Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
โป๊กเกอร์เกม วินิค ปะทะ แซนโตส:The West WingVII




เคยเล่นเกมโป๊กเกอร์ไหมคะ
สมัยเด็ก โดนพ่อจับสอน
ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ๋งไหมล่ะพ่อเรา...จับลูกสาวเล่นโป๊กเกอร์ตั้งแต่ตัวยังกะเปี๊ยก
แต่ขอบอกตามตรง ถึงเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก จนป่านนี้ก็ยังเล่นไม่ค่อยเป็น หรือบอกตรงไปตรงมาคือ เล่นไม่เป็น จะถูกกว่า
หน้าไพ่ จำได้ แต่พอเรียงว่า หน้าไหนใหญ่กว่าหน้าไหน ป๊าดโถ่...ไม่เคยจำได้ถูกเลย

และที่สำคัญ
รู้ไหมคะ โป๊กเกอร์เกม สนุกที่สุดตรงไหน
ไม่ใช่การลงจำนวนเงิน ไม่ใช่ตรงผลของการเล่น

สิ่งที่ได้รับรู้มา โดยไม่เคยได้รับการสอนโดยตรง
โป๊กเกอร์สนุกที่สุดก็ตรง ‘การบลัฟ’
ความสนุกของการเฝ้าดูคู่แข่งจะ ‘เกทับบลัฟแหลก’ ได้หน้าตาเฉยขนาดไหน

การสังเกตอาการของคู่ต่อสู้เมื่อเขามีไพ่อะไรอยู่ในมือ
มีหน้าไพ่สูงกว่าเราแค่ไหน
หรือ
หน้าไพ่ย่ำแย่แต่พยายามเหลือเกินที่จะไม่แสดงหรือพยายามซะเหลือเกินว่าหน้าไพ่ฉันสูงกว่าแก

คนแต่ละคนจะมีอากัปกิริยาเป็นเฉพาะส่วนตัวยามกำลังพยายามบลัฟกัน

อยากยกตัวอย่าง
ด้วยความที่...ก็อย่างที่บอก ตั้งแต่เด็กจะได้เข้าร่วมวง ฮ่า....แต่ไม่ใช่เล่นด้วยหรอกนะ
เพียงแค่...นั่งวิ่งนอนเล่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เมื่อเกิดวงโป๊กเกอร์ที่บ้าน
และเพื่อนพ่อแต่ละคน...พ่อบอกว่า...พ่อจะเล่นโป๊กเกอร์แค่กับเพื่อนเท่านั้น
และทำหน้าขึงขังสำทับอีกว่า ถ้าไม่อยากล่มจมอย่าเล่นไพ่(ทุกประเภท..แม้แต่อีแก่กินน้ำ)กับคนแปลกหน้า
การเล่นโป๊กเกอร์กับเพื่อน คือ ความสนุก คือ การผ่อนคลาย คือ การสังสรรค์ วงเล็บอีกที...แบบผู้ชาย ผู้ชาย
และกลุ่มโป๊กเกอร์ของพ่อ ไม่เล่นกินเงินกัน
พ่อบอก(อีกแล้ว)ว่า ถ้าไม่อยากเสียเพื่อน อย่าเล่นไพ่(ทุกประเภท)กินเงินกับเพื่อน
เพราะฉะนั้นเดิมพันบิ๊กเบิ้มที่ต่างเล่นเอาเป็นเอาตาย ก็คือ การเลี้ยงโต๊ะจีนมื้อใหญ่ แต่ทำกับราวต้องเสียเงินจนหมดตัวนั่นล่ะ

เอาน่ะ...ย้อนกลับมาดังที่ตั้งใจไว้ (ดันเรื่อยเปื้อยนอกเส้นทางอยู่เรื่อย)
เพื่อนพ่อแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัวเองมั่กก่อนวางเดิมพัน หรือพูดตรงๆ คือก่อนจะเกทับ
มีทั้ง มือสั่นระริกแล้วหยิบน้ำมาดื่ม ทำเอาแก้วสั่นกึก กึกตามจังหวะ เป็นอันรู้กันว่าอาจมีแค่วันแพร์
แต่ก็ขอเสี่ยง...ที่ไม่รู้จะเสี่ยงทำไม๊ เพราะไม่เคยบลัฟใครได้สักครั้ง
หรือ ลูบคิ้วจนคิ้วมันแทบร้องประท้วง พร้อมทำเสียงอืมออในลำคอ เอาล่ะ...สเตรชฟลัชในมือชัวร์ๆ

ไอ้อาการพวกนี้ คนทำมักไม่รู้ตัวเองหรอก
แต่เพื่อนร่วมวง ก็ดูรู้จนไม่ต้องเดา
ดูไปเล่นกันไป ก็จับทางกันได้เอง

นอกจากนี้ ไม่รู้วงโป๊กเกอร์วงอื่นเขาเป็นกันบ้างหรือเปล่านะ
แต่วงนี้เป็นกันทุกคน(ไม่เว้นแม้แต่พ่อตัว)
คือ การขี้โว ขี้โม้ ขี้อวด...บลัฟกันซะกลายเป็นผู้ชายปากจัดกันถ้วนทั่ว
ไอ้คำพูดว่า ‘เก่งไม่กลัวกลัวช้า’ มีติดปากกันทู้กคน
‘ใจปลาซิว ก็หลบทางน้ำให้ฉลามมันว่ายโว้ย’
‘ราชวังโว้ย ราชวัง...อ่ะ...ฮ่า’ ทั้งๆที่ในมือ สูงสุดคือ ห้าข้าวหลามตัดนั่นล่ะ
ไม่ก็ทำเป็น ‘เห่า ไม่ก็ หอน’ หลอกหลอนกันไป
‘พระกระโดดกำแพง หูฉลามน้ำแดง สเต็กโกเบ’ ก่อกวนเรียกน้ำลาย

การต่อปากต่อคำ มีให้ฟังตลอดเกม
แล้วผู้ชายตัวโตก็กลายร่างเป็นเด็กห้าขวบจนกว่าจะหงายหน้าไพ่

นี่ล่ะมั้ง...คือเสน่ห์ของโป๊กเกอร์



ตั้งแต่เด็ก เวลาเปิดเกมโป๊กเกอร์สองคนกับพ่อ
สิ่งหนึ่งที่แพ้คือ การอ่านสีหน้า
เพราะไม่เคยอ่านสีหน้าพ่อตัวเองออกเลยสักครั้ง แต้มสูง แต้มต่ำ...เดาไม่เคยถูก
แต่ดันโดนอ่านออกมันทุกรอบ โดนดักโดนต้อนว่ามีไพ่อะไรในมือ เก็บสีหน้าตัวเองไม่เคยได้
เพราะอย่างงี้ล่ะมั้ง ถึงได้เล่นโป๊กเกอร์ไม่เก่งกับเขาสักที
ดูเขาเล่น...สนุกกว่าเยอะ

