Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
28 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
พระเจ้าฉีกแผ่นเนื้อคู่แล้วโปรยลงมา…ให้ฉันคู่เธอ





ตั้งแต่เด็กแล้วที่ชอบฟังนิทาน เรื่องเล่า ความเชื่อพื้นบ้าน ไม่แค่ของไทยเท่านั้นแต่เหมารวมทั่วทั้งโลกกลมนิดเบี้ยวหน่อยใบนี้เท่าที่จะหาฟังหาอ่านได้
เวลาที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ก็มักจะอ้าปากค้าง เหมือนมีโลกอีกใบเปิดกางเชื้อเชิญตรงหน้า
ยิ่งกับตำนานพื้นบ้านนี่มันจะมีเรื่องแปลกพิสดารบวกปาฏิหาริย์ให้ชวนตื่นตะลึงได้เป็นสม่ำเสมอ
ถ้ายกเว้นของไทยๆเราแล้ว ชาติอื่นๆที่ได้รับรู้ตามมาก็จะเป็นของจีนตามเชื้อชาติ
แล้วก็จะเป็นทางญี่ปุ่นตามประสาเด็กที่เติบโตมากับยุคการ์ตูนญี่ปุ่นกำลังเฟื่องฟูในเมืองไทย การ์ตูนญี่ปุ่นเล่มละ 6 บาท ในขณะที่ก๊วยเตี๋ยวชามละ 10 บาท ก็กินจนจุก

เพราะอย่างงี้เรื่องเล่า นิทาน ตำนานเทพเจ้าที่สอดแทรกเล็กๆน้อยๆในเรื่องราวการ์ตูนเหล่านั้น ก็ได้รับรู้เป็นเพื่อนข้างบ้านมาโดยตลอด
ตำนานฮิคารุ เคนจิ เจ้าหญิงทอหูกกับชายเลี้ยงวัว ด้ายแดงคล้องนิ้วก้อย...เป็นเรื่องราวที่รับรู้จนคุ้นชิน
แล้วก็ก้าวมาสู่อีกตำนาน...ตำนานความรักเล็กๆที่ได้รับรู้ผ่านละครเรื่องที่ทำเอาติดกับไปไหนไม่รอด
เฮ้ออออ~ เอาเรื่องนี้กลับมาเขียนอีกแล้ว ถ้าได้เขียนอีกสงสัยต้องสร้างบล็อกใหม่ จับยัดให้เป็นที่เป็นทางมันซะ!









ละครพีเรียดNHK เรื่อง คลื่นรักคลื่นชีวิต



ละครเรื่องนี้สร้างมาจากนวนิยายเรื่อง Mio-Tsukushi by James Miki
...ซึ่ง มิโอะ ทสุขุฉิ ก็คือไม้หลักที่เอาไว้ปักบอกร่องน้ำตื้น คนเดินเรือจะได้ไม่พาเรือเข้าไปเกยตื้นนั่นเอง
นอกจากนั้น ละครเรื่องนี้ยังเป็นที่รู้จักในอีกชื่อคือ The Channel Marker / The Calm Amid the Storm
จนกลายมาเป็น “คลื่นรัก คลื่นชีวิต” ในภาคภาษาไทยนั่นเอง


นอกจากปมความรักระหว่างหนุ่มชาวเลกับลูกสาวคนทำโชยุ ที่มีความต่างทั้งสถานะทางสังคม ไปจนสภาพแวดล้อมที่ใช้ชีวิตเติบโตมา จนเมื่อมองย้อนไปแล้ว เส้นทางความรักของคนทั้งคู่ไม่น่าจะมาบรรจบกันได้
และเมื่อคู่รักทั้งสองต่างฝ่าฟันมาจนได้ครองคู่ เรื่องราวก็ยังไม่จบลงอย่างคำเอ่ยอ้างตามเทพนิยายที่ว่า
“และแล้วเจ้าชายและเจ้าหญิงก็ได้เคียงคู่และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดกาล”



และจะว่าไปละครเรื่องนี้ใช้น้ำตาลสีหวานที่เรียกว่า “ความรัก” ห่อหุ้มอะไร อะไรอีกหลายอย่างเอาไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้มเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองยุคเริ่มสมัยโชวะที่เศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะฝืดเคือง การเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เกิดการคอรัปชั่นตั้งแต่หัวยันหาง
และที่สำคัญคือ การใช้ชาวบ้านไม่รู้ประสาเป็นเครื่องมือเพื่อเกมทางการเมือง และสรุปจบท้ายที่ชาวบ้านนั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ กลายเป็นแพะรับบาปในขณะที่ผู้นำการประท้วงกลับลอยตัวหนีพ้นปัญหา

เมื่อมองผ่านเรื่องราวเหล่านี้แล้ว ก็คงรู้สึกได้ว่า

“ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ไม่ว่าจะบ้านเมืองใด เกมการเมืองที่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือก็ไม่เคยแตกต่าง ไม่เคยแปรเปลี่ยน ปักโคลนบ่อควายก็ยังเหนียวเนอะและเน่าเหม็นเช่นเคยเป็นมาและจะเป็นต่อไปอีกนาน ตราบใดที่ยังมีคำว่า ‘เกมการเมือง’ อยู่บนโลกห่วยๆใบเดิม”



เพราะฉะนั้น เราจะผ่านมันไป...เอามันง่ายๆแบบนี้เลย
ดูพอคิด...ก็พอแล้ว
แต่ที่ควรเก็บเอาไว้ยิ้ม อีกทั้งกิ๊วก๊าวในใจก็ต้องเป็น...



เส้นทางความรัก มาจน การครองคู่ระหว่าง นายน้อยแห่งโทงาวะและสาวน้อยคาโอรุ


เอ~จะว่าไปคงใช้คำว่า ‘นายน้อย’ อีกต่อไปไม่ได้แล้ว
เพราะว่า หลังจากที่พ่อของโซคิจิเสียชิวิตหลังงานแต่งงานของลูกชายคนโตได้ไม่นาน
จากนั้นเรื่องราวการคอรัปชั่นของผู้ใหญ่บ้าน(ซึ่งเป็นอาเขยของคาโอรุ)ที่ร่วมมือกับสมุหบัญชีโกงเงินสหกรณ์ไป ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ ลุกฮือขึ้นต่อต้านจนลามกลายเป็นการจลาจลย่อมๆขึ้นมา
จนทำให้โซคิจิและชาวประมงถูกจับฐานก่อความไม่สงบ จนประกันตัวออกมานั้น
ช่วงเวลาความวุ่นวายดังกล่าว
โซคิจิจึงก้าวขึ้นมารับหน้าที่เป็นผู้นำแห่งตระกูลโยชิทาเกะอย่างเต็มตัว
จาก ‘นายน้อย’ จึงกลายเป็น ‘นายท่าน’ แห่งโทงาวะ


แล้วสำหรับคาโอรุล่ะ
สาวน้อยบนบกต้องแต่งงานมาเป็นเมียชาวประมง เผชิญกับความกดดันหลายอย่าง
รวมทั้ง...
ยิ่งเวลายิ่งผ่าน นานนับสามปีนั้น
มันมีคำกล่าวอ้างที่ทำให้คาโอรุเป็นกังวลมาโดยตลอดคือ
“ถ้าภายในสามปีไม่มีลูก ก็คงต้องเลิกกัน”

โซคิจิที่ต่อมาก็รับรู้ถึงความกังวลนี้ของคาโอรุ จึงไม่พอใจทุกครั้งที่มีคนมาพูดเรื่องลูก
คาโอรุเองก็พยายามทำตามความเชื่อหลายอย่างเพื่อที่จะได้มีลูก เช่น การไปถือหินศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอลูก การขึ้นลงบันไดเพื่ออธิษฐานขอพรให้มีลูก



เมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบ
เดือนพฤษภาคม ปีโชวะที่ 6
ศาลจิบะได้มีการตัดสินคดีความเหตุการณ์จลาจลนอกจากแกนนำคนสำคัญแล้ว ชาวบ้านที่เหลือส่วนใหญ่ก็ให้รับโทษใช้แรงงานสี่เดือน รอลงอาญาสามปี
โซคิจิและครอบครัวต่างล้อมวงฉลองคำตัดสินนี้
จากนั้นคุณแม่ของโซคิจิจึงเสนอให้ทั้งสองไปเที่ยวพักผ่อนกันที่อิตาโกะ ซึ่งช่วงนี้ที่แม่น้ำจะมีดอกอายาเมะบานเต็มไปหมด แล้วตบท้ายบอกคาโอรุว่า
“ไปเถอะ เพราะต้องมีเรื่องดีๆแน่”
คุณแม่สามีที่แสนใจดีกับลูกสะใภ้บอกความนัย เพราะสถานที่แห่งนี้นายหญิงแห่งโทงาวะตั้งท้องโซคิจิตอนไปอิตาโกะนั่นเอง



ผัวหนุ่มเมียสาวมาล่องเรือที่อิตาโกะ
หนุ่มชาวเลเสนอให้สาวบนบกลองพายเรือล่องแม่น้ำดู กล่อมสาวไปว่า พายได้ง่ายเพราะที่นี่ไม่มีคลื่นเหมือนในทะเล
สาวน้อยรับฟังแล้วขยับตัวขึ้นลุก แต่กับเซจนล้ม
หนุ่มน้อยชาวเลผวาขึ้นไปรับจน...พลิกตัวตกแม่น้ำไปแทน
ฉากน่ารักๆจึงมีให้เห็น





ในห้องพัก
เมื่อโซคิจิเปรยขึ้นมาเมือเห็นคาโอรุกำลังยืนตากกิโมโนเปียกชุ่มของตนว่า
“จะแห้งทันพรุ่งนี้ไหมเนี่ย”
คาโอรุก็เลยอดหัวเราะขำออกมาไม่ได้
นายท่านแห่งโทงาวะจึงอดต่อว่าเล็กๆด้วยรอยยิ้มกริ่มขึ้นมาว่า
“หัวเราะให้กับความโชคร้ายของสามีได้ยังไงอ่ะ”
แล้วอุบอิบขอร้องภรรยาสาวขึ้นมาอีกที
“แต่อย่าไปบอกกับใครเขาล่ะเพราะว่าชาวประมงตกเรือแบบนี้มันเป็นเรื่องน่าขายหน้ามากๆเลยล่ะ”
คาโอรุตกปากรับคำ แต่แล้ว...เมื่อสาวน้อยเหลือบมองกลับไปก็หยอดท้ายแกล้งไปว่า
“แต่ว่า..ไม่รู้จะเก็บไว้ได้ไหมน๊า~”
ชาวประมงหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว จิ้มนิ้วลงที่หน้าผากของสาวน้อยด้วยความหมั่นเขี้ยว





แล้วจู่ๆคาโอรุก็กล่าวขอบคุณที่โซคิจิพาเธอมาเที่ยวครั้งนี้
ทำให้โซคิจิต้องแปลกใจจึงถามกลับไปถึงสาเหตุ
คำตอบเรียบง่ายของคาโอรุแสดงออกถึงความรักของเธอที่มีต่อโซคิจิอย่างเต็มเปี่ยม
“ฉันน่ะมีความสุขที่สุดในโลกนี้เลย เพราะได้แต่งงานกับคนที่เป็นรักแรกของฉัน แถมยังดีกับฉันด้วย” สาวน้อยก้มลงยิ้มอย่างมีความสุข “ฉันขอบคุณมากเลยค่ะ”

เพราะความรู้สึกของคาโอรุที่มีต่อตนเองปรากฏชัดเจนต่อหน้า
หนุ่มน้อยผู้ครั้งหนึ่งเพียงแค่คิดครอบครองเธอไว้ กล่าวอย่างผยอง ประกาศจับจองเป็นเจ้าของก่อนหน้านี้ไปว่า
“‘เธอถูกกำหนดให้เป็นคนของฉัน...ตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดมาแล้ว’


เมื่อกาลเวลาผ่านไป สองหนุ่มสาวได้เคียงคู่ ผ่านอุปสรรคมากมายร่วมกัน
คำตอบรับครานี้จากลูกผู้ชายที่แสนสง่าผ่าเผยจึงแปรเปลี่ยนเป็นว่า
“เราสองคนเป็นของกันและกัน...มาตั้งแต่เกิดแล้ว”



.....โอย~นายท่านแห่งโทงาวะคะ
ประโยคครั้งแรกนั้นว่าโดนแล้วนะเจ้าคะ
มาเจอประโยคสองแบบนี้เข้าไป อิฉันยอมตายคาอก(แน่นๆ)ของนายท่านเจ้าค่ะ....



ชายหนุ่มชาวประมงเอ่ยต่อโดยใช้ตำนานมาประกอบย้ำความรักที่ผูกและพันทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน
“เพราะว่าพระเจ้าจะเอาแผ่นเนื้อคู่บนสวรรค์แต่ละใบๆฉีกแล้วโปรยมาบนโลก แล้วถ้าคู่ไหนเก็บได้คนละครึ่งแผ่นก็จะได้แต่งงานกัน”
ความสุขค่อยเอ่อซึมคลุมพื้นที่ในหัวใจของสาวน้อย
“ฉันกับเธอต่างก็เก็บได้คนละครึ่งแล้วก็มารวมเป็นแผ่นเดียวกัน”

...ทำไมหนุ่มชาวประมงถึงกล่าวถ้อยคำร้อยเรื่องราวบอกแทนคำว่า “ฉันรักเธอ” และ “ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป” ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกขนาดนี้นะ


“แต่พระเจ้าก็ชอบแกล้งเหมือนกันนะ ที่ให้ชาวประมงกับลูกสาวร้านโชยุคนละครึ่งแผ่น” โซคิจิรำพึงขึ้นมา
ทำให้คาโอรุต้องรีบแย้งขึ้นมา
“ถ้าขืนว่าร้ายพระเจ้าจะถูกลงโทษเอานะคะ...ไหนไหนเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ฉันพอใจแล้วล่ะค่ะ”
สาวน้อยตบมือสองครั้งแทนคำขอบคุณพระเจ้า
โซคิจิเฝ้ามองไม่วางตานำพาความอบอุ่นอวลในหัวใจ





เช้าวันต่อมา
สองหนุ่มสาวพากันไปเดินเล่น หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
ขณะที่โซคิจิเดินนำไป พูดถึงความฝันของตนถึงการจับปลาอาวาชิมาวางให้เต็มตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเอชียอาคาเนย์
คาโอรุจึงแกล้งหลบไปซ่อน
เกมเล่นสองหาของสามีภรรยาจึงเกิดขึ้น
ความวิตกกังวลของคาโอรุที่ฉายชัดยามหาโซคิจิไม่เจอราวกับลางบอกอนาคตล่วงหน้า
แต่เพียงแค่...โซคิจิย้อนกลับมาจนเจอกัน รอยยิ้มแสนน่ารักจึงได้คืนกลับเช่นเคย








จากนั้นสองสามีภรรยาคลอเคลียคู่กันไม่ห่างผ่านโมงยามแห่งความสุขไปพร้อมกัน
ราวกับชดเชยวันเวลาอันยากลำบากที่ผ่านไปและกำลังก้าวย่างเข้ามาทักทาย





แล้วเราก็มาดูกันต่อเถอะว่า

มนต์ขลังแห่งอิตาโกะจะยังคงอยู่หรือไม่
และนายท่านแห่งโทงาวะจะ 'ทึ่ม' ได้แค่ไหน




ณ ค่ำคืนแห่งดวงดาว ภายใต้ท้องฟ้ากระจ่างตา



คาโอรุบอกกล่าวโซคิจิว่าตนไปสถานพยาบาลมา
หนุ่มจอมทึ่ม ถามกลับไปว่า “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”



...อันนี้พอเข้าใจ ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยคนรัก...ก็พอผ่านล่ะนะ


คาโอรุปฏิเศษไป
หนุ่มจอมทึ่มยกที่หนึ่ง กลับหลงทางไปสงสัยว่า “อ้าว!ไปเยี่ยมใครงั้นเหรอ”
...ฮึ่มมม ขัดใจ ขัดใจ

คาโอรุปฏิเศษอีกรอบ
หนุ่มจอมทึ่มยกกำลังสองเลยชักประหลาดใจ “แล้วไปทำอะไรที่นั่นล่ะ”
...ฮ่วย! พ่อเจ้าประคุณทูนหัวเอ๊ย~!!!






คาโอรุไม่ยอมง่ายๆ “ลองทายดูสิคะ”
หนุ่มจอมทึ่มยกกำลังอินฟินิตี้เลยคราวนี้ถึงกับคิ้วขมวด นึกโยงนึกใย พันยุ่งอิรุงตุงนัง
...หน้าตาก็หานึกอะไรได้ไม่

...เย๊ย ย ย เห็นแล้วอยากเข้าไป~!!!




คาโอรุเลยอดไม่ไหว เย้าขึ้น “ทึ่มจังเลย”
โซคิจิซึ่งยัง...ไม่เข้าใจจนแล้วจนรอด ร้องขึ้นมาด้วยที่จู่ๆก็โดนปรามาสต่อหน้า “เอ๋~”



...เฮ้อ~ จะทึ่มไปไหนอ่ะนายท่าน




คาโอรุวางหมากตัวสุดท้ายหวังรุกฆาต “มันขาดไป...ตั้งนานแล้ว”
กรุณาอย่าหวังให้หนุ่มทึ่มเรียกพ่อเข้าใจในวินาทีแรก เพราะนายท่านของเรายังคงคอนเซ็บเดิมไว้ด้วยการถามออกมาว่า “อะไรนะ?”
พัดในมือพัดไปเป็นสิบกว่ารอบก่อนความหมายในคำจะวิ่งชนหัวใจ



นายท่านแห่งโทงาวะตะกุกตะกักย้ำความเข้าใจ “นี่...นี่หรือว่า”
คาโอรุไม่อยากเล่นทายปัญหาปาจิงโกะอีกแล้ว ขอยอมแพ้ดีกว่า
“ใช่แล้วค่ะ”
แล้วบอกตามเป็นรถด่วนชินคังเซ็น(เอ๋~สมัยนั้นยังไม่มีนี่หว่า!)
“แล้วพอฉันไปตรวจที่สถานพยาบาล”
“มีแล้วเหรอ” โซคิจิสวนขึ้นมาด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม
คุณแม่ท้องแรกยิ้มกว้างรับคำ “เราสองคนจะมีลูกด้วยกันแล้ว”
คุณพ่อจอมทึ่มร้องตะโกนดังลั่น “ไชโย! ฉันทำสำเร็จแล้ว”

...เอ่อ~ ที่ว่า ‘ทำ’ น่ะ ‘ทำ’ อะไรเจ้าคะนายท่าน....ฮ่า ฮ่า ฮ่า



ยัง...ยังดีใจไม่จบ
คุณพ่อไม่ลืมให้เครดิตคุณแม่ด้วย



“สำเร็จแล้ว”
โซคิจิดึงคาโอรุไว้ในอ้อมกอด
“เธอเก่งมากเลย”


...ถูก!ถูก! เรื่องแบบนี้มันต้องรับรางวัลหารสองนะคุณพ่อนะ...




จากนั้นวิญญาณคุณพ่อขี้ห่วงก็เริ่มเข้าสิง สั่งการเป็นชุด
“ต้องกินปลาเยอะๆนะ รู้ไหมลูกเราจะได้แข็งแรง”
อย่านึกว่าจะพอแค่นี้ คุณพ่อชาวประมงจะสั่งอะไรต่ออีกล่ะ
“แล้วก็สาหร่ายด้วย อย่างโนริแล้วก็วากาเมะ”

วิญญาณคุณพ่อขี้ห่วงหลุดไป วิญญาณคุณพ่อขี้เห่อเข้ามาสิงต่อ
“แล้วจะคลอดเมื่อไรล่ะ”
“เดือนมีนาปีหน้า”
คำตอบจากคาโอรุทำเอาคุณพ่อร้องประท้วงปนเร่งเร้า
“เอ๊ย~เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ!”

