ทริปกางเต๊นท์กลางสายฝน3 (ล่องแก่งหินเพิง)
หลังจากที่ครอบครัวเจ้านายพากันกลับกทม.ไปก่อน คืนนั้นพวกเราก้ตั้งวงแก้หนาวกัน(ตามระเบียบ)อีก แต่ดื่มกันได้ไม่เยอะเหมือนกะคืนแรก คงจะเป็นเพราะว่ากิจกรรมที่เราเล่นกันไปเมื่อตอนกลางวัน (สำหรับคนที่พึ่งมาดูให้ไปดูกิจกรรมจาก blog ชื่อกิจกรรมผางาม) เลยทำให้อยากนอนมากกว่าอยากเมา
ตื่นเช้ามาขึ้นไปกินอาหารเช้ากันเรียบร้อย จ่ายเงินค่าเต๊นท์+ค่าอาหารเสร็จ ก็ลงมาจัดแจงเก็บสัมภาระเตรียมตัวจะไปล่องแก่งระหว่างเส้นทางกลับเข้า กทม.กัน ตอนแรกเลยตั้งใจไว้ว่าจะไปอุดหนุน เรือ พี่โกศล ที่เคยส่งลูกค้าให้กันอยู่เมื่อตอนทำงานอยู่ที่รีสอร์ท เดินไปถาม เจ้าของรีสอร์ท ทางโน่นบอกมาว่า "พี่โกศลไปแล้ว ไม่อยู่แล้ว" เราก็ งง ถามกลับไปว่า "พี่เค้าไปไหนเหรอ" ทางโน่นบอกกลับมาว่า "พี่โกศลตายแล้ว" อึ้งอยู่พักหนึ่ง ทางโน่นบอกมาว่า พี่เค้าน้ำท่วมปอดตาย คงจะติดเชื้ออะไรซักอย่าง ไว้ว่างๆ (อีกแล้ว) จะเล่าเรื่องพี่โกศลให้ฟังกัน
พี่โกศลไม่อยู่แล้ว กะว่าจองเรือสำหรับล่องแก่งผ่านทางรีสอร์ทเลย ค่าบริการเหมาลำก็ลำละ 3500 บาท แต่นึกๆถ้าจองผ่านรีสอร์ท ทางเจ้าของเรือก็ต้องหักเปอร์เซ็นต์ให้ทางรีสอร์ทอยู่ดี อีกทั้งยังมีเบอร์ติดต่อตรงกะเจ้าของเรืออื่นๆอีก เลยตัดสินในไม่ผ่านรีสอร์ทดีกว่า โทรไปหาพี่เจ้าของเรือลำอื่นโดยตรงเลย สรุบว่าได้ราคาลำละ 3000 บาท 2ลำก็ถูกกว่าตั้ง 1000 บาท ตกลงกับทางเรือได้ก็ออกเดินทางไป อ.นาดี กันซึ่งอยู่ห่างจากรีสอร์ทบ้านทะเลหมอก ลงกลับมาทาง กทม.ประมาณ 30กว่า กม.โดยที่ต้องไปติดต่อกับเจ้าของเรือที่ วังตะพาบรีสอร์ท ก่อนเพราะว่าเจ้าของรีสอร์ทที่ว่านี้คือเจ้าของเดียวกันกับเรือยางที่จะล่อง
เตรียมตัวจะกลับกัน
บรรยากาศภายในวังตะพาบรีสอร์ท
ติดต่อเรื่องเรือเสร็จ ก็นั่งรถของทางรีสอร์ทเพื่อที่จะเดินทางไปยังแก่งหินเพิงกัน
นั่งรถซัก 20 นาทีก็ถึงที่หมาย ก่อนล่องก็ต้องไปเอาเสื้อชูชีพ,ไม้พาย,หมวก และต้องลงชื่อด้วย สำหรับเด็กที่สูงไม่ถึง 125 ซม.เค้าห้านนะครับ กลุ่มผมมีเด็กสูงไม่ถึงอยู่ด้วย แต่พอใส่หมวกแล้วก็ พอดีเลย การจะไปล่องแก่งเราต้องเดินขึ้นไปจุดที่จะปล่อยเรืออีก 40 นาที นะครับเดินขึ้นเขานะครับ นับว่าเลือกเหงื่อได้พอสมควร ดีที่ว่าไม่ต้องแบกเรือยางเอง ไม่งั้นคงไปไม่ถึงแน่ ระหว่างทางก็จะเดินสวนกันกับพวกเด็กๆที่มารับจ้างแบกไม่ไผ่กลับลงมาจากจุดปล่อยเรือ ราคาค่าแบกก็ท่อนละ 20 บาท นับว่าถ้าจ้างเราท่อนละ 50 บาทยังไม่เอาเลยครับ ความยาวก็ท่อนละประมาณ 3 ม.เห็นจะได้ แล้วเส้นผ่าศูนย์กลางก็ไม่หน้าจะต่ำกว่า 20 ซม. คงจะหนักน่าดู ใครมีเด็กเล็กก็ลำบากหน่อยครับเพราะว่าเดินไปซักพักเด็กก็ร้องคอยจะให้พ่อแบกขึ้นหลังซิครับ เท่าที่ผมดูแล้วแค่พ่อเดินเองยังไม่ค่อยจะไหวเลยครับ นี่ต้องแบกเจ้าตัวเล็กขึ้นหลังอีก น่าสงสารครับ
เดินมาจนถึงจุดปล่อยเรือก็มีพวกลูกเรือค่อยสูบลมรออยู่แล้ว แล้วก็จะมีพวกรับจ้างถ่ายรูประหว่างล่องแก่งมาติดต่อ ราคาลำละ 600 บาท เราก็ให้เค้าถ่ายให้ เพราะถ่ายเองคงไม่ได้แน่ล่ะครับ ทิ้งที่อยู่ไว้ให้เค้าส่งรูปตามไปที่หลัง ก่อนลงเรือทางลูกเรือก็บอกวิธีการล่อง ว่าควรเก็บพายตอนไหน ถ้าตกเรือแล้วต้องทำอย่างไร จากนั้นก็ลงเรือกัน
ลำแรกสำหรับพวกที่มีเด็กๆ(ก็ลูกๆน่านแหละ )
ส่วนลำนี้ของพวกซ่าส์ส์
ระหว่างที่ล่องแก่งมันจะมีจุดหนึ่งซึ่งเค้าจะปล่อยให้เราลงจากเรือเพื่อที่จะลงเล่น "สไลด์เดอร์" กันซึ่งบริอเวณตรงนั้นน้ำจะไหลเชี่ยวมาก ซึ่งตัวเรา (สวมชูชีพ) ก็ปล่อยให้น้ำพัดพาเราไป จนกว่าจะถึงจุดขึ้นเรือ ตรงนี้นับว่ามันส์ดี แต่ต้องคินระวังน้ำพัดเราเข้าไปหากิ่งไม้ข้างๆลำน้ำ
ระยะเวลาในการล่องก็น่าจะ 40 นาที ช้าเร็วมันส์หรือไม่มันส์ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในวันนั้นๆด้วย ถ้าน้ำน้อยเกินไปก็จะทำให้เรืออาจจะไปติดกับโขดหินกลางน้ำได้ ต้องขย่มเรือกัน หรือไม่ก็ต้องลงจากเรือแล้วลากเอาครับ ก่อนไปเล่นก็ควรจะสอบถามเกี่ยวกับระดับน้ำก่อนนะครับ
ล่องแก่งเสร็จก็เล่นน้ำกันแถวท่าที่เอาเรือขึ้นกันซักพัก แล้วก็กลับมากินข้างเที่ยงที่ วังตะพาบรีสอร์ทกัน
ราคา 3000/ลำ ไม่รวมค่าอาหารนะครับ
น่ารักดี หมาแมว ของรีสอร์ท
กิจกรรมต่างๆของ วังตะพาบรีสอร์ท
ก่อนกลับกรุงเทพต้องชักรูปซ่ะก่อน
ปล.ไว้ทริปหน้าถ้ามีไปเที่ยวไหนอีกค่อยเก็บรูปมาให้ใหม่นะค้าบบบ
Create Date : 20 สิงหาคม 2548 |
|
27 comments |
Last Update : 20 สิงหาคม 2548 11:55:45 น. |
Counter : 3192 Pageviews. |
|
|
|
ไม่เคยล่องเรือเลย
น่าสนุกจริงๆ ดูภาพไปแล้วอยากไปล่องเรือมั่ง