พฤษภาคม 2557

 
 
 
 
1
3
4
5
7
8
9
10
12
13
14
16
17
19
20
21
22
23
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 30

๓๐

ความลับถูกเปิดโปง


การคัดเลือกเริ่มขึ้นเมื่อผู้สมัครคนแรกเข้าห้องสัมภาษณ์พร้อมพูดคุยให้คุณศจีและศศิชาได้รู้จักในเบื้องต้นระหว่างนั่งฟังนักธุรกิจนำเสนอตนเองเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ชีวิตความเป็นอยู่รวมถึงเรื่องของครอบครัว คุณยายหันมองหลานสาวที่นั่งนิ่งไม่ยินดียินร้ายไม่ใส่ใจรับฟังคำพูดของผู้เข้าคัดเลือกด้วยซ้ำคล้ายกำลังจมอยู่กับความคิดอะไรสักอย่างทำให้ท่านตัดบทเพื่อดึงความสนใจของหลานสาว


“ขอโทษนะคะที่ต้องขัดจังหวะ”คุณศจีกล่าวยิ้มๆ และมองไปทางนักธุรกิจที่นั่งไขว่ห้างในท่าสบายพร้อมก้มศีรษะเล็กน้อยและผายมือให้เกียรติเชิญหญิงสูงวัยได้พูดจาตามที่ต้องการ“ดิฉันกับหลานสาวได้รู้จักคุณอรรถพลในระดับหนึ่งแล้วหากผลการคัดเลือกเป็นอย่างไรดิฉันจะให้ผู้จัดการนลัทแจ้งกลับไป”


“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ดูแลคุณเลดี้นะครับ”ชายหนุ่มมาดดียิ้มกริ่มพร้อมค้อมศีรษะระหว่างลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อม เขาส่งสายตาหวานและโปรยยิ้มให้กับศศิชาอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องสัมภาษณ์โดยมีนลัทที่นั่งฟังอยู่ในห้องนั้นเดินตามไปส่งเพื่อเรียกคนถัดไปเข้ามา


“คุณอรรถพลไม่เข้าตาอย่างนั้นรึ”คุณยายเอ่ยถามขณะหันมองหลานสาวที่ลอบถอนใจน้อยๆ ก่อนพูดโต้ตอบ


“คุณยายคะดี้ไม่อยากคัดเลือกแบบนี้เลยค่ะ” ศศิชากล่าวเสียงแผ่ว


“อะไรกันเพิ่งจะผ่านไปแค่คนเดียวก็คิดจะล้มเลิกความตั้งใจของยายแล้วอย่างนั้นรึ”


“คุณยายไม่เชื่อที่ดี้บอกว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของซันเซ็ทเลยคัดเลือกผู้ดูแลอย่างนี้ใช่ไหมคะ”แม้จะแอบค่อนแคะอยู่ในทีแต่อีกใจก็นึกโกรธบุรุษที่เพิ่งเอ่ยถึงเพราะเขาช่างโหดร้ายทำให้ชีวิตของเธอปั่นป่วนเสียเหลือเกิน


ประตูห้องถูกเคาะเบาๆก่อนนลัทจะเปิดและก้าวเข้ามาด้านในพร้อมกับชายร่างสูงโปร่งดีกรีพระเอกละครแสงแฟลชสว่างแวบวับไล่หลังก่อนประตูจะถูกดึงปิดอีกครั้ง


การสัมภาษณ์เริ่มขึ้นโดยมนุษย์ทุกคนไม่รู้เลยว่าซาตานก็อยู่ในห้องนั้นด้วยเช่นกันบุรุษชุดดำนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศเท้าคางมองชายหนุ่มที่เข้ารับการคัดเลือกและหันมองทางศศิชาพร้อมระบายยิ้มกับสีหน้าเหนื่อยหน่ายของเธอซันเซ็ทแอบขบขันในใจเกี่ยวกับกติกาในการตามหาผู้ดูแลให้หลานสาวโดยหวังว่าชายหนุ่มที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับศศิชาจะปรากฏตัวเพราะหวงก้างบ้างก็เท่านั้น


===  

ห้องน้ำชายบริเวณชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลมีผู้คนเดินผ่านเข้าออกเป็นระยะชายร่างสูงใส่เสื้อโค้ชสีดำสวมหมวกและแว่นตาสีเดียวกันกับเสื้อจ้องมองกระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องน้ำนั้นหมวกปีกยาวและแว่นตาที่ใส่อำพรางใบหน้าถูกดึงออกและวางไว้ข้างอ่าง ฟาโรนำอุ้งมือรองน้ำจากปลายก๊อกตวัดเข้าใบหน้าเพิ่มความสดชื่นและคลายความเหนื่อยล้าให้ทุเลา


หลังจากเขาตกลงกับบอดี้การ์ดว่าจะเดินทางกลับคอนโดเองเมื่อได้รับอนุญาตจากแพทย์ประจำตัวให้ออกจากโรงพยาบาลได้เหล่าผู้คุ้มกันทั้งหลายจึงทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างจำใจ


