พฤษภาคม 2557

 
 
 
 
1
3
4
5
7
8
9
10
12
13
14
16
17
19
20
21
22
23
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 31


๓๑

ยอมรับความจริง


                วรดาเดินวนเวียนอย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้องผ่าตัดเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเด็กน้อยที่ประสบเหตุขณะหนีความน่ากลัวของทิพปภาออกจากคฤหาสน์


                “แอมซอรี่...ไอไม่ได้ตั้งใจจะขับรถชนเด็กคนนั้นและไม่คิดว่าจะมีใครออกมาวิ่งเล่นบนถนน” ไมเคิลเดินตามขอโทษวรดาอย่างรู้สึกผิดมหันต์เมื่อได้รับรู้ระหว่างเดินทางมาโรงพยาบาลว่าเด็กคนที่ตนขับรถชนคือบุตรชายของวรดา


                หญิงสาวไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปหล่อนเพียงชำเลืองมองไมเคิลอย่างสารพัดความรู้สึก ทั้งท้อแท้ เสียใจ โศกเศร้า และถอนใจอย่างหมดเรี่ยวแรงหล่อนพยายามเดินไปเดินมาเพื่อคลายความวิตกกังวล ดวงตาฉายแววหวาดกลัวเมื่อคิดไปต่างๆนานาว่าไมอาร์อาจเป็นอันตราย เนื่องจากเด็กน้อยไม่ตอบสนองใดๆ มีเพียงลมหายใจรวยรินขณะนำส่งโรงพยาบาล


                “วี”เสียงทุ้มของชายหนุ่มดึงให้วรดาหันขวับในทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใครหล่อนก็โผเข้าหาพร้อมกับปล่อยร้องไห้อย่างไม่อายใครหน้าไหนทั้งที่พยายามสะกดกลั้นความวิตกกังวลเอาไว้แต่ก็เกินความอดทน


                “พี่วินช่วยไมอาร์ด้วย” น้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสายราวกับความเสียใจถูกถ่ายเทอย่างไม่มีสิ้นสุดวศินอ้าแขนโอบกอดน้องสาวด้วยความรู้สึกหดหู่ในใจ ร่างเพรียวสั่นเทาในอ้อมอกของเขาเนิ่นนานมาแล้วที่ไม่เคยเห็นหล่อนร้องไห้เช่นนี้


“วี...” ศศิชาเดินเข้าใกล้สองพี่น้องพร้อมยกมือจับไหล่ของวรดาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้เธอจะยังไม่ทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็สะเทือนใจอย่างสาหัสเมื่อญาติสาวคนนี้เคยเป็นหญิงแกร่งมาโดยตลอด ไม่เคยสักครั้งที่จะเห็นความอ่อนแอจากหล่อนผู้เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ


                “เลดี้...ช่วยวีด้วย”วรดาเปลี่ยนมากอดศศิชาอย่างโหยหาการปลอบประโลม


ศศิชาลูบไล้หลังของญาติสนิทเบาๆดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นมองไปยังชายหนุ่มอีกคนที่ชำเลืองมองเธออย่างรู้สึกย่ำแย่ตั้งแต่ได้ยินหน่วยรักษาความปลอดภัยแจ้งว่าไมเคิลขับรถชนเด็กภายในคฤหาสน์และนำส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วนเธอกับวศินก็รีบตามออกมาทันที โดยกำชับทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับอย่าได้แพ่งพรายให้คุณศจีและทิพปภารับรู้เป็นอันขาด


                “ขอโทษนะคะ!”นางพยาบาลในชุดเสื้อกางเกงสีเขียวสวมหมวกเก็บผมสีเดียวกับชุดผลักประตูกระจกเดินออกมาอย่างร้อนรนผ้าปิดปากถูกดึงออกพร้อมเจรจาขอความช่วยเหลือ “ใครเป็นญาติของน้องไมอาร์คะ”วรดาได้ยินคำถามจึงหันไปหานางพยาบาลและตอบกลับอย่างรวดเร็ว


                “ดิฉันเป็นแม่ของเขาค่ะ”น้ำเสียงสั่นเครือพยายามซ่อนสะอื้นเพื่อเจรจาถึงอาการของเด็กน้อยที่ยังไม่ทราบความคืบหน้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง


                “ตอนนี้น้องเสียเลือดมากไม่ทราบว่าใครพอจะบริจาคเลือดกรุ๊ปโอได้บ้างคะ”


                “ดิฉันค่ะ”วรดารีบโผเข้าหานางพยาบาลเมื่อความช่วยเหลือของหล่อนอาจทำให้บุตรชายพ้นอันตราย


                “ผมครับ”ไมเคิลรีบสาวเท้าเข้าหาอีกคน


                “งั้นเชิญทางนี้ค่ะ”เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเดินนำชายหญิงทั้งสองไปยังห้องฉุกเฉิน ปล่อยให้วศินและศศิชามองตามอย่างกระวนกระวายใจ


                “เลดี้”เสียงคุ้นหูดึงให้เจ้าของชื่อกับพี่ชายหันไปมองทางหน้าลิฟต์ซึ่งมีชายหญิงคู่หนึ่งก้าวเดินออกมา


                “ซี...”ศศิชาสาวเท้าเดินไปดึงมือเพื่อนสนิทขึ้นมาบีบไว้แน่นเมื่อรู้สึกแย่พร้อมเบนสายตามองชายหนุ่มอีกคนที่มองเธอนิ่งๆเช่นกัน


                “เกิดอะไรขึ้น”นลัทตั้งคำถาม เมื่อก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพื่อนสนิทคะยั้นคะยอทางโทรศัพท์ให้รีบขับรถมายังโรงพยาบาลทันทีระหว่างนลัทกำลังพาฟาโรกลับบริษัทเอสพีโมเดลลิ่งหลังจบการคัดเลือกเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา


                “ดี้ยังไม่รู้สาเหตุมากนักคงต้องรอให้วีมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมด” ศศิชากล่าว


                ดาราหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงเบี่ยงความสนใจเดินไปหาวรดาทันทีปล่อยให้ทุกคนบริเวณนั้นมองตามเขาจนเลี้ยวหายไปตรงมุมกำแพงสิ่งเดียวที่ฟาโรอยากทำเวลานี้คือพบเจอและสอบถามที่มาที่ไปกับวรดา


====                


                ภายในห้องนอนเย็นฉ่ำถูกเครื่องปรับอากาศควบคุมความเย็นในระดับคงที่หญิงสูงวัยนอนพักสายตาอยู่บนเตียงและยังมีสติครบถ้วนเมื่อความเหนื่อยล้าไม่ได้ทำให้อยากหลับไหลแต่อย่างใดคุณศจีทวนความคิดเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างฟาโร เมื่อเคยขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวในช่วงเย็นที่ผ่านมา


                การพูดคุยกับดาราหนุ่มมีประเด็นเกี่ยวกับการถามไถ่ถึงเรื่องราวของบุคคลที่หายไปกว่ายี่สิบปีคุณศจีไม่เคยได้พบกับคุณลุงของฟาโรอีกเลยหลังจากที่เขาบอกกล่าวว่าต้องเดินทางไปทำธุระสำคัญไม่เคยมีแม้คำร่ำลาระหว่างกัน ซึ่งเป็นคำถามคาใจตั้งแต่สมัยนั้นจนถึงวันนี้


                การหายไปอย่างลึกลับของธิปกทำให้คุณศจีไม่แน่ใจว่าเขามีตัวตนจริงทั้งที่เคยจ้างวานนักสืบออกตามหาแต่ไม่พบเจอเขาแม้แต่เงา และจากที่ได้พูดคุยกับฟาโรทำให้รู้ว่าแม้แต่หลานชายบุญธรรมก็ไม่ได้เจอเขาบ่อยครั้งเช่นกันส่วนใหญ่จะพูดคุยทางโทรศัพท์มากกว่า โดยฟาโรเองก็ไม่นึกเอะใจว่าเพราะเหตุใดคุณลุงของเขาจึงปล่อยปละละเลยส่งเสียเพียงเงินทองเลี้ยงดูเท่านั้น นัยหนึ่งอาจเพราะธิปกมีหน้าที่สำคัญต้องดูแลฟาโรจึงไม่คิดเล็กคิดน้อย ในเมื่อเขาอยู่คนเดียวมาโดยตลอดตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครคอยเลี้ยงดูเอาอกเอาใจเขาก็อยู่มาได้จนทุกวันนี้


                “คุณหายไปไหนอย่างนั้นหรือคุณธิปก” หญิงมากวัยพึมพำพลางถอนใจ


                สิ้นเสียงคุณศจีไม่ทันไรแสงสว่างเรืองรองก็ปรากฏจากเพดานห้องค่อยๆโรยตัวจนถึงพื้นไม้ปาร์เก้พร้อมกับร่างกำยำของบุรุษผู้หนึ่งปรากฏยืนอยู่ในความสว่างวิบวับนั้นราวกับภาพฝันสวยงามหญิงมากวัยดึงร่างกายลุกขึ้นนั่งช้าๆ พร้อมจ้องมองไปทางเขาที่กำลังย่างก้าวเข้ามาใกล้


                บุรุษผู้สง่าผ่าเผยเดินออกจากลำแสงที่ค่อยๆเลือนสลายด้วยชุดสูทสีขาวสว่าง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเหมือนกับเมื่อยี่สิบปีที่แล้วไม่ผิดเพี้ยนเขาระบายยิ้มน้อยๆ ส่งให้หญิงมากวัยที่นั่งอ้ำอึ้งเบิกตากว้างพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว


                “ผมไม่เคยหายไปไหนผมยังคอยดูคุณตลอดเวลา” บุรุษผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มละมุน


                “คุณธิปกหรือคะ”เมื่อดึงสติให้กลับมาอยู่กับตัว คุณศจีก็เอ่ยถาม


                บุรุษผู้นั้นผายมือตั้งท่ารอให้คู่สนทนาขยับลุกขึ้นยืนพร้อมแตะมือของเขาเพื่อเผชิญหน้าซึ่งกันรอยสัมผัสจากปลายนิ้วเมื่อจับถูกกันทำให้ความอบอุ่นไหลเวียนไปตามร่างกายจนถึงหัวใจแววตาวิบไหวของคุณศจีจ้องมองบุคคลที่หายตัวไปอย่างลึกลับด้วยความยินดีเมื่อเขากลับมาปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าอย่างนี้ ทุกอย่างเป็นความจริง ไม่ใช่แค่ฝันไป


                “ผมเสียใจที่ปล่อยคุณไว้ตามลำพังด้วยหน้าที่และข้อห้ามระหว่างโลกทำให้ผมกลับมาอยู่ใกล้คุณไม่ได้”


                “ฉันคิดไว้ไม่มีผิดคุณไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปจริงๆ” แล้วภาพแห่งความทรงจำในอดีตก็กลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง


                หลังจากศศิชาเกิดได้ไม่นานธิปกก็ปรากฏตัวโดยอ้างว่าตนเป็นเพื่อนรักกับคุณตาของเธอ ซึ่งเป็นสามีของคุณศจีที่เสียชีวิตไปนานกว่าสิบปีแล้วไม่มีใครรู้จักประวัติความเป็นมาของเขาแม้แต่คุณศจีเองก็ตามและเมื่อการทำความรู้จักเกิดขึ้นได้ไม่นานความสัมพันธ์อย่างอื่นก็ตามมาธิปกคอยดูแลครอบครัวของคุณศจีที่มีทั้งครอบครัวของบุตรชายและบุตรสาวซึ่งให้กำเนิดหลานตัวน้อยเป็นทายาทสืบสกุล


                เมื่อทั้งสองรู้จักมักคุ้นจนสนิทสนมเป็นอย่างดีความรู้สึกที่คุณศจีได้รับจากธิปกคือความรักบริสุทธิ์ไม่เคยมีเรื่องตัณหาราคะฉันท์ชู้สาวเข้ามาข้องเกี่ยว เขาคอยดูแลคุณศจีและศศิชาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องกระทั่งวันหนึ่งธิปกเดินมาบอกคุณศจีว่าต้องรับเลี้ยงเด็กกำพร้าคนหนึ่งและทำภารกิจบางอย่างสุดท้ายเขาก็หายไปจากชีวิตของเธอ จนได้มาเจอกันอีกครั้งในคืนนี้


                “ผมขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาผมขี้ขลาดเกินกว่าจะกล่าวคำลากับคุณ จึงต้องห่างหายไปอย่างนั้น” ธิปกกล่าวอย่างแผ่วเบาในกระแสเสียงละมุนนั้นส่อแววรู้สึกผิด


                “คุณคงมาจากโลกเดียวกับซันเซ็ทซาตานที่หลานสาวของฉันได้พบเจอใช่ไหมคะ” คุณศจีถามอย่างตรงไปตรงมาระหว่างปล่อยมือจากธิปกและจับมือตนเองประสานกันไว้หวังรอคำอธิบายจากเขา


                “ผมคือธีอา...เทพปกครองโลกเบื้องบนส่วนซันเซ็ทเป็นผู้ดูแลโลกนั้นเมื่อเข้าสู่ห้วงรัตติกาล”แววตาอยากรู้ของคุณศจีทำให้ธิปกต้องสงบปากสงบคำไว้เมื่อความลับระหว่างโลกคงอธิบายให้มนุษย์อย่างเธอฟังได้ไม่หมดแค่เพียงคร่าวๆ คงพอเพียง และจากท่าทางการวางตัวนิ่งเฉยของบุรุษผู้นั้นทำให้คุณศจีเข้าใจว่าไม่ควรถามอะไรมากไปกว่านี้


                “คุณคงมีเหตุผลที่ต้องลงมาอยู่ในโลกมนุษย์อย่างนี้ต่อให้คุณอธิบายมากเท่าไรฉันคงไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าฉันดีใจก็แล้วกัน ที่คุณกลับมาบอกความจริง”คุณศจีกล่าวด้วยรอยยิ้มยินดี


                “ที่มาในวันนี้ก็เพื่อจะลาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวผมคงไม่มีโอกาสได้คอยดูคุณอย่างใกล้ชิดอีก” ธิปกแสดงสีหน้าสลดจนคนรับฟังใจหาย


                “คงเป็นอย่างที่เลดี้ว่าไว้ซาตานตนนั้นต้องการปิดกั้นโลกระหว่างมนุษย์กับปีศาจและมันก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณต้องมากล่าวลากับฉัน” แม้การสนทนาในคืนนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองจะมีโอกาสได้พบเจอกันทว่าคุณศจีก็เคยทำใจไว้ล่วงหน้ามากว่ายี่สิบปีเกี่ยวกับการจากไปของเขาคืนนี้ที่ได้มาพบปะกันอีกครั้งถือเป็นกำไรของชีวิตมากกว่า


                “คุณมีอะไรอยากถามผมหรือไม่ก่อนที่ผมจะไป” ธิปกเอ่ยถาม


                “คุณจำแลงกายมาเป็นธิปกคุณลุงของฟาโร แล้วพ่อหนุ่มคนนั้นเป็นแบบเดียวกันกับคุณด้วยหรือเปล่า” หญิงมากวัยตัดสินใจถามอย่างใคร่รู้


แม้จะได้พบเจอกับฟาโรเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการคุณศจีก็รู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มผู้นั้นอย่างประหลาด ไม่ว่าการคัดเลือกผู้ดูแลจะดำเนินต่อไปอย่างไรท่านก็หวังว่าศศิชาจะเห็นดีเห็นงามกับการเลือกฟาโรเป็นอันดับหนึ่ง เพราะตั้งแต่คัดเลือกชายหนุ่มทั้งหมดร่วมสามสิบคนคงมีฟาโรเพียงคนเดียวที่ทำให้ศศิชาเกิดความประหม่าจนจับอาการผิดปกติได้


                “ชายผู้นั้นเป็นมนุษย์โลกและเขาคือผู้ที่ถูกเลือกให้คู่กับหลานสาวของคุณ”ธิปกพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านั้น ทำให้คุณศจีคิดต่อเองว่าทุกเรื่องราวคงมีความพัวพันระหว่างศศิชาฟาโร และซันเซ็ท


                “ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่แต่ก็ขอให้โชคดี และทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นสมความตั้งใจ”


                “ตั้งแต่เป็นเทพมาหลายศตวรรษคืนนี้คงเป็นคืนที่ผมกล้าหาญที่สุดเมื่อกลับมาพบคุณอย่างนี้” ธิปกพูดจาระหว่างแสงเรืองรองโรยตัวลงมาอีกครั้งในตำแหน่งเดิมรอเวลาให้เขาเดินทางผ่านมิติกลับไปยังโลกเดิมของเขา


                “ฉันจะจดจำมิตรภาพและเรื่องราวของเราไว้ตลอดไป”คำพูดของหญิงมากวัยทำให้บุรุษร่างกำยำแย้มยิ้มละมุนเจือความโศกส่งให้ก่อนเรือนร่างของเขาจะค่อยๆเลือนสลายกลายเป็นแสงสีทองเคลื่อนที่เข้าไปหาลำแสงระยับและลอยล่องขึ้นสูงทะลุเพดานห้องจนความสว่างไสวสูญสิ้นและทั้งห้องกลับมามืดมิดอีกครั้ง


‘ลาก่อนนะคะคุณธิปก’


==== 

               ณเส้นกั้นระหว่างแดนโลกเงียบสงบภายใต้ความมืดมิด บุรุษหนึ่งที่วางสีหน้าเรียบเฉยยืนกอดอกราวกับรอคอยการพบเจอกับใครบางคนซึ่งอีกไม่นานต้องปรากฏกายยังที่แห่งนี้ซันเซ็ททบทวนเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่เขาย่างกรายลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อดูแลศศิชาแม้จะอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวของเธอมาแล้วเนิ่นนานทว่าไม่เคยเห็นใครที่ชื่อธิปกผ่านตาสักครั้ง ทำให้เขาฉุกคิดว่าความไม่ชอบมาพากลครั้งนี้คงมีท่านเจ้าเมืองของเขาเกี่ยวข้องรวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของฟาโรด้วยเช่นกัน


                ร่างกำยำเดินผ่านเส้นกั้นแดนคล้ายทะลุมิติกลับมายังเขตของตนเขาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังของบุรุษชุดดำเมื่อคาดการณ์ไว้แล้วว่าซันเซ็ทคงระแคะระคายกับความลับที่ปกปิดไว้กว่ายี่สิบปี


                “เจ้าคงอยากรู้เรื่องของธิปก พิทักษ์ปรีชา” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยดังพร้อมทอดสายตามองยังซาตานที่หันมองทางเขาเช่นกัน


                “ท่านคือชายผู้นั้น?”ซันเซ็ทตีสีหน้านิ่งระหว่างถามย้ำเพื่อความแน่ใจ


                “ใช่...ข้าจำแลงเป็นมนุษย์ผู้นั้นเพื่อติดตามดูธิดาของข้า”ท่านเจ้าเมืองกล่าวอย่างหนักแน่น เมื่อหัวอกของบิดาที่ต้องสูญเสียบุตรสาวเพื่อปกป้องและรักษาวิญญาณของนางให้ดำรงอยู่เป็นสิ่งซึ่งซันเซ็ทไม่เคยนึกประหลาดใจจะมีก็แต่การแฝงเข้าไปเป็นมนุษย์เพื่อสร้างความสัมพันธ์จนกลายเป็นครอบครัวคือสิ่งที่ซันเซ็ทอยากรู้มากกว่า


                “แล้วเหตุใดท่านจึงต้องรับเลี้ยงรังสิมันตุ์ในฐานะนัดดาท่านต้องการสิ่งใดจากการกระทำเช่นนั้น”ซันเซ็ทคาดคั้นอยากได้ความจริงเมื่อความสงสัยเกาะกินจิตใจของเขาตั้งแต่ได้ยินชื่อของธิปก“หรือท่านคิดการใดไว้ล่วงหน้า”


                “ทุกสิ่งที่ข้าทำเพื่อเจ้ากับเซเลเน่”ธีอาหลบสายตามองต่ำ เขารับรู้มาโดยตลอดว่าซันเซ็ทพยายามจะปกป้องเทพีแห่งจันทราโดยการปิดกั้นโลกเพื่อจะได้อยู่กับนางตลอดไปไม่ต้องระแวดระวังอันตรายจากปีศาจตนใดหรือถูกรบกวนจากเหล่าเทพและครึ่งเทพในโลกรัตติกาลแห่งนี้ได้อีก


                “ท่านไม่ต้องจัดการสิ่งใดทั้งสิ้นทั้งหมดเป็นเรื่องของข้า” ซันเซ็ทกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นพร้อมจ้องมองท่านเจ้าเมืองของเขาอย่างเชื่อมั่นดังที่บอกกล่าว


                “ลำพังเจ้าเองจะสามารถปิดกั้นโลกทั้งหมดได้อย่างนั้นหรือมันไม่มีทางสำเร็จหากข้าไม่ช่วยเหลือ หรือเจ้าคิดรนหาที่ฆ่าตัวตายจึงดื้อดึงทำการใหญ่โดยไม่หวังพึ่งข้า”ท่านธีอาชำเลืองมองคู่สนทนาที่ยังวางตัวนิ่งเฉย


                “แต่การปกป้องดูแลเซเลเน่คือหน้าที่ของข้าไม่ว่าข้าจะตัดสินใจทำในสิ่งใดท่านไม่ควรก้าวก่ายในเมื่อท่านมีหน้าที่ดูแลโลกแห่งนี้ต่อไป”


                การสนทนาระหว่างท่านเจ้าเมืองธีอากับซันเซ็ทอยู่ในสายตาของนอร่าตลอดเวลาตั้งแต่นางจงใจลอบดักฟังเรื่องราวทุกอย่างจนเข้าใจแจ่มแจ้งในหลายครั้งนางเคยติดตามค้นหาถึงเหตุผลของการปิดกั้นโลกรวมถึงความต้องการที่ซันเซ็ทอยากละทิ้งโลกแห่งรัตติกาลเพื่อตามไปอยู่กับเทพีแห่งจันทราตลอดกาลและนั่นคือสิ่งที่นางยอมไม่ได้เช่นกัน


                ซันเซ็ทสนทนากับท่านธีอาอีกครู่ใหญ่ก่อนทั้งสองจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเมื่อใกล้ถึงเวลายุติการทำลายล้างของเหล่าปีศาจร้ายที่หมายคิดร้ายเทพีแห่งจันทรา


                “ซันเซ็ท...”นอร่าเดินออกจากมุมมืดและหยุดยืนอยู่เบื้องหลังบุรุษเจ้าของชื่อที่นางพยายามรั้งเขาเอาไว้ก่อนจะเดินหนีห่างไกล


                “เจ้ามีอะไรกับข้าอย่างนั้นหรือนอร่า”ซันเซ็ทหันกลับมามองสตรีด้วยสีหน้านิ่งเรียบ นัยน์ตาสีสนิมไม่แสดงความยินดียินร้ายใดๆจนคู่สนทนาเริ่มเสียวสันหลัง


                “พอดีข้าปรุงเครื่องดื่มสมุนไพรรสชาติใหม่อยากให้ท่านช่วยติชมให้ที” นอร่ากล่าวพร้อมหลบสายตา นางรู้สึกหวั่นเกรงต่อบุรุษผู้นี้เมื่อเหตุผลที่เหนี่ยวรั้งเขาไว้ดูจะไร้สาระสิ้นดี


                “ข้าไม่มีเวลามาชิมเครื่องดื่มของเจ้ายังมีเรื่องสำคัญที่ข้าต้องรีบจัดการให้จบก่อนจะสายเกินไป”


                “เพื่อเห็นแก่ข้าและการจากลาที่มิอาจได้พบเจอกันอีก”แววตามุ่งมั่นดูสลดลงพร้อมกับน้ำเสียงแผ่วเบา ซันเซ็ทเกิดสะดุดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากนอร่า“หากท่านไม่รีบร้อนจนเกินไป เครื่องดื่มที่ข้าตั้งใจทำไว้วางอยู่ในเรือนของท่าน”นอร่าแย้มยิ้มน้อยๆ พร้อมกับหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้ซันเซ็ทมองตามอย่างนั้น โดยนอร่าหวังว่าซาตานอย่างเขาคงเห็นใจและเอ็นดูนางบ้างก็เท่านั้น


==== 


                ฟาโรเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินเมื่อรับทราบจากนางพยาบาลว่าวรดากับไมเคิลเข้าด้านในเพื่อให้เลือดกับเด็กน้อยที่เขารู้จักเป็นอย่างดีร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วที่ทั้งสองหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินและยังไม่ออกมาคลี่คลายความเคลือบแคลงใจเสียที


                เสื้อแจ๊คเก็ตหนังสีดำถูกถอดออกมาถือไว้พร้อมกับแว่นตากันแดดที่ใส่อำพรางใบหน้าทว่าไม่มีผลใดๆ ในเมื่อนางพยาบาลทั้งหลายจำเขาได้พวกหล่อนหันมองทางเขาและซุบซิบกันเป็นระยะพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จึงไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องปิดบังตนเองอีกต่อไป


                ฟาโรหย่อนกายนั่งตรงเก้าอี้รับรองเขาโน้มกายนำข้อศอกวางบนหน้าขาและครุ่นคิดถึงหญิงสาวอีกคนในการคัดเลือกผู้ดูแลซึ่งเขาประกาศอย่างหนักแน่นว่าจะขอดูแลและเป็นฝ่ายรับผิดชอบต่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอไม่ว่าการตั้งครรภ์ของศศิชาจะเกิดขึ้นโดยเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม


                ประตูกระจกหน้าห้องฉุกเฉินถูกดึงเปิดพร้อมกับไมเคิลเดินออกมาและวรดาเดินตามหลังนายแบบลูกครึ่งอเมริกันไทยนัยน์ตาน้ำข้าวดึงแขนเสื้อเชิ้ตที่ถูกถลกขึ้นระหว่างการให้เลือดลงจนเรียบร้อยโดยปลายหางตาก็เห็นฟาโรขยับลุกขึ้นยืน


                “ฟาโร”วรดาเรียกหาเพื่อนด้วยความรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาหา “รู้ได้ไงว่าวีอยู่ที่นี่”หล่อนถามไถ่เมื่อไม่คิดว่าดาราดังอย่างเขาจะสละเวลางานมายืนอยู่ในโรงพยาบาลเช่นนี้


                “เลดี้โทรบอกผู้จัดการนลัทว่าไมอาร์ถูกรถชน”คำตอบของฟาโรทำให้วรดาพยักหน้าน้อยๆ ด้วยสีหน้าละเหี่ยใจ แต่การสนทนาระหว่างกันทำให้ไมเคิลกระตุกยิ้มและเหยียดสายตามองทางดาราหนุ่ม


                “ยูมาช้าเกินไปหรือเปล่าฟาโรจริงๆ ยูน่าจะมาเร็วกว่านี้เพื่อลูกชายของยู” ไมเคิลกล่าวกลั้วหัวเราะ


                “นายคงเข้าใจอะไรแบบผิดๆมาโดยตลอดนะไมเคิล” ฟาโรสวนกลับอย่างเก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป


                วรดาจ้องฟาโรตาเขม็งพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆไม่อยากให้เขาเอ่ยบอกสิ่งที่จำเป็นต้องปกปิดเอาไว้มากว่าห้าปีทว่าฟาโรกลับไม่ใส่ใจเขาหันมองไมเคิลอย่างสู้สายตาโดยนายแบบหนุ่มแอบประหลาดใจต่อคำพูดของเพื่อนร่วมวงการ


                “นายควรเรียนรู้ขั้วบวกลบของกรุ๊ปเลือดไว้บ้างไม่ใช่สักแต่จะบริจาคโดยไม่รู้อะไรเลย”


                “ฟาโร...”วรดาส่งเสียงปรามทำให้ไมเคิลหันมองหล่อนด้วยความประหลาดใจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว


                “พวกยูกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”ไมเคิลถาม


                “ไมอาร์มีเลือดกรุ๊ปโอนายกับวีก็กรุ๊ปโอ ไม่รู้สึกแปลกใจบ้างหรือไง และที่สำคัญคนกรุ๊ปเอบีคงไม่มีทางเป็นพ่อของไมอาร์ได้อยู่แล้ว”สิ้นเสียงฟาโร ไมเคิลถึงกับผงะตกใจพร้อมหันมองทางวรดาที่หลบสายตาลงต่ำคล้ายมีความลับบางอย่างปกปิดเอาไว้


                ไมเคิลพยายามย้อนทวนกลับไปเมื่อห้าปีก่อนระหว่างที่ทั้งสามเรียนอยู่อเมริกาด้วยกันโดยฟาโรกับวรดาสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กทำให้เพื่อนใหม่อย่างไมเคิลเข้าใจว่าทั้งสองอาจเป็นคู่รักที่ปกปิดความสัมพันธ์ด้วยการใช้คำว่าเพื่อนสนิทและเมื่อทั้งสามรู้จักกันมากขึ้น ความรู้สึกดีๆ ที่ไมเคิลมีให้กับวรดาก็ค่อยๆปรากฏจนทั้งคู่มีความสัมพันธ์สวาทอย่างลับๆ


                แต่เพราะไม่อยากเสียความเป็นเพื่อนระหว่างกันทำให้ไมเคิลตีตัวออกห่างจากวรดาโดยเขาเข้าใจว่าฟาโรไม่รู้เรื่องนี้และวรดาเองคงจะปิดความลับระหว่างกันไว้เพื่อไม่ทำร้ายจิตใจของคนรักและหลังจากนั้นความไม่เข้าใจทำให้วรดาตามตื้อไมเคิลจนกลายเป็นสร้างความรำคาญทำให้นายแบบหนุ่มย้ายที่เรียนและเดินออกจากชีวิตของหล่อนอย่างไร้เยื่อใยและห่างหายไปโดยปริยาย จนกระทั่งทั้งสามได้มาเจอกันอีกครั้งเมื่อฟาโรและไมเคิลเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง


                ไมเคิลกลายเป็นนายแบบดังมีชื่อเสียงอยู่อเมริกาโดยพบเจอวรดาบ้างในฐานะเพื่อนเป็นครั้งคราวและได้รับรู้เรื่องราวของฟาโรจากกระแสความดังของเขาในประเทศไทย ไมเคิลจึงเข้าใจว่าความมีชื่อเสียงของฟาโรทำให้เขาต้องละทิ้งหน้าที่ต่อการเป็นสามีและพ่อที่ดีไป


                “หมายความว่าไงวี”ไมเคิลย้อนถามหญิงสาวที่ยืนนิ่งอย่างไม่คิดโต้ตอบกลับ “ตอบผมมาเดี๋ยวนี้” เขาขยับเข้าใกล้หญิงสาวและจับไหล่ของหล่อนเขย่าเบาๆเพื่อดึงให้วรดาตอบสนองคำถามจากเขา


                “มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!”วรดาชำเลืองมองนายแบบหนุ่มชั่วครู่ก่อนจะเบี่ยงกายเดินหลบเขาและคว้าแขนของฟาโรให้เดินหนีจากความอึดอัดกดดัน


                “ยูยังหนีไอไปไม่ได้!”ไมเคิลขึ้นเสียงพร้อมกับดึงแขนของวรดาเอาไว้ถึงอย่างไรวันนี้เขาต้องรับรู้ความจริงในเรื่องนี้“บอกยูมาว่าไมอาร์เป็นอะไรกับไอหรือฟาโร ใครกันแน่คือพ่อของเขา” แววตาและสีหน้าขึงขังแสดงออกถึงความอยากรู้


                วรดารู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมากะทันหันเมื่อได้ยินคำกล่าวหาว่าหล่อนมั่วไม่เลือกตามความหมายจากคำพูดของไมเคิลที่ทำให้เข้าใจอย่างนั้นหล่อนกระชากแขนกลับและสะบัดสายตาเขียวปั้ดใส่นายแบบหนุ่มทันที


                “วีกับฟาโรเราไม่เคยมีอะไรกัน และไมอาร์ก็ไม่ใช่ลูกของเขา!”วรดาโพลงพูดออกไปอย่างเหลืออด


                “เฮ้!ใจเย็นก่อน เรื่องนี้คงต้องปรับความเข้าใจกันเอง ฉันไม่เกี่ยว ขอตัว”ฟาโรยกมือสองข้างยอมแพ้และห้ามทัพไปในตัวเขามองวรดาที่เลือดขึ้นหน้าเพราะโกรธเคืองไมเคิลดาราหนุ่มยกยิ้มมุมปากพร้อมขยิบตาข้างหนึ่งให้หล่อนก่อนผละจากไปคล้ายบอกเป็นนัยว่าเรื่องอื่นค่อยคุยกันหลังจากนี้ปล่อยให้ทั้งสองขจัดความขัดแย้งที่ก่อตัวขึ้นมา


                วรดาหันกลับไปมองไมเคิลด้วยหางตาและถอนใจหนักหน่วงคิ้วเรียวขมวดยุ่งอย่างหนักใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาตามลำพัง


                “ได้โปรดหันมองหน้าไอแล้วพูดจาด้วยดีกันสักครั้ง”ไมเคิลกล่าวเสียงอ่อนเมื่อนึกถึงความหลังระหว่างกัน เขารู้ว่าวรดายังคงมีใจต่อเขาหล่อนยังติดตามข่าวคราวของเขาอยู่ห่างๆ แม้แต่มาเมืองไทยครั้งนี้บ่อยครั้งที่วรดาจะขับรถคันหรูไปจอดหลบมุมและมองดูเขาออกจากคอนโดเพื่อไปทำงานแทบทุกเช้าอย่างไม่เปิดเผยตัวมีเพียงรุ่นรถยนต์และเลขทะเบียนรถของหล่อนเท่านั้นที่เขาจดจำได้เป็นอย่างดี


                “วีไม่มีอะไรจะอธิบายมันก็แค่เรื่องบังเอิญเกี่ยวกับกรุ๊ปเลือดเท่านั้น ไมอาร์ไม่ใช่ลูกของฟาโรไม่ใช่ลูกของใครทั้งนั้น เขาคือลูกของวีคนเดียว”แววตารวดร้าวกระตุกจิตใจคนฟังให้เจ็บปวดอย่างไม่ทราบสาเหตุไมเคิลยืนมองวรดาเดินจากไปโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมมากกว่านั้น


====

ฟาโรเดินกลับไปยังหน้าห้องผ่าตัดเมื่อนายแพทย์ผู้ดูแลและรักษาไมอาร์เดินออกจากห้องเพื่อแจ้งว่าเด็กน้อยพ้นขีดอันตรายแล้วทุกคนบริเวณนั้นต่างมีสีหน้ายินดีโดยฟาโรลอบถอนใจอย่างโล่งอกเช่นกันทว่าดวงตาทรงเสน่ห์ก็กวาดมองหาใครบางคนที่ไม่ได้ร่วมยินดีอยู่ตรงนั้นการหายตัวไปของศศิชาสร้างความกระวนกระวายใจจนเขาต้องยอมแบกหน้าเดินไปถามหาเธอกับนลัท


                “เลดี้ไปไหน”


                “เห็นว่าไปหาอะไรดื่ม”นลัทกล่าวตามที่ศศิชาเคยบอกกล่าวเอาไว้


                “ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่าปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนคนเดียว!”น้ำเสียงดุดันทำให้นลัทและวศินสะบัดสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าเป็นตาเดียวกับแค่ศศิชาเดินไปหาอะไรดื่มเหตุใดเขาต้องฉุนเฉียวขนาดนั้น


                “คุณเดือดร้อนอะไรด้วยหรือไง”วศินโต้ตอบด้วยนึกหมั่นไส้กับความเจ้ากี้เจ้าการของฟาโร


                “ผมคิดว่ามีคนกำลังจะลักพาตัวน้องสาวคุณ”ฟาโรถือวิสาสะดึงกุญแจรถจากมือนลัทและสาวเท้าเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วทำให้วศินหน้าชาและหันมองทางนลัทอย่างไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง


ฟาโรหันซ้ายแลขวามองหาศศิชาอย่างร้อนรนระหว่างทางเดินจนออกมายืนอยู่ด้านนอกอาคารของโรงพยาบาลและความเคลื่อนไหวแว้บๆตรงหางตาทำให้เขาหันขวับตามความเคลื่อนไหนนั้นทันที


                “บ้าชิบ!”ฟาโรสบถเสียงดังเมื่อเห็นชายสองคนกำลังหอบหิ้วหญิงสาวคนหนึ่งขึ้นรถตู้ จากเสื้อผ้ากับลักษณะท่าทางในระยะไกลทำให้เขาจดจำได้ว่านั้นคือศศิชา


ฟาโรวิ่งกลับมายังรถกระบะสี่ประตูสีดำซึ่งจอดอยู่ในลานจอดโดยยึดกุญแจมาจากนลัทเมื่อครู่นี้ฟาโรจดจำเลขทะเบียนกับสีของรถตู้จนขึ้นใจพร้อมเหยียบคันเร่งออกเดินทางเพื่อไล่รถตู้คันดังกล่าวให้ทัน

====


                ซันเซ็ทเดินกลับมาสงบสติอารมณ์ยังเรือนส่วนตัวพร้อมครุ่นคิดถึงคำพูดของท่านธีอาอย่างไตร่ตรองมันจริงอย่างท่านเจ้าเมืองกล่าวไว้หากเขาต้องจัดการภารกิจหนักอึ้งเพียงลำพังทุกอย่างอาจล้มไม่เป็นท่าเฉกเช่นที่เคยเป็นมา


ระหว่างคิดวางแผนการหางตาก็เหลือบไปเห็นแก้วเครื่องดื่มวางอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงนอนทำให้เขาเอื้อมหยิบแก้วทรงสูงใบนั้นขึ้นมาพร้อมสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆของพืชพรรณดอกไม้ คำพูดของนอร่าวนเวียนในความคิดจนนึกเห็นใจสตรีผู้นั้นหากการลองชิมรสชาติใหม่ที่นางตั้งใจนำเสนอจะช่วยให้ความรู้สึกระหว่างกันดีขึ้นและหากในสักวันต้องจากกันไกล เขาคงสบายใจตามไปด้วย


แก้วน้ำสมุนไพรถูกยกดื่มลิ้มรสอย่างละเลียดก่อนซันเซ็นจะผงะกายเมื่อสัมผัสถึงลางร้ายภาพเหตุการณ์จากโลกมนุษย์ฉายชัดในความคิดศศิชาถูกชายฉกรรจ์สามคนโปะยาสลบและหอบหิ้วเธอขึ้นรถตู้ไปอย่างรีบร้อน


“เซเลเน่!”จิตใจว้าวุ่นและเต้นระรัว สายตาพร่ามัวจนความชัดเจนน้อยลงและค่อยๆ เลือนราง


ซันเซ็ทจ้องมองน้ำในแก้วอย่างพิจารณาก่อนจะปล่อยให้มันหลุดมืออย่างไร้เรี่ยวแรงพลางคิดในใจ นอร่านำอะไรให้เขาดื่มจนรู้สึกอยากหลับไหลเช่นนี้ ไม่ทันได้หาสาเหตุซาตานก็พลาดท่าล้มฟุบไปบนเตียงหมดสติในที่สุด


                นอร่าซึ่งแอบมองซันเซ็ทอยู่ในระยะห่างระดับหนึ่งลอบถอนใจเมื่อรู้สึกว่าแผนการของตนสำเร็จไปตามคาดหวังนางใช้เวลาหลายปีเรียนรู้และศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์โลกบางส่วน ทำให้นอร่ารู้จักยาสลบกับการใช้งานและวันนี้นางก็ได้นำการเรียนรู้นั้นมาใช้กับซันเซ็ท


                “ข้าไม่มีวันให้ท่านจากไปท่านพ่อจะปิดกั้นโลกโดยที่ท่านต้องอยู่กับข้าที่นี่”

To be continued...




Create Date : 11 พฤษภาคม 2557
Last Update : 11 พฤษภาคม 2557 21:41:10 น.
Counter : 548 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments