ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
-Love is...- Vol.3 (9)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."



มะเหมี่ยวจ้องหน้าเธอเขม็ง ชนิดที่เรียกได้ว่าคนที่มองอยู่ข้างนอกอย่างพริกและชมพู่เสียวสันหลังแทนน้อยหน่า แต่คนสวยก็ไม่หวั่นยืดอกเชิดหน้ามองเขาด้วยสายตาท้าทายตอบ จะมะเหมี่ยวแทบจะกระโดนไปงับคอสวย ๆ นั้นให้จมเขี้ยว...

“คือ...นะคะเหมี่ยว พู่ช่วยหน่าขนของเข้ามาแล้วด้วย” ชมพู่พูดอ้อนพี่สาวที่ยังคงยืนมองสบตากับสาวเจ้าไม่ลดละ...

น้อยหน่ายิ้มอย่างมีชัยก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในครัวทำเป็นไม่สนใจเจ้าของบ้านอีกคนที่กำลังยืนแยกเขี้ยวใส่อยู่

“หน่าตั้งโต๊ะเลยนะ...ถือว่าเป็นการต้องรับพริกละกัน อ่อ...ต้องรับหน่าด้วย” ยังไม่วายส่งเสียงมายั่วตบะมะเหมี่ยวอีก โดยไม่รู้ว่ามะเหมี่ยวกำลังของขึ้น...

“ถ้าวันนี้ฉันจับเธอโยนออกจากบ้านหลังนี้ไม่ได้...เลิกเรียกฉันว่าไอ้เหมี่ยวได้เลย” มะเหมี่ยวคำรามก่อนจะพุ่งร่างเดินไปดักหน้าคนสวยที่เดินสะบัดตูดหนี ชมพู่และพริกพยายามร้องห้ามแต่ไม่เป็นผล... และเสียงที่ตามมาก็คือ เสียงร้องโวยวายและเสียงโครมครามดังสนั่นในห้องครัว...

“พริก...พู่กลัวบ้านพังค่ะ”

“พริกเข้าใจค่ะพู่...พริกก็เคยรู้สึกแบบนี้”

“ปัดโธ่โว้ย! อย่ามาเอาช้อนปาใส่ฉันนะยัยแจ๋นแหลน! เดี๋ยวพ่อฆ่าซะเลย”

“ไอ้หมามุ้ยปากเน่านี่แนะๆ”




ตลอดเวลาที่นั่งทานอาหารเย็น และนั่งเล่นในห้องรับแขก ทั้งชมพู่และพริกต่างหายใจไม่ทั่วท้อง หวาดหวั่นว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นกลางโต๊ะอาหาร เพราะทั้งมะเหมี่ยวและน้อยหน่าต่างแผ่รังสีพิฆาตใส่กันไม่ลดละ ประหนึ่งกว่าหาโอกาสตอนที่อีกฝ่ายเผลอซัดกันทีเอาให้ตายไปเลยทีเดียว

“อุ้ย!” เสียงน้อยหน่าอุกทานเบาๆ ขณะที่ชมพู่ทายานวดที่ต้นแขนเนียนนั้น เนื่องจากตอนนี้แขนขาวๆ ของเธอเริ่มเป็นรอยแดงอันเกิดจากแรงบีบของมะเหมี่ยวตอนที่ทำสงครามกลางครัว

มะเหมี่ยวเองก็ไม่ได้น้อยหน้า ต้นคอและท่อนแขนขาวจัดของเขานั้น ณ บัดนาวมันกลายเป็นเส้นขาวแดงห้ามรถจอดไปแล้ว ต้นเหตุไม่ต้องถามหาที่ไหน ก็ไอ้เล็บยาวๆ ที่เพ้นลายซะงามหยดของยัยแจ๋นแหลนฉายาใหม่ที่เขาคิดให้ได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดนั่นแหละ

“แกทำแผลหรือยังเนี่ยไอ้หมอ”

“ฉันล้างแอลกอฮอล์แล้ว น่าเสียดายที่ไม่มียาฆ่าเชื้อกับวัคซีนกันโรคแอร์บ้าไม่งั้นฉันคงจัดการแล้ว” มะเหมี่ยวตอบคำถามของพริกแต่กระทบดังโครมเข้าจังๆ ที่หูของน้อยหน่า...

