My first trip to Lord Buddha's Place Day3; 30 Jan 2019 Jundamarkan บ้านนายจุนทะ
บริเวณถนนผ่านทางเข้า บ้านนายจุนทะ เนื่องจากเขียนยาวนานมาก คนเขียนก็เริ่มลืมเลือน ขอทบทวนลำดับเหตุการณ์สักหน่อย ความสามารถในการใส่โค้ดแผนที่ก็ไม่มี ใครทราบกรุณาหลังไมค์มาบอกจักเป็นพระคุณยิ่งค่ะ ใช้เป็นภาพถ่ายพยายามแทนก็แล้วกันค่ะ
ลำดับเหตุการณ์ 3 เดือนก่อนปรินิพพาน หลังจากพระพุทธองค์รับสวนมะม่วงของ นางคณิกา อัมพปาลี ในพรรษาสุดท้าย พระพุทธองค์ได้เสด็จมายังเมืองปาวาล แคว้นวัชชี
ทรงปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ เมืองเวสาลี ว่าอีก 3 เดือนนับจากนี้ จะเสด็จสู่ปรินิพพาน และจะไปปรินิพพาน ที่ กรุงกุสินารา ซึ่งสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเล็ก แม้พระอานนท์จะทูลขอให้ไปปรินิพพานที่เมืองใหญ่ให้สมพระเกียรติ ในเมืองใหญ่ เช่น จัมปา สาวัตถี สาเกต โกสัมพี หรือพาราณสี แต่พระพุทธองค์กลับเลือกที่จะไปปรินิพพาน ที่ กุสินารา แห่งแคว้นมัลละ
ด้วยเหตุผล 3 ประการ
1 ในอดีตชาติของพระพุทธองค์ เป็นกษัตริย์นามว่าพระเจ้ามหาสุทัสสนะ ปกครองดินแดนกุสินารา ในอดีตชื่อ เมืองกุสาวดี เป็นเมืองที่มั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์มาก ไม่เคยว่างเว้นเสียงแม้ในยามกลางวัน กลางคืน เป็นศูนย์กลาง ระหว่าง แคว้นใหญ่สามแคว้น เป็นเมืองที่เจริญไม่แพ้ ราชคฤห์ มาบัดนี้เป็นเพียงกิ่งเมือง มีความเปลี่ยนแปลงไปหมด เช่นเดียวกับสังขารทั้งหลาย 2 ที่กุสินารา มีโทณพราหมณ์ ผู้มีความสามารถจะจัดแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ 3 เพื่อโปรด พระอรหันต์องค์สุดท้ายก่อนปรินิพพาน คือ สุภัททะปริพาชก ซึ่งขณะนั้นอยู่ใน กรุงกุสินารา การเดินทางในวันนี้ของเรา จำลองเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระพุทธองค์ จากเวสาลี ชาวเมืองวัชชี มีความอาลัยรัก ส่งเสด็จพระพุทธองค์จนพ้นเขตแคว้นวัชชี พระพุทธองค์ พระราชทาน บาตร ให้ชาวเมือง ชาวแคว้นวัชชี เก็บพระบาตร ไว้ที่ สถูป เกสริยา
ถนนในรัฐนี้ของอินเดียเดินทางไม่ง่าย ถนนสองเลน สวนกันไปมา ทั้งคนและสัตว์และยานพาหนะทุกชนิดมีอิสระเสรีเท่าเทียมกันมาก
ไกด์พาเราลงรถ ที่ตลาดที่อยู่สองข้างถนน ตลาดที่คึกคัก มีร้านขายของหลากหลาย ผู้คนเดินขวักไขว่ เราเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ เพื่อจะไป บ้านนายจุนทะ
เข้ามาถึง ประตูบ้านนายจุนทะ ล้อมรั้วรอบขอบชิด เป็นบริเวณที่ดูแลโดย หน่วยงานโบราณสถานอินเดีย
บริเวณบ้านนายจุนทะ บุตรนายช่างทอง ที่อยู่ภายในรั้วแห่งนี้ เป็นบริเวณกว้างขวาง เป็นเนินดินสูง บ้างว่าเป็นแนวของบ้านนายจุนทะที่หลงเหลือ บ้างว่า เป็นสถูปที่พระเจ้าอโศกมหาราช สร้างไว้พร้อมเสาอโศก แต่บัดนี้หลงเหลือเพียงเท่าที่เห็น เพราะสมัยต่อมาถูกยึดครองด้วยชาวมุสลิม และปัจจุบันบางส่วนใช้เป็นที่ฝังศพของชาวมุสลิม จึงพัฒนาขุดค้นได้เพียงเท่าที่เห็น
บ้านนายจุนทะ เป็นพูนดินสูง ขอบเขตกว้างขวาง แต่บางส่วน ถูกครอบครองด้วย ชาวมุสลิม ทำเป็นที่ฝังศพ จึงไม่ได้รับการขุดค้นทีสมบูรณ์สักเท่าไหร่ ไม่มีภาพสถานที่มากนัก เพราะใกล้มืดเต็มที และรูปภาพมีแต่นายแบบนางแบบทั้งนั้น