‘อาการของคุณแย่ลงกว่าเมื่อหกเดือนก่อนเพราะคุณไม่พักผ่อนตามที่หมอสั่งและถ้ายังโหมงานหนัก ไม่หยุดรักษาตัวอย่างจริงจัง หมอคิดว่าจะสายเกินไปกับการรักษาโรคนี้’ คำเตือนจากนายแพทย์ไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวต่อโรคภัยที่กล้ำกรายสุขภาพมาเนิ่นนานมีเพียงความหงุดหงิดมากกว่าหากต้องทำตามคำสั่งหลังจากเข้ามาตรวจร่างกายหรือรับการรักษาในแต่ละครั้ง


ฟาโรจ้องมองตนเองผ่านกระจกนิ่งๆสีหน้าอิดโรยชัด ทั้งที่ได้นอนพักทั้งคืนแต่ก็ไม่ช่วยให้ความอ่อนเพลียเจือจาง จะให้อยู่โรงพยาบาลต่อก็คงฝืนใจไม่ไหวเพียงแค่ทนอยู่ไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้อึดอัดแทบแย่หากให้ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณหมออย่างเคร่งครัดเขายอมตายเสียดีกว่าฟาโรคิดอย่างนั้นในใจ


“ทายาทเศรษฐีเป็นข่าวครึกโครมขนาดนั้นเราจะเข้าถึงตัวมันหรือลูกพี่”แว่วเสียงของชายหนุ่มที่ยืนหลังกำแพงกั้นระหว่างห้องน้ำกับประตูทางเข้าทำให้ฟาโรเอื้อมมือปิดน้ำและฟังบทสนทนาที่คล้ายกับเอ่ยถึงบุคคลที่เขารู้จักดี


“เรื่องนั้นเอ็งไม่ต้องห่วงข้ามีวิธีจัดการแต่ข้าว่ายิ่งดังยิ่งดี ค่าตัวจะได้สูงขึ้นอีก”เสียงหัวเราะชอบใจทำให้ฟาโรหยิบหมวกกับแว่นตาสวมใส่ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ เขามองทางชายหนุ่มวัยกลางคนสามคนที่หุบหัวเราะอย่างทันควันโดยชายทั้งสามหันมองฟาโรด้วยหางตาพร้อมซุบซิบในระยะเผาขน


“เมื่อกี้พวกเราคุยกันเสียงดังไปหรือเปล่า”ชายคนหนึ่งกล่าวอย่างระแวง


“ลูกพี่ว่าไอ้หนุ่มคนนั้นหน้าตามันคุ้นๆไหม เหมือนดาราขวัญใจผมเลย” ชายคนที่สองหันรีหันขวางมองไปทางฟาโรอย่างตื่นเต้น


“เอ็งจะบ้าหรือไงดาราที่ไหนจะมาเดินอยู่แถวห้องน้ำในโรงพยาบาลอย่างนี้เล่า”ชายที่ดูคล้ายเป็นหัวหน้ากล่าวอย่างหัวเสียและพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเมื่อบริเวณที่ยืนอยู่นั้นยังโจ่งแจ้งเกินไป


ฟาโรพยายามเดินช้าๆพลางเงี่ยหูฟังและยิ้มมุมปากนึกในใจ ‘พวกแกคุยกันเบามากจนชัดเต็มสองหู’ คำพูดและท่าทางลับๆ ล่อ ๆ ของชายสามคนทำให้ฟาโรหวั่นใจอยู่ลึกๆว่าคนเหล่านั้นคงคิดร้ายกับทายาทเศรษฐีที่เอ่ยถึงเมื่อครู่นี้หากเป็นบทบาทตามละครหรือภาพยนตร์ที่เขารับแสดงเป็นพระเอกคงดีจะได้สืบสวนและตามจับวายร้ายเพื่อปกป้องนางเอกได้สมใจทว่าในชีวิตจริงยากเกินคาดเดาแม้ข่าวโด่งดังช่วงนี้จะเป็นเรื่องราวของศศิชาแต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าชายทั้งสามหมายถึงเธอ



===

การคัดเลือกผ่านไปกว่าครึ่งค่อนวันคุณศจีแอบจับท่าทางและแววตาของหลานสาวตลอดระยะการพูดคุยกับชายหนุ่มกว่ายี่สิบคนแม้ทุกคนที่นลัทสรรหามานั้นจะรูปร่างดี หน้าตาหล่อเหลา พื้นฐานความเป็นอยู่เพรียบพร้อมเกือบสมบูรณ์ทุกประการกับการเป็นผู้ดูแลของเธอทว่าไม่มีใครอยู่ในสายตาของศศิชา มีเพียงบางคนเท่านั้นที่เธอแย้มยิ้มส่งให้ในฐานะเพื่อนร่วมงานและบุคคลที่รู้จักมักคุ้นระหว่างทำงานในเอสพีโมเดลลิ่ง


หลังจากหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันเสร็จสิ้นตกบ่ายก็เริ่มคัดเลือกบรรดาหนุ่มหล่อกันอีกครั้ง ส่วนคนที่ผ่านการสัมภาษณ์ไปแล้วก็ถูกรถตู้ของบริษัทส่งกลับและรอฟังผลการพิจารณากันต่อไปโดยพรุ่งนี้จะมีผู้มาเข้าคัดเลือกอีกสามสิบคนในรอบสุดท้ายแต่ดูเหมือนศศิชาจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆต่อชายหนุ่มทั้งหลายจนคุณศจีเริ่มหวั่นใจว่าแผนการนี้อาจไม่ช่วยดึงบุคคลสำคัญของหลานสาวออกมาเผยตัว


ชายร่างสูงนัยน์ตาน้ำข้าวผู้เข้าคัดเลือกคนสุดท้ายของวันเปิดประตูเข้ามาพร้อมรอยยิ้มละมุนตามแบบฉบับของเขานลัทที่เดินตามหลังหันมองญาติผู้ใหญ่และเพื่อนสนิทก่อนเดินไปนั่งยังเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตน


ซันเซ็ทเปลี่ยนท่านั่งกลางอากาศมาอยู่ในท่ากอดเข่าจ้องมองหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดีที่เริ่มต้นแนะนำตัวตามกติกาจู่ๆ ซันเซ็ทเกิดนึกหงุดหงิดใจขึ้นมาเมื่อสายตาพราวนัยน์ตาน้ำข้าวคู่นั้นจ้องมองแต่ศศิชาไม่กะพริบสักนาทีและต้องเพิ่มความหงุดหงิดมากอีกเท่าตัวเมื่อศศิชาส่งยิ้มให้เขาบ่อยครั้งระหว่างฟังเรื่องราวส่วนตัวที่ไมเคิลสาธยายให้รับรู้


ตั้งแต่ช่วงเช้าจนคล้อยบ่ายไม่มีสักคนที่ทำให้ทายาทสาวแย้มยิ้มได้มากเท่านี้มาก่อนพอไมเคิลโผล่มาเธอกลับยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีและพูดคุยเป็นกันเองอย่างสนิทสนมจนคุณศจีเองยังนึกประหลาดใจ


แว่วเสียงเอะอะจากด้านนอกผ่านประตูบานหนาทำให้ทุกคนภายในห้องหยุดการสนทนากะทันหันและมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะมองไปทางประตูบานนั้นเมื่อมันถูกผลักเข้ามาทุกสายตาเบิกกว้างมองชายหนุ่มที่สุ่มสี่สุ่มห้าเข้าห้องสัมภาษณ์โดยไม่ได้รับอนุญาตวศินวิ่งตามมาและหยุดยืนดูเหตุการณ์อยู่ที่หน้าประตู มีเพียงซันเซ็ทผู้เดียวที่กระตุกยิ้มพอใจเมื่อเห็นชายผู้นี้


‘ฟาโร ศศิชาหลุดเสียงจากลำคอเบาๆ อย่างตกตะลึง


“ผมขอเข้าร่วมการคัดเลือกเป็นผู้ดูแลและจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ” ฟาโรเดินไปหยุดยืนและนำมือเท้าโต๊ะอยู่เบื้องหน้าหญิงสาวที่นั่งตาค้างจนหน้าถอดสีเมื่อเห็นดาราชื่อดังปรากฏตัวเข้ามาอยู่ในห้องนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแม้ผู้สมัครกว่าครึ่งร้อยจะไม่มีชื่อ ‘รังสิมันตุ์’ผ่านตาหรือคำบอกเล่าของดรุนัยก็ไม่เคยเอ่ยถึงเขา ทว่าฟาโรจงใจขอเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกครั้งนี้เพราะเหตุใดเกิดเป็นคำถามวนเวียนในหัวใจสั่นระรัว


คุณศจีพยักหน้าน้อยๆส่งสัญญาณให้หลานชายออกจากห้อง โดยวศินทำตามอย่างยินดีเพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้งผู้อาวุโสชำเลืองมองหลานสาวและแอบยิ้มกรุ้มกริ่มหันมองทางนลัทที่ยิ้มแห้งส่งให้ญาติผู้ใหญ่โดยคาดไม่ถึงเช่นกันว่าฟาโรจะยอมปรากฏตัวในวันนี้เมื่อนลัทได้โทรติดต่อฟาโรตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาแต่เขากดตัดสายทิ้งไม่ยอมเจรจากันสักครั้งจนเหนื่อยใจ


