มีนาคม 2557

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
24
26
28
29
30
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 15

๑๕

คำสารภา


หญิงสาวผมยาวสลวยย่างก้าวไปตามทางเดินเล็กๆที่ตกแต่งคล้ายสวนหย่อมขนาดย่อม กำลังครุ่นคิดบางอย่างภายในใจแม้จะอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ ทว่าเธอไม่ได้เดินอยู่เพียงลำพังเสียงถอนใจไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ ดึงนัยน์ตาสีสนิมให้มองยังหญิงสาวเบื้องหน้าแทบไม่ละสายตาซันเซ็ทเดินตามเธอห่างๆ โดยไม่ปริปากพูดจา เขาถือว่าการปลอบใจที่ดีที่สุดเวลานี้คือการอยู่เคียงข้างเธออย่างเงียบๆเพียงส่งผ่านกำลังใจ ปล่อยให้เวลาเยียวยาบาดแผลบอบช้ำจนกว่าหัวใจร่าเริงจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม


“ซันเซ็ทฉันขอบใจนายมากนะที่เดินมาเป็นเพื่อน แต่ฉันลองคิดดูแล้ว ข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเราคงไม่มีผลอะไรแล้วล่ะ”ศศิชาแค่นยิ้มหม่นเศร้า สมเพชตนเองที่วู่วามทำในสิ่งซึ่งขาดสติอย่างไม่น่าให้อภัยเธอกล่าวทั้งที่หยุดยืนนิ่งๆ โดยไม่ได้หันกลับไปมองบุรุษด้านหลังแต่อย่างใด


“ความเสียใจของเธอในวันนี้อาจเป็นผลจากข้อแลกเปลี่ยนนั้นก็ได้” ซันเซ็ทกล่าวตามเหตุและผลที่น่าจะเป็นแต่สำหรับหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเป็นเพียงความเจ็บช้ำซ้ำซากซึ่งลืมไม่ได้เสียที


“ไหนล่ะสิ่งที่ฉันอยากได้ ความเย็นชา ปากร้าย สายตาดูแคลนอย่างนั้นเหรอมันเป็นสิ่งที่เขายัดเยียดให้ฉันทั้งนั้น ฉันไม่ได้ต้องการอย่างนี้และไม่อยากให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้สักนิด” ศศิชาเงยหน้ามองท้องฟ้า คุณยายของเธอมักสอนเสมอ


‘หากตกอยู่ในความท้อแท้ผิดหวังจนอยากร้องไห้ให้แหงนหน้าขึ้นฟ้า แล้วน้ำตาจะไหลกลับคืนข้างใน’


เธอยังคงทำตามคำสอนของคุณยายเสมอมาในเมื่อเวลานี้กำลังท้อแท้ผิดหวังอย่างที่อธิบายไม่ได้ว่าเหตุใดต้องเป็นเช่นนั้น ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบใจเอาเสียเลยอยากขจัดมันให้พ้นจากความคิดโดยเร็ว


“เธอต้องยอมรับมันให้ได้”น้ำเสียงแผ่วของซันเซ็ทกล่าวอย่างปลอบประโลม


“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่”ศศิชากลับหลังหันพร้อมระบายยิ้มเจือจาง เธอยกมือโบกอำลาซันเซ็นก่อนจะหันกลับไปเคาะประตูห้องพักรอคอยให้เพื่อนสนิทที่ไม่รู้ว่าหลับหรือยังมาเปิดประตูให้


เพียงไม่ถึงนาทีประตูบานนั้นก็เปิดออกอย่างรวดเร็วราวกับรอคอยการกลับมาของเธออยู่แล้วนลัทจ้องมองเพื่อนสนิทเมื่อเห็นความหม่นเศร้าปนอยู่บนใบหน้านวลเนียนที่เคยมีแต่รอยยิ้มสดใส


“เป็นอะไรไปทำไมทำหน้าแบบนั้นทะเลาะกับใครมาอีกหรือไง แล้วทำไมเพิ่งกลับเอาป่านนี้” นลัทควบคุมอารมณ์หงุดหงิดที่เคยคุกรุ่นให้เย็นลงกับคำถามมากมายรอดูท่าทีและปฏิกิริยาตอบกลับของเธอไม่บ่อยนักที่ศศิชาจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น หรือถ้ามีเธอก็คงบอกเล่าให้นลัทรับรู้ไม่เคยทำนิ่งเฉยเฉกเช่นตอนนี้


“วันนี้ดี้เกือบทำในสิ่งผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย”ศศิชามองหน้าคู่สนทนา พร้อมแล้วกับการเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้นลัทรับรู้


ประตูห้องพักถูกดึงปิดเมื่อสองสาวเพื่อนสนิทเดินเข้าภายในห้องเป็นที่เรียบร้อยในขณะที่มุมหนึ่งภายในสวนหย่อมมีใครบางคนคอยกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ เก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานบางอย่าง


“เธอมายืนทำอะไรตรงนี้”ท่าทางขึงขังของชายหนุ่ม จดจ้องไปยังมือกล้องที่มายืนถ่ายภาพอย่างลับๆ ล่อๆ โดยเขาดักทางเดินเอาไว้ไม่ให้เธอได้หนีไปไหนจนกว่าจะสอบสวนพฤติกรรมผิดปกติ


