Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
10 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
สิ่งงดงาม...ที่คุณเข้าครอบครองได้ ในที่สุด : Mad Men

 

 

 

 

 

 

 

 

เพื่อครอบครองสิ่งที่ปราถนาจนดูเหมือนจะเกินเอื้อม    คนคนหนึ่งจะยอมลงทุนเท่าไร  ยอมขาดทุนเท่าไร และยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองลงแค่ไหน

 

ฉันถามตัวเอง ฉันเคยปราถนาในสิ่งที่เกินเอื้อมบ้างไหมในชีวิต 

สิ่งที่ปราถนาต้องมีแน่  สิ่งที่เกินเอื้อมก็ต้องมี  แต่กับการปรารถนาในสิ่งเกินเอื้อมจนยอมทำทุกอย่างเพื่อไขว่คว้ามาอยู่ในกำมือ...ฉันส่ายหน้ากับตัวเอง  ฉันไม่ใช่คนมีความทะเยอทะยานขนาดนั้น

คนประเภทฉัน  คนที่สู้กับแรงต้านทานได้น้อยกว่าค่าเฉลี่ยย่อมไม่มีทางสู้สุดแรงจนยอมทิ้งทุกอย่างที่มีโดยเฉพาะอย่างยิ่งศักดิ์ศรี(ที่มีอยู่ไม่มากเท่าไร)ของตัวเอง  คนอย่างฉันที่รู้จักตัวเองดีพอและประเมินความสามารถของตัวเองออก หรือก็คือดูตัวเองถูกที่ไม่ดูถูกตัวเองนั้น ยอมปล่อยมือกับสิ่งที่เกินมือได้ง่ายดายกว่าที่คนอื่นคาดไว้กับตัวฉันด้วยซ้ำ

เพราะงั้นฉันจึงมักให้ความชื่นชมและมอบนับถือในใจกับคนที่ยอมเดิมพันทั้งหมดของชีวิตเขาเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปราถนาอย่างเหลือแสนแม้บางกรณีมันจะเป็นเรื่องหมิ่นเหม่กฎหมายและศีลธรรมอยู่ไม่น้อยก็ตามเถอะ 

ความชื่นชมที่ให้ก็คือชื่นชมในความแกร่งของเขากับการไม่แคร์กับสายตาสังคม  จนเกินเลยไปถึงการยอมเสียเบี้ยบ้ายรายทางเพื่อมุ่งไปจุดมุ่งหมายที่ต้องการนั้น  คนทำแบบนี้ได้ต้องแกร่งทั้งความคิดและจิตใจอย่างชวนน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว    ถือเป็นความแกร่งระดับที่คนเรื่อยๆมาเรียงๆนกพาฉันบินเฉียงไปทั้งหมู่ไม่แม้แต่จะกล้ำกลายเฉียดไปใกล้

และกับความนับถือ  ก็คือนับถือในหัวใจที่กล้าพอ  กล้าที่จะไม่แค่ปรารถนาแต่ลงมือทำแม้มันจะบ้าบิ่นแค่ไหนก็พร้อมจะไขว่คว้ามาไว้ในกำมือ  คนที่สนุกไปกับการปั้นอากาศเป็นอักษรอย่างฉันก็อดให้ความนับถือหัวใจคนแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

ส่วนเรื่องที่ก้าวข้ามกฎหมายและกฎศีลธรรมไปนั้น  ฉันถือว่าฉันไม่เกี่ยวแล้ว  นั่นคือสิ่งที่คนทำต้องเป็นคนรับผลของมันเท่านั้นเอง(บอกตรงๆตามประสาคนตาขาวคือสนุกกับการลุ้นแต่ไม่ยินดีจะลงลายเซ็นต์รับผิดชอบร่วมนั่นเอง)

 

 

 

‘Mad Men’ Season 5, Episode 11: ‘The Other Woman’

 

ดอน เดรเปอร์ต้องการให้บริษัทโฆษณาของตน Sterling Cooper Draper Pryce (ยังยาวได้กว่าอีกนะหลังจากซีซั่นนี้ Smiley) ขึ้นมาเป็นเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการโฆษณา  สิ่งที่เขาต้องทำก็คือการได้ทำโฆษณารถยนต์หรู  และรถยนต์ที่เป็นเป้าหมายครั้งนี้ก็คือ "จากัวร์"

ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อต้องสู้กับบริษัทโฆษณาระดับแถวหน้าทั้งยังติดต่อเป็นลูกค้าเก่ากันมาก่อนหน้าแล้ว

เพราะฉะนั้นคอนเซ็บบ์ที่ดอนคิดจึงต้องเยี่ยมที่สุด  เจ๋งยิ่งกว่า  ดึงดูดยิ่งขึ้นเพื่อให้จากัวร์ยอมหันกลับมามอง...ดอนในฐานะครีเอทีฟไดเร็คเตอร์และหนึ่งในผู้บริหารคิดเพียงแค่นั้นในการไขว่คว้าโอกาสที่เขาอยากได้แทบเป็นแทบตายนี้

หากทว่าหุ้นส่วนที่เหลืออีกสี่คนไม่คิดแบบนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพีท ผู้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับฝ่ายบริหารจากัวร์

เมื่อพีทนัดดินเนอร์กับหนึ่งผู้บริหารจากัวร์พร้อมได้รับข้อเสนอแกมขู่ว่าเขาต้องการที่จะใช้เวลาหนึ่งคืนกับโจน ผู้ประสานงานสาวสวยผมแดงเป็นการแลกเปลี่ยน

 

พีทเอาเรื่องนี้มาปรึกษากับหุ้นส่วนทุกคน  และแน่นอนดอนปฏิเศษไม่เห็นด้วยทันที  เขาต้องการต่อสู้ด้วยฝีมือและเดินออกจากห้องไป

พีทตอกหน้าดอนกลับไปภายหลังว่าการสนทนาไม่จบลงแค่ดอนเดินหนีไปไม่รับรู้

โจนได้รับรู้ข้อเสนอ  เธอถูกเกลี้ยกล่อมจากมิสเตอร์ไพรส์หนึ่งในหุ้นส่วนอีกคนว่าเหล่าหุ้นส่วนทุกคนคุยกันถึงเรื่องจะมอบเงินเป็นจำนวนถึงห้าหมื่นดอลล่าห์เป็นสินน้ำใจกับงานชิ้นนี้  เงินจำนวนนี้มันเป็นมากเป็นสี่เท่าของรายได้ต่อปีของเธอเลยทีเดียว

แต่ทว่าไพรส์ก็ไม่ยอมให้โจนต้องเสียเปรียบในการค้าชิ้นนี้   เขายกตัวเองเป็นตัวอย่างขึ้นมาว่า  เมื่อสามปีก่อนเขาตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ 'น้อยกว่า' สิ่งที่เขาต้องการ   ไพรส์แสดงความเสียดายต่อการตัดสินใจในครั้งนั้นให้โจนเห็นด้วยการแนะให้โจนรู้ว่าเงินเพียงห้าหมื่นมันจะเปลี่ยนชีวิตโจน(และลูก)ได้ไม่มากเท่าไรนัก   แต่กับ...การเข้าเป็นหุ้นส่วนโดยถือสัดส่วน 5%ในบริษัทนั้นมันจะสามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งทั้งชีวิตไปเลย

โจนที่ยืนกรานปฏิเศษที่จะขายตัวเองมาตลอดนั้นจึงเริ่มลังเล...และสุดท้ายเธอตัดสินใจทิ้งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ลงเพื่อคว้าเอาสิ่งที่เธอคิดว่ามีค่ายิ่งกว่ามาแทนที่

 

 

ก่อนวันพรีเซนต์หนึ่งวัน

พีทเข้ามาหาดอนเพื่อแจ้งให้เขาสบายใจได้ว่าอุปสรรคต่างๆได้รับการกำจัดไว้แล้ว  และดอนก็เข้าใจในทันที

เขารีบเดินทางไปหาโจนที่บ้าน  โจนออกมาหาทั้งเสื้อคลุมอาบน้ำสีเขียว

 