“ผมก็เพิ่งรู้ว่าคนดังอย่างฟาโรจะไม่มีมารยาทจริงตามที่ได้ยินข่าวมา”ไมเคิลแย้มยิ้มอย่างใจเย็นและมองชายหนุ่มอีกคนอย่างท้าทาย ทว่าฟาโรไม่ได้หันมองฝรั่งขี้นกสมญานามที่เคยตั้งให้ไมเคิลแต่อย่างใดเขายังคงจ้องมองหญิงสาวผู้เป็นทายาทเศรษฐีอยู่อย่างนั้นเพื่อรอคำอนุญาตจากปากของเธอว่ายินดีให้เขาเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งนี้


“พ่อหนุ่มคนนี้หน้าตาคุ้นๆนะ ช่วยแนะนำตัวก่อนได้ไหม” คุณศจีลุกจากเก้าอี้พร้อมเดินไปยืนอยู่ข้างๆดึงความสนใจจากฟาโรให้ยกมือไหว้อย่างมีมารยาทก่อนปฏิบัติตามคำขอ


“ขอโทษครับที่ผมไร้มารยาทอย่างใครกล่าวหาผม รังสิมันตุ์ พิทักษ์ปรีชา อาชีพนักแสดงและนายแบบ อยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็กจนได้คุณลุงอุปการะเลี้ยงดูทำให้ผมเป็นผู้เป็นคนจนถึงทุกวันนี้”


“ธิปกพิทักษ์ปรีชา เป็นคุณลุงของเธออย่างนั้นหรือ” คุณศจีถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือในแววตามีประกายวูบไหวตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อเอ่ยชื่อของใครคนหนึ่งซึ่งไม่เคยได้พบเจอกันมาร่วมยี่สิบกว่าปีแล้ว


“ครับเขาคือคุณลุงของผม คุณยายรู้จักท่านด้วยเหรอครับ” คุณศจียกมือทาบอกด้านซ้ายพยายามควบคุมหัวใจสั่นไหวให้เต้นช้าลงเมื่อมันระรัวตึกตักจนเกือบสั่งการไม่อยู่และภาพในอดีตเมื่อยี่สิบปีที่แล้วก็ฉายชัดขึ้นมาจากความทรงจำ ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนแววตาทรงอำนาจแม้จะดุดันจนน่ากลัวแต่กลับดึงดูดให้หลงใหลจนอยากพบเจออีกครั้ง


ศศิชาขยับเดินเข้าไปประคองคุณยายของเธอให้มานั่งยังตำแหน่งเดิมโดยมีนลัทช่วยเหลืออีกแรงฟาโรรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อการกระทำของเขาทำให้ผู้มากวัยเกิดหมดเรี่ยวแรงอย่างกะทันหัน


ไมเคิลรีบสาวเท้าเดินไปใกล้ศศิชาและช่วยเหลือคุณศจีทันทีเพื่อทำคะแนนอย่างน้อยการคัดเลือกผู้ดูแลในวันนี้เขาคงได้แต้มมากกว่าชายหนุ่มที่สิ้นคิดไร้มารยาทอย่างฟาโรเนื่องจากทางท่าอึดอัดใจก่อนเบือนสายตาหนีของศศิชาคงตัดสินได้ว่าเธอไม่อยากเห็นฟาโรอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย


ซันเซ็ทที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มรู้สึกแปลกๆต่อมนุษย์ที่ชื่อ ธิปก พิทักษ์ปรีชาตั้งแต่เขาวนเวียนอยู่ใกล้ศศิชาในโลกแห่งนี้ยังไม่เคยเห็นตัวตนของชายผู้นั้นเลยสักครั้งและเป็นสิ่งที่เขาเองต้องหาคำตอบว่าบุคคลนั้นคือใคร นั่นหมายถึงภารกิจที่ต้องคลี่คลายโดยเร็วเนื่องจากเขาไม่อยากปล่อยให้ศศิชาอยู่เพียงลำพัง


‘ข้าจะกลับมาอยู่ข้างเจ้าหลังจากหาข้อสรุปบางอย่างได้เซเลเน่’ ซันเซ็ทมองศศิชาด้วยสายตาห่วงใยก่อนปีกดำขนาดใหญ่จะงอกออกจากด้านหลังและสยายกระพือขึ้นฟ้าจนหายวับจากเรือนรับรองในที่สุด


“เอาล่ะวันนี้คงต้องพักการคัดเลือกไว้เท่านี้ พวกนายออกไปรอข้างนอกก่อน”นลัทหันมองสองหนุ่มที่พยักหน้าอย่างจำใจปฏิบัติตามเมื่อผู้อาวุโสที่สุดในที่นี้มีอาการคล้ายลมจับฟาโรค้อมศีรษะให้คุณศจีพร้อมปรายสายตามองศศิชาก่อนหันหลังเดินออกจากห้อง


“ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอกนะครับ”ไมเคิลกล่าวอย่างสุภาพพร้อมแย้มยิ้มละมุนให้ศศิชาก่อนเดินตามฟาโรออกจากห้องเช่นกัน


