เมษายน 2557

 
 
1
2
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 24
๒๔

ลูกไก่ในกำมือ


ภายในห้องนอนกว้างใหญ่บรรยากาศเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานไม่มีหยุดพักตั้งแต่เปิดใช้งานเมื่อคืนนี้แสงสว่างจากนอกหน้าต่างปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อหญิงวัยกลางคนปรือเปลือกตาตื่นนอนตามความเคยชินดูท่าเช้านี้จะนอนเพลินจนตะวันเริ่มสายโด่งตามความคิดของคุณศจี


แม้ท่านจะอายุเฉียดไม้ใกล้ฝั่งทว่าสายตายังมองเห็นทุกสิ่งไม่พร่ามัวมากนัก ไม่ต้องอาศัยแว่นสายตาเฉกเช่นผู้สูงอายุทั่วไปเสียงผ่อนลมหายใจแผ่วเบาข้างๆ ดึงหญิงมากวัยมองตามร่างบอบบางที่หมอบฟุบอยู่กับเตียงนอนร่างกายขยับเคลื่อนไหวตามจังหวะหายใจ เมื่อสำรวจจนแน่ใจว่าเป็นหลานสาว ฝ่ามืออวบอูมก็เอื้อมสัมผัสผมสลวยพร้อมลูบไล้เบาๆ


แรงสัมผัสอ่อนโยนทำให้หญิงสาวที่เผลอหลับระหว่างนั่งเฝ้าญาติผู้ใหญ่ทั้งคืนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงียพร้อมยกมือลูบใบหน้าของตนเพื่อขับไล่ความง่วงนอน


“มานั่งฟุบอะไรตรงนี้ไม่ขึ้นมาหลับนอนข้างยายให้สบายตัว”น้ำเสียงเย็นออกปากพูดคุยพร้อมขยับกายลุกขึ้นนั่งโดยมีหลานสาวช่วยประคับประคองอีกแรง


“ดี้คิดว่าจะนั่งเฝ้าคุณยายสักพักแต่ดันเผลอหลับไปซะก่อนน่ะค่ะ”


“เหนื่อยใช่ไหมเราคงเจอปัญหาหนักสินะ” จากสถานการณ์ตึงเครียดเมื่อคืนนี้ ผู้ใหญ่ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ดีว่าเหตุการณ์จะออกมาสาหัสเพียงไรหากท่านไม่วิงเวียนศีรษะหรือรู้สึกไม่สบายตามร่างกายคงอยู่รอคอยหลานสาวจนกว่าจะกลับถึงคฤหาสน์


ศศิชาหลบตานิ่งคิดสีหน้าแสดงออกถึงความละอายใจเมื่อตนเองทำให้บุคคลในครอบครัวต้องปั่นป่วนหลังจากหายตัวออกจากงานเลี้ยงฉลองทว่าความห่วงใยต่อคุณยายมีมากกว่าจะกลัวความผิดเธอจึงหย่อนกายนั่งลงด้านข้างคุณศจีเพื่อสารภาพในสิ่งที่เกิดขึ้นเกือบทั้งหมด


“ดี้ขอโทษนะคะสำหรับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ดี้ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้น”


“เล่าให้ยายฟังได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรกับหลาน”น้ำเสียงเย็นกล่าวอย่างอ่อนโยน อยากรับทราบถึงเหตุผลจากปากของหลานสาวโดยไม่คิดตำหนิสิ่งใดทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุด้วยกันทั้งสิ้น


ศศิชาระบายลมหายใจเบาๆพร้อมมองหน้าคุณยายที่ส่งยิ้มอารีให้ เพียงความไว้เนื้อเชื่อใจที่ได้รับทำให้ความกังวลเลือนสลายกลายเป็นกำลังใจพร้อมอธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้คุณศจีรับฟัง


ความรู้สึกภายในจิตใจถูกถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวตั้งแต่ศศิชาเริ่มคลั่งไคล้ฟาโรจนมีโอกาสได้ร่วมงานกันความหลงใหลที่มอบให้กับดาราชื่อดังทำให้ญาติผู้ใหญ่แอบขำขันและนึกย้อนกลับไปถึงอดีตของตนอารมณ์ชวนฝันของเด็กสาววัยแรกแย้มคงเคย ‘แอบรัก’ไม่ว่าจะคนใกล้ชิด เพื่อนสนิท รุ่นพี่ หรือแม้แต่ดาราขวัญใจ เฉกเช่นหลานสาวคนนี้


“แค่คลั่งไคล้ดาราหนุ่มเท่านั้นรึ”สายตาพราวพร้อมรอยยิ้มกริ่มทำให้ความวูบวาบระอุอุ่นบนนวลหน้าเนียนจนเกิดสีแดงระเรื่อศศิชาหลบสายตารู้ทันของผู้ใหญ่ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน เพียงท่าทางที่แสดงออกของเธอคุณศจีคงรับรู้ได้ทันทีว่าความรู้สึกที่มีให้แก่ฟาโรคงไม่ใช่แค่คลั่งไคล้เท่านั้น


“ค่ะ...แค่ชื่นชอบเขาเท่านั้นเอง”


“แน่ใจรึว่าไม่ได้หลงรักเจ้าหนุ่มนั้นไปแล้ว”


“คุณยาย...”เสียงหวานลากยาวส่อแววเขินอายพร้อมเก็บอาการลอบยิ้มที่ปิดอย่างไรก็ไม่มิด