เมื่อดอนบอกกับโจนว่า "ผมมาเพื่อบอกคุณว่ามันไม่คุ้มหรอก  ถ้าไม่ได้จากัวร์...แล้วไง...!ก็ช่างหัวมัน  ใครกันอยากทำธุรกิจกับคนแบบนั้น"  มันทำให้โจนรับฟังด้วยความตะลึง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง สายตาเธอบอกออกมาแบบนั้น  เสียงถอนหายใจกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านพร้อมเค้นเสียงออกมาว่า  "เขาบอกกับฉันว่าหุ้นส่วนทุกคนเห็นด้วย"

ดอนจึงยืนยันกลับไปว่าตัวเขาคัดค้านความคิดนั้น

โจนหลับตาลงเหมือนจะแสดงถึงความโล่งอก   และบอกให้ดอนสบายใจว่าเธอไม่เป็นไร

ทุกอย่างเหมือนลงเอยด้วยดี

 

 

วันพรีเซนต์มาถึง

ภาพตัดมาให้เห็นเพียงฟากของทีมงานฝ่ายดอนที่นั่งเรียงกันอยู่  ดอนเริ่มพรีเซนต์งานด้วยการเกริ่นนำเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนด้วยการหยอกนิสัยผู้หญิงว่ามีผู้หญิงสวยมากมายในชีวิตเขาที่ไม่เคยเบื่อที่จะฟังผู้ชายอย่างเราชมว่าพวกเธองดงามแค่ไหน 

จากนั้นเขากดเสียงเข้มจริงจังราวกล่อมให้ทุกคนหันกลับมายังมุมมองของฝ่ายชาย   "หากทว่ามันก็ยังมีความงามแบบล้ำลึก ความงามที่ไม่อาจแตะต้องได้  ความงามที่ทำให้ผู้ชายอย่างเราต้องลุ่มหลงก่อให้เกิดซึ่งแรงปรารถนา ด้วยเรารู้สึกว่าเราไม่อาจครอบครองมันเอาไว้ได้"

ภาพตัดไปที่ห้องห้องหนึ่งเปิดประตูออกมา  โจนยืนอยู่ตรงนั้นใต้โค้ทหรู  สายตาของผู้ชายหัวล้านร่างอ้วนพุงพลุ้ยคนหนึ่งจ้องมองกลับไปอย่างไม่ปิดบังความลุ่มหลงที่มีต่อสิ่งสวยงามตรงหน้า  เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อเฮิร์บ

 

 

ดอนขุดลงไปยังจิตใจของมนุษย์ว่าคนเราถูกสั่งสอนมาว่าหน้าที่สำคัญที่สุดก็จริง  แต่ทว่าคนเราไม่ว่าใครต่างก็มีซึ่งแรงปราถนาร้อนแรงบางอย่างซ่อนอยู่

เฮิร์บลอบกลืนน้ำลายลงคอขณะบรรจงสวมสร้อยคอมรกตลงที่ลำคอของโจนเพื่อเป็นของกำนัล

 

ดอนรุกคืบไปยังเป้าหมายด้วการอ้างถึงตอนเขาขับรถสปอร์ตอีไทป์   ผ่านเด็กผู้ชายในรถสแตชั่นแวกอนที่แทบเหลียวหลังมาที่เขา  สิ่งที่เขามองเห็นในสายตาของเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือเด็กนั่นเพิ่งเห็นสิ่งที่ตัวเองกระหายอยากได้ไปจนวันตาย

เฮิร์บรินแชมเปญส่งให้โจนด้วยสีหน้าเหมือนเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ  พูดอย่างลิงโลดว่าเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสุลต่านแห่งอาราเบียแล้วมีเฮเลนแห่งทรอยมาเยือนยังกระโจม

 

ดอนย้ำให้เห็นว่าเด็กคนนั้นเห็นสิ่งที่ไขว่คว้าไม่ได้แล่นฉิวผ่านจนสุดเอื้อม   น้ำเสียงเขาดั่งเย้ย  "มันก็มักเป็นแบบนี้จริงไหม  กับสิ่งที่สวยงาม"....มักเกินมือเราคว้าเสมอ

คำว่าสิ่งที่สวยงามของดอนดังขึ้นมาพร้อมๆกับภาพโจนที่มองไปยังเฮิร์บ  สาวสวยราวรูปสลัก  ผิวนั้นขาวดั่งหิมะแรกชวนให้ลูบไล้  ผมแดงจัดดั่งแสงอาทิตย์ยามสายช่างเจิดจ้าชวนให้ตาพร่า   ลำคอระหงรับกับหน้าอกอวบอิ่มเรียกร้องให้ลิ้มลอง    มันทำให้เฮิร์บมองมาด้วยสายตาหื่นกระหาย จนต้องหลุดปากออกมาอย่างไม่รั้งรออีกแล้วว่า  "ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะอดใจไปได้นานอีกแค่ไหนแล้ว"  สายตาเฮิร์บเหลือบต่ำลงตรงมรกตสีเขียวบนเนินอกนูนรับนั้นพร้อมสั่ง  "ขอผมดู!"

โจนกล้ำกลืนความรู้สึกหันด้านหลังแทนการเอ่ยปากให้เฮิร์บช่วยดึงซิบที่ด้านหลังเสื้อ  สายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำและรวมถึงความดูถูกตัวเอง มีรอยน้ำจางๆเอ่ออยู่ในนั้นท่ามกลางเสียงหอบหายใจรดต้นคออย่างน่าขยะแขยง

 

ดอนเข้าเป้าหมายด้วยการบรรยายให้เห็นภาพชายร่ำรวยนั่งอ่านนิตยสารเพลย์บอยหรือเอสไควร์เปิดผ่านเจอหน้าหนังสือที่ส่งประกายจากผิวสีของส่วนเว้าโค้งรถยนต์จากัวร์แล้วก็ต้องจ้องตาไม่กระพริบ  แต่ที่จะต่างออกไปจากเด็กผู้ชายตัวเล็กๆนั่นก็คือชายคนนั้นสามารถครอบครองเป็นเจ้าของรถจากัวร์คันนี้ได้ไม่ต้องครอบครองเพียงแค่สายตา

กล้องแพลนจับมาให้เห็นอีกฟากของผู้บริหารจากัวร์นั่งฟังดอนพรีเซนต์งาน  และเฮิร์บเป็นหนึ่งในนั้น

นั่น...นั่นมันทำให้คนนั่งดูอย่างฉันใจหายทั้งตระหนักเลยว่าเราโดนการตัดต่อหลอกเข้าแล้วสินะเมื่อนึกไปเองว่าตลอดการพรีเซนต์ของดอนนั้นเกิดขึ้นไปพร้อมกับการยอมลดศักดิ์ศรีของโจน   แถมฉันยังกล่าวหาแกมเสียดายที่โจนไม่ยอมฟังคำเตือนของดอนตลอดช่วงเวลาที่เกิดขึ้นนี้

ภาพตัดฉับกลับอย่างไม่ปราณีมายังโจนซึ่งนอนลืมตาโพลงไม่แสดงความรู้สึกใดใต้ผ้าห่มสีขาว   ให้เห็นเฮิร์บตะแคงมองมายังเธอทั้งพูดขึ้นอย่างสมใจ   "ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาแสนวิเศษนี้  คุณช่างเป็นเร่าร้อนอะไรอย่างนี้"  

เสียงนั้นแม้สุภาพไม่หยาบโลนอะไรแต่สายลมของความหมายแฝงในถ้อยคำนั้นมันพัดกระชากตัวโจนให้เด้งตัวลุกหนีไม่ต่างจากโดนลมพายุโหมสะบัด    พร้อมๆกับเสียงเย้ยหยันของดอนที่ยังพรีเซนต์งานต่อไปดังกระด้างในความรู้สึกสาดกระหน่ำกลับมาไร้ความปราณ๊   "รถคันนี้  สิ่งนี้...ท่านสุภาพบุรุษ เราจะยอมจ่ายเท่าไร  พฤติกรรมขนาดไหนที่ตัวเราจะยอมให้เกิดขึ้นเพื่อให้ได้มาครอบครอง" 

  

สายตาดอนเต็มไปด้วยความมั่นใจแล้วว่าเป้าหมายอยู่ในกำมือเขาแล้ว  สุดท้ายเขาก็เอาทุกคนอยู่   ทิ้งท้าทาย    "ก็ถ้ามันไม่สวยซะขนาดนี้  ไม่เร่าร้อนยั่วยวน...และถ้ามันไม่เกินเอื้อมขนาดนี้  ทั้งเรายังไม่อาจคุมมันไว้ในกำมือได้แล้วล่ะก็...เราจะยังปรารถนามันถึงขนาดนี้ไหม!"

