พระเจ้าฉีกแผ่นเนื้อคู่แล้วโปรยลงมา
ให้ฉันคู่เธอ
ตั้งแต่เด็กแล้วที่ชอบฟังนิทาน เรื่องเล่า ความเชื่อพื้นบ้าน ไม่แค่ของไทยเท่านั้นแต่เหมารวมทั่วทั้งโลกกลมนิดเบี้ยวหน่อยใบนี้เท่าที่จะหาฟังหาอ่านได้ เวลาที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ก็มักจะอ้าปากค้าง เหมือนมีโลกอีกใบเปิดกางเชื้อเชิญตรงหน้า ยิ่งกับตำนานพื้นบ้านนี่มันจะมีเรื่องแปลกพิสดารบวกปาฏิหาริย์ให้ชวนตื่นตะลึงได้เป็นสม่ำเสมอ ถ้ายกเว้นของไทยๆเราแล้ว ชาติอื่นๆที่ได้รับรู้ตามมาก็จะเป็นของจีนตามเชื้อชาติ แล้วก็จะเป็นทางญี่ปุ่นตามประสาเด็กที่เติบโตมากับยุคการ์ตูนญี่ปุ่นกำลังเฟื่องฟูในเมืองไทย การ์ตูนญี่ปุ่นเล่มละ 6 บาท ในขณะที่ก๊วยเตี๋ยวชามละ 10 บาท ก็กินจนจุก
เพราะอย่างงี้เรื่องเล่า นิทาน ตำนานเทพเจ้าที่สอดแทรกเล็กๆน้อยๆในเรื่องราวการ์ตูนเหล่านั้น ก็ได้รับรู้เป็นเพื่อนข้างบ้านมาโดยตลอด ตำนานฮิคารุ เคนจิ เจ้าหญิงทอหูกกับชายเลี้ยงวัว ด้ายแดงคล้องนิ้วก้อย...เป็นเรื่องราวที่รับรู้จนคุ้นชิน แล้วก็ก้าวมาสู่อีกตำนาน...ตำนานความรักเล็กๆที่ได้รับรู้ผ่านละครเรื่องที่ทำเอาติดกับไปไหนไม่รอด เฮ้ออออ~ เอาเรื่องนี้กลับมาเขียนอีกแล้ว ถ้าได้เขียนอีกสงสัยต้องสร้างบล็อกใหม่ จับยัดให้เป็นที่เป็นทางมันซะ!
ละครพีเรียดNHK เรื่อง คลื่นรักคลื่นชีวิต
ละครเรื่องนี้สร้างมาจากนวนิยายเรื่อง Mio-Tsukushi by James Miki ...ซึ่ง มิโอะ ทสุขุฉิ ก็คือไม้หลักที่เอาไว้ปักบอกร่องน้ำตื้น คนเดินเรือจะได้ไม่พาเรือเข้าไปเกยตื้นนั่นเอง นอกจากนั้น ละครเรื่องนี้ยังเป็นที่รู้จักในอีกชื่อคือ The Channel Marker / The Calm Amid the Storm จนกลายมาเป็น คลื่นรัก คลื่นชีวิต ในภาคภาษาไทยนั่นเอง
นอกจากปมความรักระหว่างหนุ่มชาวเลกับลูกสาวคนทำโชยุ ที่มีความต่างทั้งสถานะทางสังคม ไปจนสภาพแวดล้อมที่ใช้ชีวิตเติบโตมา จนเมื่อมองย้อนไปแล้ว เส้นทางความรักของคนทั้งคู่ไม่น่าจะมาบรรจบกันได้ และเมื่อคู่รักทั้งสองต่างฝ่าฟันมาจนได้ครองคู่ เรื่องราวก็ยังไม่จบลงอย่างคำเอ่ยอ้างตามเทพนิยายที่ว่า และแล้วเจ้าชายและเจ้าหญิงก็ได้เคียงคู่และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดกาล
และจะว่าไปละครเรื่องนี้ใช้น้ำตาลสีหวานที่เรียกว่า ความรัก ห่อหุ้มอะไร อะไรอีกหลายอย่างเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้มเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองยุคเริ่มสมัยโชวะที่เศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะฝืดเคือง การเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เกิดการคอรัปชั่นตั้งแต่หัวยันหาง และที่สำคัญคือ การใช้ชาวบ้านไม่รู้ประสาเป็นเครื่องมือเพื่อเกมทางการเมือง และสรุปจบท้ายที่ชาวบ้านนั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ กลายเป็นแพะรับบาปในขณะที่ผู้นำการประท้วงกลับลอยตัวหนีพ้นปัญหา
เมื่อมองผ่านเรื่องราวเหล่านี้แล้ว ก็คงรู้สึกได้ว่า
ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ไม่ว่าจะบ้านเมืองใด เกมการเมืองที่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือก็ไม่เคยแตกต่าง ไม่เคยแปรเปลี่ยน ปักโคลนบ่อควายก็ยังเหนียวเนอะและเน่าเหม็นเช่นเคยเป็นมาและจะเป็นต่อไปอีกนาน ตราบใดที่ยังมีคำว่า เกมการเมือง อยู่บนโลกห่วยๆใบเดิม
เพราะฉะนั้น เราจะผ่านมันไป...เอามันง่ายๆแบบนี้เลย ดูพอคิด...ก็พอแล้ว แต่ที่ควรเก็บเอาไว้ยิ้ม อีกทั้งกิ๊วก๊าวในใจก็ต้องเป็น...
เส้นทางความรัก มาจน การครองคู่ระหว่าง นายน้อยแห่งโทงาวะและสาวน้อยคาโอรุ
เอ~จะว่าไปคงใช้คำว่า นายน้อย อีกต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะว่า หลังจากที่พ่อของโซคิจิเสียชิวิตหลังงานแต่งงานของลูกชายคนโตได้ไม่นาน จากนั้นเรื่องราวการคอรัปชั่นของผู้ใหญ่บ้าน(ซึ่งเป็นอาเขยของคาโอรุ)ที่ร่วมมือกับสมุหบัญชีโกงเงินสหกรณ์ไป ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ ลุกฮือขึ้นต่อต้านจนลามกลายเป็นการจลาจลย่อมๆขึ้นมา จนทำให้โซคิจิและชาวประมงถูกจับฐานก่อความไม่สงบ จนประกันตัวออกมานั้น ช่วงเวลาความวุ่นวายดังกล่าว โซคิจิจึงก้าวขึ้นมารับหน้าที่เป็นผู้นำแห่งตระกูลโยชิทาเกะอย่างเต็มตัว จาก นายน้อย จึงกลายเป็น นายท่าน แห่งโทงาวะ
แล้วสำหรับคาโอรุล่ะ สาวน้อยบนบกต้องแต่งงานมาเป็นเมียชาวประมง เผชิญกับความกดดันหลายอย่าง รวมทั้ง... ยิ่งเวลายิ่งผ่าน นานนับสามปีนั้น มันมีคำกล่าวอ้างที่ทำให้คาโอรุเป็นกังวลมาโดยตลอดคือ ถ้าภายในสามปีไม่มีลูก ก็คงต้องเลิกกัน
โซคิจิที่ต่อมาก็รับรู้ถึงความกังวลนี้ของคาโอรุ จึงไม่พอใจทุกครั้งที่มีคนมาพูดเรื่องลูก คาโอรุเองก็พยายามทำตามความเชื่อหลายอย่างเพื่อที่จะได้มีลูก เช่น การไปถือหินศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอลูก การขึ้นลงบันไดเพื่ออธิษฐานขอพรให้มีลูก
เมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบ เดือนพฤษภาคม ปีโชวะที่ 6 ศาลจิบะได้มีการตัดสินคดีความเหตุการณ์จลาจลนอกจากแกนนำคนสำคัญแล้ว ชาวบ้านที่เหลือส่วนใหญ่ก็ให้รับโทษใช้แรงงานสี่เดือน รอลงอาญาสามปี โซคิจิและครอบครัวต่างล้อมวงฉลองคำตัดสินนี้ จากนั้นคุณแม่ของโซคิจิจึงเสนอให้ทั้งสองไปเที่ยวพักผ่อนกันที่อิตาโกะ ซึ่งช่วงนี้ที่แม่น้ำจะมีดอกอายาเมะบานเต็มไปหมด แล้วตบท้ายบอกคาโอรุว่า ไปเถอะ เพราะต้องมีเรื่องดีๆแน่ คุณแม่สามีที่แสนใจดีกับลูกสะใภ้บอกความนัย เพราะสถานที่แห่งนี้นายหญิงแห่งโทงาวะตั้งท้องโซคิจิตอนไปอิตาโกะนั่นเอง
ผัวหนุ่มเมียสาวมาล่องเรือที่อิตาโกะ หนุ่มชาวเลเสนอให้สาวบนบกลองพายเรือล่องแม่น้ำดู กล่อมสาวไปว่า พายได้ง่ายเพราะที่นี่ไม่มีคลื่นเหมือนในทะเล สาวน้อยรับฟังแล้วขยับตัวขึ้นลุก แต่กับเซจนล้ม หนุ่มน้อยชาวเลผวาขึ้นไปรับจน...พลิกตัวตกแม่น้ำไปแทน ฉากน่ารักๆจึงมีให้เห็น
ในห้องพัก เมื่อโซคิจิเปรยขึ้นมาเมือเห็นคาโอรุกำลังยืนตากกิโมโนเปียกชุ่มของตนว่า จะแห้งทันพรุ่งนี้ไหมเนี่ย คาโอรุก็เลยอดหัวเราะขำออกมาไม่ได้ นายท่านแห่งโทงาวะจึงอดต่อว่าเล็กๆด้วยรอยยิ้มกริ่มขึ้นมาว่า หัวเราะให้กับความโชคร้ายของสามีได้ยังไงอ่ะ แล้วอุบอิบขอร้องภรรยาสาวขึ้นมาอีกที แต่อย่าไปบอกกับใครเขาล่ะเพราะว่าชาวประมงตกเรือแบบนี้มันเป็นเรื่องน่าขายหน้ามากๆเลยล่ะ คาโอรุตกปากรับคำ แต่แล้ว...เมื่อสาวน้อยเหลือบมองกลับไปก็หยอดท้ายแกล้งไปว่า แต่ว่า..ไม่รู้จะเก็บไว้ได้ไหมน๊า~ ชาวประมงหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว จิ้มนิ้วลงที่หน้าผากของสาวน้อยด้วยความหมั่นเขี้ยว
แล้วจู่ๆคาโอรุก็กล่าวขอบคุณที่โซคิจิพาเธอมาเที่ยวครั้งนี้ ทำให้โซคิจิต้องแปลกใจจึงถามกลับไปถึงสาเหตุ คำตอบเรียบง่ายของคาโอรุแสดงออกถึงความรักของเธอที่มีต่อโซคิจิอย่างเต็มเปี่ยม ฉันน่ะมีความสุขที่สุดในโลกนี้เลย เพราะได้แต่งงานกับคนที่เป็นรักแรกของฉัน แถมยังดีกับฉันด้วย สาวน้อยก้มลงยิ้มอย่างมีความสุข ฉันขอบคุณมากเลยค่ะ
เพราะความรู้สึกของคาโอรุที่มีต่อตนเองปรากฏชัดเจนต่อหน้า หนุ่มน้อยผู้ครั้งหนึ่งเพียงแค่คิดครอบครองเธอไว้ กล่าวอย่างผยอง ประกาศจับจองเป็นเจ้าของก่อนหน้านี้ไปว่า เธอถูกกำหนดให้เป็นคนของฉัน...ตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดมาแล้ว
เมื่อกาลเวลาผ่านไป สองหนุ่มสาวได้เคียงคู่ ผ่านอุปสรรคมากมายร่วมกัน คำตอบรับครานี้จากลูกผู้ชายที่แสนสง่าผ่าเผยจึงแปรเปลี่ยนเป็นว่า เราสองคนเป็นของกันและกัน...มาตั้งแต่เกิดแล้ว
.....โอย~นายท่านแห่งโทงาวะคะ ประโยคครั้งแรกนั้นว่าโดนแล้วนะเจ้าคะ มาเจอประโยคสองแบบนี้เข้าไป อิฉันยอมตายคาอก(แน่นๆ)ของนายท่านเจ้าค่ะ....
