Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2562
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
18 มิถุนายน 2562
 
All Blogs
 
My first trip to Lord Buddha's Place Day 5; 1 Feb 2019 Yasa Stupa ; Sarnath


ยสสถูป
สถานที่พระพุทธองค์  เทศนาโปรด ยสกุลบุตร

บุตรเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสี  บางแห่งว่าเป็นบุตรชายของนางสุชาดาผู้ถวายข้าวมธุปายาส





                  
                     ภายใน พุทธสถาน บริเวณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน   เมืองสารนารถนี้  ยังมีสถานที่สำคัญอีกแห่ง  คือ  สถานที่  พระยสกุลบุตร  ได้ฟังธรรมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  และบรรลุอรหัตตผลในที่สุด   นับว่า ยสกุลบุตรและเพื่อนได้เป็นอรหันต์กลุ่มที่สอง  ในพุทธศาสนา  เกิดใน พรรษาแรกภายหลังการตรัสรู้ของพระพุทธองค์
 

พระยสเถระ หรือ พระยสะ เป็นพระภิกษุสาวกเอตทัคคะของพระพุทธเจ้า นับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์สำคัญในพระพุทธศาสนาในสมัยต้นพุทธกาล

พระยสเถระ เป็นพระสงฆ์กลุ่มแรก ๆ ในพระพุทธศาสนา โดยท่านเป็นพระสงฆ์สาวกองค์ที่ 6 ในพระพุทธศาสนา เมื่อท่านบวชแล้วได้เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการชักชวนสหายของท่านกว่า ๕๔ คนให้เข้ามาบวชช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนาในช่วงต้นพุทธกาล
 

ประวัติแห่งพระยสเถระ

สถานะเดิม

พระยสะนั้น เป็นบุตรเศรษฐีในเมืองพาราณสี เป็นผู้บริบูรณ์ มีเรือน ๓ หลัง
เป็นที่อยู่ใน ๓ ฤดู ครั้งหนึ่ง เป็นฤดูฝน ยสกุลบุตร อยู่ในปราสาทเป็นที่อยู่ในฤดูฝน 
บำเรอด้วยดนตรีล้วนแต่สตรีประโคม ไม่มีบุรุษเจือปน. 

มูลเหตุแห่งการบวช

ค่ำวันหนึ่ง ยสกุลบุตรนอนหลับก่อน หมู่ชนบริวารหลับต่อภายหลัง 
แสงไฟตามสว่างอยู่ ยสกุลบุตรตื่นขึ้น เห็นหมู่ชนบริวารนอนหลับ มีอาการพิกลต่าง ๆ 
บางนางมีพิณตกอยู่ที่รักแร้ บางนางมีตะโพนวางอยู่ข้างคอ บางนางมีเปิงมางตก 
อยู่ ณ อก บางนางสยายผม บางนางมีเขฬะไหล บางนางบ่นละเมอต่าง ๆ 
ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความยินดีเหมือนก่อน ๆ หมู่ชนบริวารนั้น ปรากฏแก่ยสกุลบุตร 
ดุจซากศพที่ทิ้งอยู่ในป่าช้า. 

พบพระพุทธเจ้า

ครั้นยสกุลบุตร ได้เห็นแล้ว เกิดความสลดใจคิดเบื่อหน่าย ออกอุทาน 
( วาจาที่เปล่งด้วยอำนาจความสลดใจ) ว่า ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ 
ยสกุลบุตรรำคาญใจ จึงสวมรองเท้าเดินออกจากประตูเรือนไปแล้ว 
ออกประตูเมืองตรงไปในทางที่จะไปป่าอิสิปตนมฤคทายวัน 

เวลานั้นจวนใกล้รุ่ง พระศาสดาเสด็จจงกรมอยู่ในที่แจ้ง 
ทรงได้ยินเสียงยสกุลบุตรออกอุทานนั้น เดินมายังที่ใกล้ จึงตรัสเรียกว่า 
ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง ท่านมาที่นี่เถิด นั่งลงเถิด เราจักแสดงธรรม 
แก่ท่าน ยสกุลบุตรได้ยินอย่างนั้นแล้ว คิดว่า ได้ยินว่า ที่นี่ไม่วุ่นวาย 
ที่นี่ไม่ขัดข้อง จึงถอดรองเท้าเสีย เข้าไปใกล้ไหว้แล้ว นั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง. 