สาวผมสั้นทรงบอบเททัดใบหูทำทีอึกอักพูดอะไรไม่ออก หลบเลี่ยงการปะทะสายตากับบุคคลตรงหน้า คล้ายถูกจับได้คาหนังคาเขา


“จะบอกได้หรือยังว่าเธอทำอะไรอยู่”น้ำเสียงเข้มงวดถามไถ่อย่างคาดคั้นอีกครั้งอาร์ตนำมือกอดอกและจ้องมองสาวผมสั้นซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานในกองถ่ายที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่เพื่อรอฟังคำแก้ตัวดีๆ ของเธอ


“เอ่อฉัน...ฉันแค่มาเดินถ่ายรูปวิวของโรงแรมเท่านั้น”


“แน่ใจหรือเปล่าว่าแค่นั้นไหนฉันขอดูกล้องตัวนั้นหน่อย” อาร์ตแบมือส่งตรงหน้าหญิงสาวเพื่อเตรียมรับสิ่งของที่ร้องขอโดยเธอผู้นั้นพยายามหาทางหนีทีไล่ ไม่คิดจะยื่นส่งกล้องให้ตามคำขอของเขาแต่อย่างใด


“มะ...มันไม่มีอะไรสวยงามหรอกฉันก็แค่มือสมัครเล่น”


“ถ้าเธอไม่ทำตัวมีพิรุธฉันคงไม่ยุ่งกับกล้องของเธอ” น้ำเสียงเย็นเยียบเริ่มแผ่รังสีอำมหิตจนคนฟังรู้สึกเสียวสันหลังในเมื่อไม่มีหนทางหลีกหนีได้อีกแล้ว สาวผมสั้นจึงยื่นกล้องในมือด้วยท่าทางหวาดระแวงให้เขารับไปตรวจดูภาพที่เธอถ่ายเก็บไว้


“ฉันเดือดร้อนเงินเลยต้องทำแบบนี้ อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ ฉันขอร้อง ฉันไม่อยากตกงาน”น้ำเสียงอ่อยปนเปความร้อนรน พยายามร้องขอความเห็นใจ หญิงสาวยกมือพนมอย่างลนลานวิงวอนชายหนุ่มที่กำลังไตร่ตรองภาพแอบถ่ายอย่างพิจารณาฝีมือและความผิด


อาร์ตได้แต่กระตุกยิ้มเมื่อเห็นฝีมือการเก็บภาพของเธอ ‘ช่างอ่อนหัดเสียจริง’ เขาเพียงนึกในใจและกดเลื่อนภาพต่อเรื่อยๆก่อนปรับสีหน้าเป็นจริงจังและเหลือบมองสาวผมสั้นเพื่อไต่สวนความกระจ่าง


“เธอแอบถ่ายฟาโรกับผู้จัดการสาวของเขาทำไม”ภาพที่เห็นในกล้องทั้งหมด ต่อให้ไม่รู้ประสีประสาก็เดาได้ว่าเธอคนนี้จงใจตามเก็บภาพความใกล้ชิดของฟาโรกับศศิชาซึ่งออกนอกสถานที่และกลับเข้ามาพร้อมกันรวมถึงการเข้าไปอยู่ในห้องพักด้วยกันสองต่อสองยามวิกาล


“ฉันแค่อยากได้ข่าวที่พอจะทำเงินได้บ้างก็เท่านั้น”


“เธอทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว”อาร์ตยังคงเค้นความผิด เพื่อให้สาวผมสั้นยอมเผยแผนการทั้งหมดของเธอราวกับเขากำลังถือไพ่เหนือกว่า


“ฉันเพิ่งเคยทำครั้งแรก”คำสารภาพที่ไม่อาจบิดเบือนความจริง เมื่อฝีมือการเก็บภาพยังเป็นได้แค่มือสมัครเล่นไม่ถึงกับเป็นมืออาชีพอย่างที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้ซึ่งยังจับตัวการไม่ได้


“เอาล่ะฉันจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันขอยึดเมมโมรี่ภาพพวกนี้ไว้เธอจะได้ไม่มีอะไรไปขายให้พวกนักข่าวจนเกิดเรื่องวุ่นวาย และก็ไม่ตกงานด้วย”


“ขอบคุณนะที่เธอเห็นใจฉัน” สาวผมสั้นยื่นมือสั่นเทารับกล้องที่ไร้ภาพแอบถ่ายกลับคืนโดยหลบหลีกสายตาขึงขังคู่นั้นที่จ้องมองไม่วางตา ก่อนจะเดินหลบออกจากสวนหย่อมปล่อยให้อาร์ตยืนยิ้มอย่างมีเลศนัยแอบแฝง และมองยังห้องพักของผู้จัดการสาว ซึ่งเขามีภาพของเธอไว้ในครอบครอง


ภายในห้องพักของสองเพื่อนสนิทมีแต่ความเงียบกริบเมื่อศศิชาได้ระบายความผิดที่ค้างคาให้นลัทรับรู้จนหมดเปลือกตั้งแต่ออกนอกสถานที่จนถูกผู้คนละแวกนั้นจับได้ว่าฟาโรไปเดินเตร่อยู่บนถนนคนเดินจึงเร่งรีบกลับมายังห้องพักและเกิดเรื่องท้าทายจนเธอเกือบมอบร่างกายให้กับดาราชื่อดังอย่างหวุดหวิด