เธอไม่ได้โง่ ไม่ได้บ้าสักหน่อยที่จะฟังไม่ออกว่าอีตานี้พูดกระทบเธอ มันมีที่ไหนในโลกนี้ล่ะ ไอ้โรคแอร์บ้านั่นน่ะ

“โตกันปูนนี้แล้วแท้ๆ ยังจะทำอะไรเป็นเด็กๆ กันอีกนะ” พริกบ่นให้กับสองสหายที่ยังคงจ้องตากันไม่กระพริบ คนหนึ่งก็มองใบหน้ายียวนกวนประสาทนั้นตาแทบจะถลน ส่วนอีกคนก็ตีสีหน้ากวนอารมณ์ยั่วเข้าให้

เหมาะจะจับมัดผูกด้วยกันแล้วโยนตูมลงแม่น้ำเจ้าพระยาซะจริง ถ่วงด้วยอะไรดีล่ะที่จะไม่ทำให้ทั้งสองคนนี้ลอยเท้งเต้งขึ้นมา...เผื่อโลกมันจะสงบขึ้นมาบ้าง

“ปูนนงปูนนี้อะไรวะ...ให้ยัยแอร์สายการบินนรกนี่แก่ไปคนเดียวเถอะ ฉันอีกสามปีกว่าจะสามสิบ” มะเหมี่ยวสวนเข้าให้ และพริกก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าคนที่จะเดือดร้อนคนต่อไปก็คือน้อยหน่า หากไล่เรื่องอายุ...

“พูดอะไรมั่ว ๆ ยะ นับดูแล้วนายกับฉันก็อายุเท่ากันนั่นแหละอย่ามามั่วนิ่มนะ...”

“ไสเจียนะยัยแจ๋นเฒ่า ฉันกับชมพู่เรียนเร็วกว่าเด็กทั่วไปสองปีดังนั้นปีนี้ฉันก็เพิ่งจะยี่สิบเจ็ดกว่าๆ ส่วนไอ้พริกก็เตรียมอนุบาลก่อนเพื่อนหนึ่งปี แต่เท่าที่ดูมีแต่เธอนั่นแหละที่ชราภาพอยู่คนเดียว ยัยแปร๊ดรุ่นดึก...” น้อยหน่าอ้าปากค้าง หันรีหันขวางมาใช้สายตาถามชมพู่ที่นั่งหัวเราะแหะๆ อยู่ข้างกาย

“คือตอนเด็กๆ พ่อต้องไปประจำต่างประเทศบ่อยๆ น่ะ เลยให้เราเข้าเรียนเร็วกว่าเด็กทั่วไปสองปีจ่ะ” ส่วนพริกเองก็หลบสายตาน้อยหน่าทันทีเพราะยกนี้ดูยังไงมะเหมี่ยวก็ชนะใสแจ๋ว

“โทษนะ...คือตอนแรกก็ว่าจะเรียนซ้ำชั้นประถมหนึ่งอยู่หรอก แต่ติดเพื่อนมากไป แล้วก็ไม่อยากซ้ำชั้นด้วยเลยพาสขึ้นไปเรื่อยๆ น่ะ” พริกตอบเลี่ยงแบบสุดๆ แต่น้อยหน่าก็เหวอแตกอยู่ดี นี่กลายเป็นว่าเธอต้องแก่กว่าไอ้คุณหมอปากหมามุ้ยนี่ถึงสองปีเชียวเหรอ