พระศาสดาตรัสเทศนาอนุปุพพีกถา

อนุปุพพิกถา มี ๕ ประการ คือ
๑. ทานกถา
(เรื่องทาน, กล่าวถึงการให้ การเสียสละเผื่อแผ่แบ่งปันช่วยเหลือกัน)

๒. สีลกถา
(เรื่องศีล, กล่าวถึงความประพฤติที่ถูกต้องดีงาม)

๓. สัคคกถา 
(เรื่องสวรรค์, กล่าวถึงความสุขความเจริญ 
และผลที่น่าปรารถนาอันเป็นส่วนดีของกามที่จะพึงเข้าถึง 
เมื่อได้ประพฤติดีงามตามหลักธรรมสองข้อต้น)

๔. กามาทีนวกถา 
(เรื่องโทษแห่งกาม, กล่าวถึงส่วนเสียข้อบกพร่องของกาม 
พร้อมทั้งผลร้ายที่สืบเนื่องมาแต่กาม 
อันไม่ควรหลงใหลหมกมุ่นมัวเมา จนถึงรู้จักที่จะหน่ายถอนตนออกได้)

๕. เนกขัมมานิสังสกถา 
(เรื่องอานิสงส์แห่งการออกจากกาม รวมทั้งอานิสงส์การบวช, 
กล่าวถึงผลดีของการไม่หมกมุ่นเพลิดเพลินติดอยู่ในกาม 
และให้มีฉันทะที่จะแสวงความดีงาม
และความสุขอันสงบที่ประณีตยิ่งขึ้นไปกว่านั้น) 


ฟอกจิตยสกุลบุตรให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม ควรรับพระธรรมเทศนา
ให้เกิดธรรมจักษุ เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทินควรรับน้ำย้อมได้ฉะนั้น 
แล้วจึงทรงประกาศพระธรรมเทศนา ที่พระองค์ยกขึ้นแสดงเอง คืออริยสัจ ๔ อย่าง 
คือทุกข์ เหตุให้ทุกข์เกิด เหตุให้ทุกข์ดับ และข้อปฏิบัติเป็นทางให้ถึงความดับทุกข์ 
ยสกุลบุตรได้เห็นธรรมพิเศษ ณ ที่นั้นแล้ว ภายหลังพิจารณาภูมิธรรม
ที่ตนได้เห็นแล้ว จิตพ้นจากอาสวะ ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทาน.


อุบาสกคนแรก

ฝ่ายมารดาของยสกุลบุตร เวลาเช้าขึ้นไปบนเรือน ไม่เห็นลูก 
จึงบอกแก่เศรษฐีผู้สามีให้ทราบ เศรษฐีให้คนไปตามหาใน ๔ ทิศ 
ส่วนตนออกเที่ยวหาด้วย เผอิญเดินไปในทางที่ไปป่าอิสิปตนมฤคทายวัน 
ได้เห็นรองเท้าของลูกตั้งอยู่ ณ ที่นั้นแล้ว ตามเข้าไปถึงที่พระศาสดาประทับอยู่กับยสกุลบุตร. 

พระศาสดาตรัสเทศนาอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ให้เศรษฐีเห็นธรรมแล้ว 
เศรษฐีทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา แล้วแสดงตนเป็นอุบาสก ข้าพเจ้าถึงพระองค์
กับพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์เป็นที่ระลึก ขอพระองค์ทรงจำข้าพเจ้าว่า เป็นอุบาสก
ผู้ถึงรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เศรษฐีนั้น ได้เป็นอุบาสก
อ้างพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ครบทั้ง ๓ เป็นสรณะก่อนกว่าชนทั้งปวงในโลก.

ในตอนนี้ พระคันถรจนาจารย์กล่าวความว่า ในขณะที่เศรษฐี 
ผู้บิดายสกุลบุตรเข้าไปอยู่ ทรงบันดาลด้วยอิทธาภิสังขาร คือฤทธิ์ที่แต่งขึ้น 
ไม่ให้บิดากับบุตรเห็นกัน ต่อทรงแสดงธรรมเทศนาจบ ยสกุลบุตรพิจารณาภูมิธรรม
อันตนได้เห็นแล้ว บรรลุพระอรหัต
และเศรษฐีผู้บิดาได้บรรลุพระโสดาปัตติผลแล้ว 
จึงทรงคลายอิทธาภิสังขารนั้นให้บิดากับบุตรเห็นกัน.