นลัทนิ่งเงียบพยายามควบคุมความโกรธที่เก็บอย่างไรก็ไม่มิด แววตาแข็งกร้าวจ้องมองเพื่อนสาวที่สิ้นคิดเสียสติเพียงเพราะผู้ชายคนเดียว แม้จะยังไม่สูญเสียความบริสุทธิ์ทว่าเธอก็ยินยอมที่จะให้เขาย่ำยีอย่างเต็มใจ


“ทำไมแกถึงสิ้นคิดอย่างนี้เลดี้!ซีไม่นึกเลยว่าแกจะยอมโง่เพื่อผู้ชายคนเดียว!” นลัทระบายความโกรธที่ปะทุออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิดโดยที่ศศิชาได้แต่รับฟังนิ่งๆ ก้มหน้ายอมรับผิดทุกประการ “ก็เห็นอยู่ว่านายนั่นไม่มีอะไรดีนอกจากเสือผู้หญิง เพลย์บอย เกเร ไม่มีความรับผิดชอบ ซีก็เตือนอยู่ปาวๆทำไมไม่ฟังกันบ้าง แกอยากเสียใจ เสียตัว เพราะผู้ชายอย่างฟาโรงั้นเหรออยากไปตบตีกับนางแบบพวกนั้นที่เคยมีข่าวมานับครั้งไม่ถ้วนใช่ไหม!”


“ดี้รู้ว่าซีโมโหมากแค่ไหนที่ดี้ทำตัวไร้สมองแบบนั้น แต่ดี้จะอธิบายยังไงให้ซีเข้าใจดี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงยอมให้เขาขนาดนั้น มันเป็นเหตุผลที่อธิบายไม่ได้แม้แต่ตัวดี้เองก็ยังไม่เข้าใจ”


“แกรักฟาโรงั้นเหรอ?”ประโยคกระตุกใจจนปวดหนึบ ‘รัก’ อย่างนั้นหรือคือสิ่งที่เธอไม่เข้าใจและหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ จนขณะนี้เธอยังตอบตนเองไม่ได้เช่นกัน


จากวันแรกที่เคยเจอฟาโรเมื่อ5 -6 ปีก่อนในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเขามาร้องเพลงและเล่นดนตรีกับกลุ่มของเพื่อนๆฟาโรเป็นผู้ชายคนแรกที่ดึงดูดสายตาและสะดุดใจทำให้หลงใหลอย่างมากมาย จากการพบเจอครั้งนั้นศศิชาพยายามสอบถามกับทางร้านอาหารเกี่ยวกับวงดนตรีที่มาร้องและเล่นในคืนนั้นแต่ก็ไม่เคยได้เจอเขาอีกเลย จนกระทั่งได้เห็นฟาโรผ่านสื่อโทรทัศน์ เมื่อเขาถ่ายโฆษณาชิ้นหนึ่งหลังจากนั้นเธอก็ติดตามผลงานของเขาเรื่อยมา จนฟาโรกลายเป็นดาราชื่อดังทุกวันนี้


จากที่ชื่นชมกลายเป็นชื่นชอบจนคลั่งไคล้เฝ้าติดตามผลงานและเก็บรายละเอียดทุกอย่างของฟาโร ไม่ว่าจะรูปถ่าย คลิปวีดีโอ แผ่นซีดีรวมถึงสิ่งของที่เป็นของเขา จนแอบฝันไปไกล...อยากได้ความใกล้ชิดและได้รู้จักเขามากกว่านี้แต่เมื่อมีโอกาสได้ร่วมงานกัน ความรู้สึกหวั่นไหวที่คิดว่าจะลดลงกลับเพิ่มมากขึ้นเมื่อนัยน์ตาทรงเสน่ห์ของเขาดึงดูดสายตาให้มองหาอยู่ตลอดเวลา


จากที่ได้ร่วมงานใกล้ชิดได้รู้จักตัวตนบางส่วนของเขา แม้จะไม่มีอะไรดีอย่างใครกล่าวไว้ แต่ฟาโรกลับมีเสน่ห์ดึงดูดใจให้หลงใหลไปกับความเป็นตัวเองของเขาไม่ใส่ใจผู้ใด ไม่สนใครหน้าไหน วางกรอบชีวิตไว้ในโลกส่วนตัวซึ่งสิ่งเหล่านั้นทำให้เธออยากค้นหาตัวตนแท้จริง แม้การดูหมิ่นเหยียดหยามคำพูดดูแคลน หรือสายตาเฉยชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลกจะสร้างความเจ็บช้ำให้โกรธเคืองนักหนาแต่ไม่เคยสักครั้งที่จะเกลียดเขาได้ลงคอ กลับยิ่งมองหาและอยากอยู่ใกล้เขาความรู้สึกเหล่านั้นคืออะไร เป็นสิ่งที่ศศิชาไม่อาจตอบตนเองได้เช่นกัน


“นี่แกฟังอยู่หรือเปล่าเลดี้!ทำไมไม่ตอบคำถามของซี” นลัทยังคงฉุนเฉียวกับท่าทางเฉยเมยที่ไม่เป็นตัวของตัวเองแววตาลังเลคล้ายมีความลับบางอย่างปกปิดเอาไว้ ยิ่งเพิ่มความหวาดระแวงแก่สาวมาดเท่ให้เกิดอาการหึงหวงอย่างเห็นได้ชัดเจน