“แล้วตกลงพ่อหนุ่มนั่นมีความสัมพันธ์กับยายวีตามข่าวที่ได้ยินมาไหมแว่วว่าเป็นคนรักและเป็นเจ้าของช่อดอกไม้แห่งรักด้วยมิใช่รึ”คำถามของคุณศจีสร้างความหวิวไหวในใจ สีหน้าเก็บอาการเขินเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นสลดพร้อมรู้สึกหดหู่ในคราวเดียวกันหากไม่มีต้นตอ ข่าวลือคงไม่เกิด และถ้าไม่มีแรงกระเพื่อม กระแสความแรงคงไม่ดังจนเป็นข่าวใหญ่โตเพียงข้ามคืน


“ข่าวคงเป็นจริงมั้งคะดี้ก็เห็นทั้งสองสนิทสนมกันดี” หากภาพข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงมนตราของซาตานที่เสกร่ายขึ้นมาเธอคงปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เป็นประเด็นในการสนทนาเวลานี้ทว่าความใกล้ชิดของฟาโรกับวรดาก็สนิทชิดเชื้อถึงขั้นไปมาหาสู่และเคยอยู่ด้วยกันภายในห้องสองต่อสองทำให้ความคิดและความจริงตรงกันจนแอบออกปากเข้าข้างตนเองไม่ได้สักทาง


ระหว่างพูดจากับญาติผู้ใหญ่ถึงเรื่องราวความในใจเกี่ยวกับฟาโรหัวใจหวั่นไหวกลับมีภาพใครอีกคนทับซ้อนขึ้นมา ซาตานผู้มีท่าทางเย็นชา ทว่าแววตาและรอยยิ้มช่างอ่อนโยนป่านนี้ซันเซ็ทจะเป็นอย่างไรบ้าง และเมื่อคำร้องขอของนอร่าแทรกผ่านอากาศ ทำให้ ‘ความคิดถึง’ ที่มีต่อซันเซ็ทเลือนสลายในทันที


“แล้วเมื่อไรหลานจะมาทำงานที่บริษัทเสียทียายอยากให้หลานมารับช่วงกิจการต่อ หากวันหนึ่งวันใดยายเกิดล้มหายตายจากจะได้หมดห่วง”คำพูดคล้ายเป็นการสั่งเสียดึงใจกระตุกวูบ ไม่อยากให้เกิดการพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักอีกแล้ว


“ทำไมคุณยายพูดอย่างนั้นละคะเราสองคนยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนานค่ะ และดี้ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะไปลาออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฟาโร”


คุณศจีมองหลานสาวที่พูดจาหนักแน่นและคิดว่าการตัดสินใจของเธอคือทางแก้ปัญหาของเรื่องราวที่อาจดังกระฉ่อนหลังจากงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้และเพื่อความสบายใจของคุณศจีเอง ท่านจึงไม่คิดห้ามปรามเมื่อต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว


===== 


ศศิชาออกจากห้องนอนของตนหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จสิ้นเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางออกจากบ้านตามที่ได้บอกกล่าวคุณศจีไว้ขณะดึงประตูปิดหางตาก็เห็นใครบางคนเดินมาหยุดยืนด้านข้างฉุดความสนใจให้เธอหันมองเมื่อเห็นว่าเป็นวศินเธอจึงเบือนหน้าหนีและให้ความสนใจกับการปิดประตูต่อจำได้ว่ายังเคืองเขาไม่หายกับเรื่องวิวาทเมื่อคืนนี้


“จะไปไหนแต่เช้าฮึ”วศินเริ่มพูดจาเมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสกรุ่นโกรธจากท่าทางและแววตานิ่งเฉยของน้องสาวที่เขาห่วงกังวลที่หนึ่งเพราะความหวังดีซึ่งเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องเคืองใจระหว่างศศิชากับมารดาของตน“เมื่อคืนก็กลับดึกดื่น ไม่พักสักวันหรือไง เดี๋ยวพี่โทรลางานกับซีให้เอาไหม”


“ไม่เป็นไรค่ะดี้อยากไปเคลียร์ทุกอย่างให้จบ” ศศิชาเบี่ยงกายพร้อมเดินหนีพี่ชายโดยไม่มองหน้าเขายังนึกเคืองอย่างไม่ทราบสาเหตุเพียงแค่เขาคือลูกชายของบุคคลที่ทำร้ายเธอเมื่อคืนนี้แม้ไม่อยากพาลพาโลแต่ก็อดไม่ได้เมื่อใบหน้าของทิพปภายังวนเวียนอยู่ในความรู้สึกเจ็บช้ำเพียงเพราะญาติผู้ใหญ่ไม่เคยรับฟังเหตุผลของเธอก่อนจะว่ากล่าวตักเตือนหรือลงไม้ลงมือสั่งสอน


วศินคว้าแขนของน้องสาวไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหนในเมื่อเธอยังไม่เข้าใจความหวังดีของเขา “โกรธอะไรพี่หรือเปล่าทำไมถึงมึนตึงใส่กันอย่างนี้”


“เปล่าค่ะ”ศศิชายืนนิ่งกับที่พร้อมดึงมือออกจากการจับกุม ทว่าฝ่ามือของพี่ชายก็ยังดึงรั้งแขนของเธอไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย“พี่วินมีธุระอะไรกับดี้คะ”