เศรษฐีผู้บิดายังไม่ทราบว่ายสกุลบุตรมีอาสวะสิ้นแล้ว จึงบอกความว่า 
พ่อยสะ มารดาของเจ้า เศร้าโศกพิไรรำพันนัก เจ้าจงให้ชีวิตแก่มารดาของเจ้าเถิด. 
ยสกุลบุตรแลดูพระศาสดา ๆ ตรัสแก่เศรษฐีว่า คฤหบดี ท่านจะสำคัญความนั้นเป็นไฉน 
แต่ก่อนยสะได้เห็นธรรม ด้วยปัญญาอันรู้เห็นเป็นของเสขบุคคล เหมือนกับท่าน

ภายหลัง ยสะพิจารณาภูมิธรรมที่ตนได้เห็นแล้ว จิตก็พ้นจากอาสวะมิได้ถือมั่นด้วยอุปาทาน 
ควรหรือยสะจะกลับคืนไปบริโภคกามคุณเหมือนแต่ก่อน. ไม่อย่างนั้นพระเจ้าข้า 
เป็นลาภของพ่อยสะแล้วความเป็นมนุษย์ พ่อยสะได้ดีแล้ว ขอพระองค์กับพ่อยสะเป็นสมณะ 
ตามเสด็จ จงทรงรับบิณฑบาตของข้าพเจ้าในวันนี้เถิด. พระศาสดาทรงรับด้วยนิ่งอยู่. 
เศรษฐีทราบว่าทรงรับแล้ว ลุกจากที่นั่งแล้ว ถวายอภิวาทแล้ว ทำประทักษิณ ๑ แล้วหลีกไป . 

(เสขบุคคล ผู้ยังต้องศึกษา เป็นชื่อของพระอริยเจ้าเบื้องต่ำ ๗ จำพวก. )

ยสกุลบุตรบวช

เมื่อเศรษฐีไปแล้วไม่ช้า ยสกุลบุตรทูลขออุปสมบท . พระศาสดาทรงอนุญาต
ให้เป็นภิกษุด้วย พระวาจาว่า มาเถิดภิกษุ ธรรมเรากล่าวดีแล้ว 
ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์เถิด ในที่นี้ไม่ตรัสว่า เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบ 
เพราะพระยสะได้ถึงที่สุดทุกข์แล้ว. สมัยนั้น มีพระอรหันต์ขึ้นในโลกเป็น ๗ ทั้งพระยสะ.

อุบาสิกาคนแรก

ในเวลาเช้าวันนั้น พระศาสดากับพระยสะตามเสด็จ ๆ ไปถึงเรือนเศรษฐีนั้นแล้ว 
ทรงนั่ง ณ อาสนะที่แต่งไว้ถวาย. มารดาและภริยาเก่าของยสะเข้าไปเฝ้า 
พระองค์ทรงแสดงอนุปุพพีกถาและอริยสัจ ๔ ให้สตรีทั้ง ๒ นั้นเห็นธรรมแล้ว 
สตรีทั้ง ๒ นั้นทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนาแล้ว แสดงตนเป็นอุบาสิกา 
ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะโดยนัยหนหลัง ต่างแต่เป็นผู้ชายเรียก อุบาสก 
เป็นผู้หญิงเรียกว่า อุบาสิกา เท่านั้น สตรีทั้ง ๒ นั้นได้เป็นอุบาสิกาขึ้นในโลกกว่าหญิงอื่น. 

ครั้นถึงเวลา มารดาบิดา และภริยาเก่าแห่งพระยสะ ก็อังคาสพระศาสดาและพระยสะ
ด้วยของเคี้ยวของฉันอันประณีตโดยเคารพด้วยมือของตน ครั้นฉันเสร็จแล้ว 
พระศาสดาตรัสพระธรรมเทศนาสั่งสอนชนทั้ง ๓ ให้เห็น ให้สมาทาน ให้อาจหาญ 
ให้รื่นเริงแล้ว เสด็จกลับไปป่าอิสิปตนมฤคทายวัน. 