“ดี้บอกแล้วไงว่าดี้อธิบายไม่ได้ว่าความรู้สึกของดี้คืออะไร รักงั้นเหรอ คงไม่ใช่หรอกมั้ง”


“แล้วที่แกเลี่ยงตอบคำถามมันหมายความว่าไง หรือจริงๆ แกตกเป็นของนายนั่นไปแล้ว!”นลัทโผเข้าหาเพื่อนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่ากอดเข่า เธอจับแขนของศศิชาเขย่าแรงๆ อย่างลืมตัวและมันคือการกระทำครั้งที่สองซึ่งทำให้ศศิชาประหลาดใจต่ออารมณ์รุนแรงของเพื่อนสนิทเมื่อแรงบีบที่แขนค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ


“ดี้เจ็บ!”ศศิชาสะบัดแขนจนเป็นอิสระ “ดี้ไม่ได้มีอะไรกับเขา หรือต่อให้อยากมีเขาก็ไม่ได้สนใจดี้อยู่แล้ว!” ทั้งสองเริ่มมีปากเสียงรุนแรง เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจตนเองคนหนึ่งทบทวนความรู้สึก อีกคนกลับหวาดระแวงจนไม่เหลือความไว้เนื้อเชื่อใจ


“มันก็คงไม่ต่างกัน! แกสนใจคนที่เขาไม่เคยเหลียวแลซีก็รักคนที่ไม่เคยรักซีเหมือนกัน!” ความในใจที่นลัทสารภาพออกมาทำให้ศศิชาชะงักคำพูดกลางอากาศดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำบอกรักในเชิงชู้สาวอย่างนี้แม้ความหวังดีและความห่วงใยที่สาวมาดเท่มีให้จะมากเป็นพิเศษแต่เธอก็ไม่เคยเอะใจว่าทุกอย่างลึกซึ้งเกินกว่านั้น


“ไม่จริงใช่ไหมซี? ซีไม่ได้รักดี้แบบนั้น”ภายในหัวใจเกิดความรู้สึกหวิวไหวจนปั่นป่วน ชั่วครู่ที่ถูกอาการชาเล่นงานจนแทบขยับร่างกายไม่ได้ศศิชาค่อยๆ ลุกจากโซฟาและจับข้อแขนของนลัทเอาไว้ พยายามเหนี่ยวรั้งไม่ให้เพื่อนได้เดินหนีไปไหนก่อนจะเข้าใจทุกเรื่องราวที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้


“ใช่!ซีรักแก รักในแบบคนรัก ไม่ใช่เพื่อนสนิทอย่างที่แกเข้าใจ”นลัทสะบัดแขนจนหลุดพ้นการจับกุม โดยไม่หันหน้ามาเผชิญกับศศิชาแม้แต่ปรายสายตา “แกชอบพูดว่าตัวเองน่าสมเพชที่ไปรักฟาโรแต่จริงๆ แล้วซีคงน่าสมเพชมากกว่าแกหลายเท่า ที่หัวใจมันมารักผู้หญิงด้วยกันแบบนี้”สองสาวนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “แต่แกไม่ต้องสงสารหรือเห็นใจหรอกนะซีรู้ตัวว่ามันเป็นไปไม่ได้ในทุกทาง และซีจะหาทางจัดการกับหัวใจตัวเอง”พูดจบประโยคนลัทก็เดินดิ่งออกจากห้องพัก ปล่อยให้หญิงสาวอีกคนรู้สึกสมองตื้อ ค่อยๆทิ้งกายลงนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดแรง


เรื่องราวในความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาในความคิดตั้งแต่เธอได้รู้จักกับนลัทและสนิทสนมจนเป็นเพื่อนรักในวันนี้ ศศิชาไม่เคยมองเห็นความรู้สึกลึกซึ้งของเพื่อนในด้านนี้สักครั้งหรือแท้จริงแล้วเธอไม่เคยสังเกตหรือมองเห็นมากกว่า ทั้งความห่วงใยและความรักที่นลัทมอบให้ก็บ่งบอกอยู่แล้วตามความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้โดยที่เธอไม่เคยรู้ตัว



มุมผับเลาจน์ภายในห้องอาหารของโรงแรมประดับไฟนีออนสีฟ้าอ่อนทำให้เกิดแสงสลัวสบายตาเมื่อเข้าไปนั่งอยู่ในบริเวณนั้นผู้คนดูบางตาไปจากทุกวัน เนื่องจากถูกทีมงานของกองถ่ายแฟชั่นเหมาจองพื้นที่ไว้เป็นการส่วนตัวสองวันเต็มเก้าอี้เดี่ยวทรงสูงวางเรียงรายอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ มีพนักงานของโรงแรมคอยให้บริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงบาร์เทนเดอร์เสิร์ฟวิสกี้ที่มีอยู่ค่อนแก้วให้กับชายหนุ่มซึ่งแวะเวียนมาใช้บริการในค่ำคืนนี้


ฟาโรพ่นควันบุหรี่สีขาวขุ่นพร้อมกับปล่อยความคิดล่องลอยไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่เร่งรีบกับการนั่งผ่อนคลายอารมณ์ เขายกแก้วแอลกอฮอล์สีชาจิบดื่มอย่างปล่อยวางทุกเรื่องที่เป็นปัญหากวนใจภายใต้ความนิ่งเฉยของดาราชื่อดังไม่อาจมีใครรับรู้ถึงความคิดภายในใจซึ่งกำลังหวั่นไหวเวลานี้