บริเวณของมุสลิม อยู่ภายในรั้วบ้านนายจุนทะ
ในเมืองปาวานั้น มีมหาอุบาสกท่านหนึ่งชื่อว่า จุนทะ มีสร้อยท้ายนามว่า กัมมารบุตร แปลว่า เป็นลูกนายช่างทอง เป็นผู้ดีมีอันจะกิน และได้ปวารณาตัวเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนามานานแล้ว นายจุนทะยังสร้างวัดอัมพวัน ถวายไว้ในบวรพระพุทธศาสนาเป็นป่ามะม่วงเหมือนป่าของนางอัมพปาลี ซึ่งมะม่วงนั้นในสมัยพุทธกาลถือว่าเป็นผลไม้เลิศรส มีราคาแพง พระเจ้าพิมพิสารถึงกับสั่งห้ามมิให้ใครกินมะม่วงในพระราชอุทยาน ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษถึงตายทีเดียว ดังนั้น ผู้ที่จะมีสวนมะม่วงเป็นของตนเองต้องเป็นระดับมหาเศรษฐี เช่น พระราชา นางอัมพปาลี เป็นต้น พระพุทธองค์เสด็จผ่านมาทางนี้ก็มักจะเสด็จไปรับอาหารบิณฑบาตที่บ้านของนายจุนทะเป็นประจำ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ครั้นนายจุนทะทราบว่าพระบรมศาสดาเสด็จมาประทับ ณ สวนมะม่วงของตนเองก็ดีใจรีบไปเฝ้า และกราบทูลเชิญเสด็จไปรับอาหารบิณฑบาตในคฤหาสน์ของตนเอง ซึ่งในวันนั้น นายจุนทะได้สั่งทำอาหารชนิดหนึ่งมีชื่อว่า สุกรมัททวะ เมื่อพระบรมศาสดาทรงเห็นสุกรมัททวะแล้ว ทรงมีพระดำรัสสั่งนายจุนทะว่า "จงประเคนเราตถาคตด้วยสุกรมัททวะ ส่วนพระภิกษุสงฆ์องค์อื่นๆ จงประเคนด้วยอาหารอย่างอื่น และจงฝังสุกรมัททวะที่เหลือ อย่าให้ใครกินเป็นอันขาด" ซึ่งในจุนทะก็น้อมรับพระพุทธดำรัส
ปรากฏว่า เมื่อพระบรมศาสดาทรงเสวยสุกรมัททวะเข้าไปแล้ว ทรงเกิดพระอาการประชวรในช่องท้องอย่างรุนแรงถึงกับลงพระโลหิต คือถ่ายออกมาเป็นเลือด !
แต่พระพุทธองค์ก็ยังทรงมีพระบัญชาให้ท่านพระอานนท์และพระภิกษุสงฆ์ นำพระองค์เสด็จไปยังพระนครกุสินารา ในเวลาสายของวันนั้น
ในระหว่างนั้นพระพุทธองค์ทรงปริวิตกถึงนายจุนทะผู้ถวายสุกรมัทวะ จึงตรัสกับพระอานนท์ว่า.. ดูกรอานนท์ ! เมื่อเราปรินิพพานไปแล้ว อาจมีผู้กล่าวโทษจุนทะว่าถวายอาหารที่เป็นพิษ จนเป็นเหตุให้เราปรินิพพานหรือมิฉะนั้นจุนทะอาจจะเกิดวิปฏิสารเดือดร้อนใจตัวเองว่า เพราะเสวยสุกรมัทวะ อันตนถวายแล้วพระตถาคตจึงนิพพาน ดูกรอานนท์ ! บิณฑบาตทานที่มีอานิสงส์มาก มีผลไพศาล มีอยู่สองคราวด้วยกัน คือ เมื่อนางสุชาดาถวายเราก่อนจะตรัสรู้ครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่งที่นายจุนทะถวายนี้ ครั้งแรก เสวยอาหารของสุชาดาเป็นเวลาที่ตถาคตถึงซึ่งกิเลสนิพพาน คือ การดับกิเลส ครั้งหลัง นี้เสวยอาหารของจุนทะบุตรนายช่างทองก็เป็นเวลาที่เราถึงซึ่ง ขันธนิพพาน คือ ดับขันธ์ อันเป็นวิบากที่เหลืออยู่ ถ้าใคร ๆ จะพึงตำหนิจุนทะ เธอพึงกล่าวให้เขาเข้าใจตามนี้ ถ้าจุนทะจะพึงเดือดร้อนใจ เธอพึงกล่าวปลอบใจให้เขาคลายวิตกกังวลเสีย อาหารของจุนทะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายสำหรับเรา
Create Date : 03 พฤษภาคม 2562 |
Last Update : 3 พฤษภาคม 2562 19:43:38 น. |
|
16 comments
|
Counter : 1355 Pageviews. |
|
|
เกี่ยวกับเรื่องนายจุนทะ ...
จะด้วยอะไรก็ตาม คิดว่าการตั้งจิตบริสุทธิ์ในการทำบุญก็น่าจะได้บุญ
ไม่คิดเยอะค่ะ อิอิ