ดอนปิดงานพรีเซนต์นี้ด้วยไลน์โฆษณาอย่างเย่อหยิ่ง      "จากัวร์  สิ่งงดงามที่คุณครอบครองได้...ในที่สุด" 

 At Last , Something Beautiful You Can Truly Own

พร้อมภาพฉายรับจับลงตรงที่เฮิร์บกับคำว่าในที่สุดคุณก็ครอบครองมันได้   ประโยคนั้นยิงทะลุกลางใจชายคนนี้

สายตาเขาบ่งบอกความเข้าใจอย่างลึกซึ้งไปกับทุกคำพูดที่ดอนพรีเซนต์...ทำไมจะไม่เข้าใจล่ะ  ในที่สุด...จริงไหม  เฮิร์บแทบเก็บรอยยิ้มย่องอันแสนผยองของตัวเองไว้ไม่อยู่  เด็กผู้ชายผู้ที่ได้ครอบครองสิ่งสวยงามที่น่าจะดูเกินเอื้อมกับคนอย่างเขา...ในที่สุด!

 

 

ฉากวนย้อนกลับมาเฉลย

โจนกับชุดราตรีสีดำอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำจ้องมองตัวเองค่อยถอดสร้อยมรกตออกเก็บด้วยมือสั่นระริก   แม่ของเธอเข้ามาบอกว่าดอนมาหา   สายตาของโจนยังแดงกร่ำและเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ  ทั้งๆที่ยังไม่พร้อมพบใครแต่เธอก็จำต้องออกไป   โจนดึงเสื้อคลุมอาบน้ำสีเขียวมาคลุมชุดราตรีแล้วเดินออกมาหาดอน

การตัดต่อหลอกเราตั้งแต่ต้น ฉากที่ดอนมาหาโจนก่อนหน้านั้น...ที่แท้ดอนมาช้าไปก้าว   โจนเลือกและลงมือไปแล้วและกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว 

 

ฉันยังคิดแม้ดูตอนนี้จบไปนาน  ดอนมาช้าไปจริงหรือ   ถ้าดอนมาเร็วกว่านี้ล่ะ   ถ้าโจนรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ต้อนเธอให้จนมุม  เธอจะยอมจนมุมด้วยตัวเธอเองแบบนั้นไหม

ฉันถามตัวเองหลายครั้ง  แต่ทว่าคำตอบดูจะไม่เปลี่ยนไปเลยสักครั้ง  ฉันยังเชื่อว่าถึงแม้ดอนจะมาทันก่อนโจนออกไปหาเฮิร์บ   ถึงแม้โจนจะรู้ก่อนว่าดอนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอขายตัวเธอแลกจากัวร์  โจนเธอก็ยังเลือกทางเดินเดิมนี้อยู่ดี   

ซิงเกิ้ลมัมอย่างโจน  ผู้หญิงแกร่งแบบโจน  ผู้หญิงที่ต้องต่อสู้ในยุคสมัยที่ผู้ชายยังถือตัวเป็นใหญ่  โลกที่กดผู้หญิงลงเป็นเพียงพลเมืองชั้นสอง  โลกที่สติปัญญาของผู้หญิงยังเป็นสิ่งยากจะยอมรับ  เรือนร่างและรูปโฉมต่างหากที่เป็นเครื่องมืออันฉกาจของผู้หญิง  

สิ่งสวยงามที่อยากครอบครองของผู้หญิงแบบโจนก็น่าจะคือการก้าวขึ้นมาเท่าเทียมกับผู้ชายพวกนี้โดยใช้วิถีทางที่เธอคิดว่าเธอมีประสิทธิภาพที่สุดมาต่อรอง 

เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่การมาทันหรือไม่ทัน   แต่มันคือโจนได้ตัดสินใจไปแล้วด้วยตัวเธอเองต่างหาก  เธออยากครอบครองสิ่งสวยงามที่เธอปรารถนาโดยยอมขายตัวของเธอแลกมา 

ฉันอาจไม่เห็นด้วยด้วยวิธีการของโจน  แต่ฉันเข้าใจเธอและอาจฟังดูแปลกสำหรับใครบางคนที่ฉันจะบอกว่าฉันไม่รู้สึกว่ามันเป็นความเลวร้ายในสิ่งที่โจนตัดสินใจทำ   คนเราต่างมีความต้องการแตกต่างกัน  สิ่งที่ไขว่คว้าของคนเรามีระดับต่างกันเสมอ  โจนตกลงยอมรับในข้อเสนอ  มันไม่ได้เกิดจากการบังคับ  เธอคิดอย่างถี่ถ้วน   ไตร่ตรองเงื่อนไขคำนวณต้นทุนกำไรขาดทุนด้วยตัวเธอเอง   เมื่อเธอคิดว่าเธอได้กำไรจากข้อตกลงนี้  และการกระทำของเธอไม่ส่งผลเลวร้ายต่อฝ่ายไหน  ฉันคนที่เป็นคนนอกจึงคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะตัดสินเธอ

หากว่าโจนเธอคิดว่ามันคุ้มค่ากับการค้าแลกเปลี่ยนชิ้นนี้

แม้กระทั่งเฮิร์บก็ตาม  เขาใช้ฐานะคนที่เหนือกว่ายื่นข้อเสนอเพื่อได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนาแม้จะมาด้วยเงื่อนไขอันโสมมเชิงบีบบังคับก็ตามแต่...หากอีกฝ่ายล้มข้อตกลงนี้  ผลก็คือบริษัทSterling Cooper Draper Pryceก็แค่จะไม่ได้จากัวร์    เฮิร์บเองก็ไม่ได้จะไปลงมือทำร้ายฆ่าแกงใครหากได้รับการปฏิเศษ    มันจึงกลายเป็นข้อตกลงที่หาความตกลงร่วมของทั้งสองฝ่าย  นั่นทำให้เฮิร์บจึงเป็นแค่พ่อค้าน่ารังเกียจในความคิดของฉัน

ผู้คนบนโลกต่างดิ้นรนใช้เครื่องมือที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่ายเพื่อต่อรองให้ได้สิ่งที่ต้องการเสมอมา  ต่างกันตรงที่ใครจะทำให้โฉ่งฉ่างน้อยกว่าก็เท่านั้น

มันจะกลายเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมหากทั้งสองฝ่ายยังยินยอมพร้อมใจ

...โลกเราเป็นแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยสินะ

 

 

 

 

คนที่กล้าเดิมพันทั้งหมดที่ตนมีในสิ่งที่ตนเองปรารถนา  ฉันมองคนแบบนี้ด้วยสายตาชื่นชมปนอิจฉาเสมอ

มันต้องมีความกล้าในหัวใจเขาอยู่ไม่น้อย  อย่างน้อยก็คือกล้าที่จะยอมทนอยู่กับตัวเองหากต้องทำในเรื่องที่ต้องหันกลับมาดูถูกตัวเอง...ในที่สุด

หากฉันก็ยังสงสัย เขาเก็บความกลัวไว้ตรงไหนกัน   ความกลัวที่ทำให้คนแบบฉันไม่กล้าทุ่มเสี่ยงเพื่อไขว่คว้าสิ่งที่ปรารถนาเกินตัว  เขาซุกเก็บความกลัวเอาไว้ตรงความกล้าไปด้วยกันหรือเปล่านะ

 

 

 

 




Create Date : 10 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2556 16:12:52 น. 1 comments
Counter : 2357 Pageviews.

 
เขียนได้ดีค่ะ กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับซีรี่ย์เรื่องนี้อยู่พอดี น่าดูมากค่ะ


โดย: S-mild วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:17:12:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.