ภาพเรือนร่างของหญิงสาวในเงาสลัวยังคงติดอยู่ในความคิดตลอดเวลาไม่เคยมีผู้หญิงคนใดทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวได้เท่านี้มาก่อน ในความกล้าหาญที่แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวเตือนสติให้เขาต้องถอยหนีเธอ ไม่สนองตอบความต้องการที่อยากเอาชนะอย่างไม่เต็มใจในส่วนลึกของจิตใจ ฟาโรยอมรับอย่างเต็มอกว่าเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะอดกลั้นต่อตัณหาราคะทว่าความรู้สึกบางอย่างสั่งให้เขาต้องถอยร่นจากเธอที่กำลังจะเปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตา


จิตใต้สำนึกฝ่ายดีเตือนให้เขารับรู้ว่าผู้หญิงอย่างศศิชาไม่ควรเสียใจหรือเจ็บปวดเพราะผู้ชายอย่างเขาโดยที่ฟาโรเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะเหตุใดต้องรู้สึกเช่นนั้น และในบางครั้งก็รู้สึกคุ้นชินกับเธออย่างประหลาดทั้งที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อนแววตาและรอยยิ้มสดใสไม่ควรต้องหม่นหมองโดยมีเขาเป็นต้นเหตุ


“เครียดหรือไง”เสียงคุ้นหูทำให้ความรู้สึกปั่นป่วนที่กำลังควบคุมความคิดของชายหนุ่มหยุดชะงักกลางคันฟาโรนำแก้วทรงสั้นในมือวางลงกับพื้นเคาน์เตอร์และชำเลืองมองคนด้านข้างก่อนจะหันกลับไปทำนิ่งเฉยตามเดิม


“คุณก็คงไม่ต่างกันสินะถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้”ฟาโรนำก้นบุหรี่ในมือจี้ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะขยับร่างกายเล็กน้อยคลายความเมื่อยล้าโดยไม่ได้หันมองคู่สนทนาที่หย่อนกายลงบนเก้าอี้ด้านข้างและสั่งเครื่องดื่มอย่างเตกีล่ากับบาร์เทนเดอร์เพื่อดับอารมณ์ขุ่นเคืองในใจ


“นายทำได้ไงที่ไม่แตะต้องเลดี้”นลัทถามอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม เมื่อคำถามนั้นยังคงเป็นปัญหาคาใจอยู่จนนาทีนี้เสือผู้หญิงอย่างฟาโรไม่น่าจะปล่อยกวางน้อยที่ยอมตกเป็นเหยื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือไปได้ง่ายๆแม้นลัทจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เรื่องราวที่ได้รับฟังจากศศิชาก็พอนึกภาพออก และสิ่งหนึ่งซึ่งยังไม่เข้าใจเหตุใดฟาโรจึงยอมถอย ทั้งที่ควรเดินหน้าต่อ เมื่อมีหญิงสาวมาเปลือยกายอยู่ตรงหน้าซึ่งผิดจากวิสัยของเขาอย่างสิ้นเชิง


“ไม่ดีหรือไงที่ผมไม่คิดล่วงเกินคนที่คุณรัก”นลัทเหล่มองคนรู้ทันก่อนจะหันกลับมาใส่ใจเครื่องดื่มอีกครั้งเธอยกแอลกอฮอล์ดื่มลงคอรวดเดียวหมดแก้ว จะว่าดีก็ใช่...ที่ฟาโรไม่แตะต้องหญิงสาวคนที่หวงแหนแต่มันยังมีอะไรที่มากเกินกว่าจะเข้าใจในตอนนี้


“ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนายดูแปลกไปเวลาอยู่ใกล้เลดี้” นลัทขอเพิ่มเครื่องดื่มอีกแก้วกับบาร์เทนเดอร์โดยไม่ลืมวิสกี้ให้กับคนข้างๆ เธอปรายสายตามองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งไม่แสดงความรู้สึกหรืออธิบายสิ่งใดโดยปล่อยให้นลัทคิดไปเองฝ่ายเดียวว่าเขากำลังหวั่นไหวกับเพื่อนสนิทของเธออย่างไม่รู้ตัว


“ผมแปลกไงล่ะก็ไม่ได้แสดงท่าทีผูกมิตรกับเธอเท่าไหร่ เห็นยายนั่นทีไรพาลหงุดหงิดทุกที”


“ก็เพราะไอ้ท่าทางไม่สนใจนั่นล่ะที่แปลกปกติเวลานายเจอผู้หญิงก็หวานใส่ทุกรายไม่ใช่หรือไง แต่กับเลดี้แตกต่าง”นลัทพูดตามสิ่งที่สังเกตเห็นตั้งแต่เคยแนะนำให้ฟาโรได้รู้จักกับเพื่อนสนิทโดยเล่าเรื่องราวที่ศศิชาชื่นชอบดาราดังอย่างเขามากจนเรียกได้ว่าคลั่งไคล้ให้ฟังแรกๆ ฟาโรก็เฉยเมยไม่อยากรับรู้เรื่องราวของศศิชาสักเท่าไหร่เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระเสียด้วยซ้ำ แต่พอได้ยินบ่อยเข้า เขาก็ยอมรับฟังนิ่งๆโดยไม่แสดงท่าทีใดๆ จนเมื่อได้มาทำงานร่วมกัน กลับกลายเป็นดึงให้ศศิชามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวเสียอย่างนั้นนลัทจึงแปลกใจและไม่เข้าใจเหตุผลของเขา