สหายพระยส ๕๔ คน

ฝ่ายสหายของพระยสะ ๔ คน ชื่อวิมละ ๑ สุพาหุ ๑ ปุณณชิ ๑ 
ควัมปติ ๑ เป็นบุตรแห่งเศรษฐีสืบ ๆ มาในเมืองพาราณสี 
ได้ทราบ ข่าวว่ายสกุลบุตรออกบวชแล้ว จึงคิดว่า ธรรมวินัยที่ยสกุลบุตรออกบวช
นั้นจักไม่เลวทรามแน่แล้ว คงเป็นธรรมวินัยอันประเสริฐ ครั้นคิดอย่างนั้นแล้ว 
พร้อมกันทั้ง ๔ คน ไปหาพระยสะ ๆ ก็พาสหาย ๔ คนนั้นไปเฝ้าพระศาสดา 
ทูลขอให้ทรงสั่งสอน พระองค์ทรงสั่งสอน ให้กุลบุตรทั้ง ๔ นั้นเห็นธรรมแล้ว 
ประทานอุปสมบทอนุญาตให้เป็นภิกษุแล้ว ทรงสั่งสอนให้บรรลุพระอรหัตตผล . 
ครั้งนั้น มีพระอรหันต์ ขึ้นในโลก ๑๑ พระองค์ .

ฝ่ายสหายของพระยสะอีก ๕๐ คน เป็นชาวชนบท ได้ทราบข่าวนั้นแล้ว 
คิดเหมือนหนหลัง พากันมาบวชตามแล้ว ได้สำเร็จพระอรหัตตผลด้วยกันสิ้น
โดยนัยก่อน บรรจบเป็นพระอรหันต์ ๖๑ องค์  ล้วนเป็นกำลังสำคัญของพระพุทธเจ้าในการช่วยประกาศพระพุทธศาสนาในช่วงต้นพุทธกาล

 

 

 

 




Create Date : 18 มิถุนายน 2562
Last Update : 18 มิถุนายน 2562 19:33:17 น. 15 comments
Counter : 1225 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณสองแผ่นดิน, คุณtuk-tuk@korat, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณกะว่าก๋า, คุณเรียวรุ้ง, คุณหอมกร, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณJinnyTent, คุณtoor36, คุณตะลีกีปัส, คุณKavanich96, คุณhaiku


 
เจิมๆๆๆ
อนุโมทนาสาธุ
การเผยแผ่ศาสนา
ไม่ว่าด้วยวิธีใด
เพื่อให้ผู้คนได้ทราบเรื่องพุทธประวัติหรืออื่นๆ
ได้บุญมากมายยิ่งนัก


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 มิถุนายน 2562 เวลา:19:43:13 น.  

 
ผมไม่เคยทราบประวัติของยสกุลบุตรมาก่อนเลยครับ
ตอนไปป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ไม่ได้เดินไปที่จุดนี้เลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มิถุนายน 2562 เวลา:19:47:33 น.  

 
ได้ไปสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา
สาธุ

จากบล็อก ไปค้นข้อมูลมาครับ

กว่า 20 ปีมาแล้ว สถานที่แห่งนี้เป็นเขตสัมปทานระเบิดภูเขาทำโรงโม่หินเมื่อปี 2514-2534 จากนั้นไม่มีการต่อสัญญา กลายเป็นเหมืองร้าง กระทั่ง พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินันโท) เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลย์วรวิหาร เข้ามาพัฒนาเพื่อทำประโยชน์แก่ชาวเมืองอู่ทอง และก่อสร้างพุทธมณฑลประจำจังหวัด จึงขอเข้าไปใช้ประโยชน์ผ่านทางจังหวัดสุพรรณบุรี โดยนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้ดำเนินการให้สมัยดำรงตำแหน่ง และขออนุญาตดำเนินการจากกรมป่าไม้อย่างถูกต้อง โดยกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่บริเวณนี้ประมาณ 100 ไร่ ไม่ได้เข้าไประเบิดภูเขาบุกรุกหรือทำลายธรรมชาติแต่อย่างใด


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 18 มิถุนายน 2562 เวลา:22:03:33 น.  

 
เขาทำสวยสมเป็นพุทธบูชาค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 มิถุนายน 2562 เวลา:22:18:42 น.  

 
พุทธประวัติช่วงนี้ไม่เคยทราบเหมือนกันค่ะ
แต่ถ้าบอกว่าเป็นบุตรนางสุชาดา (ผู้ถวายข้าวมธุปายาส)
ก่อนบวชท่านมีเรือน 3 หลัง ... อ่าน ๆ ไปแล้วนึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนเสด็จออกบวชเลยนะคะ
มีความคล้ายกันมากทีเดียว

หมดโควต้าแล้วจ้า อิอิ



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 18 มิถุนายน 2562 เวลา:22:24:19 น.  

 
... แต่ถ้าบอกว่าเป็นบุตรนางสุชาดา (ผู้ถวายข้าวมธุปายาส) ก็พอนึกได้ว่าคือใคร ...

เมื่อคืนดึกแล้ว เบลอ ๆ เม้นท์ไม่ค่อยรู้เรื่อง แหะ ๆ
ขอบคุณกำลังใจที่บล็อกด้วยนะค้าาา



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 19 มิถุนายน 2562 เวลา:5:26:37 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณเย็น



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มิถุนายน 2562 เวลา:6:35:52 น.  

 
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

พระยสะรุ้งเคยได้ยินมานานแล้ว
แต่ครั้นพี่นำมาให้อ่านอีกครั้ง ก็อ่านอีกครั้งอย่างอิ่มเอม

เพิ่งรู้ว่าบิดาของพระยสะเป็นอุบาสกคนแรกของโลก

มารดากับภริยาเก่าเป็นอุบาสิกานี่ก็ความรู้ใหม่เหมือนกัน

รุ้งชอบพระยสะนะคะ รู้สึกว่าท่านบรรลุธรรมง่ายจัง

แต่แท้จริงแล้ว คงไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะท่านเองคงบำเพ็ญเพียรทางด้านนี้มาหลายภพหลายชาติจนสุกงอมได้ที่แล้ว

ดังนั้ันเพียงฟังพระธรรมเทศนาครั้งเดียวก็บรรลุอรหัตผลเลย

ส่วนเราก็ไม่รู้ต้องวนเวียนกี่ภพกี่ชาตินะคะ


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 19 มิถุนายน 2562 เวลา:11:32:25 น.  

 
ผมมีหนังสืออ่านซ้ำเยอะมากครับ
บางเล่มตั้งใจเอาไว้เลย
ว่าทุก 5 ปีจะหยิบมาอ่านซ้ำอีก
เช่น เจ้าชายน้อย ปรัชญาชีวิต คู่มือมนุษย์
เต๋าที่เล่าแจ้ง สิทธารถะ ฯลฯ

บทสัมภาษณ์ชอบอ่านมากที่สุด
สมัยที่เป็นนิตยสารครับ
เมื่อก่อนบางเดือนผมอ่านนิตยสาร 10 กว่าฉบับ
ปัจจุบันแทบไม่ได้อ่านเลย
เพราะนิตยสารทยอยปิดตัวเยอะมาก 555

ตอนนี้เค้าทำเป็นคลิปซะเป็นส่วนใหญ่นะครับ
เหมือนคุณเย็นบอกไว้ครับ
บางคนก็พูดเก่ง พูดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ก็มี



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มิถุนายน 2562 เวลา:14:19:47 น.  

 
mcayenne94 Travel Blog ดู Blog
ยสกุลบุตร เป็นบุตรของนางสุชาดาผู้ถวายข้างมธุปายาสค่ะ



โดย: หอมกร วันที่: 19 มิถุนายน 2562 เวลา:15:03:24 น.  

 
ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยค่ะ
เดี๋ยวมาค่อยๆอ่าน วันนี้ไม่ค่อยสำราญ
แหะๆ สะบักจม ปวดมากหลาย



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 19 มิถุนายน 2562 เวลา:19:24:47 น.  

 
ยสสถูป กับเรื่องราววันนี้ ไม่ค่อยคุ้น เอ..จินไปอยู่ไหนมา 55
เหมือนกับเรื่องราวที่คุณเย็นเล่าที่ผ่านมา
เป็นอีกหนึ่งความรู้พุทธประวัติและสถานที่สำคัญที่เพิ่งรู้จักครั้งแรก
ขอบคุณที่นำมาฝากกันค่า


โดย: JinnyTent วันที่: 19 มิถุนายน 2562 เวลา:19:46:34 น.  

 
ชื่อสถานที่สำคัญๆ หลายๆ แห่งถูกยกมาใช้ที่ประเทศไทยเหมือนกันนะครับ (เยอะเลยด้วย)

พระยสกุลบุตรผมไม่คุ้นเลยครับ เหมือนว่าในตำราที่เรียนจะไม่มี หรือมีแต่จำไม่ได้ก็ไม่ทราบ (แต่ไม่คุ้นเลย)


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 มิถุนายน 2562 เวลา:23:56:48 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

ไม่เคยจำได้เลยว่าใครเป็นใครค่ะ
อาจเป็นเพราะไม่ค่อยได้อ่านเรื่องแบบนี้เท่าไหร่

มาอ่านอีกทีโห...ลึกค่ะ


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:14:43:14 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 22 มิถุนายน 2562 เวลา:3:47:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.