....โอทส์~!!! ลูกคนนะนายท่าน ไม่ใช่ลูกแมว
มีการหวังบีบให้เร็วขึ้นด้วยวุ๊ย...ฮ่า ฮ่า ฮ่า

คาโอรุแม้อยากโอนอ่อนตามแต่จำต้องลดระดับความใจร้อนคุณพ่อมือใหม่หัดขับปลอบกลับไปว่า
“ไปฝืนไม่ได้หรอกค่ะ”
.... ผัวเมียคู่นี้น่ารักจิฟ


กลไกสมองนายท่านแห่งโทงาวะเริ่มเดินเครื่อง
บอกขึ้นมาด้วยความสงสัยปนมาดมั่น
“เดี๋ยวก่อนนะ...หรือว่าเหตุจะเกิดที่อิตาโกะ”
คาโอรุพยักหน้ารับอย่างเขินอาย
...อิตาโกะ ยังคงมนต์ขลัง~


คาโอรุพูดขึ้นตามธรรมเนียมโบร่ำโบราณนานตะพึดว่า “ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็ดีนะคะ”
แต่โซคิจิกลับน่ารักยิ่งกว่า หัวใจลูกผู้ชายแห่งโทงาวะตอบกลับมาว่า “จะเป็นเพศไหนก็ได้”
...งิ งิ งิ เค้าหลงรักนายท่านแห่งโทงาวะเต็มหัวใจเลยอ่ะ


คุณพ่อขี้เห่อยังไม่ออกจากร่าง เริ่มคิดต่ออีกขั้น
“จริงด้วย! ต้องตั้งชื่อไว้ก่อนแล้วล่ะ” จักรกลในสมองทำงานเต็มสตรีมกันละคราวนี้ คุณพ่อเสนอว่า “ถ้าเป็นผู้หญิงชือ อายาเมะ...ดีไหม ถ้าเป็นผู้ชายก็ชื่อ อายาคิจิ” แต่แล้วคุณพ่อกลับนึกอะไรขึ้นมาได้ร้องขัดตัวเองว่า “เอ่อ...ไม่สิ เราไปที่อิตาโกะ ชื่อ อิตะคิจิ...ดีไหม”
...เฮยยยย คุณพ่ออะไร เห่อออกหน้าออกตาไม่เกรงใจใครเล้ย



คาโอรุหลุดปากเอ่ยความในใจที่กดทับตนเองมาโดนตลอดถึงความกังวลว่าถ้าไม่สามารถมีลูก อาจต้องถูกส่งตัวกลับบ้านไปก็เป็นได้
นายท่านจึงดุขึ้นมาว่า “พูดอะไรอย่างงั้นเล่า”
แล้วอุ้มคาโอรุไว้ในอ้อมแขนพร้อมหมุนปลิวไป ร้องตะโกนขึ้นด้วยความดีใจอย่างหยุดไม่อยู่อีกครั้ง
“ดีจังเลย สำเร็จแล้ว”
และยังไม่พอ ย้ำด้วยประโยคชวนหวิว “เหนื่อยมาตั้งนาน เราจะมีลูกกันแล้ว”


....เอ่อ ขอถามด้วยความ(หลง)รักนะคะนายน้อยที่รัก
‘ทำ’อะไร ถึงได้ ‘เหนื่อย’ ขนาดต้องหลุดปากออกมาแบบนี้เจ้าคะ



ครอบครัวน้อยๆแห่งตระกูลโยชิทาเกะ...เริ่มก่อร่างสร้างสายใย ‘พ่อแม่ลูก’







จู่ๆอากาศก็แปรปรวนในช่วงบ่าย



เรือโทเนงาวะมารุที่ออกไปหาปลาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร~!!?







เมื่อคลื่นรักย่างกรายเดินนำหน้า
คลื่นชีวิตจะพัดพาทั้งคู่ไปสู่จุดไหน...อาจเป็นเพียงระลอกคลื่น ไม่ก็อาจดั่งพายุโหมกระหน่ำ






Create Date : 28 มิถุนายน 2552
Last Update : 28 มิถุนายน 2552 23:00:30 น. 2 comments
Counter : 1490 Pageviews.

 
แง๊.. ยังไม่จบใช่ไหมคะ
มาเล่าต่อด่วนเลย
กำลังอิ๊น กำลังอิน

สนุกมาก ๆ เลยค่ะ


โดย: โสดในซอย วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:41:16 น.  

 
มาหาอ่านตอนแรก สนุกๆมากๆ นายน้อยคงจะเหนื่อยมาก กับ จุด จุด จุด


โดย: dolores วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:43:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.