ชายหนุ่มชาวประมงเอ่ยต่อโดยใช้ตำนานมาประกอบย้ำความรักที่ผูกและพันทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน เพราะว่าพระเจ้าจะเอาแผ่นเนื้อคู่บนสวรรค์แต่ละใบๆฉีกแล้วโปรยมาบนโลก แล้วถ้าคู่ไหนเก็บได้คนละครึ่งแผ่นก็จะได้แต่งงานกัน ความสุขค่อยเอ่อซึมคลุมพื้นที่ในหัวใจของสาวน้อย ฉันกับเธอต่างก็เก็บได้คนละครึ่งแล้วก็มารวมเป็นแผ่นเดียวกัน
...ทำไมหนุ่มชาวประมงถึงกล่าวถ้อยคำร้อยเรื่องราวบอกแทนคำว่า ฉันรักเธอ และ ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกขนาดนี้นะ
แต่พระเจ้าก็ชอบแกล้งเหมือนกันนะ ที่ให้ชาวประมงกับลูกสาวร้านโชยุคนละครึ่งแผ่น โซคิจิรำพึงขึ้นมา ทำให้คาโอรุต้องรีบแย้งขึ้นมา ถ้าขืนว่าร้ายพระเจ้าจะถูกลงโทษเอานะคะ...ไหนไหนเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ฉันพอใจแล้วล่ะค่ะ สาวน้อยตบมือสองครั้งแทนคำขอบคุณพระเจ้า โซคิจิเฝ้ามองไม่วางตานำพาความอบอุ่นอวลในหัวใจ
เช้าวันต่อมา สองหนุ่มสาวพากันไปเดินเล่น หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่โซคิจิเดินนำไป พูดถึงความฝันของตนถึงการจับปลาอาวาชิมาวางให้เต็มตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเอชียอาคาเนย์ คาโอรุจึงแกล้งหลบไปซ่อน เกมเล่นสองหาของสามีภรรยาจึงเกิดขึ้น ความวิตกกังวลของคาโอรุที่ฉายชัดยามหาโซคิจิไม่เจอราวกับลางบอกอนาคตล่วงหน้า แต่เพียงแค่...โซคิจิย้อนกลับมาจนเจอกัน รอยยิ้มแสนน่ารักจึงได้คืนกลับเช่นเคย
จากนั้นสองสามีภรรยาคลอเคลียคู่กันไม่ห่างผ่านโมงยามแห่งความสุขไปพร้อมกัน ราวกับชดเชยวันเวลาอันยากลำบากที่ผ่านไปและกำลังก้าวย่างเข้ามาทักทาย
แล้วเราก็มาดูกันต่อเถอะว่า
มนต์ขลังแห่งอิตาโกะจะยังคงอยู่หรือไม่ และนายท่านแห่งโทงาวะจะ 'ทึ่ม' ได้แค่ไหน
ณ ค่ำคืนแห่งดวงดาว ภายใต้ท้องฟ้ากระจ่างตา
คาโอรุบอกกล่าวโซคิจิว่าตนไปสถานพยาบาลมา หนุ่มจอมทึ่ม ถามกลับไปว่า ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า
...อันนี้พอเข้าใจ ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยคนรัก...ก็พอผ่านล่ะนะ
คาโอรุปฏิเศษไป หนุ่มจอมทึ่มยกที่หนึ่ง กลับหลงทางไปสงสัยว่า อ้าว!ไปเยี่ยมใครงั้นเหรอ ...ฮึ่มมม ขัดใจ ขัดใจ
คาโอรุปฏิเศษอีกรอบ หนุ่มจอมทึ่มยกกำลังสองเลยชักประหลาดใจ แล้วไปทำอะไรที่นั่นล่ะ ...ฮ่วย! พ่อเจ้าประคุณทูนหัวเอ๊ย~!!!
คาโอรุไม่ยอมง่ายๆ ลองทายดูสิคะ หนุ่มจอมทึ่มยกกำลังอินฟินิตี้เลยคราวนี้ถึงกับคิ้วขมวด นึกโยงนึกใย พันยุ่งอิรุงตุงนัง ...หน้าตาก็หานึกอะไรได้ไม่
...เย๊ย ย ย เห็นแล้วอยากเข้าไป~!!!
คาโอรุเลยอดไม่ไหว เย้าขึ้น ทึ่มจังเลย โซคิจิซึ่งยัง...ไม่เข้าใจจนแล้วจนรอด ร้องขึ้นมาด้วยที่จู่ๆก็โดนปรามาสต่อหน้า เอ๋~
...เฮ้อ~ จะทึ่มไปไหนอ่ะนายท่าน
คาโอรุวางหมากตัวสุดท้ายหวังรุกฆาต มันขาดไป...ตั้งนานแล้ว กรุณาอย่าหวังให้หนุ่มทึ่มเรียกพ่อเข้าใจในวินาทีแรก เพราะนายท่านของเรายังคงคอนเซ็บเดิมไว้ด้วยการถามออกมาว่า อะไรนะ? พัดในมือพัดไปเป็นสิบกว่ารอบก่อนความหมายในคำจะวิ่งชนหัวใจ
นายท่านแห่งโทงาวะตะกุกตะกักย้ำความเข้าใจ นี่...นี่หรือว่า คาโอรุไม่อยากเล่นทายปัญหาปาจิงโกะอีกแล้ว ขอยอมแพ้ดีกว่า ใช่แล้วค่ะ แล้วบอกตามเป็นรถด่วนชินคังเซ็น(เอ๋~สมัยนั้นยังไม่มีนี่หว่า!) แล้วพอฉันไปตรวจที่สถานพยาบาล มีแล้วเหรอ โซคิจิสวนขึ้นมาด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม คุณแม่ท้องแรกยิ้มกว้างรับคำ เราสองคนจะมีลูกด้วยกันแล้ว คุณพ่อจอมทึ่มร้องตะโกนดังลั่น ไชโย! ฉันทำสำเร็จแล้ว
...เอ่อ~ ที่ว่า ทำ น่ะ ทำ อะไรเจ้าคะนายท่าน....ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ยัง...ยังดีใจไม่จบ คุณพ่อไม่ลืมให้เครดิตคุณแม่ด้วย
สำเร็จแล้ว โซคิจิดึงคาโอรุไว้ในอ้อมกอด เธอเก่งมากเลย
...ถูก!ถูก! เรื่องแบบนี้มันต้องรับรางวัลหารสองนะคุณพ่อนะ...
จากนั้นวิญญาณคุณพ่อขี้ห่วงก็เริ่มเข้าสิง สั่งการเป็นชุด ต้องกินปลาเยอะๆนะ รู้ไหมลูกเราจะได้แข็งแรง อย่านึกว่าจะพอแค่นี้ คุณพ่อชาวประมงจะสั่งอะไรต่ออีกล่ะ แล้วก็สาหร่ายด้วย อย่างโนริแล้วก็วากาเมะ
วิญญาณคุณพ่อขี้ห่วงหลุดไป วิญญาณคุณพ่อขี้เห่อเข้ามาสิงต่อ แล้วจะคลอดเมื่อไรล่ะ เดือนมีนาปีหน้า คำตอบจากคาโอรุทำเอาคุณพ่อร้องประท้วงปนเร่งเร้า เอ๊ย~เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ!