หญิงสาวถอนใจหนักและมองเพื่อนสนิทด้วยกระแสความกังวลชัดเจนเธอไม่ทราบว่าใครคือ ธิปก บุคคลซึ่งทำให้คุณยายถึงกับหมดแรงอย่างนี้ รอเวลาให้ท่านหายดีเมื่อไรคงได้ถามไถ่ให้หายข้องใจ



===

ชายหนุ่มสองคนเดินออกจากห้องรับรองตามหลังกันมาติดๆโดยฟาโรเดินไปยืนข้างสวนหย่อมซึ่งมีบรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีเหล่าคนดังหรือนักข่าวทั้งหลายในบริเวณนั้นเมื่อวศินจัดการส่งแขกให้ออกจากคฤหาสน์โดยไม่รอฟังคำสั่งจากคุณย่าหรือให้นลัทเป็นผู้จัดการในเมื่อทุกอย่างช่างขัดหูขัดตาเขาเหลือเกิน


“ไอไม่คิดนะว่ายูจะมาอยู่ที่นี่วันนี้ไหนว่าไม่สนใจเลดี้หรือนึกเปลี่ยนใจเมื่อคิดถึงสมบัติที่จะได้รับขึ้นมาหากยูชนะการคัดเลือกครั้งนี้”ไมเคิลเริ่มเจรจาเมื่อการปรากฏตัวของฟาโรทำให้เขาประหลาดใจไม่ต่างกับทุกคนเช่นกัน


หลายชั่วโมงก่อนระหว่างที่เจอกันในกองถ่ายละครฟาโรยังยืนกรานหนักแน่นว่าไม่อยากเกี่ยวข้องกับการถูกหมัดมือชกโดยใช้สมบัติมากมายเป็นตัวล่ออย่างที่เศรษฐีทำกันทว่าเวลานี้กลับกลืนน้ำลายตนเอง ไมเคิลเหยียดยิ้มและนำมือกอดอกมองคู่อริร่วมวงการเพื่อรอคำอธิบายจากเขา

“ฉันก็คงเหมือนนายที่มายืนอยู่ตรงนี้เพราะเงินทองพวกนั้นใครบ้างไม่อยากเป็นเศรษฐี ยิ่งยายนั่นคลั่งไคล้ฉันมากเท่าไรมันก็ยิ่งน่าลุ้นไม่ใช่เหรอ”ฟาโรกล่าวเสียงเรียบไม่คิดหันมองคู่สนทนาแต่อย่างใด


“จริงๆเรื่องเลดี้กำลังตั้งท้องไอก็ไม่อยากเอ่ยถึงหรอกนะแต่ยูน่าจะคิดถึงลูกที่ทิ้งไว้ให้อยู่อย่างเดียวดายในอเมริกาบ้างส่วนเด็กในท้องของเลดี้มีคนดีๆ อีกมากมายที่พร้อมจะเลี้ยงดู”


ฟาโรผงะตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ไมเคิลพูดจาอย่างมั่นอกมั่นใจโดยเขาไม่คิดว่าไมเคิลจะล่วงรู้ความลับนี้ของศศิชาแม้อยากถามไถ่ว่าใครเป็นคนคาบข่าวมาบอก แต่นั่นคงไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะออกตัวอยากรู้ในเมื่อศศิชาเองก็สนิทสนมกับไมเคิลเป็นอย่างดีทั้งสองอาจได้พูดคุยหรือปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหานี้อยู่บ้าง


“นายมันก็เลวไม่ต่างจากฉันหรอกไมเคิลผู้หญิงดีๆ เสียคนเพราะนายมาเท่าไร เคยรู้ตัวบ้างหรือเปล่า” ฟาโรค่อยๆหันมองไมเคิลด้วยหางตาเย็นชา


“ไม่เอาน่า...ไออย่าดึงยูให้ตกต่ำและเสียภาพลักษณ์อย่างนั้นเลยยอมรับมาซะเถอะว่าเด็กที่อยู่อเมริกากับวีคือลูกชายของยูที่ไข่ทิ้งไว้เมื่อหลายปีก่อน”เสียงแว่วของไมเคิลทำให้ศศิชาที่เดินออกจากเรือนรับรองได้สักพักยืนแข็งทื่อพร้อมยกมือปิดปากอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง


แค่ได้ยินว่าฟาโรจงใจมาเข้าร่วมการคัดเลือกเพราะสมบัติเงินทองก็เจ็บช้ำมากพอแล้วยังต้องมารับรู้ว่าฟาโรกับวรดามีลูกที่แอบปิดบังไว้ด้วยกันอีกอย่างนั้นหรือช่างไม่ยุติธรรมเสียเลยในเมื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่ลึกซึ้งอย่างที่เข้าใจมาโดยตลอด เหตุใดวรดาจึงต้องปิดบังและบอกว่าฟาโรคือเพื่อนสนิทกันเท่านั้นให้เธอดีใจเล่น


“สารเลว! นายคิดว่าการเกาะชายกระโปรงผู้หญิงจะลบล้างความเลวที่ก่อไว้ได้อย่างงั้นเหรอ”ฟาโรกำหมัดแน่นพร้อมสาวเท้าเข้าหาไมเคิลอย่างรวดเร็วเขากระชากคอเสื้อของนายแบบหนุ่มที่ยิ้มเยาะอย่างไม่สะทกสะท้านสิ่งใด แม้พยายามคุมสติให้เย็นลงทว่าทุกอย่างกลับขาดผึงเมื่อเห็นรอยยิ้มกวนโทสะที่ไม่ได้สำนึกในสิ่งที่เคยกระทำสักนิด


กำปั้นหนักหน่วงเหวี่ยงใส่ใบหน้าหล่อเหลาจนไมเคิลล้มไปกองกับพื้นพร้อมยกมือปาดของเหลวที่ไหลออกจากปากและยังไม่ทันได้ตั้งตัวคนตัวสูงก็กระโจนนั่งค่อมและต่อยหน้าไมเคิลซ้ำอีกผัวะจนนลัทที่เห็นเหตุการณ์ต้องวิ่งเข้าห้ามศึกทันทีเมื่อได้รับคำสั่งจากคุณศจีให้ออกมาตามฟาโรเข้าไปพูดคุยด้วยอีกครั้ง


ไมเคิลพยายามผลักและดันฟาโรให้พ้นจากบนร่างกายของเขาโดยหาจังหวะชกฟาโรอย่างต่อสู้และป้องกันตัวทว่าเขาเองเสียเปรียบเมื่อเป็นฝ่ายนอนหงายอยู่กับพื้น


“หยุดได้แล้วพวกหมาบ้าเอ้ย!”นลัทตะโกนลั่นแต่ไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอเมื่อโทสะอยู่เหนือสิ่งอื่นใดในเวลาที่สติถูกครอบงำด้วยความโกรธ“ฟาโร! พอได้แล้ว!”แขนของฟาโรถูกสาวมาดเท่รวบรั้งเอาไว้ก่อนจะได้ปล่อยหมัดเข้าที่ใบหน้าของไมเคิลอีกครั้ง


“เลดี้!”วศินตะโกนเรียกน้องสาวเมื่อเธอยังคงยืนนิ่งกับที่และเขาก็เรียกเธอหลายครั้งแล้วแต่ศศิชาไม่ได้ยิน


เสียงเรียกชื่อจากวศินทำให้สติของฟาโรกลับมาพร้อมหยุดความรุนแรงในทันทีเขาสะบัดแขนจนพ้นการจับกุมของนลัทและทิ้งลงข้างลำตัวพร้อมปล่อยมืออีกข้างจากคอเสื้อของไมเคิลและยันร่างกายของนายแบบหนุ่มเพื่อดึงตนเองลุกขึ้นยืนตั้งสติก่อนจะเสยผมที่ตกลงมาปกคลุมใบหน้าลวกๆและชำเลืองมองไปทางศศิชาที่ถูกวศินโอบประคองเข้าคฤหาสน์


“พวกนายเป็นบ้าอะไรกัน!ฉันไม่รู้และไม่สนใจ แต่ที่นี่ไม่ใช่กรงขังหมาจะได้กัดกันอย่างนี้” นลัทตวาดความเกรี้ยวกราดและมองชายหนุ่มทั้งสองอย่างโกรธเคืองถึงที่สุดรู้สึกขายหน้าเมื่อคนในสังกัดของตนต่อสู้กันอย่างนี้ดีเท่าไรแล้วที่กองทัพนักข่าวถูกวศินสั่งให้ออกจากบริเวณไปก่อนหน้านี้ไม่อย่างนั้นคงมีข่าวอื้อฉาวเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


“คุณควรผูกดาราของคุณไว้นะผู้จัดการอย่าปล่อยให้มากัดผมอีก”ไมเคิลยกหลังมือเช็ดเลือดกลบปากและมองฟาโรอย่างเคียดแค้น


“พอได้แล้วไมเคิล!นายนั่นล่ะที่ควรกลับไป” นลัทสั่งการทันทีเพื่อยุติเรื่องทุกอย่าง “ส่วนนายคุณยายต้องการคุยด้วย” สาวมาดเท่จ้องฟาโรอย่างดุดันเมื่อได้เอ่ยบอกความต้องการของคุณศจีเป็นที่เรียบร้อย


ฟาโรถอนใจเฮือกใหญ่และปัดเสื้อผ้าจัดแต่งให้เข้าที่เข้าทางก่อนเดินเข้าในเรือนรับรองตามที่เจ้าของคฤหาสน์ต้องการพบเจอปล่อยให้นลัทหันไปต่อว่าไมเคิลอย่างคาดโทษ รอไต่สวนทั้งคู่เพื่อลงโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้ง



===                


วศินพาน้องสาวเดินออกจากบริเวณที่เกิดศึกชายหนุ่มทะเลาะกันโดยเธอพยายามเม้มปากหนักแน่นสะกดกลั้นไม่ให้ความอ่อนแอทลายออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ชายและทราบดีว่าความผิดปกติคงไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของวศินไปได้ โดยเขาไม่ถามสักคำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นปล่อยให้เธอเดินเข้าห้องอย่างเงียบๆ เพื่อเก็บตัวสักพัก


เสียงร้องไห้ถูกระบายออกมาอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะได้ยินเมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้องส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อยหลังจากเก็บกดความรู้สึกอยู่นานจนเกือบทนไม่ไหว


ใบหน้านวลเนียนซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาถูกกดซบไปบนหมอนใบใหญ่เพื่อกั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมาความเจ็บปวดที่ถาโถมทำให้เธอเข้มแข็งต่อไม่ไหว ทั้งที่พยายามฝืนแต่ก็พ่ายแพ้ให้กับความอ่อนแอวันยันค่ำ


เสียงร่ำไห้ของบุคคลสำคัญดังสะเทือนไปจนถึงหัวใจของซาตานทำให้ซันเซ็ทละทิ้งภารกิจที่ต้องแสวงหาคำตอบให้ตนเองไว้ชั่วคราวความเจ็บช้ำเหล่านี้คือสิ่งที่เธอต้องได้รับเพื่อแลกกับความรักที่ต้องการในอนาคตแม้เขารู้ว่ามนุษย์มีจิตใจอ่อนไหวต้องสัมผัสกับความรู้สึกรัก โลก โกรธ หลง และเผชิญกับความผิดหวังเสียใจอย่างนี้ทุกคนทว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันมาปลอบประโลมเทพีแห่งจันทรา นางผู้ซึ่งถูกเขาพาลงมาจากโลกรัตติกาลเพื่อเป็นมนุษย์เช่นนี้


“เธอคงเศร้าเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น”ซันเซ็ทปรากฏกายโดยการยืนอยู่ข้างเตียงนอนที่ศศิชาคว่ำหน้าร้องไห้อย่างหนักนัยน์ตาสีสนิมส่อแววรวดร้าวเมื่อเสียงคร่ำครวญเสียดแทงหัวใจของเขาราวกับเข็มนับร้อยทิ่มตำรู้สึกผิดต่อทุกสิ่งที่ปล่อยให้คาราคาซัง “ฉันไม่ชอบเสียงร้องไห้ของเธอได้โปรดหยุดเสียที จะให้ฉันทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้เธอหายเศร้าโศกอย่างนี้”


น้ำเสียงละมุนเจือความสลดผ่านโสตประสาทของหญิงสาวที่อยากได้กำลังใจเป็นอย่างมากและเขาคือบุคคลที่เธอต้องการพบเจอที่สุดยามอ่อนแอ ศศิชาลุกขึ้นยืนและโผเข้ากอดซันเซ็ททันทีโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว


เป็นอีกครั้งที่อ้อมกอดอบอุ่นทำให้ซันเซ็ทผงะกายเล็กน้อยแรงกระชับจากวงแขนของศศิชาทำให้เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นมากอดเธอตอบอย่างปลอบประโลม


“นายรู้ใช่ไหมว่าฟาโรกับวีมีลูกด้วยกันทำไมนายไม่บอกฉันสักคำว่าไม่ควรรักเขา ฉันไม่ควรรักฟาโรตั้งแต่แรกใช่ไหมซันเซ็ท”ศศิชาเปล่งเสียงระบายความในใจ โดยที่ซันเซ็ทลูบศีรษะเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน


“เธอมีสิทธิ์รักชายผู้นั้นในเมื่อโชคชะตากำหนดมาให้เป็นเช่นนั้น” โชคชะตาที่มีเขาเป็นผู้กำหนดมาตั้งแต่แรกและเขาต้องทำมันให้สำเร็จซันเซ็ทเตือนตนเองด้วยแววตารวดร้าวเมื่อสิ่งที่หวังคาดเคลื่อนมาโดยตลอดทว่าครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้ผิดพลาดอีกแล้ว


ซันเซ็ทสร้างแสงสว่างอบอุ่นให้ก่อตัวเป็นกรอบครอบทั้งคู่ไว้โดยหวังเพียงความอบอุ่นจากพลังของเขาคงทำให้เธอในอ้อมกอดรู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็เท่านั้น


เพียงไม่นานเสียงสะอื้นก็เงียบสงบพร้อมกับศศิชาหลุดเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราเธอกอดซันเซ็ทอยู่อย่างนั้นจนความอบอุ่นจากพลังของซาตานกล่อมให้เธอหลับไหลไปพร้อมกับความเหนื่อยล้าที่ร้องไห้อย่างหนักศศิชาถูกโอบอุ้มและวางร่างบอบบางบนเตียงนอน

ซันเซ็ทยืนมองหญิงสาวที่หลับตาพริ้มบนขนตาหนาเป็นแพรมีคราบน้ำตาหลงเหลือจนเขาต้องก้มลงเช็ดให้อย่างเชื่องช้าและอ่อนโยนก่อนจะจากไปทำภารกิจที่ค้างคาให้เสร็จสิ้นเพื่อหลังจากนี้เขาจะได้จัดการเรื่องราวทั้งหมดให้จบสิ้นเสียที


==== 

“หมายความว่ายังไงยายวี! แกแค่หลอกแม่เล่นใช่ไหมเรื่องเด็กคนนี้!” ทิพปภาแผดเสียงดังจนห้องนอนแทบระเบิดเป็นจุลเมื่อบุตรสาวนำเด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่งมาแนะนำให้มารดาได้รู้จักท่าทางตื่นตกใจของทิพปภาไม่ยินดีเป็นอย่างมากเมื่อวรดาบอกให้ทราบว่าเด็กคนนี้คือบุตรชายของตนที่แอบคลอดเมื่อห้าปีก่อนตอนไปเรียนอยู่ที่อเมริกา


“วีไม่อยากปิดบังคุณแม่หรอกนะคะแต่วียังไม่พร้อมจะบอกความจริงเท่านั้น”วรดาขยับเข้าใกล้มารดาที่ถอยห่างและสะบัดมือของหล่อนทิ้งอย่างรังเกียจเดียดฉันท์จนไม่อยากให้ถูกเนื้อต้องตัว


“แม่ไม่เชื่อ!ลูกสาวแม่ต้องไม่ทำให้ผิดหวังอย่างนี้ บอกมาสิว่าแกแค่ล้อแม่เล่น เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของแกเป็นแค่เด็กที่มีคนมาฝากเลี้ยงเท่านั้น” ทิพปภาพยายามบ่ายเบี่ยงความจริง


“ไมอาร์เป็นลูกของวีเขาเป็นหลานของคุณแม่นะคะ”


“ไม่จริง!มันไม่ใช่หลานฉัน!” เสียงตวาดของทิพปภาทำให้เด็กชายที่ซบไหล่ของวรดาถึงกับร้องไห้จ้าอย่างหนัก


“เอะอะโวยวายอะไรกันครับคุณแม่ยายวี” วศินก้าวเดินมายืนอยู่ตรงหน้าห้องนอนของมารดาพร้อมกับนิ่งชะงักเมื่อเห็นเด็กคนหนึ่งร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของน้องสาว


“ตาวินช่วยบอกแม่ทีว่ายายวีโกหกเด็กคนนั้นต้องไม่ใช่หลานแม่ ไม่ใช่หลานแกใช่ไหมตาวิน”


วศินหันขวับหาน้องสาวพร้อมเลิกคิ้วถามไถ่ด้วยสายตาว่าเป็นอย่างที่มารดากล่าวหรือไม่วรดาพยักหน้าน้อยๆ ด้วยสีหน้าสลดพร้อมกับยกมือลูบศีรษะและตบหลังเด็กชายในอ้อมกอดเพื่อเรียกขวัญกระเจิงให้กลับมา


หล่อนกลั้นใจปล่อยให้บุตรชายยืนกับพื้นห้องและดันให้เขาเดินเข้าหาคุณยายที่เหยียดสายตามองหลานตนเองอย่างขยะแขยง


“ออกไป!ไม่ต้องเข้ามาหาฉัน รู้ไว้ซะว่าฉันไม่มีวันรับแกเป็นหลานอย่างแน่นอน!” ทิพปภาส่งเสียงเกรี้ยวกราดอีกครั้งจนเด็กน้อยขวัญหนีดีฝ่อร้องไห้จ้าและวิ่งหนีออกจากห้องไป


“ไมอาร์! ไมอาร์!” วรดาหันซ้ายหันขวามองมารดาและพี่ชายก่อนจะหุนหันวิ่งตามเด็กน้อยออกไปทันทียังไม่พร้อมอธิบายสิ่งใดให้วศินรับทราบอย่างละเอียด


ร่างเพรียววิ่งถลาลงจากบันไดหินอ่อนอย่างรวดเร็วหล่อนพยายามมองหาไมอาร์และเห็นหลังไวๆ ทางหน้าประตูคฤหาสน์จึงก้าวเท้ายาวๆวิ่งให้ทันบุตรชาย


เสียงเอี๊ยดดังสนั่นจากหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ทำให้วรดาถึงกับใจร่วงลงตาตุ่มเมื่อวิ่งอย่างกระหืดกระหอบออกไปเห็นร่างเล็กของเด็กชายนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโดยที่ชายหนุ่มอีกคนเปิดประตูรถลงมาอย่างหัวเสีย


“ไมอาร์
!”และทันทีที่รู้ว่าบุตรชายประสบอุบัติเหตุถูกรถชนทำให้หล่อนถึงกับทรุดกายลงข้างร่างเล็กที่นอนแน่นิ่งในทันที


To be continued..



Create Date : 06 พฤษภาคม 2557
Last Update : 6 พฤษภาคม 2557 0:55:50 น.
Counter : 595 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments