเมื่อเห็นสภาพลูกหมาตกน้ำของเธอ

“...ไอ้! ไอ้! นายแกล้งฉันอีกแล้วนะ! มะเหมี่ยว!” นี่เป็นครั้งแรกมั้งที่เธอเรียกชื่อเขาถูก ร่างเพรียวสวยของเธอผุดลุกขึ้นยืนในอ่างๆ ผมเผ้าเปียกลู่มีแต่ฟองสบู่ติดเต็มไปหมด เสื้อผ้าก็แนบไปกับร่างสวย มะเหมี่ยวยืนหัวเราะจนตัวงอเริ่มลดเสียงหัวเราะลงและยืดตัวขึ้น พยายามไม่มองร่างของน้อยหน่าที่เย้ายวนยั่วกิเลสซะเหลือเกิน

“ไม่ได้แกล้งนะ.. ก็เธอง่วงจนไม่อยากตื่นมาอาบน้ำฉันก็เลยช่วยไง ทำความดีนะเนี่ย” มะเหมี่ยวพูดเสียงสูงพยายามหาที่เอาสายตาไปวางไว้ไกลๆ ร่างนั้นแต่มันก็ดั๊นมาหยุดอยู่ที่ชายกระโปรงเสื้อนอนที่อุตส่าห์เลิกขึ้นจนเห็นต้นขาขาวเนียนเรียวสวยซะนี่...

“ความดีบ้าอะไรของนายยะ นี่แนะ” น้อยหน่าหยิบขวดแชมพูใกล้มาปาใส่มะเหมี่ยว แต่เขาหลบทันและวิ่งแผ่วหนีออกมา ตะโกนย้ำให้น้อยหน่าเจ็บใจเล่น

“รีบๆ อาบน้ำนะจ๊ะคนสวยยยยย เดี๋ยวเขาไปเที่ยวทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวแล้วจะร้องไห้”

“ไปไกลๆ เลยนะไอ้บ้า!” น้อยหน่าร้องกระทืบเท้าในอ่างอย่างโมโห อีตานี้ขยันทำให้เธอโกรธได้ทุกวินาทีที่เจอหน้าสินา...ดูสินึกว่านอนหลับฝันดีที่ไหนได้... กรี๊ดดด

“อะ..ลืมบอกไป” อยู่ๆ มะเหมี่ยวก็ชะโงกหน้าโผล่พ้นประตูฉีกยิ้มแฉ่งใส่เธอ ก่อนจะมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “ขาสวยใช้ได้นะเนี่ย” แล้วเขาก็ผลุบหายไปทันทีเหมือนนินจามีเสียงหัวเราะและคำพูดที่ทำให้เธอกรี๊ดได้อีกรอบในเช้านี้ก็คือ

“อย่าลืมมาล็อกประตูห้องน้ำล่ะ...เดี๋ยวเกิดฉันเปิดไปเจอเธอยืนโป๊อย่างเมื่อวานอีก หรือว่าอยากโชว์” ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะ น้อยหน่ากรี๊ดส่งจนปัญญาจะทำอะไรได้...

“ไอ้ลามก...กรี๊ดดดด”





ณ. บัดนาว!

มะเหมี่ยว พริก ชมพู่ น้อยหน่า! ทุกคนกำลังไหว้พระที่อยู่ยอดเขาวัดดอยสุเทพผู้คนขวักไขว่ถือว่าเยอะ เพราะดูแล้วมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศค่อนข้างเยอะ แต่พริกบอกว่าถ้าเป็นช่วงเทศกาลคนจะเยอะมากกว่านี้...

มะเหมี่ยวถ่ายรูปบรรยากาศต่างๆ ทั้งรูปพระธาตุ วิวทิวทัศน์ หรือแม้แต่กระทั่งคน ซึ่งโดยมากก็คือนางแบบจำเป็นชมพู่กับน้อยหน่าที่ชอบเหลือเกินกับไอ้เป็นแบบถ่ายรูปน่ะ ส่วนพริกนั่นก็มีบ้างไม่มากเพราะมาแนวไม่ค่อยถูกโรคกับกล้องเท่าไหร่ ส่วนมะเหมี่ยว ถ้าเขาไปเป็นแบบอีกคนแล้วใครจะถ่าย? อีกอย่างชมพู่เป็นแบบก็เหมือนเขานั่นแหละ หน้าเหมือนกันอยู่แล้ว

แต่มะเหมี่ยวก็ยังอดแกล้งน้อยหน่าไม่ได้ แม้จะพยายามแล้วก็ตามเห็นว่ามาวัดมาวา เลยสงบเสงี่ยมแต่ก็ทนความยั่วยวนไม่ไหว แกล้งถ่ายรูปน้อยหน่าแบบไม่เห็นหน้าบ้าง หลุดเฟรมไปบ้าง น้อยหน่าก็อยากจะกรี๊ด แต่ติดที่ว่าต้องสำรวม...จึงทำได้แค่แยกเขี้ยวใส่

พริกกับชมพู่นั้นก็คอยลุ้นกันจนตัวโก่งกลัวว่าทั้งคู่จะเปิดศึกเดือด เพราะเมื่อเช้าเผลอปล่อยให้อยู่ด้วยกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไอ้เพื่อนรักดอดไปอุ้มสาวโยนลงอ่างซะแล้ว...

ทั้งสี่ลงความเห็นกันว่าจะลงจากยอดดอยด้วยการเดินลงบันไดหลังจากที่ขาขึ้นนั่งกระเช้าขึ้นไปกัน และแน่นอนว่าพริกและชมพู่ต้องคอยระวังอยู่เสมอว่า น้อยหน่าจะผลักมะเหมี่ยวตกเขาหรือเปล่า ไม่ก็มะเหมี่ยวจะจับน้อยหน่าโยนลงเขาซะเอง

แต่ทุกอย่างก็รอดผ่านไปได้อย่างปลอดภัยดูเหมือนว่าข่าวนักท่องเที่ยวถูกจับโยนลงเขาจะยังไม่อยากเด่นในหน้าหนังสือพิมพ์...

พริกพาทุกคนมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง อากาศค่อนข้างดีปาร์ตี้อาหารกลางวันจึงเกิดขึ้นที่นี่ และตกลงกันว่าจะไม่ไปเที่ยวไหนแล้ว... จะอยู่ที่นี่กันจนถึงเย็น อาหารฝีมือชมพู่จึงได้โชว์ความอร่อยท่ามกลางธรรมชาติ ตอนแรกมะเหมี่ยวว่าจะทำน้ำปั่นเลย แต่คิดไปคิดมาของว่างก็มี ทานข้าวเสร็จแล้วค่อยทำตอนนั้นดีกว่า

ชมพู่เอาขนมไทยสองสามอย่างออกมาหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ มะเหมี่ยวลุกไปทำหน้าที่ของตัวเองทันที

“ไม่ต้องห่วงนะ พู่ซื้อมาจากตลาดรับรองทานได้” แน่นอน! พริกมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ถ้าเธอพูดอย่างนี้แสดงว่าฝีมือทำขนมยังคงเส้งคงวาเช่นเดิมเหมือนในอดีต!

“เหมี่ยว! ทานคุกกี้” พริกเรียกเพื่อนที่ยืนปอกแอปเปิ้ลอยู่แต่เขาส่ายหน้า...

“ฉันไม่ชอบคุกกี้”

“มีขนมอย่างอื่นด้วยนะคะ พู่เตรียมมาเผื่อแล้ว”

“ทานไปก่อนเลย อีกเดี๋ยว” เขาว่า จากนั้นทั้งสามคนที่นั่งทานขนมก็ได้ยินเสียงเครื่องปั่นทำงานอยู่ที่โต๊ะสนามใกล้ๆ รถที่พวกเขาเอามาสำหรับวางเครื่องปั่นโดยเฉพาะ

“อิ่มแล้วเหรอหน่า ทำไมทานน้อยจัง” ชมพู่ถามเมื่อเห็นว่าน้อยหน่าวางส้อมเล็กลงหลังจากทานขนมได้สองสามคำ

“พอแล้วเมื่อกี้ทานข้าวอิ่มแล้วอะ...ทานขนมอีก เดี๋ยวอ้วนตาย” น้อยหน่าทำหน้าแหยๆ ความจริงแล้วเธอยังอยากจะทานอยู่อีกหรอกแต่เพราะหน้าที่การงานที่ทำอยู่เธอจะตามใจปากมากไม่ได้

“นิดเดียวเองนะหน่าอิ่มแน่เหรอ” พริกเอ่ยขึ้นบ้างถึงเธอจะบอกว่าอิ่มก็เถอะ แต่เขาเห็นเธอทานข้าวไปไม่กี่คำเอง

“อือ... หน่าอ้วนได้ปีหนึ่งไม่เกินห้ากิโลอะ...แล้วนี่หน่าหนักกว่าปีที่แล้วไปสองกิโลแล้ว” น้อยหน่าบอก งานของเธอต้องเก่ง ปราดเปรียวดูดีเสมอไม่อย่างนั้นโดนเพ่งเล็งจากรุ่นพี่

“มิน่าล่ะอุ้มเมื่อเช้าแขนเกือบหัก ระวังเครื่องจะโอเวอร์โหลดนะ” มะเหมี่ยวส่งเสียงแหย่ขึ้นมา

ได้ผล! น้อยหน่าหันขวับไปมองร่างสูงที่เทน้ำปั่นลงแก้วพลาสติกใบที่สอง แล้วเริ่มทำอีกครั้ง พริกส่ายหน้าไปมา อยู่เฉยๆ ไม่ได้เลยสินะปากมันนะ... หาเรื่องได้ตลอด

น้อยหน่าฉวยเอาขนมชิ้นเล็กๆ ปาไปโดนเสื้อยืดสีดำด้านหลังของมะเหมี่ยว เขาไม่ได้เจ็บหรอก แต่พอหันมาเห็นว่ายัยหน้าสวยนั่นเอาของกินมาปาเล่นอารมณ์มันก็ฉุน ถือมีดผลไม้ทำท่าจะเดินเข้ามาหา พริกเลยยกมือปรามไว้ เรียกได้ว่าปกป้องเต็มที่ ไม่ใช่อะไรหรอก แค่ไม่อยากเป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์ชำแหละโหดเท่านั้นแหละ...

“อย่าทำอีกนะหน่า! ไอ้เหมี่ยวมันยอมให้เธอเอาหินปาหัวมันดีกว่าเอาของกินไปปาเล่นนะ...มันไม่ดี” พริกกระซิบบอกน้อยหน่าเบาๆ คนสวยก็ว่าง่ายพยักหน้าหงึกหงักทำหน้าเสียใจนิดหน่อยเพราะเห็นว่ามันไม่ควรจริงๆ ที่เอาของกินไปทำอย่างนั้น... แต่คนที่มองภาพนั้นไม่คิดอย่างนั้นนะสิ

โอ๋กันเข้าไป...ไม่ได้รู้เลยสิว่าใครเขาคิดยังไง...

มะเหมี่ยวฉุนจริงๆ นะลำพังแค่เรื่องของกินน่ะพอทำเนา แต่ไอ้เรื่องความไม่สบายใจที่อยู่ๆ ก็ผุดเข้ามาในความรู้สึกนี่ต่างหากที่เขากังวลจนพาลจะเดือดเอาง่ายๆ ทุกครั้งที่พริกดูแลเทคแคร์น้อยหน่า...มันจะมีความรู้สึกแปลกๆ เข้ามาทำให้เขาอยู่ไม่สุข จนต้องคอยวนเวียนเข้าไปก่อกวน

แต่ขอบอกไม่ใช่เพราะเขารู้สึกอะไรกับยัยคนสวยเสียงแปร๋นนั่นแน่... แต่ความรู้สึกนี้มันพุ่งตรงไปที่พริกโดยตรง...มันสามารถบอกได้ทันทีเลยล่ะว่าเจ้าของความรู้สึกหวงแหนนี่คือใคร... นี่แหละนะที่เขาว่าฝาแฝดยังไงก็ตัดกันไม่ขาด...

เธอรู้ว่าเขาคงไม่พอใจเธอมากแน่ๆ แต่เธอคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องขอโทษเขา เพราะเขามายั่วโมโหเธอก่อน... แต่น้อยหน่าก็สังเกตได้ว่าเขากำลังทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน

มะเหมี่ยวเทน้ำแอปเปิลปั่นแก้วที่สามในแก้วแล้วเอามาส่งให้พริก ชมพู่ อีกแก้วกลับวางไว้ที่โต๊ะสนามที่หอบหิ้วกันมา ไม่มีน้ำใจเอามาให้กันเลยนะ...

“เอานี่ไปก่อน” พริกส่งแก้วของตัวเองให้น้อยหน่า แต่เธอส่ายหน้าทันทีมองเขม่นคุณหมอขี้งกที่กำลังล้างโถปั่นด้วยน้ำที่เตรียมมา... เธอกำลังคิดว่า อีตานี่จะแกล้งให้เธอลุกเดินไปเอาเอง... หรือตั้งใจลืมเธอกันแน่

และเธอก็สรุปกับตัวเองได้ในวินาทีต่อมาเลยว่าเขาไม่สนใจเธอเลยสักนิดเมื่อเขายกแก้วน้ำปั่นที่เหลือขึ้นจิบหน้าตาเฉยก่อนจะวางมันไว้และเดินไปทำอะไรสักอย่างที่หลังรถ

น้อยหน่าเม้มปากมือกำกันแน่นจนสั่น ขอบตามันร้อนผ่าวๆ ทันที เมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นหัวเธอยังไง ผ่านมาหลายปีมันก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง

“เอาของพริกนะ” พริกส่งแก้วของตัวเองให้ แต่เธอก็สั่นหน้าดิก จนผมยาวดัดเป็นลอนสวยแทบจะเสียทรง

“เหมี่ยวอาจจะแค่แกล้งเล่นนะคะ” ชมพู่แก้ขึ้นเบาๆ เพราะพอจะเดาอะไรออก...แต่น้อยหน่าไม่สนอะไรทั้งนั้นเธอลุกพรวดขึ้นพูดลอดไรฟันแค่ว่าจะไปเดินเล่น แล้วก็หมุนตัวเดินกระแทกเท้าเร็วๆ ออกไป พริกเห็นน้อยหน่าปาดน้ำตาทิ้งเลยวางแก้วของตัวเองลงและลุกขึ้นสีหน้าไม่ดีนักดูกังวลใจจังหวะเดียวกันกับที่มะเหมี่ยวเดินกลับมาที่โต๊ะสนาม

“จะไปไหนวะ?” คุณหมอถามเมื่อเห็นพริกลุกขึ้นอยู่ คนตาดุทำหน้าดุใส่เพื่อน

“ทำบ้าอะไรของแกวะ?”

“ทำอะไร?” มะเหมี่ยวทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจจริงๆ

“ก็แกนั่นแหละทำบ้าอะไร?”

“แล้วฉันทำอะไรละวะ...เพิ่งไปเอาส้มที่หลังรถเนี่ย!” มะเหมี่ยวชักสีหน้าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีก แถมไอ้ความรู้สึกของชมพู่นี่ก็ทำเอาเขาจัดการลำบากซะจริงมันเลยเหมือนจะเดือดเอาง่ายๆ

“ทำไมแกทำอะไรแบบนี้วะเหมี่ยว โตกันแล้วนะโว้ย! แกล้งหน่าเขาอยู่ได้เขาไปทำอะไรให้แก...”

“แกล้ง? ฉันไปแกล้งยัยนั่นตอนไหน? แค่พูดไปประโยคเดียวแม่นั่นก็ปาขนมใส่ฉันแล้ว ดีเท่าไหร่ไม่จับโยนบึงน่ะ” มะเหมี่ยวเถียงเขายอมรับล่ะว่าพูดแหย่ไปก่อน แต่อย่างอื่นเขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนะ...

“ก็เรื่องน้ำ... แกจงใจทำแค่สาม” พริกยังคงเอาเรื่องมะเหมี่ยว เพราะดูก็รู้ว่าเพื่อนเขาจงใจลืมน้อยหน่ามันไม่ควรจะทำอะไรแบบนั้นเลย มาด้วยกันแท้ๆ

“ก็ใช่! น้ำแอปเปิ้ลสาม...”

“เห็นมั้ย? เหมี่ยว ฉันถามแกจริงๆ เถอะว่ะหน่าไปทำอะไรให้แกวะ แกเลยตั้งแง่กับเธอขนาดนั้น? ไอ้เรื่องเก่าๆ แกก็ไม่ได้จำอะไรอยู่แล้ว” พริกสวนยาวเหยียดทั้งๆ ที่มะเหมี่ยวยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ ฝาแฝดเริ่มหงุดหงิดจริงๆ ซะแล้วนี่เขาทำอะไรผิด ก็แค่จะเดินไปเอาส้มหลังรถแท้ๆ

ชมพู่เห็นว่ามะเหมี่ยวเริ่มหงุดหงิดมากกว่าที่แสดงเธอรู้สึกได้จึงลุกขึ้นแตะเบาๆ ที่แขนของพริก แต่คนรักก็ยังคงนิ่งจนน่ากลัวเหมือนกัน

“พูดอะไรของมึงเนี่ย” เอาแล้วไงขุดภาษาพ่อขุนมาใช้กันแล้ว “กูทำห่าอะไรวะ แค่เดินไปเอาส้มมาคั้นเนี่ย! กูทำผิดอะไร! บอกมาแซะ! เห็นบอกว่าควบคุมน้ำหนักไม่ใช่เหรอน้ำส้มผสมแอปเปิ้ลน่ะมันช่วยเรื่องขับถ่ายก็เลยจะทำให้...สรุปกูผิดว่างั้น” มะเหมี่ยวสรุปด้วยความไม่สบอารมณ์ ยิ่งเห็นพริกออกโรงกางปีกปกป้องยัยคนสวยก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่แสดงอะไรออกมา

“แกว่าอะไรนะ...ทำน้ำส้มให้หน่า...” พริกถามทวนอย่างไม่แน่ใจ... เอาแล้วไง! เข้าใจผิดโครมเบ้อเร่อเลย

“แต่ตอนนี้กูไม่ทำแล้ว...” ไม่ใช่เพราะงอนนะ แต่มันโมโหเลยล่ะ...อยากกินอะไรก็อันเชิญเอาอกเอาใจกันไปเถอะ ไม่ยุ่งด้วยแล้ว...

คิดได้อย่างนั้นมะเหมี่ยวก็เก็บเครื่องปั่นเตรียมเอาลงกล่องชมพู่เลยเดินเข้ามาใกล้ๆ แตะห้ามไว้

“อย่าโมโหนะคะ...พู่ขอโทษที่ทำให้เหมี่ยวไม่สบายใจ...” ชมพู่พูดเบาๆ เธอรู้ดีว่ามะเหมี่ยวอารมณ์เสียอย่างนี้เพราะอะไร คงเป็นเพราะเขารู้สึกได้ว่าเธอไม่สบายใจ

มะเหมี่ยวถอนหายใจ หันหน้ากลับไปหาพริก...

“ไปไกลๆ หูไกลๆ ตาไปพริก” เขาไล่พริกหน้าตาเฉย พริกเลยได้แต่ถอยมานั่งที่เดิมเมื่อสักครู่เลิกต่อปากต่อคำเพราะเห็นอยู่ว่าตัวเองผิดเต็มประตู มะเหมี่ยวเห็นอย่างนั้นก็เมินหน้าหนี จูงมือน้องสาวให้เดินออกมาใกล้ๆ กับริมบึงมีลมกรรโชกแรงจนผมยาวสลวยของชมพู่ปลิ้วไปตามแรงลม

“พู่บอกมันไปสิคะว่าไม่ชอบ... มันจะได้รู้ตัว”

“เหมี่ยวก็รู้พริกน่ะใจดี โดยเฉพาะกับเพื่อน” ชมพู่พูดคำสุดท้ายแผ่วเบา มะเหมี่ยวกระตุกยิ้มอย่างเห็นขัน

“เพื่อน?... ถ้าพู่คิดได้อย่างที่บอกจริงคงไม่มานั่งไม่สบายใจอยู่อย่างนี้หรอก... ไอ้พริกเองน่ะมันก็ไม่ได้ใจดีหรอก แต่เรื่องนี้นะ ไอ้เวรนั่นนะโง่” มะเหมี่ยวฉะพริกในระยะเผาขนและมั่นใจว่าพริกไม่ได้ยินแน่เพราะดูจากสีหน้าเอ๋อรับประทานอย่างนั้น ต่อให้พูดดังกว่านี้มันก็คงจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

“เหมี่ยวไม่ได้ชี้นำหรือยุแยงนะ แต่กลับมาคบกันแล้วต้องมานั่งรู้สึกหวั่นใจอย่างนี้ไปด้วยเนี่ยมันไม่ยิ่งแย่เหรอ”

“เขาสองคนเคยคบกันมา” แม้จะนานมากแล้วและเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงที่พริกมีใจให้ใครอีกคนจริงๆ เธอรับรู้เรื่องนี้ดี

“แล้วยังไงล่ะคะ... จะทนมองมันดูแลแม่นั่นอย่างกับเจ้าหญิงอย่างนี้นะเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็เลิกๆ กันไปเถอะ...”

“เหมี่ยว!” ชมพู่คราง ไม่คิดว่ามะเหมี่ยวจะผ่าลงกลางประเด็นอย่างนี้

“คนเรานะพู่ สิ่งที่มีอยู่ถ้ารู้ว่ามันสำคัญกับเรา เราก็ควรจะเก็บรักษามันให้ดี บางอย่างก็ควรจะพูด คนอย่างไอ้พริกน่ะกับบางเรื่องก็โง่ยิ่งกว่าควายซะอีกทั้งที่ก็ฉลาดเป็นกรด ดูอย่างตอนที่พู่ไปเยอรมัน กว่ามันจะรู้ตัวว่ารักใคร พู่ก็หนีไปแล้ว...”

น้องสาวนิ่ง... ดวงตาของเธอดูกังวลใจจนเขาต้องถอนหายใจ

“เหมี่ยวอาจจะพูดแรงไป... แต่พู่คะคนเราจะรักกันมันต้องคุยต้องทำความเข้าใจ อาศัยแค่คิดถึง ความเป็นห่วงเป็นใยแค่นั้นมันไม่ทำให้เข้าใจกันหรอกนะคะ... เชื่อเหมี่ยวนะ”

“พู่รู้ค่ะเหมี่ยว... แต่พู่กลัวนะคะ... ความรู้สึกตอนที่เห็นเขาสองคนอยู่ด้วยกัน... พู่กลัวที่จะได้รับรู้มันอีกครั้ง พู่ไม่อยากแบ่งปันเขา ถ้าหากเขา...”

“ฟังเหมี่ยวนะ...” มะเหมี่ยวแย้งเมื่อเห็นว่าน้องสาวทำท่าจะเศร้าไปมากกว่านี้ เขาจำได้ดีว่าชมพู่มีสภาพแบบไหนตอนที่ไปเยอรมัน... “พู่มั่นใจได้เลยว่าพริกน่ะรักพู่แน่นอน และมันก็ไม่ยอมเสียพู่ไปอีกแน่ แต่... เรื่องของน้อยหน่า พู่ควรจะให้พริกยืนยันกับตัวพู่เอง ให้พริกทำให้พู่เชื่อ ไม่ใช่จะหลับหูหลับตาให้มันผ่านไปเองซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่... พู่คะ...ให้พริกมันยืนยันกับพู่ว่ามันคิดกับน้อยหน่าแค่เพื่อนและพริกรักพู่มากแค่ไหน...นะคะ”

มะเหมี่ยวรอให้ชมพู่พยักหน้าเมื่อตัวเองพูดจบ แล้วจึงยิ้มเป็นกำลังใจให้... ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าตอนนี้คู่รักคู่นี้จะไปกันรอดหรือเปล่าถ้าไม่มีใครคอยพยุง...

เวลาผ่านไปสักพักน้อยหน่าก็เดินกลับมาพริกเห็นแต่ไกล ชมพู่ก็เดินกลับมานั่งข้างๆ เขา ส่วนมะเหมี่ยวน่ะเหรอ ปากก็ว่าจะไม่ทำอะไรให้ แต่ก็มาผ่าส้มและมาคั้นเอาน้ำกับเครื่องคั้นน้ำที่เตรียมมาด้วย จัดการปอกเปลือกแอปเปิ้ลเป็นรายการต่อไป...

น้อยหน่าเดินไปได้ไกลพอตัวเหมือนกันกว่าจะหยุดน้ำตาแห่งความน้อยใจ ความโกรธได้ พอหยุดร้องก็กระหายน้ำว่าจะหาซื้อน้ำดื่มแต่ก็ลืมเอากระเป๋าตังค์มาด้วย เลยต้องเดินกลับมาที่รถ...

เธอเห็นแก้วน้ำของทุกคนไม่มีพร่องไปเลย แต่ก็เฉยๆ เดินไปเปิดประตูรถค้นหากระเป๋าเงินของตัวเองออกมาตั้งใจว่าจะไม่แตะน้ำของคนใจดำแถวนี้ จะไปซื้อกินให้เห็นเลยว่าเธอไม่ง้อ

ยังจะมาปั่นเย้ยอีกหรือไง คนนิสัยไม่ดี!

น้อยหน่าคิดอย่างเจ็บใจเมื่อได้ยินเสียงเครื่องปั่นน้ำทำงานใกล้ๆ เธอถอยตัวออกมา

“เดี๋ยวหน่ามานะ...” เธอบอก ชมพู่รีบลุกตามไปรั้งไว้

“เดี๋ยวก่อนหน่า เรื่องเมื่อกี้...” ชมพู่ตั้งใจว่าจะอธิบายแทนมะเหมี่ยว เพราะถ้ารอให้เขามาอธิบายล่ะก็อาจจะมีใครตายก่อน ไม่ก็ไม่มีใครรู้อะไรเลย แต่เธอยังไม่ทันพูดอะไรเสร็จ มะเหมี่ยวก็ดันพูดแทรกขึ้นมา

“เสร็จแล้วๆ เอ้า!”... มะเหมี่ยวเดินมาหยุดยืนตรงหน้าน้อยหน่าที่ตาแดงๆ อยู่ อย่างนี้นี่เองมิหน้าล่ะไอ้พริกมันถึงเดือด แอบหนีไปร้องไห้เผาเต่าไปกี่ตัวแล้วก็ไม่รู้

“รับไปสิ เพิ่งทำเสร็จ” มะเหมี่ยวยื่นแก้วน้ำสีส้มข้นๆ มาตรงหน้าคนสวย

น้อยหน่าเม้มปากแน่นเล็บจิกกระเป๋าเงินจนหนังชั้นดีเป็นรอย ตอนนี้ยิ่งเห็นไอ้แก้วน้ำตรงหน้าเธอยิ่งโกรธ นี่เขานึกว่าเธอเป็นอะไร อยากตบหัวก็ตบแล้วก็มาลูบหลังงั้นหรือไงถึงได้ทำแบบนี้ พอมองไปทางพริกก็เห็นว่าเขาพยักพะเยิดให้เธอรับแก้วน้ำ ชมพู่ก็สะกิด...

“คนเขาอุตส่าห์ทำให้ไม่ขอบคุณก็รับไปซะ...” มะเหมี่ยวพูดเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักเมื่อยแขน... เขาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าเธอยังคงนิ่งอยู่เลยยืนมือออกไปอีกจนมันใกล้ตัวของเธอมาก แต่แล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิดจนได้

เพี๊ยะ!

ตุบ!

แก้วพลาสติกที่มีน้ำส้มผสมกับแอปเปิลปั่นลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นสนามหญ้า น้ำในแก้วหกเลอะเทอะกับพื้น ทุกคนมองอย่างตะลึงไม่คิดว่าน้อยหน่าจะปัดมือของมะเหมี่ยวจนแก้วหลุดจากมือ

คุณหมอหน้าหวานที่ตอนนี้อารมณ์ไม่หวานยกมือข้างที่โดนปัดขึ้นมาดูเห็นรอยแดงชัดแจ๋วซะยิ่งกว่าเอาสีมาพ่นทำเครื่องหมายซะอีก ก่อนจะหันไปมองน้อยหน่าชนิดที่เรียกได้ว่าเทศบาลอยากจะมาจับไปตัดหัวเพราะกลัวเชื้อบ้า!

“ถ้านายทำเพราะถูกคนอื่นมองไม่ดีละก็ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำหรอกนะ! ฉันไม่ได้น่าสมเพชขนาดนั้น และต่อให้นายทำดีกว่านี้อีกร้อยเท่าฉันก็ไม่มองว่ามันดีหรอก!” เธอไม่ใช่แค่แผดเสียงยังใช้เท้าเขี่ยแก้วน้ำที่ตกอยู่ออกไปอีก...มะเหมี่ยวมองท่าทางนิ่งเฉย แต่อารมณ์ของเขานั้นน้อยหน่าไม่มีทางรู้หรอกว่าเป็นยังไง เพราะตอนนี้เธอโกรธ โกรธ! และโกรธ!

“พู่พาหน่าออกไปก่อนค่ะ” พริกลุกขึ้นมายื่นแทรกกลางระหว่างมะเหมี่ยวและน้อยหน่า เมื่อเขาเห็นว่าถ้าขืนชักช้าน้อยหน่าอาจจะเจออะไรที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตก็ได้

“เหมี่ยว! หน่าเธอไม่รู้ เธอเข้าใจผิดอยู่” พริกหันมาพูดกับเพื่อนรัก แต่มะเหมี่ยวไม่มองเขาแม้หางตา ตอนนี้ในสายตาของเขามีแต่หน้าของน้อยหน่า แต่ไม่ใช่มองด้วยความสิเน่หาแน่นอน...

“หน่าไม่ได้เข้าใจอะไรผิด! หน่าเห็นทุกอย่างแล้วก็เข้าใจทุกอย่างนั่นแหละ...” คนสวยที่พริกจะเริ่มมองว่าไม่สวยตะโกนแทรกขึ้น มะเหมี่ยวเลิกคิ้วกระตุกยิ้มมุมปาก พริกใจหาย...

“งั้นบอกมาซิว่าเธอตั้งใจปัดแก้วน้ำ” มะเหมี่ยวถามเสียงเย็น ชมพู่บีบแขนน้อยหน่าแน่น กระตุกแขนส่ายหน้าเพื่อให้น้อยหน่าปฏิเสธ แต่น้อยหน่าไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรเลย ประสบการณ์การอยู่ร่วมกับมะเหมี่ยวของเธอเป็นศูนย์จึงไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

“ใช่! ฉันจงใจ”

“พอแล้วหน่า!” พริกตะโกนลั่น

น้อยหน่าคงไม่รู้ตอนนี้เขาต้องใช้แรงมากขนาดไหนในการดันไม่ให้มะเหมี่ยวก้าวเข้าไปกระชากตัวเธอมา เพราะเธอมัวแต่สบตากับเจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มนั่นจนไม่สังเกตอะไรเลย...

“ปากดีอย่างนี้ต้องเอาให้เลือดกลบ” มะเหมี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงฟังระรื่นหู น้อยหน่าเกือบเคลิ้มถ้าไม่ติดว่าไอ้ความหมายของคำนั้นมันชวนสยดสยองนัก

“ไม่นะคะเหมี่ยว! หน่าไปกับพู่นะ” แต่ช้าไปแล้ว มะเหมี่ยวคว้าหมับเข้าที่แขนอีกข้างของน้อยหน่าและกระชากเข้ามาหาตัวแรงและเร็วจนชมพู่ดึงกลับมาไม่ทัน

น้อยหน่าตกใจและเพิ่งจะตระหนักแล้วว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ไหน เธอร้องกรี๊ดรู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นแขนเพราะแรงบีบของเขา

“เริ่มจากไหนก่อนดีล่ะ...เลาะฟันก่อน อ่า... ไม่สิ กรีดที่ลิ้นก่อนดีกว่าเอาให้เป็นสองแฉกแล้วค่อยเลาะฟันสลับกับตัดลิ้นออกทีละนิด” มะเหมี่ยวพูดได้สยองชนิดเห็นภาพด้วยหน้าตาเปื้อนยิ้ม น้อยหน่าตัวสั่นระริก...

พริกแทรกตัวคั่นกลางดันน้อยหน่าออกและผลักไปข้างหลัง ก่อนจะใช้สองแขนดันไหล่ของเพื่อนไว้ เพราะรู้ดีว่าตอนนี้มะเหมี่ยวคงอยากจะสั่งสอนนิสัยไม่ดีของน้อยหน่าเต็มแก่ดูจากแววตานั่นก็รู้

“พอเถอะเหมี่ยว หน่าเธอกลัวแล้วเธอไม่รู้! เธอแค่พูดประชด...”

“ฉัน...ไม่...สน” มะเหมี่ยวไม่สนอย่างปากว่าจริงๆ ตอนนี้เขารู้แค่ว่าต้องจับยัยหน้าสวยนี่มาหวดสักทีเอาให้หายซ่า...จะได้รู้ค่าของของกินซะบ้างและที่สำคัญจะได้เลิกมองอะไรแคบๆ สักที

“ฉันขอร้องล่ะเหมี่ยว...” พริกขอร้อง เขาลำบากใจที่สุดใครรู้บ้าง มะเหมี่ยวเป็นเพื่อนรักที่แสนดีแม้จะกวนอารมณ์ไปบ้างแต่ถ้าไม่รักกันจริงคงคบกันไม่ได้ขนาดนี้ ส่วนน้อยหน่าเธออาจจะแรงแต่เนื้อในเธอก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น... น้อยใจได้ ร้องไห้เป็น...

แต่พริกคงไม่รู้หรอก ยิ่งเขาแสดงท่าทางปกป้องน้อยหน่ามากเท่าไหร่ มะเหมี่ยวยิ่งฉุนมากเท่านั้น เขาสะบัดตัวจนหลุดออกจากพริก และเมื่อเห็นพริกเอื้อมมือเข้ามาเขาก็ปัดออกพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำแต่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว...

“ปกป้องกันเข้าไป...ไอ้งั่ง” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินหนีออกมา

“พู่ดูหน่าด้วยนะ พริกจะตามเหมี่ยวไปก่อน”

“ค่ะ” เธอรับคำก่อนจะหันมาปลอบร่างของน้อยหน่าที่สั่นด้วยความกลัว...

“นั่น... นั่นเขาแน่เหรอ” น้อยหน่าพึมพำถาม ชมพู่พยักหน้ารับ...

เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่านั่นคือ มะเหมี่ยวที่เธอเคยเห็น เขาน่ากลัวจนเธอคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้วซะอีก แววตาของเขามันว่างเปล่าจนเหมือนจะขาดลมหายใจ

“หน่าเข้าใจผิดนะ...เรื่องน้ำ” ชมพู่พูด เธอค่อยๆ พาน้อยหน่ามานั่งที่เสื่อ ก่อนจะเริ่มอธิบาย

“มะเหมี่ยวเห็นว่าหน่าควบคุมน้ำหนักเขาเลยจะทำน้ำส้มผสมแอปเปิ้ลให้แต่เขายังไม่ได้คั้นน้ำส้ม เลยทำของหน่าทีหลังแล้วหน่าก็เข้าใจผิด...” ชมพู่อธิบาย

น้อยหน่าตาโตยกมือขึ้นปิดปาก...

พระเจ้า! นี่เธอทำอะไรลงไปเนี่ย...

“หน่า...หน่า...ไม่รู้...”

“พู่รู้ค่ะ... แต่เหมี่ยวเขาไม่ชอบจริงๆ นะคะเรื่องไม่เห็นคุณค่าของอาหาร เหมี่ยวค่อนข้างถือเรื่องนี้น่ะค่ะ” น้อยหน่าพยักหน้าเร็วๆ รู้เลยทันทีว่าเรื่องที่เกิดตัวเองเป็นคนผิด แถมยังเอาแต่อารมณ์ก่อเรื่องไม่ดีขึ้น

“ทำยังไงดีพู่... เขาต้องเกลียดหน่าแน่ๆ เลย เหมี่ยวต้องเกลียดหน่าแน่” ความรู้สึกเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นจุดประกายเข้ามาในจิตใจเบื้องลึกที่เคยเธอแอบซ่อนเอาไว้

วันที่แผนการของเธอโดนพริกทำลายเธอจิตตกเพราะคิดได้แต่ว่ามะเหมี่ยวต้องเกลียดเธอแน่ๆ คิดวนไปวนมาจนเกือบจะเสียสติ ตอนนี้ก็เหมือนกัน... ยังไงซะตอนนี้ถึงจะไม่ค่อยถูกกัน แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเกลียด แค่คิดก็ปวดใจแล้ว

“ไม่หรอกค่ะ...” ชมพู่ปลอบ ยิ้มอ่อนโยน...”ถ้าเขาเกลียดหน่าจริงๆ เหมี่ยวจะไม่ยุ่งกับหน่าตั้งแต่แรกที่รู้ว่าหน่าเป็นใคร...แต่นี่ดูสิคะ เหมี่ยวก็ยังคุย ถึงจะกวนไปบ้าง แต่เขาก็ยังมองเห็นหน่าอยู่ แถมยังใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยด้วย...อย่างเรื่องน้ำ”

น้อยหน่าสบตาชมพู่มีแววไม่มั่นใจในตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...แม้จะเคยไม่แน่ใจเรื่องพริก แต่เธอก็ไม่เคยแสดงความอ่อนไหวขนาดนี้ แต่พอเป็นเรื่องของมะเหมี่ยว ไม่ว่าจะผ่านมาเป็นสิบๆ ปีแล้วก็ตาม มะเหมี่ยว...ชื่อนี้ก็ทำให้หัวใจของเธอทำงานผิดปรกติได้เสมอ

“เชื่อพู่เถอะค่ะ...”

“อืม...” น้อยหน่ารับคำแผ่วเบาขยับตัวเล็กน้อย หันไปมองโถปั่นที่ยังไม่ได้ล้าง มันยังวางอยู่ไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่ เปลือกส้มที่ทิ้งลงไม่ตรงถุงขยะเหมือนคนทำรีบคั้น เปลือกแอปเปิ้ลเป็นรอยปอกที่ไม่สม่ำเสมอเหมือนทุกทีที่เธอเห็นเขาทำ เขาคงรีบจริงๆ แล้วดูสิ เธอกลับปัดมันทิ้งเหมือนไม่มีความหมายอะไร

“หน่าจะไปขอโทษเหมี่ยว” เธอบอกเบาๆ ชมพู่ยิ้ม...

“รอให้พริกเจรจาหย่าศึกก่อนค่ะ เดี๋ยวค่อยไป...”ชมพู่บอกหันไปมองพริกที่พยายามพูดกับมะเหมี่ยวที่ท่าน้ำห่างออกไปหลายสิบเมตร ดูท่าจะงานหนักเอาการเพราะตอนนี้มะเหมี่ยวคงเอาอารมณ์ของเธอไปผสมโรงเรียบร้อย คิดแล้วก็รู้สึกผิดที่ตัวเองปล่อยให้ความหวั่นไหวทำให้หลายคนเดือดร้อน

“พู่รู้หรือเปล่าว่าเหมี่ยวเขาชอบรสอะไร”

“เอ๋?”

“น้ำปั่นน่ะ...มะเหมี่ยวเขาทานรสยังไง” น้อยหน่าเจาะจงคำถาม ชมพู่ทำท่าคิด

“หวานๆ เปรี้ยวๆ ค่ะ” ได้ยินคำตอบน้อยหน่าก็พยักหน้า ก่อนจะลุกเดินไปที่โต๊ะสนาม



มะเหมี่ยวนั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำที่ทำยื่นออกไปในบึงเมื่อพริกเดินกลับไปที่รถ เท้าคางด้วยสองมือกับเข่า สายตามองทอดไปบนผิวน้ำที่กระทบกับลมเป็นริ้วคลื่นเล็กๆ เต็มไปหมด ก่อนจะขยับตัวเมื่อมีคนมานั่งข้างๆ ลักษณะเจียมตัวสุดฤทธิ์ พอเขาหันไปมองก็เข้าใจว่าทำไมต้องเจียมตัว

ก็สมควร

“ฉันขอโทษ...” น้อยหน่าพึมพำเบาๆ เมื่อสบตาแรงกล้าของเขา มะเหมี่ยวเอี้ยวตัวกลับมามองในทิศทางเดิม ไม่ตอบว่าอะไร

“ฉันขอโทษนะ...” น้อยหน่าพูดขึ้นอีกคราวนี้ดังกว่าเดิมนิดหน่อย

“เอาไปโยนลงน้ำเลยไป” เขาว่า...

“ฉันขอโทษ!” น้อยหน่าพูดดังขึ้นอีกนิด แม้จะแอบค้อนกับคำพูดของเขา

“กองไว้ตรงนั้นแหละ” คนสวยเกือบฮึดฮัด แต่เมื่อฉุกคิดได้ว่าตัวเองทำผิดเลยต้องทำตัวดี

“ขอโทษ!”

“อะไรไม่ทราบ...”

“เอ๊ะ!” เธอขึ้นเสียง เมื่อเห็นว่าเขาจงใจรวนเธอจริงๆ

“เธอมันน่าจับหวดซะให้เข็ดจริงๆ โตจนป่านนี้แล้วแท้ๆ ยังทำตัวงี่เง่าเป็นเด็กอยู่ได้... เธอไม่รู้รึไงว่าในขณะที่เธอเอาขนมมาปาเล่น เทน้ำทิ้ง คนที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งน่ะ แม้แต่ละอองน้ำเขายังแทบไม่มีโอกาสได้เห็น อย่าพูดถึงเรื่องได้ดื่มเลย” น้อยหน่าอึ้งกับสิ่งที่เขาพูด พอยิ่งคิดตามคำพูดของเขาเธอยิ่งสะท้อนใจ ละอายต่อการกระทำของตัวเองและอีกหลายครั้งที่เคยทำมา

ไม่ว่าจะเป็นเทอาหารที่เหลืออยู่อีกเกือบเต็มจานทิ้งเพราะเห็นว่าตัวเองลดน้ำหนัก...อะไรที่ซื้อมาแล้วมันไม่อร่อยอย่างที่คิด หรือไม่นึกอยากขึ้นมาเฉยๆ ก็ทิ้งไปซะ แล้วผู้คนที่ทวีปหนึ่งล่ะที่เขาอดอยาก แม้แต่น้ำดื่มก็แทบจะไม่มี...

“หน่าขอโทษนะคะ” นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอพูดกับเขาด้วยการแทนชื่อตัวและลงท้ายด้วยหางเสียง แต่มะเหมี่ยวไม่ได้สนใจตรงนั้น ความรู้สึกอยากจะขอโทษที่สื่อออกมาจากใจเป็นคำพูดนั่นต่างหากที่เขาสน ต่อให้เธอพูดเพราะกว่านั้นอีกร้อยเท่า ก็ไม่มีความหมายหากเธอสักแต่พูดให้ผ่านไป... ตรงกันข้ามถ้าไม่มีชื่อตัวไม่มีคำลงท้าย แต่ออกมาจากใจจริงๆ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว...

“รู้ก็ดีแล้ว อย่าทำแบบนั้นอีกก็แล้วกัน ถ้าฉันเห็นว่าเธอทำฉันจะเย็บปากไม่ให้เธอกินอะไรจนกว่าจะตาย” เขาขู่ แต่น้อยหน่ากลับยิ้มอย่างนี้แสดงว่าเขาไม่โกรธเธอแล้วสินะ

มะเหมี่ยวไม่ได้มองรอยยิ้มหวานนั้นตรงๆ แต่เห็นมันด้วยหางตา เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยแต่เธอไม่มีทางได้เห็นเพราะมือของเขาที่เท้าไว้มันบังอยู่

“ฉันทำมาให้...ไถ่โทษ” น้อยหน่าส่งแก้วพลาสติกบรรจุน้ำแอปเปิ้ลเต็มแก้วให้เขา... มะเหมี่ยวมองมันอย่างไม่ใคร่จะไว้ใจเท่าไหร่

“แอบใส่ยาพิษไว้หรือเปล่า?”

“บ้าเหรอ! ฉันตั้งใจทำจริงๆ นะ เคยทำแต่พวกกาแฟปั่น โกโก้ปั่น เพิ่งเคยทำน้ำผลไม้ปั่นก็ครั้งนี้แหละ” ยิ่งได้ยินอย่างนี้มะเหมี่ยวยิ่งไม่อยากรับ แต่เธอก็ส่งมาให้แทบจะเรียกได้ว่าป้อนกับปากเลยด้วยซ้ำ เขาเลยต้องรับมาถือไว้ ยกมาดมฟุดฟิดพิสูจน์กลิ่น

“ทำอย่างกับเป็นหมา”

“ไอ้พริกมันบ่นอยู่ว่าฉันเป็นหมาหรือเป็นหมอกันแน่เพราะมันเริ่มไม่แน่ใจ...”