“ว่าแต่คุณไม่โกรธหรือไงที่ผู้หญิงคนนั้นหลงผมจนคิดสั้นอย่างที่คุณรู้”ฟาโรหยั่งเชิงเมื่อเห็นนลัทเลือกดื่มเหล้าแทนการอยู่กับเพื่อนสนิทซึ่งแอบรักโดยที่เธออาจไม่เคยรับรู้หนำซ้ำยังมีเรื่องไม่ดีให้ระคายหูเมื่อศศิชายอมเล่าเหตุการณ์ระหว่างเขากับเธอให้ฟัง


“โกรธสิแต่ทำไงได้ ในเมื่อเธอไม่ได้รักฉัน แต่เธอชื่นชอบนาย เผลอๆอาจรักโดยไม่รู้ตัวก็ได้” ดาราหนุ่มนิ่งคิดตามคำพูดของสาวมาดเท่อย่างพิจารณาระหว่างศศิชากับเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ความรู้สึกเชื่อมถึงกันอย่างที่อธิบายไม่ได้ “ฟาโร ฉันขอร้องนายอย่างได้ไหม”นลัทชำเลืองมองคนด้านข้างที่มองเธอตอบอย่างแปลกใจ


“อะไร?”


“ฉันขอให้นายทำดีกับเลดี้บ้างทำให้เธอได้รับความสุขจากคนที่เธอหลงใหลมาหลายปี ได้หรือเปล่า”


“คุณก็รู้ว่าผมไม่อยากถูกผูกมัดและไม่ชอบจมปักอยู่กับผู้หญิงคนไหนนานๆ คุณไม่กลัวเพื่อนสนิทของคุณเสียใจงั้นเหรอ”วิสกี้ในแก้วถูกฟาโรจิบดื่มอย่างละเลียด ทำทีว่าไม่รู้สึกใดๆทั้งที่ในใจเกิดมีคำถาม ‘ทำไม เขาต้องยอมทำดีกับเธอคนนั้นเพียงให้สาวมาดเท่สบายใจและยอมเสียสละเพื่อความรัก’


“หากเธอยอมเจ็บปวดเพราะผู้ชายอย่างนายฉันคงห้ามอะไรไม่ได้ หรือต่อให้เลดี้เลิกสนใจนาย เธอก็คงไม่รักฉันอยู่ดี”นลัทกล่าวเสียงซึม เธอนำมืออังข้างแก้วเครื่องดื่มระหว่างสนทนา โดยไม่รู้สึกถึงความเย็นจัดจากไอน้ำแข็งที่ระเหยออกมา“ฉันอยากเห็นเลดี้ยิ้มและมีความสุขมากกว่านี้”


“ถ้าอยากให้เพื่อนมีความสุขจริงๆผมว่าคุณควรจัดการขั้นเด็ดขาดกับพวกที่อยากเป็นปาปารัสซี่นะ”


“นายหมายความว่าไง?”สีหน้าประหลาดใจหันมองดาราหนุ่มอยากคลายความกระจ่างซึ่งฟาโรสรรสร้างขึ้นมาให้เป็นปริศนาอยู่เรื่อยโดยไม่คิดไขข้อข้องใจสิ่งเหล่านั้นสักอย่าง


“พรุ่งนี้คงมีข่าวให้เห็นหรือได้ยินเองนั่นล่ะ”ฟาโรทิ้งท้ายก่อนจะยกวิสกี้ดื่มจนหมดแก้ว ปล่อยให้นลัทงุนงงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเปรยบอกราวกับมีลับลมคมนัย ได้แต่หันมองดาราหนุ่มเดินจากไปจนพ้นสายตาโดยไม่อธิบายใดๆ ทั้งสิ้น



ประตูห้องพักปิดลงอย่างเงียบเชียบ ไม่อยากให้เธอที่นอนหลับไหลอยู่บนโซฟาต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางคันสาวมาดเท่ใช้เวลานั่งอยู่ในผับเลาจน์อีกครู่ใหญ่หลังจากฟาโรกลับห้องพักไปแล้วนลัทจมอยู่ในความคิดเกี่ยวกับสารภาพความในใจจนไม่มีเหลือเก็บไว้อีกและสายตาตื่นตระหนกของศศิชาก็เป็นคำตอบชั้นดีว่าไม่เคยมีใจเป็นอื่นนอกจากเพื่อนสนิทเท่านั้น


นลัทปรายสายตามองไปยังร่างบอบบางที่นอนขดกายอยู่บนโซฟาเธอผู้หลับไหลคงรู้สึกหนาวกับอุณหภูมิภายในห้องที่ค่อนข้างเย็นจัด แม้อยากปล่อยผ่านทำเป็นไม่มองแต่ก็อดเฉยไม่ได้ นลัทจึงเดินเข้าไปสะกิดให้ศศิชารู้สึกตัว เพื่อไปนอนต่อยังเตียงของเธอ