“ไม่ยอมนะ! ทำไมฉันต้องอายุมากว่าคนอื่นด้วย...ไอย์ล่ะ ไอย์ก็เท่าฉันนะ” น้อยหน่าโวยวายรีบคิดหาชื่อพวกที่น่าจะอายุเท่ากันขึ้นมาทันที ยิ่งเห็นสายตาเย้ยจากอีตาหมอมุ้ยตรงหน้ายิ่vยากลุกขึ้นกระทืบเท้าโครมๆ ซะให้รู้แล้วรู้รอด

“ไอ้สวยนะเหรอ...เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะมันไม่ได้อยู่บ้านนี้สักหน่อยป้าอย่ามามั่วดีกว่า” มะเหมี่ยวหัวเราะก๊ากอย่างชอบใจ น้อยหน่าทนไม่ได้ที่จะถูกเรียกว่าป้า เธอลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวทันที

“ก็ได้ถึงฉันจะแก่แต่ฉันก็สวยที่สุดในบ้านนี้ย่ะ หรือใครจะเถียง” ก็มีอยู่ตัวเดียวนั่นแหละที่จะอ้าปากเถียงได้...คงรู้นะว่าใคร

“โอโห...กล้าพูดเน๊อะ เอาความบ้า! เอ้ย! ความกล้าจากไหนมาพูดเนี่ย” มะเหมี่ยวลุกขึ้นประจันหน้าบ้างขยับเข้าไปใกล้กับร่างเพรียวเซ็กซี่ของเธอระยะแค่ศอก

“รึนายจะเถียงล่ะ...” โอ้ว! แน่นอน...ไอ้เหมี่ยวมิบังอาจเถียงแน่ว่าชีไม่สวย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วสรรเสริญสักหน่อยก็ท่าจะดี

เขาเดินวนรอบคนสวยที่ยืดเชิดหน้าอยู่ หรี่ตามองอย่างมันเขี้ยวอยากจะงับไอ้คอสวยๆ นั่นซะจริงๆ เอาให้ไม่กล้าชูคอซะเลยดีมั้ยเนี่ย

“ฉันไม่เถียงหรอก...”มะเหมี่ยวลดเสียง “ก็เห็นมาเต็มๆ สองตาทุกซอกทุกมุมเลยนี่เถียงไปก็เท่านั้น” ว่าแล้วเขาก็หัวเราะชอบใจ ผละเดินขึ้นชั้นสองของบ้านอย่างชอบอกชอบใจ ที่ได้เห็นหน้า ยัยคนสวยที่สุดของบ้านอ้าปากหวอ ตาค้างสีหน้าซีดสลับแดง เพราะคำพูดของตัวเอง...ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงกรี๊ดส่งท้าย ตามด้วยคำด่ากราดเป็นห่ากระสุนตามมา และเสียงพริกที่ตะโกนถามแทรกขึ้นมาด้วย

“แกไปเห็นอะไรวะไอ้เหมี่ยว!”





สงบสุข...คำนี้ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของบ้านหลังที่มีมะเหมี่ยวกับน้อยหน่าอยู่ด้วยแน่นอน... เพราะเมื่อฟ้ายังไม่ทันสางดี ถ้าคนตาดุได้ทันแย้มสายตาดูนาฬิกาหัวเตียงเขาจะรู้ว่ามันแค่ตีห้ากว่าๆ

แต่อันชีวิตของพริกมันช่างอยู่ห่างไกลความสงบสุขอย่างที่ตัวเองไฝ่ฝันหามากนัก เพราะเช้านี้เขายังไม่ทันได้ทำอะไรก็เป็นอันต้องจุกที่หน้าท้องจนแทบขยับตัวไม่ได้ เพราะอะไรไม่ต้องถาม พริกก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ต้นตอไม่ได้มาดีแน่

