10 ธค 62 อัมพวาอีกแล้ว - Fun Run
8 ธค. 62 วันนัดหมายวิ่ง ปลาทู เพื่อนรักชวนไปวิ่ง เพื่อสุขภาพและการกุศล พบปะสังสรรค์นานๆจะมีการรวมตัว เรื่่องวิ่งไม่ถนัดสักเท่าไหร่ แต่ละวันวิ่งแค่ประมาณ 2-3 กม. เพื่อนขอให้ลง 5 กม. เกิดมาก็ไม่เคยวิ่ง 5 กม. ครั้งนี้เราจะวิ่งกันมากกว่าปกติ เพื่อนก็จะวิ่งกัน 10 กม.ทั้งที่ไม่เคยซ้อมกันมาก่อน ไม่ใช่นักวิ่ง แต่จะพยายาม ไม่ไหวก็คือเดิน วิ่งออกกำลังกายเป็นปกติอยู่แทบทุกคืนอยู่แล้ว 2-3 กม. วิ่งอย่างช้าๆ ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ชินบัญชรประมาณ 7 จบ วันแรกๆที่กลับมาวิ่งใหม่ สักห้านาทีแรกเหนื่อยมาก อยากจะหยุดเดิน ต้องฝืนและให้เหตุผลกับตัวเอง เพราะถ้าหยุดวิ่งลงเดินแล้วก็จะไม่อยากวิ่งอีก
จำได้เมื่อครั้งไปขึ้นเขา Paro Tuktsung (Tiger nest ) ที่ภูฏาณ ทั้งสูงทั้งไกล ไกด์กำชับว่าให้เดินไปเรื่อยจะช้าไม่เป็นไรแต่อย่าหยุดเดิน นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นแล้วไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวอีก แค่วิ่งช้าๆไปเรื่อยๆ ไม่ให้รู้สึกเหนื่อย สูดหายใจเข้าให้เต็มปอดเหมือนเวลาว่ายน้ำที่เราอยู่ใต้น้ำ ที่อยู่บนบกแท้ๆไม่ต้องกลัวจะหายใจไม่ทัน ถ้าเหนื่อยเกินไปก็ลดฝีเท้าลงแสดงว่าวิ่งเกินกำลังของร่างกาย ค่อยๆวิ่งจนอยู่ตัวในแต่ละความเร็ว แล้วค่อยๆวิ่งเร็วขึ้นเท่าที่ไหวไปเรื่อยๆ ใช้เวลานานหลายเดือนค่อยๆปรับสภาพร่างกาย
แต่ก็วิ่งช้าๆ เพียงแค่วันละ 2-3 กม. ไม่มากกว่านั้น เพราะไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะวิ่งได้นานๆหลายชั่วโมง และวิ่งเพียงแค่นี้ก็พอเพียงกับสุขภาพแล้ว
ไฮไลท์ของทริป คือ สังสรรค์ วิ่งเป็นส่วนประกอบ ไปถึงอัมพวา 2 ทุ่ม โชคดีเพื่อนๆยังไม่ได้แยกย้ายกัน ได้พูดคุยทักทายให้หายคิดถึง คนนึงเสนอให้มา ตี 4 พร้อมกันที่ศาลากลาง เพื่อวอร์มป้องกันการบาดเจ็บจากกล้ามเนื้อฉีก และเพื่อหาที่จอดรถ 555 ตี 4 ยังไม่ได้รับปาก เพราะกลุ่มเราปล่อยตัว 5.45 น. ถ้าไปตี 4 หนาวตายแน่เลย
นักวิ่งมหาศาลล้านแปด คนตื่นตัวการออกกำลังกายกันมาก ส่วนเราปกติเดิน เพราะฝังหัวตั้งแต่อาจารย์ออร์โธปิดิกส์ บอกว่าเป็นคนเขาออกแบบมาให้เดิน ไม่ได้ให้วิ่ง ออกกำลังแค่เดินก็พอแล้ว แถมอาจารย์ดูสุขภาพดี บุคลิกสง่างามมากๆ เรื่องวิ่งไม่เคยมาอยู่ในความคิดเรามาก่อนเลย จนพักหลังๆกระแสการวิ่งออกกำลังกายนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนๆต่างทะยอยวิ่งกันทีละเล็กทีละน้อย จากนาโน เป็น มินิ เป็นฮาล์ฟและเป็นมาราธอนกันไปแล้ว เราเอาแค่พอประคองตัวไม่บาดเจ็บก็พอ 8 ธค 62 เช้านั้นอากาศเย็นมาก ที่อัมพวา ลมแรง หนาวเย็น เพราะความชรามาเยือนหรือเพราะหนาวจริงก็ไม่แน่ใจ กว่าจะปลุกตัวเองให้ตื่น เลี้ยวรถเข้าบริเวณ 5.20 น. แย่แล้ว เพื่อนๆที่วิ่งมินิมาราธอนไปกันหมดแล้วแน่เลย แงๆๆๆๆๆ จะมาคุยกับเพื่อน เรื่องวิ่งน่ะ วิ่งที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องถ่อสังขารมาวิ่งกับเพื่อนถึงที่นี่หรอก นึกโมโหตัวเอง แต่ก็สายซะแล้ว ที่จอดรถก็ไม่มี ต้องใช้สมองอีกแล้ว
เข้ามาถึงบริเวณ กำลังเริ่มปล่อยตัวนักวิ่ง 10 กม.พอดี
เหลือเวลา 15 นาที พอได้ทักทายเพื่อนกลุ่ม 5 กม. เหมือนกันวิ่งไปพบกลุ่มเพื่อน เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกFun run เขาให้วิ่งสนุกสนานนี่จ๊ะ นอกจากหยุดถ่ายภาพกันแล้ว ตลอด 5 กม. ไม่ได้หยุดวิ่งเลย ลูกพี่ชมเปาะเก่งมากๆ ใครจะวิ่งได้มากได้เร็วก็ไม่เป็นปัญหาหรือคับข้องใจ แค่ทำได้ดีกว่าที่เคยทำได้ในแต่ละครั้ง ก็ถูกต้องพอใจแล้ว
ถ่ายภาพหมู่ เพื่อนๆมาจากหลายจังหวัด ห่างไกลกันแทบทุกภาค ส่วนใหญ่ไม่เคยวิ่งเคยซ้อม บ้างลงวิ่ง 10 กม. วิ่งกันสบายๆ เก่งมากๆ คงเพราะอากาศเย็นด้วยจึงวิ่งไม่เหนื่อย สำหรับเราทำลิ่ายประวัติขอตัวเอง วิ่งได้ 5 กม.ไม่ได้หยุดเดิน แค่นี้นับว่าเก่งมากแล้ว ... แต่ก็ไม่ยากถ้ามีเวลา เพราะถ้าทำจังหวะการหายใจให้พอเหมาะกับฝีเท้าแล้ว จะวิ่งหรือเดินก็แทบไม่ต่างกัน เพียงแต่เสียเวลาฝึกซ้อมถ้าหลายกิโล ก็ต้องใช้เวลาฝึกซ้อมแต่ละครั้งใช้เวลาหลายชั่วโมง ถ้าเพื่อสุขภาพอย่างเดียว แค่สบายๆ วันละ 30 นาทีสัปดาห์ละ 5 วันขึ้นไปก็พอค่ะ
บ่นสักนิด อย่าคิดว่าเสียเงินแล้วยังหงุดหงิดอีก แค่เขียนให้แตกต่างในมุมมองตามความจริง รักกันจริงก็ต้องบอกเรื่องจริงไม่ใช่โฆษณาเกินจริง กลับ รร. ทานอาหารเช้า และตั้งใจจะนอนต่อ รร.ที่ว่าดีเลิศ น่าหลับ ราคาก็สูงเทียบกับที่เพื่อนพัก คืนละ 1,000 บาท ของเรา 3,150 บาท ถ้าไม่เกี่ยงว่าสถานที่อยู่ใกล้ตลาดน้ำมากกว่า รร.อื่นๆแล้ว อย่างอื่น ธรรมดามาก ห้องเล็กจิ๋วทางเดินข้างเตียงยังแทบจะไม่พอเดินเข้านอน การตกแต่งภายในก็ธรรมดามาก อาหารเช้ามีไม่กี่รายการ แต่ก็พอได้รับประทาน ที่หงุดหงิดมากคือ ตั้งใจว่าจะนอนต่อให้หายเหนื่อยพักตะคริวขาสักหน่อย ใกล้เวลาเช็คเอ้าท์ค่อยขยับตัว รร.นี้เป็นโรงแรมที่สร้างจากวัสดุอะไรก็ไม่ทราบ เพราะเราก็ไม่ใช่วิศวกร เดาว่าเป็นตึกโครงสร้างเหล็กไม่ได้ก่ออิฐถือปูนแบบสมัยก่อน จึงไม่เก็บเสียง มีเสียงหนวกหูก้องสะท้อนไปทั่ว แม่บ้านหลายคนลากของทำความสะอาดห้องข้างเคียงชั้นบนชั้นล่าง ดังโปกเปก หนวกหู ตลอดเวลา นอนไม่ได้เลย โรงแรมที่สร้างลักษณะนี้เจอทีไร เซ็งเป็ด กลับๆๆๆๆ ไม่ใช่หนาวนะ
เชคเอ้าท์ กลับไปนอนต่อที่บ้านดีกว่า ก่อนกลับบ้านใกล้ๆเที่ยง เดินเล่น ตลาดน้ำอัมพวา ของใหม่ที่เพิ่มมา งานปั้นจิ๋ว เป็นอาหาร ขนม ดอกไม้ ชนิดต่างๆสารพัด สวยงามน่ารัก อยากได้ทั้งนั้น แต่แอบแพงไม่มีที่จะเก็บ ซื้อมาแค่ 2 ชิ้น และชอบซื้อของที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ กระเป๋า 6 ใบร้อย มีแบบใหม่ๆออกมา บางร้านทำของจิ๋วเป็นกิ๊บติดผม พยายามจะติดดูบ้างแต่ดูเหมือนเลยวัยจะติดได้แล้วอ่ะ เก็บภาพมาเป็นของฝากค่ะ แต่ละอันเทียบขนาดกับนิ้วชี้ เล็กมีรายละเอียดน่ารักมากๆ. เส้นมะละกอฝอย ไก่ย่างน่ารักน่ากินสุดๆข้าวเหนียวมะม่วง ส้มตำ เหมือนจริง น่ารักสุดๆ ทำเป็นกิ๊บ ตุ้มหู
อัมพวา ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ บรรยากาศดี มีธรรมชาติ มีของดีหลายอย่าง มีความอุดมสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหาร แต่ยังขาดการวิเคราะห์ตลาดที่จะถูกใจผู้บริโภคและทันตามยุคสมัย ทั้งสินค้าท้องถิ่น ที่น่าจะขายได้ ผู้ซื้อนำไปทำประโยชน์ได้ มากกว่าขายสินค้าตั้งโชว์เฉยๆ สังคมสมัยนี้นิยมสไตล์ มินิมอลิสต์ ใช้จ่ายเฉพาะของจำเป็น และเห็นว่าคุ้มค่าคุ้มประโยชน์ คนสมัยใหม่นิยมเก็บความประทับใจไว้ในภาพถ่าย เพราะกาลเวลาเป็นสิ่งสำคัญย้อนกลับไปไม่ได้ เพิ่ม การจัดแต่งมุมถ่ายภาพสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ เน้นการอนุลักษณ์และเอกลักษณ์ของตัวเองที่แตกต่างจากตลาดน้ำอื่นๆออกมาให้ได้ จะมีนักท่องเที่ยวมาไม่ขาดสายทีเดียวค่ะ
Create Date : 10 ธันวาคม 2562 |
Last Update : 11 ธันวาคม 2562 12:25:08 น. |
|
13 comments
|
Counter : 1133 Pageviews. |
|
|