หญิงสาวงัวเงียลุกจากโซฟาก้าวเดินต่ออย่างคนไร้เรี่ยวแรงจนถึงเตียงนอนและทิ้งกายลงหลับไหล โดยไม่ใส่ใจเพื่อนที่ลอบมองเธออยู่ห่างๆพร้อมผ่อนลมหายใจยาว แม้จะมีปัญหากันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เพียงอยู่ในสภาวะหลับไหลก็ทำให้เธอลืมปัญหาที่ว่าหมดสิ้นคืนนี้คงไม่มีปากมีเสียงหรือเคืองใจต่อกันและก็หวังให้วันพรุ่งนี้กลายเป็นวันปกติสำหรับความรู้สึกดีๆ ระหว่างเพื่อนคงเดิม


“ซีขอให้แกโชคดีกับผู้ชายที่แกชื่นชมนะ...เลดี้”นลัทพึมพำกับตนเอง ควรถึงเวลาทำใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มต่อสู้ด้วยซ้ำเพื่อรักษาสัมพันธ์ให้คงอยู่อย่างเพื่อนรักตลอดไป


การถ่ายแบบแฟชั่นเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันโดยสถานที่ยังคงเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวซึ่งมีกลิ่นไอความเป็นเอกลักษณ์อย่างไทยโบราณ ฟาโรโพสท่าเท่ในหลายมุมหน้ากล้องสตูดิโอแสงแฟลชสว่างวับเป็นระยะ สลับกับการเปลี่ยนฉากและให้นางแบบสาวหน้าใหม่ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเข้าไปประกบคู่เพิ่มความลงตัวเพื่อให้ภาพออกมามีสีสันและเย้ายวนใจ


ชายหญิงซึ่งเป็นแบบคู่อยู่หน้ากล้องยืนโอบกอดคลอเคลียท่ามกลางธรรมชาติสบายตา ทว่ากลับทิ่มแทงจิตใจของหญิงสาวบางคนให้ต้องหลบมองทางอื่นพยายามไม่ใส่ใจต่อคนดังที่กำลังทำงานกันอย่างเต็มที่


“เมคอัพหน่อยเร็ว!”เสียงโหวกเหวกเริ่มต้นเมื่อหยุดพักกองการถ่ายลงชั่วคราวผู้มีหน้าที่ประโคมเครื่องสำอางต่างวิ่งปรี่เข้าไปจัดการหน้าที่ โดยแยกคู่นายแบบและนางแบบให้นั่งลงบนเก้าอี้พับคนละมุม


ทีมงานทั้งหลายวิ่งวุ่นจัดสัมภาระเพื่อโยกย้ายเปลี่ยนมุมถ่ายทำ ซึ่งมีนลัทตามไปจัดสถานที่และศศิชาเดินตามในระยะห่างสายตาคมเข้มของฟาโรมองตามหญิงสาวแว่นใสแทบจะตลอดเวลาจนนางแบบหน้าใหม่จับพิรุธได้


“ดูคุณจะให้ความสนใจกับผู้จัดการสาวมากเป็นพิเศษนะ”


พิมพ์มาดา...นางแบบหน้าใหม่ไฟแรงดีกรีลูกสาวนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นของประเทศ ทำให้โด่งดังและเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิงอย่างรวดเร็วแม้เธอจะเพิ่งรู้จักกับฟาโรเป็นการส่วนตัวได้เพียงไม่นานแต่ท่าทางและแววตาที่เขามองใครบางคนก็ทำให้ผิดสังเกตจนต้องถามไถ่เพื่อขจัดข้อสงสัยในใจ


ฟาโรวางสีหน้านิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาใดตอบสนองระหว่างเดินนำนางแบบสาวเข้าไปยืนในตำแหน่งถ่ายแบบซึ่งทางทีมงานจัดเตรียมไว้พร้อมเริ่มทำงานต่อโดยพิมพ์มาดาก้าวตามไปติดๆ แสงจากไฟประกอบฉากเปิดสว่างเพื่อช่วยเพิ่มสีสันของการถ่ายแบบและยังเป็นตัวกำหนดให้ฟาโรดึงร่างอ้อนแอ้นของนางแบบสาวเข้าไปโอบกอดแนบชิดแผงอกกว้างโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว


“จะให้ผมสนใจใครในเมื่อผู้หญิงที่น่าสนใจมากกว่าอยู่ตรงนี้” น้ำเสียงแผ่วข้างใบหูทำให้ความร้อนในร่างกายของพิมพ์มาดาระอุขึ้นอย่างอัตโนมัติดวงตาคมเฉี่ยวจากการกรีดอายไลน์เนอร์หนาต้องแสร้งมองทางอื่นเพื่อเลี่ยงการปะทะกับแววตาทรงเสน่ห์ที่มองมาพาหัวใจวูบไหวรอยยิ้มเขินอายระบายออกมาอย่างพึงใจ การถ่ายแบบแฟชั่นเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อนายแบบและนางแบบพร้อมแสดงสปิริตเต็มที่