“ไอ้บ้าเอ้ย! บังอาจมากนักนะ...นายกล้าดียังไงถึงได้แอบเข้าไปทำอะไรกับฉันแบบนั้นห๊า...คอยดูนะถ้าวันนี้ฉันจับนายแล่เนื้อออกมาไม่ได้ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าเบอร์หนึ่งของสายการบิน! นี่แน่ะๆ ๆ “ โอเค! ตอนนี้พริกรู้แล้วว่า ใคร? คือผู้ประทุษร้ายเขา ด้วยเหตุใดเขามิอาจทราบได้ แต่หากจะให้เขาเดา เขาก็คิดว่าเขาเดาถูกแน่...มันต้องเกี่ยวข้องกับไอ้เพื่อนรักตัวแสบที่นอนอยู่ห้องเดียวกับเขาแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ และตอนนี้มันก็ชิ่งไปแอบอยู่ที่ไหนสักทีในห้องนี้นี่แหละ

“ใจเย็นหน่า! นี่พริกนะ...โอ้ย! เจ็บ!” พริกร้องออกมาเมื่อสาวเจ้าหลับหูหลับตาทุบเขาไม่ยั้ง

และได้ผล...น้อยหน้าชะงักมือค้างกลางอากาศจ้องมาใบหน้าแหยเกด้วยความเจ็บของพริกที่ตัวเองนั่งคร่อมอยู่ ก่อนจะเบิ่งตาโตเมื่อรู้ว่าตัวเองทำร้ายผิดคน แต่ก็เท่านั้นไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งตัว ร่างของเธอก็ลอยหวือไปตามแรงผลักล้มไปอีกทาง

น้อยหน้าล้มกลิ้งอยู่บนเตียงนอนนุ่มไม่ทันได้ลุกเธอก็แทบจะแบนยุบหายไปกับเตียงเพราะมีร่างอีกร่างพุ่งมาทาบทับล็อคตัวของเธอไว้แน่น

“แกจะไปอาบน้ำหรือจะไปทำอะไรก็ไปทำไป ฉันจะคิดบัญชีกับยัยนี่แทนให้” พริกรู้สึกขอบคุณ! ตายเลยสิน่า! ไม่เพราะเพื่อนรักตัวร้ายนี่หรอกเร๊อะเขาถึงต้องเจ็บตัวแต่เช้ามืดอย่างนี้ ถึงจะอยากด่าเพื่อนรักสักยก แต่ก็แทบจะไม่มีแรงทำอะไร เขาเลยโซเซเดินออกจากห้องของบิดาเพื่อนรัก ตรงไปยังห้องของแฟนสาวที่อยู่ถัดไป

ใครมันจะฆ่ากันตายต่อจากนี้ไปเขาไม่สน ขอไปอ้อนสาวคนรักดีกว่า...

“คราวนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้แล้วยัยแจ๋นแหลน” มะเหมี่ยวฮึมๆ ในน้อยหน่า เธอก็ไม่ได้ยอมน้อยหน่า สะบัดตัวไปมาอย่างนึกโกรธ

จะไม่ให้เธอโมโหแทบคลั่งจนต้องบุกมาถึงห้องนี้ได้ยังไง ในเมื่อพอตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืดเพื่อจะเตรียมตัวไปทำงานเพราะวันนี้เธอมีบินตอนสิบโมงเช้า แต่ที่ไหนได้พอจะล้างหน้าล้างตาแปรงฟันเสร็จเพิ่งสังเกตเห็นว่าเล็บยาวสวยของเธอที่อุตส่าห์ไว้มานานหลายเดือนรวมค่าเพ้นลายนับพันถูกตัดเล็มจนกุดนิ้วไปแล้ว เส้นเลือดในสมองของเธอที่ทำงานหนักทุกครั้งเวลาที่ต้องอยู่ใกล้อีตาหมอปากหมาคนนี้มันแทบจะแตกเปรี๊ยะออกมาทันที

ไม่ต้องนั่งคิดนั่งเดาให้เสียเวลา ไอ้คนที่สามารถตื่นขึ้นมาหรือเฝ้ารอทำเรื่องพิเรนแบบนี้มันมีคนเดียวในบ้านนั่นแหละ...อีตาหมอมุ้ย!

“นายกล้าดียังไงถึงบังอาจแอบมาตัดเล็บของฉัน...”

“ฉันกล้าทำมากกว่าตัดเล็บของเธอซะอีก” ว่าแล้วก็ต้องใช้แขนทั้งสองข้างกดมือของคนสวยไว้ ขาข้างหนึ่งก็กดหน้าขาของเธอไว้อีกที ลองได้เผลอผ่อนแรงไปสิ มีหวังเขาได้ตายก่อนได้รักษาคนไข้เป็นแน่

“ฉันจะตัดนิ้วของนายออกแล้วเอาไปโยนลงชักโครกบนเครื่องบิน...คอยดูนะไอ้หมามุ้ย!”

“มีปัญญาดิ้นให้หลุดก่อนเถอะ ยัยคนสวยที่สุดในบ้านแต่ชราภาพที่สุด...”ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคัก...”ฉันน่ะหวังดีนะที่ไปตัดเล็บให้เธอ เพื่อสุขลักษณะของคนบนเครื่องเวลาเธอหยิบจับอะไรส่งให้ เกิดมีเชื้อโรคติดตามเล็บไปล่ะจะว่าไง...ฉันทำความดีนะเนี่ย...”

“อะ...อะ...ไอ้! ไอ้...” มะเหมี่ยวไม่รอให้เธอกรี๊ดตอนฟ้าไม่สว่างแน่...เขารู้แกวเธอดี แม่นี่ไม่ใช่ผู้หญิงปากจัดปากร้ายอะไรหรอกคำด่าก็มีอยู่ไม่กี่คำเท่านั้น แต่ที่น่ากลัวก็คือได้เสียงกรี๊ดแปร๋น ๆนั่นแหละที่ชวนให้หูพิการ ดังนั้นวิธีที่ทำให้เธอเงียบได้ดีที่สุดในเวลาที่มือของเขาและเธอไม่ว่างอย่างนี้ก็คือ...

ปากอุ่นๆ ของเขาฉกวูบไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอที่กำลังจะเผยอเปล่งเสียงกรี๊ดออกมา และได้ผลเพียงแต่สัมผัสแผ่วเบานั้นของเขาก็ทำให้เธอเบิ่งตาโพล่ง ตัวแข็งค้างเหมือนรูปปั้นไปเลย

มะเหมี่ยวถอนริมฝีปากออกมานึกเสียดายอยู่ที่ไม่ได้ขยับจูบอย่างที่ใจมันอยากจะลอง แต่เขาไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อจะจูบเธอสักหน่อยแค่อยากให้เธอเงียบและอายเท่านั้น...แม้จะแอบเสียดายอยู่ลึกๆ ก็เถอะ ก็นะ...แค่สัมผัสแผ่วๆ แค่นี้เขายังรู้สึกว่ามันหวานเลย แล้วถ้ามากไปกว่านั้นล่ะมันจะหวานสักแค่ไหน

“ถ้าตอนนี้มีแมลงวันฉันว่ามันคงแห่กันบินเข้าไปในปากของเธอแน่ๆ” พูดจบก็หัวเราะชอบใจ น้อยหน่ารีบหุบปากพยายามขยับตัวให้ออกจากร่างที่ทาบทับลงมาอย่างแนบชิดของเขา...แต่ไม่สำเร็จ

“เอ๊ะ! ไอ้บ้านี่! ปล่อยฉันนะ” น้อยหน่าพยายามดิ้นจนเรียวขาหลุดพ้นออกจากขาที่กดทับของเขาได้หนึ่งข้าง เธอชันเข่าขึ้นพยายามดิ้นอีก แต่คราวนี้มันไม่ง่ายนักเพราะเขายิ่งออกแรงกดเธอลงมา...

น้อยหน่าไม่รู้ตัวเลยว่าการที่เธอแยกขาออกและพยายามดิ้นรนนั้นมันทำให้ขาข้างที่ทาบทับอยู่ของมะเหมี่ยวแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างขาสวยๆ ทั้งสองข้างของเธอ อกสวยภายใต้ชุดนอนไร้บราเซียร์ปกปิดของเธอนั้นมันเบียดเข้าจังๆ กับหน้าอกของเขา แต่ดูเธอจะไม่สนใจอะไรเลย เพราะมัวแต่พยายามดิ้นเพื่อจะหลุดให้พ้นจากพันธนาการของเขา...ตรงกันข้ามกับมะเหมี่ยว!

มะเหมี่ยวยอมลงทุนที่จะตื่นเช้ากว่าปรกติเพื่อจะย่องเข้าไปในห้องของน้องสาวสุดที่รัก ไม่ได้จะไปตรวจดูน้องสาวฝาแฝดหรอก แต่ตั้งใจจะไปก่ออาชญากรรมกับยัยคนสวยที่นอนร่วมห้องกับน้องสาวของเขาต่างหาก
เขาเจ็บใจไม่หายกับไอ้กรงเล็บพิฆาตของยัยสวยแจ๋นนั่น เลยเตรียมอุปกรณ์ไว้เสร็จสรรพทั้งกรรไกรตัดเล็บและที่ฝนเล็บอันเล็กๆ จัดการตัดไอ้เครื่องมืออันตรายของเธออย่างรวดเร็วและเบามือ ชนิดที่ว่าคนสวยที่นอนหลับอยู่ไม่รู้ตัวเลยว่า คุณหมอตัวแสบแอบตัดฉึบๆ เอาเล็บสุดรักสุดหวงของตัวเองออกไปพร้อมกับตะไบเล็บให้เสร็จสรรพ... เบามือสมฉายานักศึกษาแพทย์ที่มือเบาที่สุดในมหา’ลัย เพียงแต่เปลี่ยนมาทำหน้าที่แต่งเล็บเท่านั้นแหละ

ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำลงไปก็เพื่อจะได้เห็นไอ้หน้าตอนแม่คนสวยนี้บูดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บใจอย่างสุดซึ้งเท่านั้นเอง... ก็เท่านั้นแหละที่เขาลงทุนทำไปทั้งหมด ก็ไม่ได้นึกหรอกนะว่าแม่คุณจะเดือดถึงขนาดบุกมาหวังจะเชือดเขาให้ตายคาเตียงอย่างนี้ แต่โชคดีเป็นของเขาและโชคร้ายของไอ้ลิงผักไปละกันที่ต้องมารับกระบวนท่าฟ้อนเล็บพิฆาตมารแทนเขาไป แต่ตอนนี้มะเหมี่ยวชักเริ่มรู้สึกไม่สนุกแล้วสิ

ก็ไอ้อกอวบๆ ที่เบียดซ้ายเบียดขวาอยู่เนี่ย รวมกับไอ้ท่านอนที่แสนจะล่อแหลมของทั้งคู่มันทำให้เขาเริ่มทำใจให้เต้นเป็นปรกติไม่ไหว... แล้วดูเอาเถอะยัยแจ๋นจี๊ดตรงหน้าก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเล้ย...

ถ้าถูกเขาจับปล้ำตอนเช้ามืดนี่เขาไม่รับผิดชอบนะ...







< ตอนที่ 8


Create Date : 18 มิถุนายน 2552
Last Update : 18 มิถุนายน 2552 13:35:32 น. 3 comments
Counter : 1304 Pageviews.

 
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ ติดตามผลงานท่านซามาตลอดเลยรีบเอาตอนหน้ามาลงเร็วๆนะคะ รออยู่ๆ


โดย: นู๋อิน IP: 192.168.182.164, 58.9.38.141 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:18:18:27 น.  

 
รีบๆมาต่อ เร็วๆนะคะ พี่ซาจัง

อยากอ่านอีก

อยากอ่านอีก


โดย: หมูน้อยกลอยใจ IP: 114.128.79.50 วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:16:04:01 น.  

 
Good!


โดย: hiyo IP: 210.213.2.182 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:55:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.