“ใช่” น้อยหน่ารีบเห็นด้วยทันที เธอยกแก้วน้ำปั่นของตัวเองที่ถือมาด้วยขึ้นดื่มอย่างเอร็ดอร่อย มะเหมี่ยวเห็นอย่างนั้นก็พอจะเบาใจได้ว่าคงดื่มได้ล่ะ เลยยกขึ้นจิบ และเขาก็แทบจะบ้วนน้ำทิ้ง...

เขากะจะหันไปว้ากใส่ยัยหน้าสวยนี่แล้ว ถ้าเกิดไม่ได้สบตากับสายตาแป๋วๆ นั่นซะก่อน...

“เป็นไงอร่อยมั้ย...?” เธอถามด้วยเสียงตื่นเต้น แต่ที่เตะตามะเหมี่ยวมากกว่าหน้าสวยๆ นั้นก็คือแก้วน้ำของเธอที่ถืออยู่...

แก้วสีฟ้าที่เขาจำได้ว่ามันใส่น้ำแอปเปิ้ลของตัวเอง

“น้ำนั่น?”

“อ่อ...แก้วที่นายวางไว้บนโต๊ะไง”

“มันเป็นของฉัน!”

“แต่ฉันดื่มมันไปแล้ว มีน้ำลายฉันปนไปด้วยนะ” มะเหมี่ยวถึงกับอึ้งไม่คิดว่ายัยแปร๊ดนี่จะเล่นมุกซกมกแบบนี้ อะไรวะ?

“แต่ฉันก็ดื่มมันแล้ว ดังนั้นมันมีน้ำลายของฉันด้วย...เอาคืนมา” แล้วเอาของเธอคืนไป... มะเหมี่ยวไม่ได้พูดประโยคหลังนี้ เพราะกะตีขลุมเอาแก้วของเจ้าหล่อนคืนไปให้ได้...

“แต่ฉันเห็นนายจิบไปนิดเดียวแล้วก็นานแล้วด้วยดังนั้น น้ำลายของฉันซึ่งมากกว่าและใหม่กว่าย่อมชนะ” น้อยหน่าตีมุกมึนเข้าไว้ตามที่ชมพู่แนะนำ เพราะเคยมีคนบอกว่าเวลามะเหมี่ยวโกรธ ว่าอะไรกวนอะไร ทำมึนเข้าไว้เดี๋ยวเขาก็แพ้ทางไปเอง

“เอาแก้วนี้ไปแทน” มะเหมี่ยวว่าพร้อมส่งแก้วที่ตัวเองถือให้น้อยหน่า แต่เธอส่ายหน้า...

“มันมีน้ำลายของนายอยู่นี่นา” น้อยหน่าพ้อ...

“แค่นิดเดียวแล้วมันก็ผ่านไปนานแล้วด้วย”

“ไม่นานเลยสักนิดไม่ถึงห้านาทีด้วย และอีกอย่าง...น้ำลายของฉันก็หมดไปกับแก้วนี้แล้ว...ไม่มีเหลือเลย...” มะเหมี่ยวอยากจะหัวเราะดังๆ มองข้ามไหล่ของยัยแปร๊ดที่เริ่มแสบตีมุกย้อนเขา...งานนี้แสดงว่ามีพี่เลี้ยงดี น่าทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงจริงๆ

“ปากดีนักนะ” น้อยหน่าแค่ยักคิ้วใส่เขายิ้มเจ้าเล่ห์ดูท่าเกมส์นี้เธอชนะเขาใสๆ คิดแล้วก็อยากจะปิดบ้านฉลอง แต่ก็ได้แค่คิด เพราะเพียงแค่เสี้ยววินาทีเธอก็กลับเป็นฝ่ายแพ้ แถมยังต้องกินอึ้งไปนานเลยทีเดียว

ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอถูกปิดด้วยเรียวปากบางอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นแผ่ซ่านอย่างรวดเร็ว สติเหมือนจะหลุดลอยออกจากร่างรับรู้ได้แค่การขยับช้าๆ อ่อนหวาน

มะเหมี่ยวถอนจูบออกช้าๆ กับกระตุกยิ้มอย่างที่หลายคนบอกว่ามันคือ...ยิ้มกระชากใจ ก่อนจะขยับลุกขึ้นเต็มความสูงและหมุนตัวเดินออกมาโดยไม่ลืมทิ้งท้ายไว้

“คราวหน้าลดเกลือลงนิดหนึ่งนะน้ำปั่นมันเค็มไป แต่น้ำลายเธอน่ะใช้ได้...”

เสียงฝีเท้าของเขาห่างออกไปเรื่อยๆ แต่น้อยหน่ายังคงนั่งอึ้งอยู่ท่าเดิมไม่กระดิกสักนิดในหัวมีแต่คำพูดของเขาเต็มไป...

“คราวหน้าลดเกลือลงนิดหนึ่งนะ น้ำปั่นมันเค็มไป แต่น้ำลายเธอน่ะใช้ได้...”

“คราวหน้าลดเกลือลงนิดหนึ่งนะ น้ำปั่นมันเค็มไป แต่น้ำลายเธอน่ะใช้ได้...”

“คราวหน้าลดเกลือลงนิดหนึ่งนะ น้ำปั่นมันเค็มไป แต่น้ำลายเธอน่ะใช้ได้...”

“คราวหน้าลดเกลือลงนิดหนึ่งนะ น้ำปั่นมันเค็มไป แต่น้ำลายเธอน่ะใช้ได้...”

พระเจ้า! เขาจูบเธอ! มะเหมี่ยวจูบเธอ!

โอ้ย! จะเป็นลม...

แล้วก่อนที่น้อยหน้าจะรู้สึกหน้ามืดเธอก็ได้ยินเสียงคนดังแว่วๆ เข้าหูมาแต่ไกล

“ไอ้เหมี่ยว!...หน่าเป็นลม!”

“อะไรนะ! เฮ้ย!”







< ตอนที่ 6 ..................................................................................... ตอนที่ 8>







 

Create Date : 04 มิถุนายน 2552
0 comments
Last Update : 13 มิถุนายน 2552 13:33:50 น.
Counter : 787 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.