ยามเล่นโป๊กเกอร์กับพ่อ
มักมีคำสอนที่ดูไม่ออกว่าเป็นคำสอนแฝงอยู่แทบทุกครั้ง
สิ่งหนึ่งที่จำได้ อาจเพราะมันเกี่ยวโยงกับการเล่นไพ่ล่ะมั้ง ถึงจำได้ฝังใจ

พ่อบอกว่า
สันดานดิบที่ลึกที่สุดของคนเรา จะแสดงออกมาเมื่อถูกกดดันจนถึงที่สุด
อย่างในวงไพ่ที่เดิมพันสูงเสียจนเปลี่ยนชะตาตัวเองได้
สันดานคนคนนั้นจะเป็นอย่างไร เราจะรู้ได้ไม่ยากเลย
คนจะเจ้าเล่ห์ได้ขนาดไหน ก็ดูออกตอนนี้ล่ะ
หรือบางคนน่ากลัวได้ขนาดไหน
หรือบางคนทำตัวได้น่าสมเพชแค่ไหน
และมีที่รู้จักตัวเอง รู้จักหยุด

และ...
และเราจะรู้ได้ว่า คนคนนั้น ‘ทัน’ เรา หรือ เรา ‘ทัน’ เขา แค่ไหน

พ่อตบท้ายว่า “มันทำให้เราได้เปรียบตอนทำการค้ากับเขา”
...พ่อตู เจ้าเล่ห์เจงๆ



แล้วเกมโป๊กเกอร์ มันมาโยงในซีรี่ส์เรื่อง The West Wing ตรงไหน
เรื่องนี้ทั้งเรื่อง มีให้เห็นตอนเล่นไพ่ก็ตอนลีโอเขาร่วมกับกลุ่มอดเหล้านั่นล่ะมั้ง

แต่โป๊กเกอร์เกมที่จะเอามาพูด
ไม่ใช่การเล่นที่เป็นการเล่นไพ่จริงๆ
แต่คือ ความรู้สึกในสถานการณ์หนึ่งระหว่าง ว่าที่ประธานาธิบดีแซนโตส กับ อดีตผู้ท้าชิง อาร์โนลด์ วินิค



The West WingVII: The Last Hurrah




อาร์โนลด์ วินิค วุฒิสมาชิกจากแคลิฟอร์เนีย อดีตผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หนึ่งในบุคคลผู้เคยมีตารางแน่นเอี้ยดที่สุดตลอดวันคนหนึ่ง
เมื่อการชิงชัยผ่านพ้นไป วิถีชิวิตเริ่มหมุนผ่านต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงจะทำให้เกิดการปรับตัวได้ยากลำบากขนาดไหน
ความเงียบเหงา มาพร้อมความพ่ายแพ้ เมื่อเฝ้าดูคู่แข่งผู้กำชัยผ่านจอทีวีและหน้าหนังสือพิมพ์
...มันคงยากจะยอมรับโดยง่าย
ยิ่งเมื่อย้อนคิดว่า ผลที่ออกมานั้นมันผ่านความสูสีจนตนเองอาจก้าวอยู่ในสปอร์ตไลต์นั้นแทน ก็ยิ่งยากยอมรับ

เคยได้ยินว่า คนที่สูญเสียแขนขาโดยกะทันหัน ยังมีความรู้สึกถึงอวัยวะนั้นติดตัวอยู่อีกนาน
ความรู้สึกติดค้างในใจของวินิค...อาจไม่ต่างกัน

เพราะฉะนั้นเหล่าหัวหน้าสตาฟทีมวินิคเมื่อรับรู้ความตั้งใจว่า วินิคตั้งมั่นจะลงรันชิงตำแหน่งปธน.ในอีกสี่ปีข้างหน้า จึงต่างตกใจระคนแปลกใจ


กลับมากล่าวถึงผู้ครอบครองชัยชนะบ้าง
แมทธิว แซนโตส กับภารกิจการสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งต่างๆในคณะรัฐมนตรี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำแหน่งรองประธานาธิบดี
เมื่อลีโอจากไปกะทันหันระหว่างการชิงชัย
การสรรหาบุคคลเพื่อให้สภาสูงรับรองอาจดูมีข้อกฎหมายมาเกี่ยวข้อง
การเอาเชิงระหว่างพรรคตราลาและพรรคตราช้างมีมาให้รับรู้

ผู้ว่าการรัฐเพนซิลวาเนีย Eric Baker คือ ตัวเต็งที่ทางแซนโตสตั้งไว้
แต่ก็มีข้อกริ่นเกรงคือ กลัวว่าทางพรรรครีพับลิกันจะใช้ข้อกฎหมายมายื้อจนไม่สามารถเร่งรัดแต่งตั้งได้

สาเหตุสำคัญก็คือ เบเกอร์ผู้นี้เคยเกือบก้าวที่จะมาเป็นตัวแทนพรรคตราลาเข้าชิงชัยตำแหน่งปธน. และเคยเป็นผู้ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น
เพราะฉะนั้นการยอมให้พรรคเดโมแครตวางตำแหน่งVPให้กับบุคคลอันตรายผู้มีสิทธิ์เป็นตัวแทนพรรคชิงชัยตำแหน่งปธน.ในอีก 8 ปีข้างหน้า
ก็ดูจะเป็นการให้และสร้างโอกาสแก่คู่แข่ง(ในอนาคต)พรรคตัวเองจนเกินความจำเป็น

ดังนั้นทางพรรคเดโมแครตจึงพยายามหาวิธีการจะทำให้พรรครีพับลิกันไม่ขัดขวางหรือยื้อตอนยื่นเสนอชื่อเบเกอร์เป็นรองปธน.ในวาระประชุมสภา

จากตำแหน่งVP
แซนโตสคุยกับแบร์รี่ย์ กู๊ดวิน ผู้คุมทีมเปลี่ยนถ่ายรัฐบาลเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆ
...จนมาถึง ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
สำหรับตำแหน่งนี้แล้ว เป็นตำแหน่งสำคัญอันดับต้นๆเพราะถือเป็นหน้าตา เป็นตัวแทนของประเทศในระดับเวทีโลก
กับอเมริกา ประเทศที่ถือตัวว่าเป็นบิ๊กเบิ้มของโลกใบนี้แล้ว
ผู้ครองตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศถือเป็นที่จับตามอง
และ ‘ต้อง’ เป็นบุคลลที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี เหมาะสมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ และ ‘ต้องเป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก’ พอตัว

แบร์รี่ เสนอชื่อ เรย์โนลด์เป็นแคนดิเดตอันดับหนึ่ง
เพียงแต่ว่า แซนโตสดูยังไม่พอใจจนเห็นได้ชัด
และ...ในแววตามีบางอย่างบ่งบอก เขามีคนที่ต้องการอยู่ในใจแล้ว


กลับมายัง ‘วินิค’
พยายามทำตัวให้ยุ่ง ด้วยการมายังสำนักงานที่ตอนนี้แทบร้าง
ต่อมาขณะพูดคุยกับสตาฟเรื่องการลงชิงชัยอีกครั้งในสีปีข้างหน้าอยู่นั้น วินิคได้รับการโทรศัพท์แจ้งการติดต่อจากว่าที่ปธน.แซนโตส
ซึ่งเขาเข้าใจว่า เป็นการร่วมถ่ายภาพตามธรรมเนียมปฏิบัติหลังการชิงชัย

เมื่อเขาก้าวเข้าสู่สำนักงานว่าที่ปธน.
ทุกอย่างดูวุ่นวายต่างจากที่ที่ก้าวเท้าจากมา
อดีตผู้เข้าชิง เดินมาหยุดยืนโดยไร้คนให้ความสนใจกว่าจะได้รับการต้อนรับ
การซึมทราบความรู้สึกราวโดนหยามแบบนี้ มันชวนเห็นใจและชวนปลงตกในความเป็นจริงอันโหดร้ายได้ดี

วินิคก้าวเข้ามานั่งรอในห้องทำงานของว่าที่ปธน.แซนโตสเพียงลำพัง
การกวาดสายตามองไปโดยรอบห้องที่ดูสง่างามและหรูหรา
อาการทรุดตัวนั่งบนโซฟาและค่อยๆกวาดมือ ลูบเบาๆไปรอบตัว มันบ่งบอกให้เห็น การหลุดลอยของสิ่งที่เกือบได้ครอบครอง
มันคือ ความเสียดาย ปน เจ็บใจ แฝง ความใจหาย
ตามสันดานดิบของมนุษย์


เมื่อประตูถูกเปิดออกมา
มิใช่แซนโตส แต่คือเลขาเข้ามาบอกว่ามีโทรศัพท์จากว่าที่ปธน.
แล้ววินิคก็ถูกเลื่อนนัด
เพราะแซนโตสและภรรยากำลังวุ่นอยู่กับการเดินทางเยี่ยมชมโรงเรียนที่จะให้ลูกเข้าเรียน
เมื่อแซนโตสกล่าวขอโทษพร้อมขอนัดเวลาใหม่
วินิคอึ้งก่อนพูดว่า วันนี้เขามีตารางงานยุ่งเหมือนกัน
แซนโตสจึงว่า ให้ทางทีมงานของทั้งสองฝ่ายนัดเวลากัน และถ้าเป็นไปได้ขอเป็นภายในวันนี้

...ฉากนี้บ่งบอกได้ชัดถึง สถานการณ์ระหว่างผู้พ่ายและผู้กำชัย
แม้ผู้ชนะจะไม่ได้คิดอะไร อาจเพราะเป็นผู้ชนะจึงไม่ได้คิด
แต่กับผู้แพ้ ความพ่ายแพ้เป็นเหมือนหนามแหลมทิ่มอยู่ในอก วินิคแสดงให้เห็นชัดถึงความพ่ายแพ้และติดกับอยู่ในหัวใจ

กับคำกล่าวอ้างของวินิคเรื่องตารางงานที่ยุ่ง
หลังจากนั้นเป็นเพียง...
ภาพชายชราเดินเข้าไปซื้อกาแฟด้วยตัวเอง
คนถามถามชื่อและขนาดกาแฟที่ต้องการ
วินิคหลุดตำแหน่งคำว่า ‘วุฒิสภา’ ไม่ถึงครึ่งคำ ก่อนแก้เป็น ‘อาร์นี่’

เป็นการย้ำอีกครั้ง ‘ผู้พ่ายแพ้’


นัดครั้งใหม่เดินทางมาถึง

เมื่อแซนโตสกล่าวขอโทษเรื่องการเลื่อนนัด
วินิคนิ่งฟังแล้วตัดบทถามถึงกล้อง
แซนโตสถึงได้รู้ วินิคเข้าใจว่าการนัดครั้งนี้เพื่อการถ่ายถาพจึงรีบปฏิเศษ

และแล้ว...เจ้ามืออย่างแซนโตสจึงเริ่มแจกไพ่

“ผมอยากฟังคำแนะนำจากคุณ”
“ให้ผมแนะนำหรือ” วินิคถามอย่างแปลกใจ
“ใช่”
“เรื่องอะไร”

แซนโตสยืนหันหลังให้เพื่อชงกาแฟ ดวงตาเจ้าเล่ห์ฉายแว้บก่อนตอบราวกับพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ

“เรื่องรองปธน.
“เกี่ยวกับอะไรล่ะ”

แซนโตสหันกลับมาตอบ

“มีบันทึกจากทนายบอกว่า ผมขอให้คณะผู้แต่งตั้งโหวตเลือกใครก็ได้ที่ผมต้องการ...”
วินิคสวนแทรกขึ้นทันทีไม่รอฟังให้จบประโยค
“คุณจะปล่อยให้คน 272 คนที่ไม่มีใครรู้จักเป็นคนเลือกรองปธน.ไม่ได้”

...ประโยคที่หลุดออกจากปากวินิคไม่ผิดเพี้ยนจากความคิดแซนโตสตอนประชุมกับแบร์รี่เมื่อเช้าที่ผ่านมา

ฟังแค่นี้ แซนโตสเหยียดยิ้มอย่างพอใจก่อนยกกาแฟขึ้นมาดื่ม

“ถ้าคุณจะมีรองปธน.ที่ไม่ผ่านการเลือกตั้ง อย่างน้อยคุณก็ต้องให้ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้คัดเลือก”

แซนโตสทรุดตัวลงนั่งโซฟาอีกข้างฟังโดยไม่ขัด

“คุณต้องเป็นคนเสนอชื่อให้สภารับรอง ต้องยื่นเรื่องผ่านกระบวนการที่เปิดเผย” วินิคกล่าวต่ออย่างติดพัน “เป็นกระบวนการที่ประชาชนเข้าใจและยอมรับ”
“ผมเห็นด้วย”

จากคำยอมรับง่ายดายของแซนโตส วินิคถึงกับนิ่งงัน

“คุณเห็นด้วยเหรอ” ความแปลกใจเล็ดลอดออกมาตามน้ำเสียง
“ใช่” ว่าที่ปธน.ยอมรับอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดาทั่วๆไปก่อนเปิดประเด็นต่อไป “คุณคิดว่าส.ส.รัพับลิกันจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นไหมล่ะ”
วินิคสะบัดหน้าเชิงขบคิดก่อนตอบอย่างไว้ลายเสือเฒ่า “มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกใคร”

และแล้ว โป๊กเกอร์เกมระดับมาสเตอร์ก็เริ่มเปิดม่าน
เมื่อเจ้ามือตัดสินใจเปิดไพ่นางนกต่อออกมา

แซนโตสเม้มปากพยักหน้า ถ้วยกาแฟในอุ้งมือถูกจับวางลงบนโต๊ะ ยื่นข้อเสนอตามมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“รองปธน.เป็นตำแหน่งที่ ‘คุณ’ เองจะรับไว้พิจารณาไหม?”
แซนโตสเสนอถามพร้อมจ้องไม่วางตา
วินิคกับข้อเสนอไม่คาดฝันทำให้ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ ทันทีที่จบประโยค วินิคนิ่งงันไปชั่วแวบ คิ้วขมวดยุ่ง ตาตวัดกลับจากการจ้องตอบก้มลงต่ำแสดงอาการครุ่นคิด แล้วสะบัดหน้าหันมามองแซนโตสอีกครั้งก่อนสะบัดหันกลับไปอีกทาง ปากขยับราวกับจะหลุดบางประโยคออกมาแต่ก็เก็บไว้ทัน เมื่อประมวลความคิดได้ทันบ้างแล้วจึงส่งเสียงตะกุกกตะกักถามกลับมา
“คุณจะ...คุณ คุณจะเสนอให้ผมหรือ?”
“คุณจะพิจารณาไหม?” แซนโตสชะโงกตัวถามกลับ
“ถ้าคุณเสนอให้...ใช่ไหม?” วินิคไม่ยอมถูกต้อนโดยง่าย
“ถ้าผมเสนอให้” แซนโตสจึงต้องเป็นฝ่ายยันความหมายในคำ

วินิคฟังคำตอบตรงไปตรงมานั้นแล้วทำได้เพียงพยักหน้าไม่รู้จะทำตัวอย่างไรถูก

“เสนอให้คนรีพับลิกันนี่นะ”
“เสนอ...ให้คุณ” คำตอบอย่างมีชั้นเชิงจากแซนโตส

คราวนี้วินิคตะลึงงัน ตากระพริบประมวลความเข้าใจอย่างเร็วปรี่

“ผมจะพิจารณาไหมน่ะหรือ”

แซนโตสเอื้อมไปหยิบถ้วยกาแฟพร้อมพยักยิ้มในทีเล็กน้อย

“ถ้าผมพิจารณา คุณจะให้ผมเป็นตัวเก็งอันดับหนึ่ง”
“ใช่”

แม้ว่าไพ่ที่แซนโตสเอามาเป็นเหยื่อล่อจะทำให้วินิคครองรอยัลฟลัช
แต่ถ้าวินิคผลีผลามง่ายดาย จะวางตัวเองเป็นคู่แข่งที่นับว่าสูสีที่สุดคนหนึ่งของว่าที่ปธน.คนนี้ได้อย่างไรกัน

“คุณจะยังขึ้นภาษีอยู่หรือเปล่า” วินิคเริ่มเข้าคุมเกมบ้างหลังจากตกเป็นเบี้ยล่างมาตั้งแต่ทรุดตัวลงนั่ง
“สำหรับคนที่มีรายได้เกินหนึ่งล้านเท่านั้น”
วินิคพูดต่อยิ้มๆ
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะเสนอตำแหน่งรองปธน.ให้กับคนที่...ในกรณีถ้าคุณเป็นอะไรไป...จะพยายามลดภาษีทั้งที่ร่างคุณยังอุ่นๆอยู่นี่นะ”
คำเย้าแรงขนาดทำให้แซนโตสที่กำลังยกถ้วยกาแฟขึ้นเป่าไล่ความร้อนชะงักหยุด ริมฝีปากข้างหนึ่งเหยียดราวกับยิ้ม พยักหน้า ยักไหล่ทำนองว่าก็ประมาณนั้นไม่เห็นจะแปลกแล้วตอบกำกับ
“เป็นไปได้”
วินิคพยักหน้า
“ถ้าผมพิจารณานะ”
แซนโตสพยักตามมา จ้องตอบ
วินิคเลื่อนสายตาลงมองต่ำทั้งยังพยักเพยิดไม่หยุดแล้วเหลือบสายตากลับไปพร้อมกับรอยเหยียดยิ้มตรงมุมปาก หันกลับก้มหน้าราวกับจะปล่อยเสียงหัวเราะ แล้วหันมาอีกทีพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“เข้าใจเล่นนี่...ผมรู้ทันคุณหรอกนะ”
แซนโตสยังคงจ้องอากัปกิริยาไม่วางตา ทั้งตีสีหน้าเรียบเฉย ศีรษะขยับรับนั้นราวกับไม่เข้าใจความนัยในคำพูดนั้นของวินิค

แซนโตสอาจทิ้งเอซ จนทำให้คนเฝ้ารอแทบจะคว้าไปในทันที เพียงแต่ว่าในสายตามืออาชีพระดับเดียวกัน การตัดสินใจหยิบไพ่ใบนั้น มันคือการโดนกินรวบชนิดหมดตัวได้โดยไม่ทันรู้ตัว

วินิคเริ่มแจงให้เห็นกับดักทีละขั้นทีละตอนอย่างเท่าทัน
“คุณจะให้ผมบอกว่าจะลองเก็บไปพิจารณาดูแล้วให้สตาฟคุณปล่อยข่าวออกมา” มือของสิงห์เฒ่ากวาดให้เห็นภาพ “แมท แซนโตส ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก ทำนองว่า...ดูสิเขาถึงกับมีตัวเก็งรองปธน.เป็นคนรีพับลิกันเชียวนะ”

แซนโตสลดถ้วยกาแฟในอุ้มมือลงวางตรงหน้าตักพร้อมรอยยิ้ม
สีหน้าเขาบ่งบอกถึงความสนุกที่ได้ต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่สูสีทั้งทางความคิดและเท่าทันในเล่ห์กลทางการเมือง

“คุณคิดว่ามันจะกล่อมพวกส.ว.รีพับลิกันได้ง่ายขึ้น” วินิคยิ้มพราวทั่วทั้งสีหน้าและแววตาพร้อมชี้ตรงประเด็น “แล้วพวกเขาจะรีบทำเรื่องเพื่อรับรองวินิค” จนมาดักคอ “แล้วคุณก็จะประกาศว่าที่แท้จริงแล้วคนที่คุณต้องการคือใคร ซึ่งผมขอเดาว่า คนคนนั้นคือเบเกอร์”

แซนโตสนั่งเงียบรับฟังมาโดยตลอดไม่ขัดแม้ครึ่งคำ มีรอยยิ้มจางๆในแววตาที่พยายามเก็บให้มิด

“แล้วคุณก็จะบีบให้สภาสูงรีบรับรองเบเกอร์เหมือนตอนให้วินิค” วินิคพูดพร้อมรอยยิ้มที่กว้างเสียจนจะทะลักล้นใบหน้า
เมื่อจบสมดังตั้งใจ เพื่อให้รู้ว่าตนไม่ใช่หมูที่ถูกต้อนเข้าโรงเชือด
วินิคทำเสียงในลำคอส่งท้าย กึ่งเยาะกึ่งเท่าทันราวกับจะถามว่าที่พูดมาทั้งหมดน่ะมันจริงใช่ไหม ไม่ได้เดาอะไรเกินความจริงแม้แต่นิดใช่ไหม ผมรู้ทันความคิดของคุณจริงไหมล่ะ

แซนโตสเลิกคิ้วรับน้ำเสียงนั้นขณะขยับตัวเพื่อวางถ้วยกาแฟ ใบหน้าก้มลงต่ำไม่เห็นแววตา เพียงเห็นแต่มุมปากเม้มเปื้อนรอยยิ้ม เมื่อเงยขึ้นสีหน้าบ่งบอกว่า ถ้าคุณจะคิดแบบนั้นล่ะก็...นะ

แซนโตสเปิดคำถามเพื่อขอความคิดเห็นจากอดีตคู่แข่ง
“คุณคิดว่าเบเกอร์เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“เขาจะทำให้คุณชนะที่เพนซิลเวเนีย” วินิคตอบแบบตรงไปตรงมาแต่ไม่ทิ้งลาย “ผมว่าอีก 8 ปีเขาจะเป็นตัวเก็งลงชิงตำแหน่งปธน.”
แซนโตสยิ้มในทีพยักหน้าเห็นด้วย
“สภาสูงรีพับลิกันคงมีปัญหากับเรื่องนี้นิดหน่อย” วินิคตอบตรงประเด็นไม่บิดพริ้ว

หลังจากหยั่งเชิงจนพอใจแล้ว
แซนโตสจึงเริ่มพุ่งเป้าอย่างตั้งใจไว้แต่แรกเริ่ม

“หลังจากนี้คุณจะทำอะไร”

คำถามดูง่ายและสามัญแต่กลับดั่งธนูทิ่มลงกลางใจ
สีหน้าหม่นชวนอ้างว้างแวบขึ้นมา วินิคอึ้งราวกับคำพูดมากมายถูกกลืนหายลงคอ ปากอ้าจะกล่าวแต่ไม่มีเสียงออกมา สายตาเหลือบมองยังคนถาม
“ผมจะทำ..” วินิคชะงักเหมือนก้อนความรู้สึกพุ่งขวางลำคอ “ทำในเรื่องที่ผมถนัด” เมื่อคำพูดหลุดปากสีหน้าบ่งบอกบางอย่าง เขาพยักหน้ากำกับอย่างช้าๆราวกับย้ำให้ตัวเองฟัง

เพียงแค่นี้...ประโยคสั้นๆ แซนโตสก็เข้าใจในความต้องการ ความคาดหวังของชายตรงหน้า
(ในขณะเมื่อเช้า ยามที่วินิคพูดนำมากมายกับสตาฟใกล้ชิดสองคนของเขา กว่าสตาฟจะเข้าใจถึงความมุ่งหวังที่ซ่อนในใจก็ใช้เวลานานโขอยู่)

“คุณจะลงแข่งอีกเหรอ” แซนโตสสวนถามเชิงแปลกใจ
“หวังว่าคุณจะขึ้นภาษีได้สำเร็จนะ” วินิคเย้าด้วยรอยยิ้ม “ผมจะได้มีเรื่องไว้หาเสียง”

พูดจบวินิคลุกขึ้นยืน บ่งบอกการจบบทสนทนา
เพียงแต่ว่า...เขาคาดเดาผิดไป





ขอเล่านอกกรอบ

ปัญหาต่างประเทศที่แซนโตสต้องก้าวมารับภาระ จากรัฐบาลบาร์ตเล็ต
ก็คือ การแย่งชิงถือสิทธิ์บ่อน้ำมันในคาซัคสถาน
ความขัดแย้งก่อตัวขึ้นเมื่อจีนและรัสเซียต่างอ้างสิทธิ์(ที่ไม่รู้ว่าเอาสิทธิ์นั้นมาจากไหน ได้อย่างไร)
เมื่อต่างฝ่ายต่างตกลงกันไม่ได้ จึงเคลื่อนกำลังพลมาเพื่อเอาเชิงซึ่งกัน
และทำให้ประเทศที่ถือตัวเองเป็นตำรวจโลกอย่างสหรัฐก้าวเท้าเข้ามาขวาง
ถ้าถามตัวเองว่าทำไมอเมริกาถึงต้องยื่นจมูกมายุ่งในเรื่องนี้
แค่กลัวสงครามจะลุกกระพือโหมจนเป็นสงครามโลกครั้งที่สามแค่นั้นหรือ
ถ้าตอบอย่างใจเรา ตอบแบบอิงการเมืองของจริง ณ โลกปัจจุบัน
คำตอบมันก็มีแค่ ‘บ่อน้ำมัน’
...คงไม่เป็นการดูถูกจนเกินไปหรอก จริงไหม

เมื่อรัฐบาลบาร์ตเล็ตตัดสินใจส่งทหารไปขวางระหว่างสองทัพ
งบประมาณลงไปนั้นมหาศาล ทหารอเมริกันถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ก็ยิ่งมากมาย
ก่อเป็นปัญหาให้รัฐบาลต่อมาต้องรับเผือกร้อนชิ้นนี้มาอยู่ในมือ

ความไม่พอใจทั้งจากแซนโตสและวินิคในเรื่องนี้ระหว่างรันแคมเปญมีปรากฏให้เห็น
จนแซนโตสได้รับชัยชนะ
ก่อนที่รัฐบาลบาร์ตเล็ตจะหมดวาระ
โดนมารยาทแซนโตสไม่พึงที่จะแสดงความคิดเห็นใดใดเป็นการขัดแย้งกับนโยบายรัฐบาลเก่า
แต่ในตอนที่ผ่านมา
แซนโตสต่อโทรศัพท์คุยกับผู้นำจากทั้งจีนและรัสเซียจนทำให้ทางกระทรวงกลาโหมและสตาฟทำเนียบขาววิตกกังวล
มีเพียงคนเดียวที่เท่าทัน
คือบาร์ตเล็ต ที่ทันความคิดแซนโตสโดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ
และ...อาจมีอีกหนึ่ง......








“คุณพอมีเวลาคุยเรื่องคาซัคสถานหรือเปล่า” แซนโตสสวนขึ้นมา ไม่ขยับตัวตามแม้สักนิด
“ผมไม่ได้รับรายงานข่าวกรองประจำวันอีกแล้ว ผมรู้แต่เรื่องที่ลงในหนังสือพิมพ์”
“ข่าวในนสพ.หลายๆเรื่องดีกว่าข่าวกรองของเราซะอีก” แซนโตสพูดราวติดตลก
วินิคฟังและเห็นท่าทีดูเอาจริงนั้นแล้ว จึงขยับทรุดตัวลงนั่งตามเดิม
“ผมประทับใจเรื่องที่คุณพูดถึงคาซัคสถาน ตอนหาเสียงมาก” แซนโตสตะล่อมทีละน้อยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว พร้อมยอมถอยหนึ่งก้าว “ผมอยากเป็นคนนึกได้ก่อนคุณนะ”
“เรื่องตำรวจดีตำรวจเลวของคุณกับบาร์ตเล็ทผมว่าคุณทำได้แค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะ” วินิคปล่อยหมัดเด็ด
“คุณหมายความว่าอย่างไร” แซนโตสทำหน้าฉงนเหมือนไม่รู้เรื่อง
“ไม่เอาน่า คุณสองคนวางแผนกันเอาไว้ก่อนแน่ๆ” วินิคไม่หลงกล “คุณมีสติดีพอที่จะไม่ลอบทำลายนโยบายต่างประเทศของปธน.ทั้งๆที่มีเรื่องอย่างนี้หรอก”
แซนโตสก้มตัวลงต่ำปิดไม่ให้เห็นแววตา
“คุณพยายามทำให้รัสเซียกับจีนเชื่อว่าทำงานกับคุณยากกว่าทำงานกับบาร์ตเล็ท เป็นการบีบให้พวกเขารีบเจรจากับบาร์ตเล็ท”
แซนโตสเงยมามองคนพูดพร้อมเม้มปากแน่น แววตาฉายแววความพออกพอใจ รอยยิ้มเริ่มแง้มมาให้เห็นตรงมุมปาก ยังคงรับฟัง
“มันอาจได้ผลก็ได้” วินิคกล่าวตบท้าย

วินิคไม่รู้เลยว่า ตัวเองอยู่ในขั้นตอนการสัมภาษณ์งานโดยว่าที่ประธานาธิบดี
แล้วเขาจะผ่านไหม

เมื่อฟังจบ แซนโตสก้มตัวลงต่ำจนจับสีหน้าไม่ได้

“พอบาร์ทเล็ทพ้นจากตำแหน่ง ผมต้องการตำรวจอีกคน” แซนโตสกล่าวขึ้นราวชี้นำ
เพียงแต่วินิคยังคงนิ่งฟังเห็นเป็นเรื่องไกลตัวด้วยยังจับประเด็นตามไม่ทัน
แซนโตสเงยหน้าจ้องมอง ยิ้มบางๆฉายจนทั่วใบหน้ามาพร้อมข้อเสนอ
“เอาเป็นว่า ‘รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ’ เป็นยังไง”
วินิคก็ยังคงตามไม่ทันถามขึ้นว่า “คุณจะเลือกเรย์โนลด์เหรอ”
“คงงั้น ถ้าผมไม่ได้คนที่ตั้งใจไว้”
“ใครเหรอ”
“คุณไง”

ในที่สุด...แซนโตสก็แบไพ่ทั้งหมดในมือออกมาต่อหน้าคู่ต่อสู้ เพื่อผลลัพท์สุดท้ายดั่งตั้งหวังไว้

วินิคอึ้งไป ความระมัดระวังตัวฉายชัด
“ระ...รัฐมนตรีต่างประเทศงั้นเหรอ”
“คุณรู้จักผู้นำประเทศสำคัญมากมายดีกว่าผม” แซนโตสพูดอย่างจริงจังไม่หลงเหลือการเล่นเกมอย่างที่ผ่านมา “คุณรู้จักพวกนักการทูต คนในเมืองหลวงทั่วโลกนับถือคุณ” พร้อมวางหนึ่งในเหตุผลหลัก “คุณเห็นด้วยกับผมเรื่องนโยบายต่างประเทศ” แซนโตสเกหมดหน้าตักด้วย “และคุณเป็นนักวางแผนที่เก่งที่สุดที่ผมเคยรู้จักมา”

ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐย้ำหนักแน่นปิดท้าย
“ผมไม่ได้ขอให้คุณพิจารณาดูนะ ผมขอให้คุณทำมันเลย”

วินิคได้แต่นิ่งฟัง









....จะพูดว่าเจ๋ง มันเกินคำนี้ไปเลยกับฉากฉากนี้
บทก็...คือกับบทพูดก็ไม่ถือว่า....นะ
ที่สุดยอดขนาดอ้าปากค้างคือ บทบาทการแสดงของทั้งสองตัวแสดง
สีหน้าท่าทาง การโต้ตอบทางอารมณ์ระหว่างกัน
การชะงัก การทำท่าทางของคนที่เหนือกว่า
การเท่าทันเมื่อดักคอได้ตรงจุดมากับรอยยิ้มกว้างบ่งบอก
การขยับแค่มุมปาก การชะงักตรงคำพูด
แววตาที่ทำเป็นก้มต่ำไม่ให้คู่ต่อสู้มองออก แต่สะท้อนผ่านจากใบหน้าถึงความพอใจ
ชวนทำให้นึกถึงถึงวงโป๊กเกอร์จริงๆ
มันสะท้อนให้เห็นว่า ทั้งแซนโตสและวินิค หรือจะพูดว่าทั้งจิมมี่ สมิธส์และอลัน อัลดา เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ กินกันไม่ลงแม้แต่นิดเดียว
สำหรับคนดูอย่างเราดูแล้วมันก็คือ กำไรในชีวิตครั้งหนึ่งกับบทบาทการแสดงชั้นครูแบบนี้








หลังจากวินิคกลับไปปรึกษาสตาฟเรื่องขอเสนอที่ได้รับมา
แม้เขาพยายามหาข้อมาแย้งเพื่อให้ตัวเองไม่ดูจนตรอกและดูกระเหี้ยนกระหือรือจนเกินไป
กับข้ออ้างมากมายก็ทำเพื่อให้ตัวเองจนมุมโดยไม่น่าเกลียด
จนสุดท้ายทุกคำพูดก็แสดงออกว่า การรับตำแหน่งรมต.กระทรวงต่างประเทศคือข้อเสนอที่ไม่ควรปฏิเศษ
พูดตรงไปตรงมาก็คือ ถ้าปฏิเศษก็บ้าหรือโง่จนเกินไปแล้ว...เอิ้กก นี่คือความเห็นส่วนตัวจ้า





เมื่อวินิคกลับมายังสำนักงานว่าที่ปธน.อีกครั้ง
ครั้งนี้เขาได้รับการต้อนรับดีกว่าเดิม ไม่ปล่อยให้ยืนรออยู่กลางห้อง ทำตัวไม่ถูกอย่างครั้งที่ผ่านมา
เสื้อโค้ทถูกสตาฟขอนำไปแขวน

แซนโตสกำลังถกเรื่องการแต่งตั้งรองปธน.
เขาวางแผนในการบีบสภาสูงรีพับลิกันให้รีบยอมลงนามรับรองVP

แบร์รี่ออกมาต้อนรับวินิค
วินิคถามหยั่งเชิงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่โยนใส่ “เขาพยายามจะเล่นอะไรอยู่น่ะ แบร์รี่”
แบร์รี่ย้อนตอบมาว่า “แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความคิดผม” ตบท้ายด้วยว่า “แล้วคุณจะช่วยผมกับพรรคได้มาก ถ้าคุณปฏิเศษน่ะ”

...คำตอบของแบร์รี่ ยืนยันอีกครั้งว่าข้อเสนอจากว่าที่ปธน.ไม่ใช่เกมการเมือง


วินิคเดินเข้ามาให้ห้องทำงาน แซนโตสนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
เขายังไม่พร้อมจะยอมแพ้ หรือ อาจเป็นการวัดเชิงครั้งสุดท้าย

“อาร์นี่ ขอบคุณมากที่มา”
“แผนคุณไม่ได้ผลหรอก” วินิคสวนไม่ช้า
“แผนอะไร” แซนโตสก่อกวนเงียบๆ
“คุณรู้ว่าผมจะปฏิเศษ คุณจะได้ปล่อยข่าวว่าคุณเสนอตำแหน่งให้ผม คุณจะได้ดูเหมือนเป็นคนไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก”
“ผมไม่ได้ปล่อยข่าว” แซนโตสโต้ตอบอย่างใจเย็น
“ตอนนี้ยัง” วินิคสวนแล้วยิ้มราวกับว่าตัวเองอ่านไพ่คู่ต่อสู้ออก “คุณคิดว่าการเสนอตำแหน่งให้ผมจะช่วยให้สภาสูงรับรองเบเกอร์ ใครๆก็ดูออกนะว่ามันเป็นแผนลวง”
“นี่ไม่เกี่ยวกับเบอเกอร์” แซนโตสปฏิเศษหนักแน่นแล้วย้ำให้ชัดอีกครั้ง “ผมต้องการให้คุณเป็นรมต.ต่างประเทศ คุณเป็นตัวเลือกแรกของผม”

เมื่อได้ฟังดังนั้น
วินิคเริ่มเข้าใจ ความจริงก็เข้าใจนานแล้วเพียงแต่ขอตั้งแง่เพื่อไม่ให้ดูจนตรอก
สิงห์เฒ่าก้าวเดินเข้ามาใกล้ ยื่นข้อเสนอ
“ผมจะไม่ยอมช่วยให้รีพับลิกันรับรองเบเกอร์แม้แต่น้อย”
“ผมจะจัดการเรื่องเบเกอร์เอง ผมไม่ต้องการให้คุณช่วยเรื่องนั้น” แซนโตสยืนยันให้มั่นใจ

วินิคดิ้นเฮือกสุดท้ายราวกับจะหาข้ออ้างให้ตัวเองไม่ต้องพ่ายในเกมนี้
“รมต.ต่างประเทศไม่ใช่อะไรที่คุณจะยกให้อีกพรรคเพื่อแสดงว่า คุณเป็นคนไม่เล่นพรรคเล่นพวก ตำแหน่งนี้มันเป็นตำแหน่งสำคัญจนเกินไป”
แซนโตสรับรู้แล้ว...เขาได้ตามต้องการ เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ท่าทางผ่อนคลาย
“มันเป็นตัวแทนของคุณในระดับโลกนะ” คำพูดของวินิคพันตัวเองมากขึ้นทุกที
“ผมเห็นด้วย” แซนโตสกล่าวยิ้มๆ
“คุณคิดว่าคุณจะแต่งตั้งให้ผมเป็นรมต.ต่างประเทศแล้วเมินผม และจะมาขอดูนโยบายต่างประเทศเองใช่ไหม” ใจวินิคเริ่มโอนเอนเพียงปากยังแข็ง
“ไม่” แซนโตสยิ่งฟังยิ่งเข้าใจ
“เพราะคนที่มีฝีมือจะขอลาออกทันทีถ้าคุณก้าวเข้ามาข้ามหน้าข้ามตากระทรวงนะ”

แซนโตสฟังคำที่ราวกับโวยวายไว้ล่วงหน้าของชายตรงหน้า เขารับรู้และเริ่มให้คำรับรอง
“ผมจะไม่ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาคุณ ผมอยากให้คุณทำหน้าที่ของคุณ” แซนโตสลุกขึ้นยืน

เมื่อฟังคำนั้นแล้ว วินิคราวกับหมดข้ออ้างใด กว่าจะหลุดคำที่ตามมาได้ก็ทิ้งเวลาชั่วครู่
“แล้วเวลาที่ความเห็นเราไม่ตรงกันล่ะ”
“ผมจะให้เวลาคุณอธิบายให้ผมฟังอย่างเต็มที่” แซนโตสจ้องนิ่ง และตบท้ายให้เห็นถึงระดับตำแหน่งที่ต่างกัน “เสร็จแล้ว ผมก็คาดหวังว่าคุณจะออกไปสนับสนุนการตัดสินใจของผม”

วินิคฟังแล้วก็ชั่งใจ แววตาบ่งบอกการขบคิดจริงจัง ความพ่ายแพ้มาเยือนอย่างต้องยอมรับ “ผมต้องมีผู้ช่วยรมต.ของผมเอง”
“คุณจะเลือก ‘เดโมแครต’ คนไหนก็ได้” แซนโตสยังเหนือกว่าอยู่ดี
“แล้วรัฐมนตรีช่วยล่ะ”
“ผมจะหารือคุณเรื่องนั้น” แซนโตสยอมอ่อนข้อ
“ผมจะไม่ทำอะไรที่เป็นการหาเสียงให้กับคุณแม้สักนิด” สิงห์เฒ่าเจ้าเขี้ยวลากดิน “ผมจะไม่ไปงานระดมทุนของคุณและคุณไม่มีทางลากผมไปงานประชุมพรรคเดโมแครตได้
แซนโตสเดินตรงเข้าหา ทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะต่อหน้า
“แน่นอนอยู่แล้ว” ว่าที่ปธน.ตามใจไม่ขัด
“ถ้าเลขาทางกิจกรรมการเมืองทำอะไรที่เป็นการเล่นพรรคเล่นพวกล่ะก็ ผมออกทันที”
“ผมเข้าใจ” แซนโตสพูดราวปลอบเด็กน้อย

สายตาสองพยัคฆ์จ้องประเมินระหว่างกัน
ในที่สุด วินิคก็รับรู้ความจริงใจของว่าที่ปธน.

“ไม่รู้สิ...ไม่รู้สินะ...มัน” วินิคหันหลังเดินอย่างว้าวุ่นใจ
เมื่อหันกลับมา คือ การตัดสินใจ ในที่สุดเขาก็ยอมวางเดิมพัน
“นี่มันบ้ามาก ผมไม่รู้ว่ามันจะได้ผลได้ยังไงกัน”

ความสับสนของวินิค ถูกแซนโตสยื่นมือมาขจัดให้หมดไป
แซนโตสหันกลับไปหยิบเอกสารบางชิ้นบนโต๊ะนำมายื่นให้
“นี่คือรายงานข่าวกรองสถานการณ์ทางคาซัคสถานของวันนี้”
วินิคยื่นมือไปหยิบแว่นตาจากกระเป๋าเสื้อสูท
“มีเรื่องที่น่าใจอยู่ตรงหน้าที่ 2”
วินิคยื่นมือมารับเอกสาร
และสองเสือก็ร่วมมือเริ่มงานโหดหินที่รออยู่เบื้องหน้า

“ย่อหน้าที่สอง”
“จีนเรียกร้องให้วีโต้เส้นทางส่งท่อน้ำมันเหรอ” หลังจากเหลือบอ่านดูแค่แว้บ วินิคสรุปเรื่องราวได้ทันที
“ใช่ พวกเขาไม่เคยหยิบเรื่องแบบนี้ออกมาพูดมาก่อนเลย” แซนโตสเริ่มปรึกษางาน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกนะ” วินิคหันไปมองท่าทีปธน.ที่จะกลัดกลุ้มอยู่ในที “จีนก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่มีวันได้ตามต้องการเพียงแต่เขากังวลไปว่ารัสเซียจะได้ขึ้นมาก็เท่านั้นเอง พวกเขาเลยเรียกร้องตัดหน้าไปซะก่อน เพื่อที่เราจะก้าวเข้าไปช่วยไม่ได้ไม่ว่าฝ่ายใด”
“ถ้างั้นเราจะทำให้พวกเขาลดท่าทีแข็งกร้าวลง แล้วให้ตกลงกันได้ยังไง” แซนโตสเงยหน้าขอความเห็น
“ตอนนี้คุณเตรียมการไว้ก่อนก็ได้” วินิคเริ่มงานทั้งที่ยังไม่ได้รับการประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว “คุณให้ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าในที่สุดรัสเซียจะได้ส่วนแบ่งน้ำมันจากคาซัคสถาน ส่วนจีนจะได้ท่อส่งน้ำมัน”
ท่าทีแซนโตสเริ่มผ่อนคลาย ในที่สุดเขาก็มีมือที่แกร่งพอมาช่วยแบ่งเบา
“แล้วคุณต้องทำให้พวกเขาเข้าใจว่า คุณเป็นคนที่กำหนดวาระ คุณไม่ต้องพูดให้ชัดเจนเพียงแค่บ่งบอกเป็นนัยๆ ทำราวกับว่าคุณ.....”

เสียงปรึกษาระหว่างกันค่อยๆลอยจางหายไป พร้อมกับภาพที่เคลื่อนถอยตัวจับด้านหลังของอดีตผู้ชิงชัยตำแหน่งปธน.ทั้งสองร่วมมือกันทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ


ท่าทีของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ แมทธิว แซนโตส ที่มีต่ออาร์โนลด์ วินิค
ทำให้ประโยคประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาจากความทรงจำ
‘ผู้ที่จะก้าวมาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้ มิใช่หมายความว่า เขาเป็นคนเก่งกาจจนหาคนเปรียบไม่ได้
แต่เขาทำให้คนใหญ่ยิ่งกว่า ฉลาดกว่า และอาจจะดีกว่าหันมาทำงานเพื่อเขาได้
ผู้ที่ทำเช่นนี้ได้ คือ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง’








อยากปิดท้ายด้วย...อาจไม่เกี่ยวกับซีรี่ส์เรื่องนี้โดยตรง
เพียงแต่ว่าตอนนั่งเขียนบล็อกนี้พร้อมดูรายการ We Are One: The OBAMA Inauguration Celebration at the Lincoln Memorial.
นักแสดงและเหล่าเซเลบลิตี้ต่างทยอยออกมาพูดสปีชของเหล่าประธานาธิบดีในวาระต่างๆ

ประธานาธิบดีที่ได้รับการหยิบยกสปีชมากล่าวอ้างมากที่สุดคือ อับบราฮัม ลิงคอร์น
สปีชหลายชิ้นเคยรับฟังพอคุ้นหู
แต่…
สปีชนี้คือครั้งแรกที่ได้รับฟังและประทับใจเสียจนอยากเก็บวางไว้ในความทรงจำ

“ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเป็นทาส เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจะไม่มีวันเป็นนาย...นี่คือหลักการประชาธิปไตยของข้าพเจ้า”

As I would not be a slave, so I would not be a master. This expresses my idea of democracy







อัพบล็อกแรกเกี่ยวกับเดอะเวสต์วิงส์ คือ คืนก่อนประกาศผลชิงชัยประธานาธิบดีสหรัฐ
แล้วกับบล็อกนี้ เขียนเสร็จตอนนั่งดูพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของบารัค โอบาม่า
ก็...นะ เป็นเรื่องบังเอิญที่ดูเหมือนจงใจเกินเหตุ











Create Date : 21 มกราคม 2552
Last Update : 21 มกราคม 2552 12:27:58 น. 0 comments
Counter : 838 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.