“พี่แค่ห่วงกลัวว่าเราจะโกรธคุณแม่ เลยอยากอธิบายเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น”วศินพยายามแก้ตัวแทนมารดาที่ท่านใช้ความรุนแรงเกินเหตุ


หลังจากศศิชาหายตัวออกจากงานเลี้ยงและไม่สามารถติดต่อเธอได้เขากับนลัทก็ออกตามหาคนหายจนทั่วบริเวณใกล้เคียงโรงแรม เมื่อไปเจออุบัติเหตุบนท้องถนนที่ทำให้รถติดหนักจนเป็นอัมพาตไม่สามารถตามหาน้องสาวต่อได้ยิ่งสร้างความเป็นห่วงและกังวลเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว


เมื่อสอบถามผู้คนละแวกนั้นที่มุงดูเหตุการณ์ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา เนื่องจากเป็นเรื่องแปลกเมื่อรถยนต์หลายสิบคันชนกันระเนระนาดและผู้ประสบเหตุต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่สามารถควบคุมรถที่กำลังขับได้อย่างกะทันหันรถแต่ละคันหักเหไปคนละทิศทางราวกับถูกคลื่นลมโหมกระหน่ำซัดไป โดยชายคนหนึ่งอ้างว่ารถยนต์ของเขาเกือบชนหญิงสาวที่เดินทอดน่องอยู่ริมฟุตปาธ


วศินจึงอดคิดไม่ได้ว่าบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงอาจเป็นน้องสาวของตนทว่าไม่มีใครพบเจอหรือได้เบาะแสของหญิงสาวคนนั้นหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายสงบลงทำให้วศินใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย


ศศิชารับฟังเรื่องราวที่พี่ชายสาธยายนิ่งๆไม่แสดงอาการประหลาดใจให้ผิดสังเกต เมื่อสถานที่และช่วงเวลาที่วศินบอกเล่าเกี่ยวกับอุบัติเหตุเป็นจุดเดียวกันกับที่เธอเจอคู่ปรับระหว่างซาตานกับปีศาจหรือเพราะการต่อสู้ของทั้งสองทำให้อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างที่หาสาเหตุไม่ได้


“พี่วินไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ดี้ดูแลตัวเองได้ ดี้ไม่เป็นไร แล้วตอนนี้ดี้ก็กำลังจะไปลาออกเพื่อมารับหน้าที่อย่างที่คุณยายหวังไว้ฝากบอกคุณป้าด้วยนะคะว่าดี้ไม่ได้มีเจตนาสร้างความกังวลใจให้และไม่ได้ติดใจอะไรทั้งสิ้นมันสมควรแล้วกับการถูกลงโทษอย่างนั้น”ศศิชาพยายามสลัดความอคติออกจากใจและนึกเสียว่าญาติผู้ใหญ่สั่งสอนเพราะหวังดีอย่างที่วศินบอกกล่าว


“ไม่ติดใจอะไรก็ดีแล้วเอาเป็นว่าพี่ขอไถ่โทษแทนคุณแม่โดยการขับรถพาเราไปส่งที่บริษัท ตกลงไหม”วศินเขย่าแขนของน้องสาวเบาๆ ให้เธอหันมาสบตากับเขาและตอบตกลงตามที่ร้องขอศศิชาเหล่มองพี่ชายและฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้เกิดความหมางใจต่อกันอีก


ระหว่างทั้งคู่เดินลงจากบันไดหินอ่อนก็เห็นหญิงสาวหุ่นเพรียวย่างกรายเข้ามาจากประตูคฤหาสน์วรดาเสยผมดัดลอนใหญ่ลวกๆ และทุบเบาๆ ตรงท้ายทอยคลายอาการมึนเมาที่ยังไม่สร่างซา เมื่อเงยหน้าอีกครั้งก็เจอพี่น้องของตนเดินลงจากบันไดมาพร้อมกัน


“สองพี่น้องจะไปไหนกันเหรอ”วรดาทักทายขณะหยิบสายสะพายของกระเป๋าใบพอเหมาะออกจากไหล่และปล่อยลงข้างลำตัว


“ทำไมกลับมาป่านนี้ยายวีหายไปทั้งคืนแถมไม่ติดต่อกลับบ้านจนคุณแม่ปวดหัว” วศินไม่ตอบคำถามของน้องสาวแต่กลับไต่สวนเธอแทน


ศศิชาชักแขนออกจากฝ่ามือของพี่ชายเมื่อเห็นวรดาเหลือบมองพร้อมลอบยิ้มเธอคงต้องปล่อยให้พี่น้องได้ทักทายถามไถ่ถึงพฤติกรรมของวรดาที่เริ่มเหลวไหลมากขึ้นระยะหลังมานี้หล่อนเที่ยวกลางคืนแทบทุกวันโดยไม่บอกกล่าวให้คนในครอบครัวรับทราบสักคน


“วีไปหาฟาโรพอดีมีเรื่องเคลียร์กันนิดหน่อย” เพียงได้ยินชื่อของคนที่มีผลต่อจิตใจอย่างมากก็ทำให้ศศิชานิ่งเงียบและเงี่ยหูฟังทุกคำพูดของวรดาทว่ามีเพียงเท่านั้นที่หลุดออกจากปากของหล่อน ดวงหน้าคมด้วยเครื่องสำอางแต่งเข้มส่อแววไม่สู้ดีคล้ายมีเรื่องไม่สบายใจจึงไม่มีใครซักถามต่อปล่อยให้วรดาเดินสวนทางขึ้นห้องส่วนตัวด้วยสภาพอิดโรย


วศินละสายตาจากน้องสาวในไส้และมองศศิชาพร้อมพยักหน้าให้เธอเดินตามออกจากคฤหาสน์เมื่อเห็นว่าเสียเวลามากแล้ว


ระหว่างทางเดินจวนจะถึงรถยนต์ของวศินโทรศัพท์มือถือส่งเสียงเพลงรอให้เจ้าของเครื่องรับสายศศิชาล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารจากกระเป๋าสะพายใบโปรดและกดรับสายของเพื่อนสนิททันทียังไม่ทันได้เอ่ยทักทายนลัทก็ตวาดผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นชุดจนหูเกือบชา


ศศิชายกมือปิดปากพยายามอดกลั้นไม่ให้เสียงหัวเราะเล็ดรอดเกรงว่าเพื่อนในสายจะยิ่งทวีความกรุ่นโกรธกว่าเดิมเนื่องจากเธอไม่ติดต่อกลับหานลัทเลยทุกทางตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แม้ศศิชารู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วงกังวลมากเพียงใดแต่ ณจุดนั้นด้วยหลากหลายอารมณ์ถาโถมเธอก็ไม่มีกระใจจะรับสายหรือตอบข้อความของใครทั้งนั้น


“หยุดบ่นซะทีน่าเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่บริษัท ดี้มีเรื่องอยากบอกซี”ศศิชาตัดบทเมื่อเห็นแววความโกรธของนลัทไม่ยุติลงง่ายๆ หวังเพียงเพื่อนจะเข้าใจต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เธออยากสารภาพในกี่ไม่อีกอึดใจข้างหน้านี้


===== 


รถยนต์ทรงยุโรปสีขาวสว่างค่อยๆขับเคลื่อนออกจากหน้าตึกสูงตระหง่านเมื่อส่งหญิงสาวลงยังปลายทางเป็นที่เรียบร้อยตามตั้งใจศศิชารอคอยให้รถยนต์ของพี่ชายห่างไกลจนพ้นสายตาจึงย่างกรายเดินเข้าภายในอาคาร


ความปั้นปึงที่เคยมีใส่พี่ชายคล้ายจะเลือนสลายจนหมดสิ้นตั้งแต่ศศิชาก้าวขึ้นรถยนต์ของเขาวศินพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเมื่อต้องพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดระหว่างเธอกับมารดาของเขาโดยวศินอยากรับรู้ถึงความรู้สึกของน้องสาวที่มีต่อมารดาเกรงว่าเธอจะโกรธเคืองญาติผู้ใหญ่จนไม่ยอมให้อภัย


ตลอดการเดินทางวศินเล่าเรื่องราวต่างๆขณะตามหาเธอให้วุ่นเมื่อคืนนี้จนศศิชาเองรู้สึกผิดอยู่ในใจทว่าเธอคงบอกความจริงกับเขาไม่ได้ทั้งเรื่องของซันเซ็ทและภาพมายาที่ถูกซาตานเสกร่ายให้เป็นฟาโรเมื่อคืนนี้ศศิชาได้แต่นั่งนิ่งเก็บงำความลับไว้ต่อไป


ร่างบอบบางเดินผ่านประตูกระจกที่เลื่อนเปิดอัตโนมัติและมีหน่วยรักษาความปลอดภัยแย้มยิ้มทักทายศศิชาส่งยิ้มตอบกลับและค่อยๆ หุบยิ้มเมื่อเดินผ่านในระยะหนึ่ง เธอสาวเท้าเดินด้วยความคิดหลากหลายอย่างวนเวียนในใจกังวลสารพัดว่าวันนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง สาเหตุที่เธอออกจากคฤหาสน์ตั้งแต่เช้าส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากพบเจอบรรดาแฟนคลับของฟาโรเกรงว่าเธออาจถูกทึ้งร่างเป็นชิ้น โทษฐานมีข่าวโดยที่ดาราชื่อดังไม่รู้ตัวหากเลี่ยงการพบเจอกับฟาโรซึ่งหน้าได้คงดี


ศศิชาเดินไปหยุดยืนหน้าลิฟต์เพื่อรอคอยประตูเลื่อนเปิดสติสัมปชัญญะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มัวแต่คิดทวนถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจนไม่ทันเห็นใครบางคนเดินมาหยุดยืนด้านข้าง


“เหม่ออะไรอยู่ล่ะครับมายเฟรนด์”น้ำเสียงละมุนดึงให้หญิงสาวที่วนเวียนอยู่ในห้วงภวังค์หันมอง


“อ้าว...ไมเคิลมาแต่เช้าเลย วันนี้มีคิวถ่ายแบบเหรอคะ” ศศิชาส่งยิ้มเลิ่กลั่กเมื่อถูกทักแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวสายตาหยาดเยิ้มของชายหนุ่มที่จ้องมาทำให้คนถูกมองรู้สึกประหม่าในทันที


นายแบบหนุ่มผายมือเชิญให้หญิงสาวก้าวเดินก่อนเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกศศิชาไม่ปฏิเสธที่จะก้าวเท้าทันทีอย่างให้เกียรติจนทั้งสองเข้าไปยืนอยู่ภายในลิฟต์เป็นที่เรียบร้อยไมเคิลถามไถ่ถึงชั้นปลายทางของหญิงสาวก่อนจะกดปุ่มตามเลขนั้นและกดปิดประตูพร้อมเดินทาง


“ผมไม่มีคิวหรอกครับวันนี้ผมแค่แวะมาหาคุณ” แววตากรุ้มกริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังจนคู่สนทนาแปลกใจเขาต้องการมาหาเธอด้วยเรื่องใด เกิดเป็นข้อสงสัยให้ศศิชาเลิกคิ้วเรียวคล้ายถามไถ่“ผมรู้สึกคิดถึงคุณอย่างอธิบายไม่ได้ ไม่รู้เพราะอะไร”ดวงตาคมเบิกกว้างจนนัยน์ตาหวานไหวระริก หัวใจเต้นตึกตักและยอมเลี่ยงหลบตาเมื่อไมเคิลจดจ้องเธอไม่มีกะพริบ


“คุณพูดเล่นอย่างนี้ดี้ก็เขินแย่สิคะ”


“ผมไม่เคยล้อเล่นต่อความรู้สึกที่มีให้คุณนะเลดี้คุณทำให้ผมหลงใหลในรอยยิ้มและความร่าเริง” แม้จะเคยได้ยินเพื่อนร่วมงานแอบซุบซิบถึงความเจ้าเล่ห์เพทุบายของไมเคิลมาบ้างทว่าน้ำเสียงและแววตาจริงจังกลับทำให้เผลอเข้าใจว่าเขาตั้งใจบอกกล่าวอย่างนั้นจริงๆจนไม่น่าจะเสแสร้งไปได้


ศศิชาพยายามควบคุมการเต้นของหัวใจให้คงที่ไม่อยากให้มันสั่นไหวไปมากกว่านี้เธอภาวนาขอให้การเคลื่อนที่ของลิฟต์ถึงชั้นปลายทางโดยเร็ว ดวงตาคมหวานเสมองไฟสว่างสีส้มที่บอกลำดับชั้นแก้เขินพร้อมทำใจดีสู้เสือสนทนากับเขาต่อ


“คุณพูดเหมือนดี้ทำคุณไสยใส่อย่างนั้นล่ะ”ศศิชาพูดจาโดยไม่ได้หันมองคนด้านข้าง ทว่าในความรู้สึกจับสัมผัสได้ว่าไมเคิลค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆ และยังจดจ้องเธอไม่วางตา ความร้อนวูบวาบแผ่ซ่านตามร่างกายจนถึงใบหน้าจนอยากยุติความรู้สึกกดดันเสียทีและเป็นไปตามหวังเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมใครบางคนเดินเข้ามายืนแทรกตรงกลางระหว่างชายหญิงทั้งสอง


ศศิชาขยับถอยหลังจนติดผนังลิฟต์ไมเคิลก็หลบไปยืนอีกฟากอย่างนึกเสียดายโอกาสในใจและแค้นเคืองชายหนุ่มอีกคนที่เข้ามาขัดจังหวะแผนตีสนิทหลอกให้เหยื่อตายใจที่เกือบสำเร็จอยู่รอมร่อ


“โทษทีที่เข้ามาขัดจังหวะทำเหมือนฉันเป็นสสารของโลกก็ได้นะ จะได้คุยกันต่ออย่างสบายใจ” ฟาโรกล่าวเสียงเรียบพร้อมยกมือกอดอกและมองไฟลิฟต์เคลื่อนที่ทีละชั้นแม้จะรู้สึกว่าตนเองเป็นก้างขวางคออย่างนั้นก็ตาม


‘หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ’หญิงสาวนึกคิด รู้สึกว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ขับขันเมื่อยืนท่ามกลางกระแสอำมหิตของชายหนุ่มทั้งสองที่ค่อยๆแผ่ซ่านจากสีหน้าและการวางตัว ศศิชาสะดุ้งสุดตัวคล้ายตื่นตระหนกเมื่อเสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือดังเตือนให้รับสายเธอยกเครื่องมือสื่อสารกดรับสายของนลัทด้วยมือไม้สั่นเทา


“ดี้กำลังจะถึง”ศศิชาพูดคุยกับเพื่อนและบอกตำแหน่งของเธอให้นลัทรับรู้ ทว่าฟาโรก็ถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์มือถือจากเธอทันที


“ผู้จัดการยังไปหาคุณไม่ได้ผมมีเรื่องคุยกับเธอก่อน เสร็จธุระเมื่อไหร่จะรีบพาไปส่ง”ไม่รอให้ปลายสายได้ทักท้วงเขาก็กดปิดเครื่องทันทีและเก็บโทรศัพท์ของเธอไว้ราวกับเป็นสมบัติส่วนตัว


“เผด็จการ...”ศศิชาแอบบ่นอย่างแผ่วเบาทำให้ไมเคิลที่ได้ยินหลุดขำ ทว่าฟาโรกลับทำเสมือนไม่รู้สึกรู้สาใดๆเขายังคงยืนกอดอกนิ่งเฉยและให้ความสนใจยังไฟสีส้มที่ระบุหมายเลขจนสิ้นสุดยังชั้นปลายทางประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมฟาโรคว้าแขนของหญิงสาวให้เดินตามอย่างกระชั้นชิด


ศศิชาทำหน้าเหรอหรามองฟาโรทีมองไมเคิลทีอย่างสับสนและไม่เข้าใจความต้องการของเขาไมเคิลเหยียดยิ้มและส่งสายตาฟาดฟันให้ฟาโรที่ออกปากขอหญิงสาวในกำมือ


“โทษนะไมเคิลฉันขอยืมตัวผู้จัดการของฉันสักชั่วโมงหรืออาจมากกว่านั้นหากไม่บรรลุเป้าหมาย”ฟาโรเหล่มองชายหนุ่มอีกคนที่ยักไหล่และยกคิ้วสูงในมาดกวนใส่ก่อนจะหันหาศศิชาด้วยสายตาหยาดหยด


“ผมรอพบคุณที่ห้องผู้จัดการนลัทนะครับเลดี้”ไม่ทันสิ้นเสียงไมเคิล ฟาโรก็ออกแรงกระชากแขนลูกไก่ในกำมือให้เดินตามอย่างรวดเร็ว แม้เธอจะขัดขืนและแสดงความไม่พอใจอยู่บ้างทว่าต้องยอมจำนนต่อเขาด้วยแรงหนักที่บีบข้อมือมากขึ้นโดยไม่ทราบว่าหนทางข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง


“ฟาโร!คุณจะปล่อยฉันได้หรือยัง!”ศศิชาพยายามสะบัดแขนให้พ้นจากฝ่ามืออบอุ่นที่บีบรัดไว้ราวกับกลัวเธอหายสาบสูญ


“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอไม่ต้องห่วงหรอก หากเธอไม่ดื้อก็อยู่กับฉันไม่นาน คงมีเวลาไปหาไอ้ฝรั่งขี้นกนั่น”น้ำเสียงกระแทกกระทั้นเหน็บแหนมโดยฟาโรเองก็ไม่ทราบว่าหงุดหงิดด้วยเรื่องใดเพียงแค่เห็นหน้า ‘ไอ้ฝรั่งขี้นก’ ที่เขาหมายถึงก็พานโมโหโกรธาอย่างไม่ทราบสาเหตุและแรงฝืนของหญิงสาวที่ถูกฉุดกระชากให้เดินตามอย่างไม่ลดราวาศอก ยิ่งทำให้เขาเดือดดาลอีกเท่าตัว


“มีอะไรคุยกันตรงนี้ก็ได้ไม่เห็นต้องลากกันแบบนี้ ฉันเจ็บ!”


“เธอนี่วางตัวเก่งนะต่อหน้าไมเคิลยังทำเป็นใสซื่ออยู่เลย พออยู่กับฉันทำไมฤทธิ์เยอะนักล่ะ”


“เพราะคุณมันป่าเถื่อน!ปล่อยฉันซะทีสิ! หากคุณยังลากฉันอยู่แบบนี้รับรองว่าคุณเจ็บตัวแน่!”ยังไม่ทันได้ออกแรงประทุษร้ายฟาโรดังที่คิด ร่างบอบบางของเธอก็ถูกเหวี่ยงให้เข้าห้องที่เปิดออกอย่างรวดเร็วโดยไม่ยอมปล่อยข้อแขนที่เจ็บปวดจนกระดูกแทบหักเสียที


ฟาโรปิดประตูห้องพร้อมกดล็อกทันทีและจับหญิงสาวลากให้เดินต่อห้องเก็บเสื้อผ้าซึ่งเป็นห้องประจำที่เขาชอบมาหลบนอนบ่อยๆและเป็นห้องที่ศศิชาคุ้นชินเมื่อเธอลักลอบเข้ามาแอบดูฟาโรเช่นกันร่างอ้อนแอ้นถูกผลักลงไปกองบนโซฟา


เมื่อเห็นสีหน้าดุดันของดาราหนุ่มรวมถึงตนเองตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานศศิชารีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาทันทีเตรียมวิ่งหนี ทว่ากลับถูกฟาโรคว้าแขนไว้พร้อมรวบจับหัวไหล่สองข้างและดันร่างบอบบางไปยืนชิดติดกำแพง


“เธอยังไปไหนไม่ได้”นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองพียงนิ่งๆทว่ากลับรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นราวกับไม่คิดปรานีใดๆ


“คุณมีอะไรกับฉัน”ศศิชาหลบเลี่ยงสายตาทรงเสน่ห์คู่นั้นขณะพูดจา หากเธอเลิกขัดขืนอาจเป็นผลดีต่อตนเองและคงช่วยลดแรงยั่วยุของฟาโรได้บ้างไม่มากก็น้อย


เมื่อเธอยอมฝืนใจสงบนิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามคาดฟาโรคลายแรงลงแต่ยังไม่ถึงกับปล่อยไหล่กลมกลึงของเธอเสียทีเดียว เขายอมปล่อยมือเพียงข้างเดียวเพื่อหยิบอะไรบางอย่างจากด้านหลังพับหนังสือพิมพ์ถูกดึงออกจากกางเกงยีนส์สีดำที่เหน็บไว้พร้อมกับเปิดหน้าที่กำลังจะเป็นประเด็นในการซักถามหลังจากนี้อย่างจงใจ


“ช่วยอธิบายให้ฟังทีว่าเธอทำได้ไงให้ฉันไปเดินเป็นคู่ควงในงานวันเกิดของทายาทเศรษฐี”ศศิชาอึกอักเล็กน้อยก่อนจะเลือกนิ่งเฉยและไม่พูดจาในสิ่งซึ่งเธอรู้ดีแต่ไม่อาจอธิบายให้ใครรับรู้ได้ว่าเรื่องราวทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะซาตานเป็นต้นเหตุ


“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร”


“แน่ใจเหรอว่าเธอไม่รู้!”ฟาโรตวาดเสียงแข็งพร้อมเพิ่มแรงบีบไหล่ของเธออีกครั้งถึงอย่างไรวันนี้ต้องคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ คำพูดของอาร์ตวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ‘เธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา’


ศศิชาเงียบกริบไม่ปริปากพูดจาสักคำดวงตาคมหวานเบือนหนีการคาดคั้นและปล่อยให้บุคคลตรงหน้าจ้องมองอยู่อย่างนั้นไม่เลิกรา


“ที่ไม่พูดเพราะเธอไม่รู้เรื่องหรือไม่อยากอธิบายกันแน่”หญิงสาวเลื่อนสายตาหวาดหวั่นมองชายหนุ่มตรงหน้าที่ตั้งคำถาม เหตุใดฟาโรจึงพูดจาเหมือนรู้อะไรมาเช่นนี้“เมื่อคืนนี้ฉันนอนเป็นตายอยู่ที่คอนโดแต่กลับมีข่าวเธอเดินควงฉันหน้าสล้อนอยู่ในงานเลี้ยงของตัวเองแบบนี้ยังไม่รู้เรื่องอีกงั้นเหรอ เธอเป็นแม่มดหรือไงผู้จัดการ”


ฟาโรเหยียดยิ้มพร้อมพูดจาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันคล้ายกวนประสาทอยากให้เธอปะทุอารมณ์โกรธและยอมเผยธาตุแท้ออกมาหากต้องเจ็บตัวจนเข้าโรงพยาบาลอย่างอาร์ตเขาก็พร้อมรับทุกสถานการณ์เพียงได้รู้ว่าเธอทำได้อย่างไรให้เขาไปปรากฏอยู่ในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้


“ฉันไม่มีอะไรอธิบายทั้งนั้นเพราะทุกสิ่งที่ใครต่อใครได้เห็นรวมทั้งคุณด้วย มันก็แค่ภาพลวงตา”


“ภาพลวงตางั้นเหรอแล้วใครกันล่ะที่ทำภาพเหล่านั้นขึ้นมา” ฟาโรดันร่างบอบบางให้ติดข้างกำแพงเมื่อเริ่มอดทนต่อไม่ไหว


“ฉันบอกให้ปล่อย!”ศศิชาเริ่มขัดขืนอีกครั้ง หากยังซักถามกันอยู่แบบนี้เธอคงได้หลุดพูดความจริงออกไปแม้เขาอาจไม่เชื่อ แต่คงเป็นวิธีเดียวที่จะตัดปัญหาได้ดีที่สุดเวลานี้ หญิงสาวผลักมือของดาราหนุ่มทว่าเขาก็ยังเหนี่ยวรั้งเธอไว้อย่างนั้นจนทั้งสองเริ่มยื้อยุดแรงขืนกันจนความโกรธปะทุออกมา


ฟาโรโน้มใบหน้าก้มต่ำพลางซุกไซร้ไปตามลำคองามระหงที่ไร้เครื่องประดับใดๆเมื่อเธอถอดสร้อยหินถักเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ศศิชาพยายามผลักไสแม้หัวใจจะเต้นระรัวรุนแรงไม่คิดว่าเขาจะใช้ไม้นี้กับเธอ


“หยุดเดี๋ยวนี้นะฟาโร!”


“แน่จริงก็ลองทำร้ายผมแบบที่ทำกับอาร์ตสิ”ฟาโรไม่ผ่อนกำลังตามคำร้องขอของเธอ ทว่ากลับยิ่งรุกเร้าหนักขึ้นมือของศศิชาที่พยายามทุบร่างกายเขาก็ถูกรวบไว้และดันจนติดกำแพง แรงกดหนักทำให้เธอดิ้นไม่หลุดสองขาที่เหลือพยายามเตะและดันผู้ชายป่าเถื่อนทว่าเขาก็ใช้หน้าแข้งกดทับขาเธอเอาไว้จนศศิชาถูกตรึงอยู่ข้างกำแพงอย่างนั้น


เมื่อใบหน้าคมคายเลื่อนไล้จากลำคอมาจนถึงดวงหน้าหวานและพวงแก้มเนียนใสริมฝีปากเร่าร้อนประกบจูบปากบางสีชมพูระเรื่อจนได้แต่ส่งเสียงอื้ออึงชั่วครู่ก่อนจะนิ่งสนิทคล้ายหลงเคลิ้มไปกับความวาบหวามที่เขาหยิบยื่นให้แรงกดหนักทั้งแขนและขาค่อยๆผ่อนลงตามความรู้สึกวูบวาบที่ไหลเวียนในร่างกายจนร้อนระอุ ทว่า...


“โอ๊ย!!”ฟาโรร้องลั่นพร้อมปล่อยหญิงสาวจนเป็นอิสระและเธอก็วิ่งหนีออกมาตั้งหลักมองดูดาราหนุ่มยกนิ้วปาดที่ริมฝีปากพร้อมดุนลิ้นแตะสัมผัสรสชาติเลือดที่ศศิชากัดประทับร่องรอยเอาไว้“เธอนี่เอาตัวรอดเก่งนักนะไหนว่าหลงใหลฉันซะเต็มประดากับเรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องขัดขืน”


ศศิชายืนมองดาราหนุ่มด้วยความเจ็บแปลบหัวใจยังเต้นระส่ำระสาย ไม่ว่าจะกี่ครั้งเขาก็ยังดูถูกเธอเสมอ “ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรแล้วทำไมถึงคิดว่าฉันมีพลังบ้าๆแบบนั้น หรืออยากกล่าวหาว่าฉันเป็นแม่มดก็ตามใจคุณแต่ฉันขอบอกไว้ตรงนี้ว่าฉันไม่ได้ทำเรื่องทั้งหมดมันมีอะไรที่คุณยังไม่รู้อีกมากมายในโลกนี้”


ศศิชาก้มเก็บกระเป๋าสะพายที่หล่นอยู่กลางห้องตั้งแต่ตอนที่ถูกกระชากเข้ามาเธอล้วงหยิบผ้าพันคอไหมพรมที่ตั้งใจถักและมอบให้เขาในวันวาเลนไทน์ทว่าดันเกิดเรื่องเสียก่อน “ผ้าพันคอผืนนี้ฉันจงใจถักเพื่อมอบให้กับดาราชื่อดังที่หลงใหลมานานและเขาจะยังเป็นฮีโร่ของฉันตลอดไป”


ผ้าพันคอถูกวางลงบนชั้นวางของก่อนศศิชาจะหันหลังและเดินออกจากห้องปล่อยให้ฟาโรยืนนิ่งๆ พร้อมทิ้งแขนลงข้างลำตัวพลางคิดในใจ ‘ฉันกำลังคิดและทำบ้าอะไรอยู่’เมื่อประตูห้องปิดลงฟาโรได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงตัดความรู้สึกวูบวาบในกายที่ยังปะทุขึ้นมาเมื่อนึกถึงรอยจูบและกลิ่นหอมจากเรือนร่างของเธอ


ฟาโรสงบสติอารมณ์อยู่ชั่วครู่ก่อนจะสาวเท้าเดินไปหยุดตรงชั้นวางของและยกผืนผ้าพันคอไหมพรมขึ้นมาสำรวจจนเต็มตาแม้จะเป็นงานฝีมือที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร ทว่าเธอก็เต็มใจทำเพื่อมอบมันให้แก่เขาจริงๆ 



To be continued...




Create Date : 07 เมษายน 2557
Last Update : 7 เมษายน 2557 21:01:07 น.
Counter : 600 Pageviews.

12 comments
  
อ่านบทนี้กันให้ดีๆ นะคะ เดี๋ยว บทหน้ามาถามคำถาม ชิงรางวัลกันค่ะ
โดย: มาโซคิส วันที่: 7 เมษายน 2557 เวลา:21:02:48 น.
  
โดย: ~My Birthday is on April 14~ วันที่: 7 เมษายน 2557 เวลา:23:11:09 น.
  
คุณแกะๆๆ หายไปไหมมาคะ ไม่ไปถนนเลย คิดถึงๆ
โดย: มาโซคิส IP: 124.122.35.233 วันที่: 7 เมษายน 2557 เวลา:23:30:21 น.
  
ฟาโรรร โหดร้ายย
ส่วนนายฝรั่งขี้นกต้องมีเบื้องหลังอะไบางอย่างแน่ๆ
โดย: นู๋บิว IP: 1.47.69.161 วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:7:30:23 น.
  
ฟาโรโหดกับหนูดี้เหลือเกิน
โดย: mooda IP: 223.205.69.104 วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:7:54:17 น.
  
ฟาโรยังคงความปากร้ายและทะนงตนค่ะ แต่ก็แอบหวั่นไหวแล้ว7666น้าาาาา
โดย: มาโซคิส IP: 124.121.40.103 วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:12:50:14 น.
  
7666 คืออะไรอ่ะคะ คุณมาโซ???
โดย: crystal IP: 101.109.251.32 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:14:36:27 น.
  
 photo imagejpg1_zps3c8742ad.jpg
โดย: ~My Birthday is on April 14~ วันที่: 13 เมษายน 2557 เวลา:2:10:38 น.
  
สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ
โดย: **mp5** วันที่: 13 เมษายน 2557 เวลา:20:36:13 น.
  
ขอบคุณทุกท่านค่ะ

คุณ เอมี่ 7666 สงสัยมาโซ ใส่โค้ดตอนโพสติดไปค่ะ ฮ่าๆ
โดย: มาโซคิส IP: 110.168.50.43 วันที่: 13 เมษายน 2557 เวลา:21:24:29 น.
  
กรี๊ดดด ฟาโร โหดร้ายมาก
โดย: mint IP: 58.136.222.67 วันที่: 17 เมษายน 2557 เวลา:14:08:39 น.
  
ฟาโรร้ายกาจจริงๆ นะคะ อิอิ
โดย: มาโซคิส IP: 49.230.122.173 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:7:36:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments