ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
-Love is...- Vol.3 (21)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."



“Someone to have and hold
with all my heart and soul
I need to know before I fall in love
someone who'll stay around
through all my up's and down's
Please tell me now before I fall in love”

เสียงฮัมเพลงรักหวานๆ ดังแว่วมาจากครัวทันสมัยในห้องชุดเรียบหรู ทำเอาคุณหมอหน้าหวานที่เพิ่งไขประตูเข้ามาในอพาทเม้นต์อมยิ้ม ก่อนที่เจ้าตัวจะวางกระเป๋าทำงานลงกับโต๊ะรับแขกและเดินเลี่ยงไปที่ห้องครัวที่ทุกวันนี้มันเปลี่ยนสภาพไปจากแต่ก่อนจนเจ้าของอพาทเม้นต์อย่างเขาจำแทบไม่ได้ เริ่มจากไอ้อุปกรณ์ทำขนมที่แม่คุณไปขนมาจากร้านจนหาที่วางแทบไม่ได้ นี่ไม่นับรวมไอ้เครื่องอบขนมที่ฟังราคาแล้วเขาแทบน้ำตาตก...เงินเดือนหมอของเขาหายวับไปถึงสามเดือนเลยมั้ง

มะเหมี่ยวยืนกอดอกพิงร่างกับกรอบประตูห้องครัว เอียงคอมองร่างเพรียวของน้อยหน่าที่ยืนอยู่หน้าเตาอบพร้อมกับเสียงฮัมเพลงไม่หยุด อารมณ์ดีจริงนะแม่คู๊ณ!!! แม้จะหมั่นไส้คนสวยอยู่ไม่น้อย แต่คุณหมอก็ไม่ขัดจังหวะการทำขนมอันสุนทรีนั้น เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าอีกไม่นานของอร่อยๆ ก็จะตกถึงท้อง

แต่ทำไมความสามารถทางการทำขนมไม่เผื่อแผ่ไปในเรื่องทำอาหารบ้างนะ...

อย่างที่เพื่อนรักของเขาเตือนไว้ไม่มีผิดว่า ถ้าอยากมีร่างกายที่แข็งแรงอย่าได้ทานอาหารที่น้อยหน่าทำ...ไอ้เขารึก็ไม่ใช่พวกกินทิ้งกินขว้าง แค่ลองชิมดูก็เห็นว่ารสชาติไม่ได้เลวร้ายอะไรก็เลยทานจนอิ่มที่ไหนได้...เจออาหารเป็นพิษต้องนอนแหมบให้เดเนียลหยอดน้ำเกลือให้ถึงสามกระปุก... เห็นมั้ยละ? ว่าเป็นความสามารถที่หาใครเปรียบไม่ได้

แต่การมีน้อยหน่าในชีวิตเกือบหนึ่งปีมานี้ ไม่ได้เลวร้ายอย่างรสชาติอาหารของเธอสักนิด

ตรงกันข้าม มันดี...ดีมากจนเขาสะกดคำว่า “สุข” ได้แม่นกว่าชื่อตัวเองด้วยซ้ำ

“กลับมาเงียบๆ” เสียงใสของน้อยหน่าเอ่ยทักเขา มะเหมี่ยวยิ้มรับ ไม่ได้พูดว่าอะไร เดินตรงไปหาเธอช้า...

สายตาหวานของเขามองเธอเอาถาดขนมที่เพิ่งอบเสร็จวางไว้บนโต๊ะกลางห้องครัว เหลือบมองขนมเค้กน่าทานนั้นอย่างอดไม่ได้ และก็เพียงแค่แวบเดียว สายตาของเขาก็กลับมาอยู่ในใบหน้าสวยของเธออีกครั้ง ร่างสูงของเขาไปหยุดยืนข้างกายของเธอ หันหลังพิงขอบโต๊ะ

“ทำเยอะเกินไปหน่อยมั้ย?” เยอะจริงๆ นะ เป็นปอนด์เลยมั้งเค้กช็อคโกแลตก้อนนี้น่ะ

“คุณพ่ออยากกินน่ะค่ะ เดี๋ยวป้ามาลีจะมาทีนี่ หน่าเลยว่าจะตัดแบ่งไป” นี่ก็คืออีกคนหนึ่ง ไม่รู้จะเห่ออะไรนักหนา...สุดสัปดาห์ที่ไร เป็นต้องหาเรื่องให้เขาพาน้อยหน่าไปกินข้าวที่บ้านท่านทูต วันหยุดสุดสัปดาห์นะเว้ย!! เขาก็ควรได้พักผ่อนกับยัยสวยสิ...

“มาเมื่อไหร่ล่ะ?”

“อีกเดี๋ยวมั้งคะ คุณพ่อโทรมาเมื่อตอนสายๆ” มะเหมี่ยวพยักหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแขนให้เธอขยับเข้ามาหาเขา

“อะไรคะ? ไปอาบน้ำสิกลับมาเหนื่อยๆ” ไม่พูดเปล่าน้อยหน่าใช้หลังมือแตะไปทั่วใบหน้าหวานของเขา จนมะเหมี่ยวอดยิ้มไม่ได้

“เดี๋ยวก่อนก็ได้...” ว่าแล้วก็ก้มลงสูดความหอมที่แก้มเนียนของเธอ ซึ่งตอนนี้ดูจะอิ่มเอิบกว่าตอนมาอยู่ที่เยอรมันใหม่ๆ เจ้าตัวค้อนว่าเป็นเพราะมะเหมี่ยวชวนกินนั่นนี่จนน้ำหนักของเธอขึ้น...ซึ่งคุณหมอก็ทั้งมองทั้งจับก็ไม่เห็นว่ามันจะอ้วนตรงไหน

“ได้วันหยุดนะ...ไปเที่ยวกัน” น้อยหน่าตาโตทันทีที่ได้ยิน

ก็จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง มาอยู่กับเขาเป็นปีแล้วมะเหมี่ยวไม่เคยหยุดได้นานกว่าหนึ่งวันที่ไหน พอแพลนกันว่าจะไปเที่ยวที่นั่นที่นี้ ก็เป็นอันต้องแจ้นไปโรงพยาบาลซะก่อน

“จริงเหรอ...ไม่ใช่ว่า...”
“ไม่หรอก...แลกเวรกับเดเนียลน่ะ อาทิตย์หน้าแดลไม่อยู่เลยขอแลกเวรกันน่ะ ไปมั้ย? อยากไปดูพิพิธภัณฑ์รถนี่” มะเหมี่ยวว่า มีหรือเธอจะอยากปฏิเสธ...แต่ร้อยวันพันปีมะเหมี่ยวไม่เคยจะตามใจเธอหรอก...มีแต่จะเอาแต่ใจ...แบบนี้มีอะไรลับลมคมในหรือเปล่า

“อยากพาไปเดทบ้าง แค่นั้นแหละตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ไม่เคยได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยนี่นา” คำพูดของเขาทำเอาเธอยิ้มหวานดีใจ โผเข้ากอดคอเขาแน่น มะเหมี่ยวไม่ได้ขัดขืนอะไร พูดให้ถูกเขาไม่มีแรงจะขัดขืนเธอต่างหาก...วันนี้ที่โรงพยาบาลดูดพลังเขาไปเกือบหมด

“รักเหมี่ยวที่สุดเลย”

“ไว้พรุ่งนี้ค่อยพูดคำนี้ก็ไม่สายหรอกน่า...ขอไปพักก่อนนะ วันนี้หนักมากเลย” น้อยหน่าพยักหน้าไม่ลืม เขย่งเท้าขึ้นไปจูบเขาเร็วๆ ที่ริมฝีปาก

“เดี๋ยวดินเนอร์หน่าจะเรียกนะ...”มะเหมี่ยวยิ้ม ก่อนจะหอมแก้มของเธอและเลี่ยงเดินออกจากห้องครัว ตรงไปที่ห้องนอน

น้อยหน่าดีใจจนแทบเต้น เดท...เธอจะได้เดทกับเขาแล้ว... มะเหมี่ยวน่ะเวลาว่างของเขาน่ะมีค่ายิ่งกว่าเพชรพลอยซะอีก ช่วงนี้ถือว่าดีขึ้นแล้วบ้างนะ ก่อนหน้านี้เธอต้องเป็นฝ่ายไปหาเขาที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ เวลาส่วนมากของมะเหมี่ยวมีไว้เพื่อคนไข้

น้อยครั้งที่เขาจะมีเวลาให้เธอแบบนี้...จะพูดให้ถูกนี่คือครั้งแรกที่เธอจะมีเวลากับเขาตลอดทั้งวัน...

“อ๋าย...ต้องโทรบอกคุณพ่อ” และนี่คืออีกหนึ่งที่น้อยหน่ารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คว้างอยู่ที่เมืองใหญ่นี้คนเดียว... จุลจักรเป็นคุณพ่อที่น่ารัก เด็กกำพร้าอย่างเธอเมื่อได้รับความรักจากคนเป็นพ่อราวกับเธอเป็นคนในครอบครัว ไม่แปลกเลยที่เธอจะมีความสุข

“คุณพ่อคะเค้กเสร็จแล้วนะคะ...ค่ะ...ได้ค่ะ...หนูจะรอนะคะ...แล้วก็พรุ่งนี้เหมี่ยวได้หยุดค่ะ สองวัน เขาจะพาหน่าไปเที่ยวค่ะ...ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ...ค่ะ...ดีใจสิคะ...กว่าคุณชายเขาจะว่างได้หนูรอจนแก่แล้ว ฮิฮิ...ค่ะ...งั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะ” น้อยหน่าวางสายจากคุณจุลจักรที่บอกว่าจะเดินทางมาทานอาหารเย็น ก่อนจะหมุนตัวไปมาในห้องครัวและมาจบด้วยการแต่งหน้าเค้ก...

มะเหมี่ยวยืนยิ้มอยู่มุมหนึ่งของห้อง หลังจากที่จะเดินกลับไปถามหาผ้าเช็ดตัวที่พยายามหาไม่เจอจนได้มาเห็นว่าเธอคุยอยู่กับพ่อของเขา

ก็ทำให้เขารับรู้ได้เสมอแบบนี้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน แล้วจะไม่ให้เขาใจอ่อน หวั่นไหวไปด้วยได้ยังไง...ยัยคนน่ารัก

“เฮ้อ...น่ารักอย่างนี้ ได้ตกหลุมรักสักวันแน่...”






ถึงจะบอกว่าจะพาน้อยหน่าไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์รถก็เถอะ พอเอาเข้าจริง คุณหมอก็พ่ายแพ้ต่อความขี้เกียจของตัวเองมาเริ่ม และดูท่าจะจบการเดทของตัวเองอยู่ที่ Park ไม่ไกลจากที่พักนัก...

น้อยหน่าน่ะ ก็ไม่ได้หวังอะไรกับเขาอยู่แล้ว แค่ได้ออกไปไหนมาไหนกับเขาบ้างก็พอแล้ว... ยิ่งเห็นเขาเหน็ดเหนื่อยกับงานที่โรงพยาบาลคนที่ทำหน้าที่แค่อยู่บ้านเฉยๆ ทำครัวบ้าง งานเล็กๆ น้อยในบ้านอย่างเธอแค่เขาเอ่ยปากว่าจะพาเธอมาเที่ยว จะที่ไหนเธอก็ดีใจ

“เดินเล่นกันนะ” มะเหมี่ยวชวน แต่คนชวนยังคงยืนพิงราวกั้นระหว่างทางเดินกับถนนใน Park นิ่ง จนคนสวยต้องออกแรงดึงถึงจะยอมขยับตัว

“ชวนแล้วก็อย่าขี้เกียจสิ” มะเหมี่ยวอมยิ้ม เมื่อแขนข้างหนึ่งถูกเธอจับไว้แน่น และพยามออกแรงดึงร่างของเขาให้เดินตาม...จนนึกอยากแกล้งด้วยการขืนตัวบ้าง ทำเอาน้อยหน้าหันมาทำตาขวางใส่นั่นแหละเขาถึงหัวเราะออกมา และเป็นฝ่ายดึงให้เธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองซะอย่างนั้น...ก่อนจะพาเธอเดินไปพร้อมๆ กัน

มะเหมี่ยวเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ทอดน่องอยู่แนบชิดร่างเพรียวบางของน้อยหน่า แขนข้างหนึ่งของเขาโอบร่างของเธอไว้ คอยบีบกระชับที่ต้นแขนเธอเป็นระยะย้ำเตือนว่าเขาอยู่ข้างๆ เธอ บ่อยครั้งที่เขาหันใบมองเสี้ยวหน้าของเธอ มันทำให้เขาอมยิ้มได้เสมอ สายตาของเธอคอยมองบรรยากาศรอบๆ ตัวตลอดเวลา ดวงตาระยิบระยับจนบางครั้งอดใจไม่ไหวก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่แก้มเนียนบ้าง ขมับบ้าง

“ถ่ายรูปนะ” เธอพูด พร้อมกับยกกล้องถ่ายรูปดิจิตอลที่เขาจำได้ว่า เธอแอบเขาไปซื้อมาทั้งที่มีอยู่แล้ว
มะเหมี่ยวกระชับอ้อมแขนเข้ามาจนร่างของเธอเบียดชิดอยู่กับตัวเขา ก้มหน้าลงให้ชิดกับเธออีกนิด จนมั่นใจว่าหน้าเขาติดอยู่ในเฟรมเดียวกับเธอแน่ ก่อนจะยิ้มเมื่อเธอนับสามและกดชัตเตอร์

“ดูรูปๆ” เธอว่า ก่อนจะกดดูรูปที่ถ่าย และยิ้มพอใจ...มะเหมี่ยวอดใจไม่ไหวเลยต้องเอาเปรียบเธอที่แก้มอีกครั้ง ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างครั้งเธอก็หันมาจูบที่มุมปากของเขา และหันกลับไปสนใจกับการถ่ายรูปต้นไม้ตามทาง

ต้นไม้ต่างๆ ตอนนี้สีของใบของมันเริ่มเปลี่ยนเพราะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว... ต้นเมเปิลจากที่มีใบสีเขียวขจี ตอนนี้ทั้งต้นแทบจะย้อมไปด้วยสีแดงอมส้ม บางต้นปล่อยให้ใบร่วงหล่นมาเต็มพื้นดิน มันทำให้ทั่วทั้งบริเวณอาบไปด้วยสีต่างๆ แดง ส้ม เหลือง อากาศก็เริ่มเย็น เสื้อผ้าที่สวมใส่จึงเริ่มหนาขึ้น แต่มันก็เป็นปรกติของที่นี่อยู่แล้ว

“สะดวกมั้ยละนั่น” มะเหมี่ยวถามเธอ เมื่อเห็นเธอพยายามถ่ายรูปโดยใช้มือข้างเดียว เพราะอีกข้างเธอกอดเอวของเขาไว้แน่น ก่อนที่เขาจะลดแขนออกจากร่างของเธอ และจะเบี่ยงตัวออก แต่น้อยหน่ากลับหันมาทำหน้างอแบบสวยๆ ใส่ แถมยังกอดเอวเขาแน่นขึ้นอีก จนเขาต้องกอดเธอเหมือนเดิมนั่นแหละ เธอถึงหันไปสนใจกับวิวรอบๆ ตัวอีกครั้ง

ขี้หวงจริ๊ง...แต่...รู้สึกสึกดีจัง...





“อากาศดีจังนะ” น้อยหน่าพูด

“อืม”

“เหมี่ยว...”

“หืม...” มะเหมี่ยวครางรับเสียงอู้อี้

“เรามานั่งเล่นรับลม ชมวิว ดูทิวทัศน์... ไม่ใช่มานั่งจู๋จี๋นะยะ” น้อยหน่าว่าเสียงเขียว

มะเหมี่ยวชะงัก จมูกที่ซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอหอมกรุ่นนั้นออกห่างผิวเนียนเล็กน้อย ก่อนจะกดลงสูดกลิ่นหอมหวานนั้นเต็มปอด ก่อนจะกระชับอ้อมกอดจนร่างของน้อยหน่าแทบจมหายเข้ามารวมเป็นร่างเดียวกับตัวเอง

“ไม่มีใครสนใจเราหรอกน่า” ก็ถูกของคุณหมอนั่นแหละ...การแสดงความรัก(?) อย่างการจูบ หรือการหอมในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องแปลกของที่เยอรมันเท่าไหร่...มะเหมี่ยวค่อนข้างชินด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าเขานึกอยากจูบ คุณหมอก็จะจูบทันทีนั่นแหละ...

"แต่ฉันสน...ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย”

“ก็เป็นมาตั้งนานแล้ว” คุณหมอเถียงเสียงแผ่วๆ ไม่ใช่กลัว แต่กลิ่นหอมอ่อนของต้นคอระหงตรงหน้ามันทำเอาใจไม่ดี รู้งี้นอนอยู่ที่ห้องก็ดี...ป่านนี้คง... (วันๆ มันคิดอะไรบ้างวะ พระเอกนิยายเรื่องนี้)

“เหมี่ยว...”น้อยหน่าชอบอยู่หรอกสัมผัสแผ่วหวานของเขาน่ะ แต่เธอยากจะเดทแบบธรรมดาสามัญบ้างนี่นา... อยู่สองคนที่ไนอีตาหมอ(ลามก)นี่นัวเนียเธอตลอด (ต่อให้มีคนเป็นแสน ถ้ามะเหมี่ยวจะกอด เจ้านี่ก็ไม่สนใครหรอก)

“อือ ๆ ไม่ทำ ไม่ทำ” มะเหมี่ยวตัดบท เอนหลังพิงกับต้นไม้ใหญ่ แต่แขนยังโอบรอบเอวเล็กขอดของเธออยู่

น้อยหน่าเอนกายกับอกของมะเหมี่ยว ริมฝีปากอมยิ้มสวยพอใจกับภาพบรรยากาศตรงหน้า ฤดูใบไม้ร่วง สีสันของพื้นดินที่แต่งแต้มด้วยใบไม้สีต่างๆ ที่ร่วงหล่นปกคลุมไปเต็มพื้น อากาศที่เริ่มแห้ง และเย็นด้วยสายลมฤดูหนาว ทำเอาร่างของน้อยหน่าห่อตัว แต่ก็อบอุ่นขึ้นมาทันตาเห็นวงแขนของมะเหมี่ยวโอบกระชับร่างของเธอไว้

ร่างเพรียวบางของเธอที่นั่งอยู่กับพื้น โดยมีขาของมะเหมี่ยวทั้งสองข้างชันโอบไว้ทั้งซ้ายขวา พร้อม ๆ กับอ้อมแขนที่ไม่เคยห่างตัวเธอเลย แบบนี้จะไม่ให้เธออุ่นไปทั้งหัวใจได้ยังไง

“ช่วงนี้อากาศกำลังดีนะ” เขากระซิบบอก เธอยิ้ม

“ไม่ค่อยชินนี่นา...ยังไงก็ชอบเมืองไทยมากกว่า” มะเหมี่ยวส่ายหน้า

“ไม่ให้กลับไปหรอก...”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” มะเหมี่ยวอดใจไม่ไหวจริง เลยก้มลงจูบเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ “เดี๋ยวไปกินข้าวที่ไหนดี”

“หิวแล้วเหรอ?” มะเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมาถาม แต่น้อยหน่าส่ายหน้า

“ยังไม่เที่ยงเลย” มะเหมี่ยวเลิกคิ้ว ก่อนจะดูนาฬิกาที่ข้อมือ

“ไปคีลกันไหม?” มะเหมี่ยวเอาน้อยหน่าตาโต “ไปกินกลางวันที่โน้น”

“ไกลไปหรือเปล่า?” เธอถามอย่างลังเล

“เหยียบไปแป๊บเดียวก็ถึง...ช่วงนี้ทะเลสาบที่นั่นสวย เธอชอบร้าอาหารที่นั่นด้วยนี่” มะเหมี่ยวทำเอาน้อยหน่ายิ้มสวยอย่างดีใจ...เขาจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเธอได้มากกว่าที่ใครๆ จะรู้...บางครั้งเขารู้ว่าเธอชอบไม่ชอบอะไรมากกว่าตัวของเธอซะอีก...

“ไกลนะ” เธอเอ่ยหยั่งเชิงอีกครั้ง...เธอรู้ว่าถ้าเขาบอกว่าจะพาไปก็คือพาไป...แต่เธออยากฟังอะไรสักนิดต่างหาก

“จะไปไม่ไป” นี่ไงล่ะที่เธออยากฟัง เสียงติดห้วนๆ หงุดหงิดเล็กๆ เอาแต่ใจของมะเหมี่ยวที่เธอชอบฟัง ไม่ว่าจะเป็น ...จะซื้อไม่ซื้อ... จะเอาไม่เอา... จะนอนไม่นอน...เหมือนเขาบังคับเธอ...แต่เชื่อเถอะ... เธอยอมเขาทุกอย่างนั่นแหละ

“ไป...”

“ก็แค่นั่น” ว่าแล้วมะเหมี่ยวก็ผละตัวออกและลุกขึ้นยืน ส่งมือให้กับน้อยหน่า... คนสวยจับมือขาวจัดของคุณหมอไว้มั่นให้เขาออกแรงช่วยดึงให้เธอลุกขึ้นอีกแรง ก่อนจะปัดฝุ่นผง ใบไม้ที่เปื้อนอยู่ออก...และเดินเคียงคู่กันออกไป...




เมืองคีล...


ในบรรดาเมืองต่างๆ ในเยอรมัน แม้จะมีที่ท่องเที่ยวมากมายหลายที่ แต่น้อยหน่าชอบเมืองนี้ที่สุด... เธอมักบอกตัวเองว่ามันสามารถขับรถได้ไม่นานก็มาถึง ยิ่งคนที่ขับรถได้เร็วอย่างมะเหมี่ยว ยิ่งไม่ต้องพูด... ถ้าเธอใช้เวลาสองชั่วโมง มะเหมี่ยวก็ใช้ชั่วโมงเดียวนั่นแหละ

แต่นั่นเป็นข้ออ้างตอนที่มะเหมี่ยวถามเธอว่าทำไมถึงชอบเมืองคีล...เพราะความจริงแล้วที่เธอชอบก็เพราะ... มันเป็นเมืองที่มะเหมี่ยวโทรมาหาเธอระหว่างที่เธอหลงทางไงล่ะ

ความจริงวันนั้น เธอก็หลงทางจริงๆ แต่ใช่ว่าจะหาทางกลับเองไม่ได้... แต่ก็เพื่อความชัวร์ เลยโทรปรึกษากับพริก ใครจะไปรู้ว่าเธอจะได้ฟังคุณหมอปากจัดกวนประสาทเข้าให้ แม้ระหว่างที่อยู่แฟรนบรูค มะเหมี่ยวจะบอกทางแบบกวนประสาทให้ แต่สักพัก พอเธอขับรถมาแวะพักที่คีล เขาก็โทรมาเช็คเธอว่าถึงไหน ยังไงบ้าง... จนเธอถึงเบอลินนั่นและที่พักนั่นแหละ โทรศัพท์ของเธอจึงหยุดดังทุกครึ่งชั่วโมง...

สำหรับน้อยหน่า...เมืองคีล คือเมืองที่เป็นความทรงจำที่แสนดีของเธอ

“คุณผู้หญิงคร้าบบบบบ...จะนั่งในรถใช่มะ...จะได้ไปกินก่อน” มะเหมี่ยวเปิดประตูด้านที่น้อยหน่านั่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนคนสวย

“ก็แค่คิดอะไรเพลินๆ”น้อยหน่าค้อนวงใหญ่ ลงจากรถมายืนคู่กับมะเหมี่ยว

“กินก่อนนะ เดี๋ยวค่อยไปที่ทะเลสาบ” แหงอยู่แล้วตอนนี้มันบ่ายกว่าแล้ว ถ้ามะเหมี่ยวไม่หิวนั่นสิแปลก

ตามทางเดินคอนกรีตมีไม่มีเศษใบไหม้อย่างที่คิด มันสะอาดเอี่ยม แต่หากมองเลยไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคลองเล็กๆ ที่ทอดตัวอยาวอยู่นั้นละก็ สิ่งที่ทำให้คุณตาค้างได้เลยก็คือ...แถวต้นไม้ที่เรียงรายกันเป็นแนว และสีสันของใบไม้นั้นสุกสว่างจนอดไม่ได้ที่ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ ตามแนวทางเดินมีรถจักรยานจอดอยู่เป็นแนว ยาว จนไปถึงคอสะพานข้ามคูน้ำนั่น

“ร้านนี้แหละ” มะเหมี่ยวว่าก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปในร้านอาหารอิตาเลียนสไตร์เยอรมัน เมนูสองสามอย่างง่ายๆ ถูกสั่งออกจากปากของมะเหมี่ยว และนี่ก็เป็นอีกอย่างที่น้อยหน่าต้องอมยิ้มดีใจ ภูมิใจ แม้หลังจากสั่งอาหารแล้วเขาจะไม่ได้ชวนเธอคุยไรก็ตามเถอะ แต่รายการอาหารที่สั่งไป มันคือของที่เธอชอบทั้งนั้น...

“นายจำได้ด้วยเหรอ?”

“อะไร?” มะเหมี่ยวถามกลับ แต่สายตายังคงเปิดดูเมนูไปเรื่อยเปื่อย เหมือนไม่สนใจคนสวยตรงหน้าเท่าไหร่

“ของที่ฉันชอบ”

“ไม่ทั้งหมดหรอก... อยากล่องเรือหรือเปล่า” มะเหมี่ยวถามกลับ แต่น้อยหน่านุ่งคิด

“ไม่ดีกว่า ดูวิวที่จุดชมวิวก็พอแล้ว... ลมมันแรง ว่าแต่...ทำไมใจดีจัง” น้อยหน่าถามกลับอย่างสงสัย จนเขายิ้มอย่างหมดท่า

“แอบรู้ทันเหรอ?”

“ก็แหงล่ะ ต้องมีอะไรแน่ๆ เราอยู่ด้วยกันมาจะเป็นปีแล้วนะ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ” มะเหมี่ยวยิ้มหวาน ยกมือขึ้นมาเท้าแขนกับโต๊ะมองคนสวยตรงหน้าด้วยแววตาหวามไหว

“ความจริง...แดลไม่ได้แลกเวรหรอก...” น้อยหน่าเลิกคิ้วขึ้นสูง “ฉันขอลาพักเองแหละ...”

“เพื่อ...” เธอถามแต่มะเหมี่ยวไม่ตอบ

“ทานก่อนดีกว่า” เขาไม่ตอบเธอจริงๆ กลับเลี่ยงชวนให้เธอสนใจอาหารที่เริ่มทยอยมาวางตรงหน้า

ไม่เป็นไร... เธอรู้ดี แม้จะอยู่กับเขาไม่ถึงปี แต่เธอก็พอจะรู้ว่านิสัยมะเหมี่ยวเป็นยังไง กับเรื่องบางเรื่องถามไปให้ตาย ถ้าเขาไม่บอก ก็อย่าได้หวังว่าจะได้รู้เลย เรื่องบางเรื่อง ไม่ต้องถาม แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องรู้ เขาจะบอกเอง...แค่รอ...


อาหารกลางวันผ่านไป...ทั้งสองคนก็มายืนอยู่ที่จุดชมวิวอีกฝั่งหนึ่งของเมืองคีล ทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วง...สวย...สงบ...แต่ร้อนแรง ด้วยสีสันแห่งต้นไม้ริมทะเลสาบ มีเรื่องท่องเที่ยวผ่านเป็นระยะ แต่นั่นไม่ได้ทำให้บรรยากาศที่แสนจะงดงามนั้นหายไป


มะเหมี่ยวยืนมองผืนทะเลสาบเบื้องหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่งเหมือนกับผิวน้ำที่ไม่มีระลอกคลื่น เขาจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยไม่รู้ว่าสายตาของน้อยหน่าจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของเขา

“หน่า...”

“คะ?” น้อยหน่าเดินไปหยุดที่แผ่นหลังของเขา ก่อนสวมกอดร่างของเขาไว้ด้วยอ้อมแขนของตัวเอง

“ฉันต้องไปเป็นแพทย์อาสาที่อัฟกานิสถาน” น้อยหน่าดวงตาเบิกโพลงราวกับโดนผีหลอก ชื่อประเทศที่เขาพูดถึงนั่นใช่ประเทศที่ทำสงครามกันบ่อยๆ หรือเปล่า ล่าสุดที่บอกว่าขาดแคลน แพทย์และอะไรอีกหลายอย่าง จนสหประชาชาติต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

“คะ...คน...คน...อื่น...”

“แดลก็ไปด้วย” มะเหมี่ยวผินหน้ามาด้านข้าง หางตาของเขาเห็นใบหน้าซีดเซียวของเธอที่อยู่ด้างหลังไหล่ขวาของตัวเอง

“นานแค่ไหน”

“ตามกำหนดก็...สองเดือน...” หางเสียงของเขาแผ่วเบา

“ตามกำหนด?” มะเหมี่ยวถอนหายใจ มือของเขาจับสองแขนของเธอที่สวมกอดไว้แน่น ความเย็นจากฝ่ามือไม่สามารถสู้ความสับสนในสิ่งที่เธอกำลังได้รับฟังตอนนี้ได้เลย

“ถ้าทุกอย่างไม่เรียบร้อย...ฉันอาจจะอยู่ช่วยคนที่นั่นต่อ เป็นความสมัครใจ” น้อยหน่าส่ายหน้าทันที

“อย่าทำแบบนี้...หน่า...ฉันตัดสินใจไปแล้ว” และเธอก็ไม่สามารถทักท้วงอะไรเขาได้

“แล้วฉันล่ะเหมี่ยว...” น้อยหน้าน้ำตาซึมกับแผ่นหลังของเขา

“คุณพ่อจะดูแลเธออย่างดี ไม่ต้องห่วง ถ้าเหงา ก็ไปเที่ยวบ้านพี่สาวก็ได้ แค่สวิตส์ฯ เอง” แต่เธอก็ยังส่ายหน้าอยู่ดี มันเหมือนกันที่ไหนกัน

“หน่าไปด้วยนะเหมี่ยวนะ...” เธอกอดเขาแน่น ที่ที่เขาจะไปมันอันตรายจะตายไป การที่จะให้เธอนั่งรออยู่ที่บ้าน เธอทำไม่ได้เด็ดขาด เกิดไปเจอเรื่องราวที่เสี่ยงๆ ล่ะ เกิดเขาเป็นอะไรล่ะ...

“เธอไปไม่ได้หรอกนะหน่า...มันอันตรายเกินไป รอฉันที่นี่นะ” มะเหมี่ยวหมุนตัวกลับมาหาเธอที่มีใบหน้าเปื้อนน้ำตา

“อันตรายแล้วทำไมนายต้องไปด้วยล่ะเหมี่ยว...”

“ฉันเป็นหมอ... หน้าที่ของฉันคือทำทุกวิธีทางเพื่อรักษาชีวิตของมนุษย์นะ”

“แล้วฉันล่ะเหมี่ยว...ถ้านายไปอยู่ที่นั่น...เกิด...เกิด” มะเหมี่ยวส่ายหน้าเอานิ้วมือแตะริ่มฝีปากที่เริ่มสั่นระริกของเธอไว้...

“ฉันจะไม่เป็นไร...เธอมีหน้าที่แค่มีชีวิตอยู่เพื่อรักแล้วก็รอฉัน...เท่านั้นก็พอ!”

“เหมี่ยว...” น้อยหน่าคราง แตะเขาเพียงแค่ยิ้มอ่อนบนใบหน้าเท่านั้น

“ทำตามที่ฉันพูดนะ” มะเหมี่ยวพูดเสียงแผ่ว ฝ่ามือเย็นชืดของเขาปัดไล่หยาดน้ำตาที่อาบแก้มของเธอออกอย่างเบามือ สบสายตาไหวระริกของเธอ

“ต้องกลับมานะ... ส่ง mail มาทุกวันด้วย โทรมาด้วย ห้ามขาดการติดต่อนะ” เขายิ้ม...

“ฉันจะกลับมา” ร่างบางของเธอจมหายเข้ามาในอ้อมกอดของมะเหมี่ยว



ใช่ว่าเขาไม่คิด...ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอะไร...

การอยู่ห่างจากน้อยหน่าไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับเขา... ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการแยกจากเธออยู่แล้ว

สายลมเย็นยะเยือกที่พัดผ่าน กลิ่นดินแห้งๆ ลอยโชยมา ใบเมเปิลสีแดงทิ้งตัวลงแตะกับผิวน้ำ ล่องลอยอ้อยอิ่ง

ทั้งหมดเธอไม่สมารถรับรู้อะไร มีเพียงเสียงกระซิบแผ่วหวานที่ริมหูเท่านั้นเธอจดจำ...

...ฉันจะกลับมา...





สัปดาห์หนังสือสูบพลังชีวิตไปหมด... เป็นศพทั้งวัน...

เอาลงให้แล้วน้า...ใจดีเป่า...







< ตอนที่ 20







Create Date : 25 ตุลาคม 2552
Last Update : 25 ตุลาคม 2552 23:21:19 น. 3 comments
Counter : 871 Pageviews.

 
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

เศร้า T.T


โดย: Zaniitax IP: 112.142.139.5 วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:10:51:44 น.  

 
เกือบขาดใจฮะ
SAD..


โดย: nunkung IP: 58.8.142.112 วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:14:10:42 น.  

 
...

ไม่ไจดีเพราะขาดตอนนี่แหละ ๆ

5555


โดย: ai IP: 124.122.175.139 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:21:32:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.