....โอทส์~!!! ลูกคนนะนายท่าน ไม่ใช่ลูกแมว มีการหวังบีบให้เร็วขึ้นด้วยวุ๊ย...ฮ่า ฮ่า ฮ่า
คาโอรุแม้อยากโอนอ่อนตามแต่จำต้องลดระดับความใจร้อนคุณพ่อมือใหม่หัดขับปลอบกลับไปว่า ไปฝืนไม่ได้หรอกค่ะ .... ผัวเมียคู่นี้น่ารักจิฟ
กลไกสมองนายท่านแห่งโทงาวะเริ่มเดินเครื่อง บอกขึ้นมาด้วยความสงสัยปนมาดมั่น เดี๋ยวก่อนนะ...หรือว่าเหตุจะเกิดที่อิตาโกะ คาโอรุพยักหน้ารับอย่างเขินอาย ...อิตาโกะ ยังคงมนต์ขลัง~
คาโอรุพูดขึ้นตามธรรมเนียมโบร่ำโบราณนานตะพึดว่า ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็ดีนะคะ แต่โซคิจิกลับน่ารักยิ่งกว่า หัวใจลูกผู้ชายแห่งโทงาวะตอบกลับมาว่า จะเป็นเพศไหนก็ได้ ...งิ งิ งิ เค้าหลงรักนายท่านแห่งโทงาวะเต็มหัวใจเลยอ่ะ
คุณพ่อขี้เห่อยังไม่ออกจากร่าง เริ่มคิดต่ออีกขั้น จริงด้วย! ต้องตั้งชื่อไว้ก่อนแล้วล่ะ จักรกลในสมองทำงานเต็มสตรีมกันละคราวนี้ คุณพ่อเสนอว่า ถ้าเป็นผู้หญิงชือ อายาเมะ...ดีไหม ถ้าเป็นผู้ชายก็ชื่อ อายาคิจิ แต่แล้วคุณพ่อกลับนึกอะไรขึ้นมาได้ร้องขัดตัวเองว่า เอ่อ...ไม่สิ เราไปที่อิตาโกะ ชื่อ อิตะคิจิ...ดีไหม ...เฮยยยย คุณพ่ออะไร เห่อออกหน้าออกตาไม่เกรงใจใครเล้ย
คาโอรุหลุดปากเอ่ยความในใจที่กดทับตนเองมาโดนตลอดถึงความกังวลว่าถ้าไม่สามารถมีลูก อาจต้องถูกส่งตัวกลับบ้านไปก็เป็นได้ นายท่านจึงดุขึ้นมาว่า พูดอะไรอย่างงั้นเล่า แล้วอุ้มคาโอรุไว้ในอ้อมแขนพร้อมหมุนปลิวไป ร้องตะโกนขึ้นด้วยความดีใจอย่างหยุดไม่อยู่อีกครั้ง ดีจังเลย สำเร็จแล้ว และยังไม่พอ ย้ำด้วยประโยคชวนหวิว เหนื่อยมาตั้งนาน เราจะมีลูกกันแล้ว
....เอ่อ ขอถามด้วยความ(หลง)รักนะคะนายน้อยที่รัก ทำอะไร ถึงได้ เหนื่อย ขนาดต้องหลุดปากออกมาแบบนี้เจ้าคะ
ครอบครัวน้อยๆแห่งตระกูลโยชิทาเกะ...เริ่มก่อร่างสร้างสายใย พ่อแม่ลูก
จู่ๆอากาศก็แปรปรวนในช่วงบ่าย
เรือโทเนงาวะมารุที่ออกไปหาปลาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร~!!?
เมื่อคลื่นรักย่างกรายเดินนำหน้า คลื่นชีวิตจะพัดพาทั้งคู่ไปสู่จุดไหน...อาจเป็นเพียงระลอกคลื่น ไม่ก็อาจดั่งพายุโหมกระหน่ำ
Create Date : 28 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 28 มิถุนายน 2552 23:00:30 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1490 Pageviews. |
|
|
มาเล่าต่อด่วนเลย
กำลังอิ๊น กำลังอิน
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