นลัทยืนมองการทำงานของเหล่าทีมงานที่กำลังดำเนินไปด้วยดีและบางจังหวะก็หันมองศศิชาที่ง่วนทำงานอื่นโดยไม่คิดมองฟาโรถ่ายทำอย่างเคยเสมือนว่าเขาไร้ตัวตน หรืออีกนัยหนึ่ง...เธอพยายามต่อต้านความสนใจ และคำพูดของฟาโรระหว่างปรับทุกข์กันเมื่อคืนนี้ก็ผุดขึ้นในความคิดอีกครั้ง‘ถ้าอยากให้เพื่อนมีความสุขควรจัดการขั้นเด็ดขาดกับพวกที่อยากเป็นปาปารัสซี่’ ประโยคซึ่งยังไม่เข้าใจและไม่มีการขยายความใดๆให้กระจ่าง


การถ่ายแบบเสร็จสิ้นพร้อมทีมงานทยอยเก็บอุปกรณ์เพื่อเตรียมเดินทางกลับกรุงเทพมหานครมีเพียงคนเดียวที่มุ่งความสนใจยังหญิงสาวซึ่งกำลังตรวจเช็คตารางงานของฟาโรเพื่อจัดคิวในวันถัดไป


“ผมขอคุยกับคุณแปบได้ไหม”ศศิชาชำเลืองมองชายหนุ่มที่แสดงความนิ่งเฉยผิดกับน้ำเสียงซึ่งดูอ่อนลงกว่าทุกครั้งราวกับมีเรื่องพูดคุยอย่างจริงจังแว้บแรกที่นึกคิด ชายหนุ่มผู้นี้อาจขอเจรจาสงบศึกศศิชาพยักหน้าตกลงพร้อมเดินตามหลังคนตัวสูงไปติดๆยังบริเวณที่เกือบจะลับหูลับตาตามลำพัง


“นายมีอะไรกับฉัน”หญิงสาวเลิกคิ้วถาม อยากรับฟังในสิ่งที่อาร์ตขอเวลาสักครู่ ตั้งแต่มีปัญหา เธอกับเขาแทบไม่ได้พูดจาด้วยดีสักครั้งสายตาเรียบเฉยทำให้นึกถึงวันแรกที่ได้รู้จักกันหากไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งหรือความระแวงซึ่งคิดว่าอาร์ตเป็นตัวการเผยภาพฉาวของฟาโรกับไมกิเธอกับเขาคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้


“ผมอยากให้คุณระวังตัวอย่าเข้าใกล้ฟาโรให้มากนัก ตอนนี้คุณกำลังตกเป็นเป้าสายตาให้พวกอยากได้ข่าวอื้อฉาว”


“ทำไมฉันต้องตกเป็นเป้าสายตาในเมื่อฉันไม่ได้เป็นคนเด่นดังอะไร”


“เวลานี้ไม่ต้องเด่นหรือดังหรอกเพียงแค่มีผู้หญิงอยู่ใกล้ฟาโร ก็เป็นข่าวได้สบาย”


“แล้วทำไมนายต้องมาเตือนฉันไม่ทราบฉันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเอื้อให้นาย แถมยังระแวงนายด้วยซ้ำ เกี่ยวกับภาพแอบถ่ายที่เคยเป็นข่าว”ดวงตาคมหวานภายใต้กรอบแว่นจ้องมองอย่างใคร่รู้


“ผมก็แค่ห่วงไม่อยากให้คุณติดร่างแห แต่ถ้าคุณไม่แคร์ ผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้”อาร์ตกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนเดินจากไป เขาไม่รับรู้ว่าสิ่งที่เอ่ยบอก เธอยินดีจะรับฟังหรือไม่เพราะถือว่าได้เตือนเธอไว้ล่วงหน้าแล้ว


ศศิชามองตามหลังอาร์ตที่เดินจากไปแต่ยังไม่ทันพ้นสายตาก็เห็นว่าเขาถูกชายอีกคนยืนดักอยู่เบื้องหน้า และยิ่งทำให้เธอตื่นตระหนกมากกว่าเดิมเท่าตัวเมื่อฟาโรคว้าคอเสื้อของอาร์ตและดันร่างกายเขาให้กระแทกชิดกำแพง คล้ายกับโกรธเคืองอะไรสักอย่างทำให้เธอรีบสาวเท้าไปหาคู่กรณีอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยนางแบบสาวพิมพ์มาดาและไมกิรวมถึงทีมงาน และพนักงานของโรงแรม ต่างวิ่งมามุงดูอย่างให้ความสนใจ


“ดาร์ลิ่ง!อย่าทำอะไรน้องเขาเลย น้องเขาหวังดีกับไมกิ” ไมกิส่งเสียงหวานห้ามปรามอยากยุติสงคราม ท่ามกลางความงุนงงของผู้คนที่ยืนดูเหตุการณ์อย่างอยากรู้อย่างเห็น


“ใครใช้ให้นายมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของฉัน!”ฟาโรตวาดเสียงกร้าว จดจ้องชายหนุ่มอีกคนที่มองเขานิ่งๆ ไม่คิดต่อสู้ ปล่อยให้ดาราหนุ่มระบายอารมณ์โกรธเคืองใส่อย่างนั้น


ชั่วพริบตาที่ศศิชาเห็นว่าฟาโรปรายสายตามองเธอพาใจกระตุกหวั่นไหว ก่อนเขาจะหันกลับไปคาดโทษอาร์ตอีกครั้งโดยไม่มีผู้ใดละแวกนั้นรู้ถึงสาเหตุแท้จริงเวลานี้ 


To be continued...




Create Date : 02 มีนาคม 2557
Last Update : 2 มีนาคม 2557 19:40:03 น.
Counter : 611 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments