ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
25 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
-Love is...- Vol.3 (16)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."





เซ็งเป็ด!

คุณหมอหน้าหวานกำลังอยู่ในอารมณ์อยากเป็นคนไข้ชักกระตุกที่สุด แบบว่าชักกระตุกหลังมือใส่อะไรสักอย่างที่มันช่วยระบายอารมณ์เซ็งเป็ด! เซ็งไก่! เซ็งหมาในปากด้วย!

หลังจากวันนั้นน้อยหน่าก็ไม่สนใจอะไรเขาอีกเลย เธอเมินเขาชนิดที่เรียกได้ว่าเชิดคอแทบหัก เขากวนประสาทอะไรก็ทำเฉยไม่เห็นหัว อย่าได้หวังว่าจะได้ง้อแบบตัวถึงตัวเลย... แค่ก้าวเข้าไปใกล้สองก้าวแม่คุณก็หันมีดมาขู่ซะจนคุณหมอสยอง

เวรกรรมใช่มั้ยเนี่ย!

ส่วนอีกหนึ่งสหายวิบากกรรมก็ไม่แพ้กันคงต้องใช่คำว่า เซ็งหมอ! เพราะคุณแฟนที่เคารพรักยิ่งไม่ได้ยอมเข้าใจหรือรับฟังอะไรง่าย ๆ เห็นหวานๆ เซื่องๆ อย่างนั้นก็เถอะ ทำเอาท่านอาจารย์ปวดหัวลามไปถึงตับเลยทีเดียว เมื่อคุณเธอคาดคั้นเอาความจริงทั้งหมดของแผนการ พริกจำใจเล่าเท่าที่ตัวเองรู้เพราะไอ้เพื่อนรักตัวแสบทำอะไรให้รู้ไม่กี่อย่าง ที่แน่ๆ เขาไม่รู้เรื่องยานอนหลับกับเรื่องที่พาสาวขึ้นห้องแน่นอน...

แต่ดวงอาจารย์จะซวยใครช่วยได้... เซ็ง(เพื่อน)หมอ!

สุดท้ายต้องจำใจกลับเชียงใหม่เพราะภารกิจติดสอนทั้งที่คนรักยังแง่งอนอยู่... โอย!

(หน่าไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าพริกกับเหมี่ยวจะทำอะไรถึงขนาดนั้น...โดยเฉพาะอีตาหมอลามกนั่น ทุเรศที่สุดเลย! ขอโทษนะพู่ แต่หน่าไม่ชอบที่สุดเลย!) เสียงของน้อยหน่าดังผ่านสายโทรศัพท์ที่เธออุตส่าห์โทรทางไกลจากต่างประเทศมาคุยกับเพื่อนสนิท

“ไม่เป็นไรหน่า พู่ก็โกรธเหมือนกัน ทำถึงขนาดนั้นสงสารชุติมากเลยนะ นี่เชื่อมั้ยว่าชุติลาพักร้อนแบบกะทันหันเลยนะ หลบหน้าพู่ด้วย”

(โอ๋ย! น่าสงสารจังเลย! เพราะอีกตาหมอบ้านั่นคนเดียว)

“พริกอีกคนหนึ่งนะหน่า... พู่คาดคั้นเอาความจริงมา รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าเหมี่ยวน่ะร้ายขนาดไหนแต่ก็ไม่เคยห้ามปรามเลย แล้วยังจะมาเฉไฉ พู่ก็เลยต้องดัดนิสัย ไม่รับโทรศัพท์ที่โทรมานะ บางครั้งรับบ้างแต่ก็คุยๆ แล้วก็รีบวาง จะได้รู้ซะบ้างว่าผู้หญิงอย่างเราน่ะก็โกรธเป็น” ชมพู่สาธยายวิธีเอาคืนของเธอให้น้อยหน่าฟังและก็ได้แรงสนับสนุนจากน้อยหน่าซะด้วย

(ดีค่ะ ต้องดัดนิสัยซะบ้าง นี่วันนี้มีข้อความเสียงของมะเหมี่ยวโทรมาด้วย ขู่หน่าด้วยนะว่าถ้าไม่ยอมคุยด้วยดีๆ จะบุกมาหาที่สิงคโปร์เลย ดูสิพู่! นิสัยอะ)

“จริงเหรอ! อะไรกันเหมี่ยวนี้ก็นะ...จะว่าไปคงอึดอัดล่ะค่ะ ก็เราเมินมาเป็นอาทิตย์แล้วนี่คะ”

(สมน้ำหน้า...ต้องทำให้เข็ดซะบ้าง) สองสาวยังคงแลกเปลี่ยนคำพูดกันอย่างสนุกสนาน ค่าที่ได้แกล้งสองสหายให้อัดอั้นตันใจเป็นอาทิตย์

พริกน่ะแทบจะคลั่งเหมือนเจอปฏิบัติการเอาคืนแบบเชือดนิ่มๆ ชืดๆ เย็นๆ ของชมพู่ มาแนวว่าอยากจะให้ถึงวันเสาร์เร็วๆ จะได้ไปเคลียร์กับคนรัก แต่ก็ดันต้องสอนชดเชยวันหยุดพิเศษของมหาวิทยาลัยอีก...เลยกลายเป็นว่าอกจะระเบิด

ส่วนมะเหมี่ยวนั้น จี๊ดจริตขนาดไหนไม่ต้องบอก เกิดมาก็ไม่เคยหรอกที่จะมีใครเมินใส่น่ะ พอมาเจอไม้แข็งของน้อยหน่าเข้าก็เดือดปุดๆ ตั้งแต่เธอบินไปสิงคโปร์นี่เป็นวันที่สองแล้วที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขา...ทำเอาคุณหมอลุกเป็นไฟ อยู่ไม่สุกต้องหาอะไรทำ...เช่น...

มายืนอยู่ตรงล๊อบบี้โรงแรมที่น้อยหน่าพักอยู่ใจกลางเมืองสิงคโปร์นี่ไง!

“ไม่ยอมคุยดีนักใช่มั้ยยัยแปร๊ดแจ๋นแหลน”


น้อยหน่ายังคงคุยกับชมพู่อย่างสนุกสนาน จากเรื่องสองแสบเปลี่ยนเป็นเรื่องช๊อปปิ้งและของฝากหลายอย่างแต่ก็มาสะดุดกับเสียงโทรศัพท์ภายในห้องที่กรีดร้องดังขึ้น

“รอเดี๋ยวนะพู่มีสายในน่ะ” ว่าแล้วก็ผละไปรับสาย ปลายสายคือเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม แจ้งว่าเธอมีแขกมาพบ มีชื่อว่า “แมธ”

“พู่ ฉันมีแขกมาน่ะ”

(งั้นพู่วางก่อนก็ได้ หน่ากลับพรุ่งนี้เย็นใช่มั้ย พู่จะได้ไปรับ)

“ได้ๆ เดี๋ยวหน่าจะลงไปพบเขาก่อนนะ”

(ได้สิ...ว่าแต่ใครมาหาน่ะที่นั่นมันสิงคโปร์นะ หน่ามีเพื่อนอยู่ที่นั้นเหรอ?) คำถามของชมพู่สะกิดต่อมของน้อยหน่าเข้า เธอก็สงสัยอยู่เหมือนกัน

“ไม่รู้เหมือนกัน...เขาบอกว่า ชื่อ “แมธ” อะ”

(อืม... ห๊า! แมธ! เหรอ?) เสียงของชมพู่ดูตกอกตกใจมากมายนักจนเธออดถามกลับไม่ได้

“ใช่...แมธ ทำไมเหรอพู่”

(เดี๋ยวนะหน่า ถือสายรอพู่แป๊บหนึ่ง) แล้วน้อยหน่าก็ได้ยินเสียงชมพู่เรียกหามะเหมี่ยวดังมาตามสาย ระหว่างนั้นคนสวยก็ลุกเดินออกมานอกห้องและเข้าลิฟต์ไปเพื่อลงมาที่ล๊อบบี้โรงแรม

(หน่า!)

“ว่าไงพู่...หน่ากำลังลงไปข้างล่าง นี่ไงมาถึงแล้ว” คนสวยตอบเพื่อนอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับที่เสียงลิฟต์ดังติ้ง!เมื่อมาถึงล๊อบบี้โรงแรม

(เหมี่ยวหายไป!)

“หือ? หายไปไหนล่ะ? ทุกทีอีตานั้นจะไปไหนไม่กี่นี่นา หาทั่วแล้วเหรอ” น้อยหน่าทำเสียงใจเย็น ก้าวออกมาจากลิฟต์

(พู่คิดว่ารู้ว่าเหมี่ยวหายไปไหน)

“ที่ไหนล่ะ?” น้อยหน่าถามกลับก้าวฉับๆ มาที่โถงรับแขก สายตาของเธอตวัดมองไปทางประชาสัมพันธ์ ก่อนที่จะก้าวไปที่ล๊อบบี้

(เหมี่ยวคงไปหาหน่าที่สิงคโปร์)

“ล้อเล่นน่า...เดี๋ยวนะพู่ Excuses me! I’m Nana, where’s my visitant?” ประชาสัมพันธ์เงยหน้าขึ้น กำลังจะพายมือไปด้านหลังแต่ช้าไปเสียแล้วเพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าใครคือ แมธ ที่มาหาเธอ เพราะเธอจำเสียงของเขาได้แม่นซะยิ่งกว่าอะไร

“I’m here”


...................


ใครจะบ้าได้เท่าอีตาหมอจิตป่วนคนนี้เนี่ย!

ทันทีที่น้อยหน่าหันมาเจอว่ามะเหมี่ยวมายืนประชิดอยู่ด้านหลังเธอแทบลมจับ กว่าจะได้ขยายความกับชมพู่ก็ต้องตั้งสติเกือบหนึ่งนาที ถอดความออกมาได้ว่า แมธคือชื่อของมะเหมี่ยวตอนอยู่ต่างประเทศ แต่นั่นมันไม่น่าตกใจเท่ากับเขามาหาเธอที่สิงคโปร์นี่หรอก

และตอนนี้ก็มานั่งจ้องหน้าเธอชนิดที่ว่าถ้าเป็นมีดผ่าตัดเธอคงเยินไปทั้งตัว

มะเหมี่ยวนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องพักของน้อยหน่า สองมือกอดอกไว้นิ่ง กำลังคิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่โทรไปให้เจ๊เจี๊ยบตามเช็คให้ว่ายัยหน้าสวยนี้พักอยู่ที่ไหนแล้ววิ่งโร่มาหายัยผู้หญิงที่ยืนชูคอทำหน้าไม่สะทกสะท้านอยู่ตรงนี้

ดูสิ! เขามาขนาดนี้ยังทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจอีก... มันน่าจับโยนออกหน้าต่างมั้ยนี่...น่าโมโห!

“นายมาทำไมที่นี่!” ถามถามน่าตัดลิ้นทิ้งที่สุด

“ฉันมาคุยกับเธอ”

“พรุ่งนี้เย็นฉันก็จะกลับแล้ว มีอะไรค่อยพูดกันตอนนั้นละกัน” เป็นไงล่ะ คำตอบสุดหยิ่งของคนสวยอย่างฉัน

น้อยหน่าแอบมองทางหางตา เห็นมะเหมี่ยวมองมายังเธอแล้วอดหวั่นใจไม่ได้ ก็สายตาของเขาน่ะทำเอาหนาวไปสุดขั้วหัวใจเลยทีเดียว มันนิ่ง เย็นจนขนลุก แต่เธอไม่ยอมหรอกนะ ต่อให้มาตามง้อแค่ไหนเธอก็จะไม่สนใจอย่างนี้นี่แหละ

ข้อหาทำอะไรบ้าบอ...มีอย่างที่ไหนไปนอนกกนอนกอดกับยัยผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วยังมาบอกอีกว่าเธองอนงี่เง่าไร้สาระ!

งานนี้สวยเลือกได้ย่ะ!


น้อยหน่ายังคงเชิดหน้าไม่สนใจมะเหมี่ยวต่อไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าไอ้คำพูดตัดรอนนั้นน่ะ มันทำให้มะเหมี่ยวโกรธ!

ร่างสูงของเขาลุกพรวดขึ้น สายตายังจ้องมองมายังใบหน้าสวยนั้นไม่ลดละ ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตามที่ว่าทำไมต้องแคร์อะไรกับยัยคนนี้ก็เถอะ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะพูดอะไร ไม่ฟังอะไรก็ป่วยการที่เขาจะพูด...เอาเป็นว่าเขาบินมาค้างคืนที่สิงคโปร์ให้เปลืองเงินเล่นๆ แค่นั้น

“งั้นก็ไม่ต้องคุย! บาย” ล่ำลาแค่นั้นก็จบพิธี ขาวยาวๆ ของเขาก้าวเดินผ่านร่างของเธออกไปจากห้องทันที ทำเอาคนสวยงง

เธอมองบานประตูที่ปิดสนิทนั้นอย่างคนไม่มีสติ อึ้ง! เธอต้องโกรธเขาไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมกลายเป็นว่าอีตานี่มางอนใส่เธอซะล่ะ

“ฉันไม่ง้อนายหรอกนะ...อีตาบ้า!” น้อยหน่าโวยวาย ก่อนจะทรุดตัวลงกับโซฟาแทนมะเหมี่ยวหงุดหงิดจนใบหน้าสวยๆ ดูไม่ได้

บ้า! คนบ้า!




ก็ไม่ได้คิดจะง้ออะไรหรอกนะ... ก็แค่โทรคุยกับชมพู่ต่อแล้วก็ได้รู้ว่าอีตานี่พยายามหลายอย่างอยู่กว่าจะมาหาเธอได้... อย่างที่น่ากลัวที่สุดคือไปขอให้เจ๊เจี๊ยบหาว่าเธอพักที่ไหน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แถมยังต้องโดนเจ๊เจี๊ยบแซวมาอีก เธอเลยต้องโทรมาถามที่ประชาสัมพันธ์ว่าทราบหรือเปล่าว่าแขกที่มาหาเธอออกไปทางไหน (กะว่าจะเดินหา ไม่ก็ไปดักที่สนามบิน) แต่กลายเป็นว่าคำตอบคือเขาเช็คอินอยู่ห้องชั้นสูงกว่าเธอหนึ่งชั้นของโรงแรมนี้นี่เอง?

และตอนนี้เธอก็มายืนรอให้เขาเปิดประตูห้องพัก

“มีอะไร” เย็นชาที่สุด! น้อยหน้าแอบค้อนกับน้ำเสียงของมะเหมี่ยวในใจ มือข้างหนึ่งของเขาจับลูกบิดค้ำประตูไว้ไม่ยอมให้เธอเดินเข้าห้อง เธอเลยต้องยืนมองเขาอยู่นอกห้องอย่างนี้

“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

“พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้วนี้ไว้ไปคุยกันตอนนั้นละกัน” จี๊ดดด! ประโยคเดียวกันที่เธอพูด แต่เขาเอามาโยนใส่หน้าเธอมันเจ็บแสบขนาดนี้เลยหรือ... แล้วดูเอาเถอะ ทำท่าจะปิดประตูใส่หน้าเธออีก

น้อยหน่าเอามือกันประตูไว้ และพยายามเบียดกายเข้ามาในห้อง ซึ่งความจริงมันไม่ได้ยากลำบากอะไรหรอก เพราะมะเหมี่ยวเองก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรมากมาย แค่อยากแกล้งเอาคืนเท่านั้นเอง

“ฉันคิดว่าเราควรจะปรับความเข้าใจกัน” น้อยหน่าพูด... แต่มะเหมี่ยวเมิน หันหลังให้ เดินไปหยุดที่โต๊ะที่มีเป๋าเป้วางอยู่ เขาดึงเอาโน้ตบุ๊กออกมาวางไว้

“มีอะไรก็ว่ามา” เย็นชาได้ร้ายกาจที่สุด!

“นายมีสิทธิ์โกรธอะไรฉัน เหมี่ยว! ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องโมโหนายนะ” น้อยหน่าเดินมาหยุดห่างจากแผ่นหลังของเขาไม่ถึงครึ่งเมตร พอเขาหันมาเผชิญหน้ากับเธอระยะห่างเลยดูจะไม่ค่อยมีเอาซะเลย

“ฉันโกรธที่เธอทำเป็นไม่สนใจจะรับฟังอะไรเลย เอาล่ะที่นี้ บอกฉันมาสิ ว่าเธอมีสิทธิ์อะไรถึงมาโมโหฉัน ทั้งที่เรื่องนั่นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอสักนิดเดียว” น้อยหน่าตาลุก ก่อนจะเม้มปาก...ใช่สินะ เธอมีสิทธิ์อะไรล่ะที่จะไปโกรธเขาน่ะ...

คนสวยกำมือแน่น พยายามสูดลมหายใจลึกๆ กระพริบตาไล่ไอ้น้ำตาที่เริ่มจะคลอหน่วย หมุนตัวเดินลิ่วไปที่ประตู คิดไว้เลยว่าถ้าออกไปแล้วจะไม่สนใจอีตาบ้าคนนี้อีกเลย จะไม่มอง ไม่ตาม ไม่คิดถึง ต่อให้มันยากขนาดไหนก็ตามเถอะ

แต่...เพราะคนเขียนหื่นเกินไปหรือเปล่านะ... ขาเจ้ากรรมของเธอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เป็นอันต้องชะงัก และร่างทั้งร่างก็ลอยหวือย้อนกลับไปทางเดิม ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรก็หล่นปุไปนอนอยู่บนเตียงนุ่มโดยมีร่างของมะเหมี่ยวตามลงมาคร่อมกันไว้ไม่ให้ขยับหนี

สายตาไหวระริกของเธอมองใบหน้าที่สงบนิ่งของเขาอย่างไม่เข้าใจ... และก่อนที่จะได้คิดอะไรริมฝีปากบางของเขาก็ลดลงมาจนสัมผัสกลีบปากนุ่มนิ่มของเธอเสียแล้ว

เขาขยับอย่างแช่มช้าก่อนจะกดเพิ่มน้ำหนักลงไปอีก เมื่อรู้สึกว่าเธอเริ่มจะตั้งตัวได้และเริ่มออกฤทธิ์ดิ้นขลุกขลักพยายามผลักไสเขาออกให้ห่างกาย แต่มะเหมี่ยวนะหรือจะยอม เขาเพิ่มแรงที่จับข้อมือของเธอให้แน่นขึ้นและกดจูบหนักหน่วง แต่เธอก็พยายามหนี

“อย่าดิ้นนะ” เขากระซิบสั่งแต่เธอไม่ฟัง

น้อยหน่าฝังเขี้ยวลงที่ไหล่ของเขาสุดแรงจนมะเหมี่ยวผละออกห่าง แต่ก็ไม่ยอมลุกหนีจากร่างของเธอ น้อยหน่าจึงพยายามดิ้น ตอนที่เขามัวสนใจรอยกัดสุดสยองนั้น เธอพยายามลุกและผลักเขาออก แต่คุณหมอก็มือไวได้ปรอทเรียกพี่คว้าเอวบางของเธอไว้ได้ และล็อคให้เธออยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง

“ปล่อยนะ! ปล่อยๆ ๆ” น้อยหน่ากรีดร้องฟาดฝ่ามือลงที่ท่อนแขนขวาๆ ของเขาจนแดงเถือกแต่มะเหมี่ยวก็ไม่ยอมปล่อย ตรงกันข้ามกลับรัดร่างของเธอเข้ามาในอ้อมกอดมากยิ่งขึ้น

“ฟังบ้างสิ”

“ไม่ฟัง! นายจะไปทำอะไรกับใครที่ไหนก็ตามใจนายเลย! อย่ามายุ่งกับฉัน”

“แต่คนที่ฉันอยากยุ่งด้วยมีแต่เธอนั่นแหละนะ” ไม่พูดเปล่ามะเหมี่ยวก้มลงจุมพิตที่คอสวยด้านหลังของเธอเบาๆ แต่น้อยหน่าสะบัดหนี

“อย่ามาแตะนะ...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่น่าจะหิ้วขึ้นเตียงเหมือนกับยัยนั่นนะ...ปล่อย!” ใช่ว่าจะไม่รู้ ใช่ว่าจะโง่เมื่อไหร่ เขารู้ดีอยู่แล้วว่าที่เธอตะบึงตะบอนใส่เขาอย่างนี้เพราะเธอหวงเขา? และก็เพราะอย่างนี้นี่แหละที่ทำให้เขาจับเที่ยวบินที่เร็วที่สุดมาหาเธอไงล่ะ


“ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขานะ”

“ใครจะไปเชื่อภาพออกมาขนาดนั้น...ทุเรศที่สุด”

“ไม่อะไรจริงๆ เชื่อฉันนะ”... มะเหมี่ยวกระซิบเสียงเบา แต่มันกับหนักไปทั้งหัวใจของคนฟัง หน่วงไว้จนร่างกายไม่ยอมขยับอีกต่อไป ค่อยๆ หันหน้ามาสบตากับเขาในระยะประชิด จนถูกเอาเปรียบด้วยการเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปาก

“แต่ภาพนั้น”

“มันมีแค่นั้นแหละ...” มะเหมี่ยวตอบและยิ้ม หลับตาจูบที่ริมฝีปากของเธอ แต่น้อยหน่าขยับหันหน้าหนี ประมาณว่าถ้าไม่ได้คำตอบอย่าได้มาจูบเธอซะให้ยาก

“โอเค... ฉันวางยานอนหลับยัยนั่นก่อนจะขึ้นไปบนห้อง...พอจูบกันไปแป๊บๆ ก็หลับสนิทฉันถึงต้องรีบปิดคลิปไง” มะเหมี่ยวอธิบาย

“แล้วทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย” น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนจากกราดเกรียวเป็นแง่งอนจนมะเหมี่ยวกระตุกยิ้ม

“ฉันอยากตัดผู้หญิงคนนี้ออกจาวงโคจรของพริกกับพู่ซะ แล้วมันมีวิธีไหนที่เร็วและได้ผลมากกว่านี้เหรอ” น้อยหน่าเม้มปาก

“แต่ก็ไม่น่าทำขนาดนั้น...อีกฝ่ายเขาคงเสียความรู้สึกแล้วก็อาย...”น้อยหน่าพยายามแก้ต่างให้กับชุติ แต่มะเหมี่ยวเห็นขำ และตอบเธอว่า

“ห่วงยัยนั่น หรือหวงที่ฉันไปกอดจูบกับเขากันแน่...หืม” เจอคำถามนี้เข้าไปคนสวยถึงกับเงียบกริบ รีบหันหน้าหนีให้มะเหมี่ยวมองเธอได้จากหลังก็พอ พยายามซ้อนความแดงซ่านของใบหน้าให้รอดพ้นจากสายตาของเขา... แต่มันจะรอดได้สักกี่น้ำล่ะ ในเมื่อคุณหมอไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น

แขนแข็งแรงกอดกระชับพร้อมกับใช้มือขึ้นไปแตะที่พวงแก้มเนียนของเธอบังคับให้หันมาหาเขา ซึ่งมันก็ลำบากอยู่เพราะเธอนั่งหันหลังให้เขานี่สิ แต่คนอย่างมะเหมี่ยวมีหรือจะยอม

น้อยหน่าขยับกายหยุกหยิกไม่ยอมให้เขาทำอะไรตามใจ แต่สุดท้ายก็ค่อยๆ หันมาหาเขาจนได้... เธอก้มหน้านิ่งจึงไม่ได้เห็นว่ามะเหมี่ยวนั้นอมยิ้มด้วยความเอ็นดูแค่ไหน ปลายนิ้วของเขาจึงเกลี่ยปอยผมยาวสลวยหยักศกของเธอปัดไปด้านข้าง

“ฉันไม่ชอบเลยนะ...เวลาที่ตัวเองเป็นแบบนี้” เธออ้อมแอ้มพูดขึ้นมา

“อะไรเหรอ?” เขาถามเสียงนุ่มตามด้วยสัมผัสแผ่วเบาที่แก้มนวลเนียน

“เวลาเห็นนายทำอะไรแบบนั้นกับคนอื่น...ทั้งที่ฉันไม่ได้มีสิทธ์อะไรในตัวของนายเลย ฉันไม่ชอบที่จะต้องเป็นแบบนี้เหมี่ยว... นายเข้าใจฉันมั้ย? ฉันไม่อยากกลับไปเป็นผู้หญิงคนนั้น! คนที่ทำทุกอย่างทุกวิถีทางเพื่อให้ได้นายมา” เสียงของเธอแผ่วเบา แต่เขาก็ได้ยินชัดทุกคำ...มะเหมี่ยวพยายามใช้ความคิดอย่างหนักกับความหมายของประโยคยาวๆ ของเธอ

ผู้หญิงคนนั้น? คนไหนล่ะวะเนี่ย?

“เธอต้องโกรธฉันแน่ๆ ถ้าได้ยินคำพูดของฉัน” มะเหมี่ยวพูด เหลือบตามองเธออย่างชั่งใจว่าจะถามดีหรือเปล่า

“เรื่อง?” คุณหมอถอนหายใจ คลายอ้อมแขนออกให้หลวมพยายามขยับตัวของเธอให้นั่งบนเตียงข้างกาย (เผื่อSheเดือดจะได้ชิ่งทัน)

“ฟังนะหน่า?...ฉันคิดว่าฉันพอจะเดาออกว่าเธอคิดถึงเรื่องไหนอยู่ และฉันจะบอกให้เธอรู้ว่า เลิกคิดถึงมันเถอะ...เพราะฉันจำมันไม่ได้!” แล้วคนสวยก็ตาลุกอีกครั้ง! ลืมเหรอ! เพราะเรื่องนั้นมันทำให้เธอเจ็บปวดมาตลอด...แล้วเขาบอกให้เธอลืมง่ายๆ อย่างเนี่ยนะ

“ฟังก่อน!” มะเหมี่ยวรวบตัวของเธอไว้อย่างรวดเร็ว “มัน... โอเค! สำหรับเธอมันเรื่องใหญ่ ฉันพอจะเข้าใจอยู่...
แต่ให้ตายเถอะ! บอกตามตรงนะ! ฉันไม่เห็นว่ามันสลักสำคัญอะไรเลย ตอนนั้นถ้าเธอไม่เข้ามายุ่ง ฉันก็มีปัญหาอยู่ดี ดังนั้นการที่มีหรือไม่มีเธอตอนนั้น...สำหรับฉันเรื่องพวกนั้นมันไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ มีค่าเป็นศูนย์”

ในความหมายของคุณหมอที่ไม่ชอบอธิบายอะไรสักสิ่งอย่างคือ... เขาไม่สนใจเรื่องเก่าๆ แต่ใจคนฟังอย่างคนสวยไม่ได้คิดอย่างนั้นน่ะสิ

“มีค่าเป็นศูนย์? ไม่ได้สำคัญอะไรอย่างนั้นเหรอ!” น้อยหน่าพึมพำถามก่อนจะตวัดเสียงและสะบัดกายลุกขึ้นยืนมองมะเหมี่ยวด้วยสายตาเจ็บปวด

“นายโง่หรือนายบ้ากันแน่! เรื่องนั้นมันน่าอายฉันรู้ดีแก่ใจ แต่นายอย่ามาพูดว่ามันมีค่าเป็นศูนย์และไม่สำคัญอะไร เพราะสำหรับฉัน! ฉันทำทุกอย่างออกมาจากใจจริงๆ ตอนนั้นฉันรักนาย ฉันก็พยายามแย่ง! ส่วนตอนนี้... ตอนนี้” น้อยหน่าพยายามกลั้นน้ำตา และเสียงที่เริ่มจะสั่นสุดฤทธิ์ สบตากับเขาไม่ลดละ

“ฉันเกลียดตัวเอง! เกลียดตัวเองที่พอเป็นเรื่องของนายทีไรฉันก็เหมือนจะกลายเป็นยัยบ้าอะไรไม่รู้...ฉันเกลียดตัวเองที่ต้องมาคอยมองนาย คอยคิดถึงนาย คอยหึงคอยหวง ฉันเกลียดตัวเองที่คอยแต่จะคิดอะไรเข้าข้างตัวเองเวลาที่นายทำอะไรเหมือนกับว่าฉันสำคัญกว่าคนอื่น...อย่างที่นายกำลังทำอยู่นี่...มาหาฉันที่สิงคโปร์ แต่นายกลับมาบอกว่าสิ่งที่ฉันทำมันมีค่าเป็นศูนย์”

“หน่า...ฟังฉันก่อน! เธอเข้าใจผิดนะ...ฉันหมายถึง...โอเค! ตอนนั้นมันไม่สำคัญกับฉันจริงๆ สิ่งที่เธอทำมันไม่ได้ทำให้ฉันเดือดร้อนเลยสักนิด ฉันเลยไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องจำมันทำไม...”

“พอสักที! ไม่ต้องมาย้ำ!” เธอแผดเสียงปล่อยโฮออกมา...

ในความรู้สึกของเธอเขาในตอนนั้น และตอนนี้...มีความหมายอย่างเดียวในหัวใจของเธอคือ...เป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ! การกระทำทุกอย่าง คำพูดทุกคำ มีค่าสำหรับหัวใจของเธออย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้

แม้ว่าที่ผ่านมาเธอไม่ได้คิดจะหยุดหัวใจไว้ที่เขา มีความรักครั้งใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกครั้ง ไม่ได้มีความหมายเทียบเท่ากับคนๆ นี้เลยแม้แต่นิด

เธอพยายามหลอกตัวเองเสมอว่าเธอรักคนอื่นได้มาตลอด ครั้งหนึ่งก็เคยคิดว่าพริกสามารถทำให้เธอหมดรักเขาได้ ทุ่มเททุกอย่างให้กับพริก...แต่สุดท้ายเมื่อมันไม่ได้สมหวัง เธอกลับไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรมากมาย...กลับรู้สึกดีเสียอีกที่เรื่องมันเป็นอย่างนั้น!

แต่ทำไมกับคนๆ คนนี้เธอถึงหยุดความรู้สึกไม่ได้สักที... ทำไมถึงยังรักเขาอยู่อย่างนี้?

“ฟังสิหน่า! ฉันไม่เห็นว่ามันจะเลวร้ายอะไร! เธอเคยทำผิดแล้วยังไง? ฉันสนที่ไหนกันละ เธอเคยทำอะไรไว้ฉันก็ไม่เคยจะแคร์... ที่ฉันสนตอนนี้ก็คือเธอตรงนี้ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน! ได้ยินหรือเปล่า? ฉันแคร์เธอเนี่ย!”

เธอดีใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ดีใจที่ได้เห็นสายตาจริงจังของเขา...น้ำเสียงของเขาทำให้เธอรู้สึกดีจริงๆ แต่... เขาสนใจ เขาแคร์...แคร์เธอเพราะอะไร?

“ทำไมล่ะ? ทำไมนายถึงให้ความสำคัญกับฉัน?...นายคิดกับฉันยังไง?... นายรักฉัน? เหมือนกับที่ฉันรักนายหรือเปล่า?” เธอไม่ได้บังคับให้เขาตอบ แต่เธอต้องการความมั่นใจ! ไม่ต้องรักเธอก็ได้ แต่ขอแค่คำอนุญาตให้เธอรักเขาเท่านั้นก็พอ

“...ฉัน” คุณหมอคนเก่งอึ้ง! ร่ำเรียนมาก็ได้ถึงเกียรตินิยม หาคำตอบได้ทุกคำถาม แต่พอมาเจอคำถามนี้เข้าก็ทำเอาคิดหาชื่อของอาการป่วยไม่ได้เลย

“บอกฉันได้หรือเปล่า?...ว่านายคิดกับฉันยังไง? บอกฉันมาเถอะนะ..” น้อยหน่าพูดด้วยเสียงเว้าวอน ขยับเข้าหาร่างของมะเหมี่ยวที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ ปลายนิ้วของเธอแตะเบาๆ ที่ท่อนแขนของเขาต้องการสื่อให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกของเธอ ให้เขาได้สัมผัสถึงบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี

“ฉัน...อยากเจอเธอ...อยากมองเธอ...อยากสบตา...” เสียงของมะเหมี่ยวเบา แหบแห้งจากนั้นก็เงียบไป น้อยหน่าเฝ้ารอด้วยใจระทึก... เขาจะพูดอะไรอีก ต้องมีอีกสิ! ได้โปรด...

แต่...

เงียบ!

ไม่มีอะไรมากกว่านั้นอีก ไร้ซึ่งเสียงของเขา ไร้ซึ่งคำตอบใดอีก…




เพลง : ใจหายไปเลย
ศิลปิน : Mr.Team
อัลบั้ม : Money Money

เธอไม่เคยบอก บอกให้รู้เรื่องราวในใจ
เธอไม่เคยเปลี่ยน ปล่อยให้ฉันให้เดาให้หวั่นไหว
เจอกันอยู่ทุกวัน ได้แต่ส่งสายตา
แล้วก็เพียงแค่หวังในใจ อยากได้ยินซักคำ
อยากให้บอกซักที คิดกับคนคนนี้ยังไง

เธอแค่เพียงบอก บอกให้รู้ซักครั้งเป็นไร
เธอแค่เพียงเอ่ย แอบหวังว่าคงจะตรงใจ
แต่พอเธอพูดมา ออกจากปากของเธอ
ฉันแค่เป็นเหมือนๆใครๆ แค่อยากเจอทุกวัน
แค่อยากส่งสายตา ไม่ได้มีความหมายอะไร

* ใจหายไปเลยหายไปในอากาศ
ปล่อยไปกับสายลมไปสู่ความเหงา
ใจหายไปเลยเหลือเพียงความว่างเปล่า
ฉันไม่ต้องรออีกต่อไป (แล้วรักที่รอก็หลุดไป)

สิ่งที่เธอพูดมา ออกจากปากของเธอ
ฉันแค่เป็นเหมือนๆใครๆ
แค่อยากเจอทุกวัน แค่อยากส่งสายตา
ไม่ได้มีความหมายอะไร

(*,*)

ใจหายไปเลยหายไปในอากาศ
ปล่อยไปกับสายลมไปสู่ความเหงา
ใจหายไปเลยเหลือเพียงความว่างเปล่า









< ตอนที่ 15


ตอนที่ 17>



Create Date : 25 กันยายน 2552
Last Update : 25 กันยายน 2552 21:20:33 น. 1 comments
Counter : 1010 Pageviews.

 
นั่นสินะ...

ใจมันหายไปเลย

ประโยคเจ็บนะเนี่ย....

อยากเจอ อยากคุย...อยากมอง อยากสบตา...

แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นอีก... มีแต่ความเงียบ...

ดีจริง...

ว่างเปล่าได้อีกนะ...


โดย: ซาน้อย IP: 124.120.153.144 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:1:40:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.