Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
ทานตะวัน
หลากเรื่องยุ่งอิลุงตุงนังมาแบกบาล
วิ่งตลอนตลุยไปกับนักล่าฝัน
เมื่อ...ผีเสื้อขยับปีก
touch de scène
Time Between Nat and Tol
Emotion
Tempus Fugit
My QS Project : เรื่องเขียนสลับกันอ่าน
<<
กุมภาพันธ์ 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
9 กุมภาพันธ์ 2555
SOUTHLAND เด็กใหม่ที่ไม่ใหม่อีกแล้ว
All Blogs
สิ่งงดงาม...ที่คุณเข้าครอบครองได้ ในที่สุด : Mad Men
งั้นเสียงของพระเจ้าเป็นยังไง!? : The Newsroom
...ขอเป็นเศษฝุ่นเศษผงเสียยังจะดีกว่า
เลือกจะเป็นคนแบบไหน...บนโลกที่เป็นสีเทาใบนี้
SOUTHLAND เด็กใหม่ที่ไม่ใหม่อีกแล้ว
ในที่สุด ดอน ก็หยุดความโสดลง(จนได้)
สองทางกลางกระแส
แม่ของหนูแอบจูบกับซานต้าเมื่อคืน~!
หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปํญหาการรังแกเกย์?!
คนที่เรายกโทษให้ยากที่สุด ก็คือ 'ตัวเราเอง'
จูบแรก...อีกหลายต่อหลายครั้ง
มิโอะ ทสุขุฉิ...ฉันจะเป็นเหมือนกับไม้หลักนำทางเรือให้กับเธอ
19 ปี 3 เดือน
หมายความว่า ฉันชนะ ไงล่ะ
เมียของผมบนโลกนี้มีเพียง คาโอรุ คนเดียว
'เกลือ' ของครอบครัว
พระเจ้าฉีกแผ่นเนื้อคู่แล้วโปรยลงมา ให้ฉันคู่เธอ
เมื่อไรจะ เข้าหอ...หวา!!?~
เธอถูกกำหนดให้เป็นคนของฉัน ตั้งแต่...ตอนที่เกิดมาแล้ว
บางที...นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน
โป๊กเกอร์เกม วินิค ปะทะ แซนโตส:The West WingVII
Requiem II :The West Wing VII
Requiem I :The West Wing VII
Hypocrite , Be Compassion not Blame; The West Wing
เส้นบางเบาที่ขีดกั้น ;CSI: NY III:what schemes may come
มันช่างเป็น คำสารภาพรัก ที่ยอดเยี่ยมกับ CSI Miami season 6 : All In
SOUTHLAND เด็กใหม่ที่ไม่ใหม่อีกแล้ว
ความจริงอยากเขียนถึงซีรี่ส์เรื่องนี้ตั้งแต่ได้ดูซีรี่ส์แรกจบไปแบบไม่รู้ตัวเพราะดูผ่านทางทรู แล้วทรูก็ฉายซีซั่นสองตามมาแบบคนดูไม่เอาอ่าวอย่างเราไม่ได้รู้อะไรกะเขาเล้ย
มารู้อีกทีว่าดูซีซั่นสองผ่านไปแล้วก็ตอนมันเว้นวรรคไป แล้วโผล่กลายเป็นซีซั่นสามให้ตามแบบถามงงๆกะตัวเองว่านี่ตูดูซีรี่ส์เรื่องนี้ไปแล้วสองซีซั่นแล้วหรือฟะ
???!!!!!!!!!
เรื่องนี้ไม่ได้คิดจะดูตั้งแต่แรก แต่เผอิญไปเจอรีวิวว่าผู้สร้างน่ะเป็นคนเดียวกับคนสร้างซีรี่ส์ในดวงใจอย่าง ER
ก็คุณ
John Wells
นี่ล่ะ
เผอิญข้าพเจ้าเป็นพวกบ้าโปรดิวเซอร์มากกว่าดารา เวลาติดใจเรื่องไหนขึ้นมาก็จะตามดูผลงานของโปรดิวเซอร์คนนั้นติดไปเป็นพรวน
พูดเหมือนตัวเองเป็นหมาน่อยไงชอบกล
แต่อ่านเจอวิจารณ์เรื่องมุมกล้องก่อนจะดู บางคนว่าไว้ว่ามุมกล้องน่ะมันสั่นด๊อกแด๊กตามนักแสดงไปทั้งเรื่อง ดูแล้วเวียนหัวจิฟว่างั้น
ไอ้เราก็อีก...ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาเรื่องทำนองนี้ ก็เพราะดันเป็นแฟนพี่ดอยล์ คริสโตเฟอร์ ดอยด์ ตากล้องคู่บุญของเฮียหว่องกาไว
ก็เลยชินและเรียกว่าชอบกับมุมกล้องสั่นๆพล่าๆมัวๆชวนเวียนหัวดี
เจอเข้าไปสองเรื่องแล้วสิที่ชอบก่อนจะดูsouthland
และก็ยังบ้าตามอ่านวิจารณ์ชนิดไม่กลัวสปอยด์ เผอิญอีกอ่ะไม่แคร์เรื่องพวกนี้เท่าไร เป็นพวกรู้ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่รู้ก็ตามสบายอะไรเทือกนี้
[สรุปคือตูนี่มันเป็นพวกหนังหนา ความรู้สึกช้าพ่วงตามมาหรือเปล่าวะเนี่ย]
คำวิจารณ์เรื่องนี้ก็ดีดีทั้งนั้นเลย ทั้งเนื้อหาที่บอกว่าคล้ายๆERตรงตามติดชีวิตตัวละคร ความเป็นอยู่ของคนดีคนร้ายบนท้องถนนแอลเอ
เราก็แบบ.....อ่าดีเลย แบบที่ชอบอีกละ ช่วงนี้เบื่อจิฟกะเรื่องเหนือธรรมชาติ โยงไปสามโลกสี่โลก ผูกปมซ้อนปมสุดท้ายผู้สร้างโดนปมตัวเองรัดคอตาย จบเรื่องไปแบบคนดูอย่างตูมึนตึ้บนั่งนึกคำตอบเอาเองหลังจากนั้น
จริงๆแล้วเราเป็นคนชอบหนังดราม่าชีวิตคนธรรมดาเอามากๆเลย เรื่องราวในชีวิตประจำวันของคนแต่ละคนนี่ล่ะ ไม่ต้องซับซ้อนซ่อนเงื่อนอาจมีเรื่องเพื่อนทรยศก็ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
เราว่าเท่าที่ดูหนังดูละครดูซีรี่ส์มาทั้งชีวิตก็หลายชาติหลายภาษาอยู่แม้ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยที่ผ่านมา
คิดว่าอเมริกันชนทำซีรี่ส์ทำนองนี้เก่งชิบเป้ง
หยิบเรื่องชีวิตคนธรรมดาแต่ละคนมาโยงกัน ในชุมชนหนึ่ง กลุ่มหนึ่งแล้วค่อยดำเนินเรื่องผูกไปมาในชีวิตประจำวัน ในช่วงหนึ่งของชีวิตคนเรา
ไอ้ชีวิตธรรมดาๆที่เหมือนไม่มีอะไร แต่เอามาทำมีอะไรได้น่าสนใจและที่ไม่เคยลืมคือสนุกที่จะตามดูด้วยนี่สิ
...เก่งจริงๆนะพี่นะ ชมปนอิจฉานะเนี่ย
SOUTHLAND ก็เป็นเรื่องชีวิตคนธรรมดาสามัญอาจไม่ถึงกับประจำบ้าน เพราะผูกเรื่องโยงกับชีวิตนายตำรวจLAPD ทั้งนักสืบและนายตำรวจในเครื่องแบบที่เหมือนจะแยกออกเป็นสองส่วน แต่ก็มีเส้นบางๆโยงเชื่อมผ่านให้เห็นมาตลอดทั้งเส้นเรื่อง
เริ่มเรื่องก็ใช้สไตล์ฮอลิวู้ดที่เราคุ้นชิน
เด็กหนุ่มหน้าใหม่ น้องใหม่probie ที่ต้องมาเรียนรู้งานจากตำรวจรุ่นพี่จนกว่าจะผ่านโปร(ประมาณนั้น)
ก็สไตล์คู่หูแบบไม่น่าจะมาเจอกันได้ ไม่น่าจะเข้ากันได้แต่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน...เห็นป่ะ อเมริกาจ๋าเลยใช่ไหม
ขอสารภาพว่านั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊คตอนนี้ ข้าพเจ้าจำชื่อตัวละครที่ดูผ่านมาแล้วตั้งสามซีซั่นไม่ได้สักตัว
มันเป็นปัญหาส่วนตัวหรือว่าไอ้ตัวละครเรื่องนี้มันไม่น่าจดจำขนาดนั้นฟะ
คนที่แสดงเป็นนายตำรวจหน้าใหม่นั่น ทำเอาเราคนที่ความจำปลาทองถึงกับตาลุกวาว เพราะจำได้ว่าคุณน้องหน้าไม่ใสหรอก เด็กหนุ่มสไตล์แบดบอยคนนี้จากเรื่อง the O.C ซีรี่ส์วัยรุ่นฮิตเมื่อหลายปีก่อน...ก่อนจบไปแบบไม่เหลือความประทับใจนั่นล่ะ
...อ่าใช่ละ จำได้ละ
ออฟฟิสเซอร์เบน
(ตูเอ๊ย จู่ๆก็จำได้)
เบนเป็นเด็กหนุ่มผิวขาวบ้านรวยแต่ดันมาเป็นตำรวจประมาณนั้น ก็เลยโดนสายตาประเมินจากพวกหน้าเก่า แต่แค่ตอนแรกของซีซั่นแรก ตำรวจเด็กใหม่คนนี้ก็ส่องผู้ร้ายตายคามือตั้งแต่วันแรกที่ออกตรวจ
ทำให้ได้การยอมรับในฝีมือขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้น
ส่วนคู่หูนายตำรวจพี่เลี้ยงเบนนั้น "คูเปอร์" บอกตามตรงว่าเราคุ้นหน้ามากกกกก ต้องเคยดูเขาแสดงไม่ว่าจากไหนก็ที่ไหนสักเรื่องสองเรื่องแน่นอน
ครั้งแรกที่เห็นก็มีบุคลิกแบบน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ ดูเป็นผู้ใหญ่แต่ก็มีปมตามประสาตัวละครให้น่ารำคาญกับปัญหาส่วนตัว
ตัวละครสองตัวนี้แสดงให้เห็นถึงการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตามท้องถนน ทำงานหนักแต่โดนดูถูกไม่ก็กลัวแต่ไม่เกรงจากประชาชนคนทั่วไป ซึ่งคงคล้ายๆตำรวจบ้านเราล่ะ คนด่าตำรวจแต่ก็ต้องเรียกหาตำรวจเวลาเกิดเรื่องขึ้นมา
สองคนนี้ก็เอาเชิงกันมาตั้งแต่วันแรก จากเด็กใหม่ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราว รับคำสั่งสอนจากพี่เลี้ยง จนค่อยๆปีกกล้าขึ้น ดูจะเก่งขึ้นและจะเก่งกว่าเพราะพี่เลี้ยงตัวเองดันมีปัญหาปวดหลังอย่างแรงจนกลายเป็นโรคติดยาแก้ปวด พูดง่ายๆก็คือไม่ต่างจากขี้ยาหรอก กรอกยาแก้ปวดเป็นกำๆเพื่อที่จะออกไปทำงานได้
เบนก็ค่อยๆเรียนรู้ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวจากพี่เลี้ยง รู้ความลับแต่ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งมากกว่าจะกลัวที่จะเข้าไปยุ่ง
จนถึงที่สุดวันสุดท้ายของการผ่านโปร เป็นนายตำรวจเต็มตัว
อาการเจ็บหลังจนแทบขยับไม่ไหวของคูเปอร์ทำให้ไล่ตามคนร้ายไม่ทัน ทำให้เบนเกือบเสียท่า
นั่นจึงเป็นจุดแตกหักให้เบนยอมเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของคูเปอร์ สั่งให้เขาไปเข้ารับการบำบัดหรือไม่ก็จะแจ้งจ่าให้ไปตรวจฉี่
เรื่องราวในsouthland ก็จะตามติดชีวิตตำรวจแต่ละนายในการทำงานแต่ละวัน จัดการปัญหาร้อยแปดตั้งแต่คนตบกันในครอบครัว ไปจนถึงแก็งค์ต่างๆตามท้องถนน
โดยตัดสลับกับเหล่านักสืบที่ตามจับคดีสืบสวนในแอลเอ
คดีแต่ละคดี ความเสี่ยงในแต่ละวันของคนในอาชีพที่เสี่ยงอันตรายทุกวันเมื่อก้าวเท้าออกจากบ้าน
ถ้าใครตามดูเรื่องพวกนี้ของทางอเมริกาคงจะพอเริ่มรู้แลวว่า การฆ่าตำรวจถือเป็นเรื่องต้องห้ามของเหล่าคนร้าย
คือฆ่าใครก็ได้อย่าฆ่าตำรวจประมาณนั้น
เพราะไม่งั้นจะโดนตามล่าตามวิสามัญได้อย่างไม่ลดละ
แค่คำว่า officer down ถูกประกาศผ่านวิทยุสื่อสาร ตำรวจทุกนายก็จะหยุดงานทุกอย่างที่กำลังทำอยู่เพื่อมาตามล่าไอ้ผู้ร้ายนั่นแบบนั้นเลย
อาจฟังเหมือนเป็นเรื่องพวกพ้อง จนดูน่ารังเกียจ
แต่ต้องเข้าใจความจริงอย่างหนึ่ง การที่มีกฏโดยไม่ต้องบัญญัติเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก็เพื่อปกป้องการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เพื่อให้ตำรวจสามารถมีเกราะชั้นแรกเมื่อต้องออกไปต่อกรกับผู้ร้ายตามท้องถนนทุกวี่วัน
และแน่นอนก็เพื่อให้ผู้ร้ายคิดก่อนที่จะลั่นไกยิงตำรวจตายเหมือนหมาข้างถนน
ก็คงเป็นเหมือนเป็นประกันชีวิตขั้นแรกประมาณนั้น
แต่เรื่องราวในซีรี่ส์ก็ใช่ว่าจะรับประกันความปลอดภัยของนายตำรวจ 100%
เมื่อนักสืบคนหนึ่งถูกแก็งค์ข้างถนนฆ่าตายอย่างไร้เหตุผลที่สุดต่อหน้าต่อตาคู่หู
มันสื่อให้เห็นได้ว่าไม่ว่าจะมีกฏห้ามน่ากลัวแค่ไหน ชีวิตคนที่ต้องออกไปเสี่ยงลูกปืนทุกวันนั้นก็ไม่มีการรับประกันความปลอดภัยอยู่ดี
ส่วนตัวแล้วธีมบทละครเรื่องนี้กับบทพูดของตัวละครแต่ละตัวถือว่าประทับใจที่สุด
กับคำพูดธรรมดาที่เข้าปากตัวละครตามชีวิตประจำวัน ไม่ฟังดูขัด ไม่ต้องมาคิดว่าคนธรรมดาใครที่ไหนเขาพูดกันแบบนี้
การต่อบทตัวละครที่ลื่นไหลแบบนี้ สำหรับเราแล้วถือเป็นเรื่องยากที่สุด แต่เรื่องนี้ทำได้ธรรมชาติจนฟังเพลินไปกับตัวละครและเรื่องราว...ชอบจริงนะเนี่ย
ขอกลับมาแทรกอีกนิดกับตอนจบของซีซั่น 3
กับฉากการแสดงยอดเยี่ยมของออฟฟิสเซอร์คูเปอร์ ตำรวจมากประสบการณ์ผู้ติดยาแก้ปวดนั่นไง
คูเปอร์เดินเข้าไปในสถานบำบัด แจ้งกับพยาบาลว่าตนนั้นเจ็บหลัง
พยาบาลไม่ถามอะไรนอกจากคุณกินยาอะไร
คูเปอร์เค้นพูดชื่อยาแก้ปวดออกมาทีละชนิด ทีละชนิดด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด ฉากนี้คือการสารภาพว่าในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมรับว่าตัวเองติดยาหลังจากเฝ้าหลอกตัวเองมาตลอดถึงการกระทำหมิ่นเหม่หลายอย่างที่ผ่านมาเพื่อให้ได้ยาแก้ปวดมาใช้
จากนั้นพยาบาลจึงไล่ต่อถึงยาเสพติดอย่างโคเคนว่าเขาได้ใช้มันด้วยหรือเปล่า
กับคำถามนี้ทำให้เราได้เห็นความทรงนงของคูเปอร์ฉายออกมาจากสีหน้ากับคำตอบปฏิเศษอย่างเด็ดขาด
พร้อมทั้งยังตบท้ายอย่างถือศักดิ์ศรีว่า
" I'M A COP "
แค่ฉากนี้ฉากเดียวก็ถือเป็นการปิดฉากอันยอดเยี่ยมของซีซั่นสามได้อย่างไร้ที่ติ
[แถมทำให้เราแอบนึกย้อนไปถึงหนังฮ่องกงในดวงใจเรื่อง infernal affairs ฉากยอดเยี่ยมของเฮียเหลียงกับประโยคเท่สุดใจขาดดิ้นประโยคเดียวกันนี่เลย 'ฉันเป็นตำรวจ']
กับเรื่องมุมกล้องที่มีหลายคนบ่น ตอนแรกๆก็ต้องบอกได้ว่าเวียนหัวใช้ได้ ยิ่งฉากตำรวจวิ่งไล่จับผู้ร้าย มึนทั้งคนเล่นคนดู ^ ^~ แต่หลังๆดูจะปรับให้ซอฟท์ลง สั่นน้อยลง ถ่ายทำธรรมดามากขึ้น
แต่เรากลับไม่ค่อยชอบแฮะ อยากได้แบบแรกๆกลับคืนมา ฮะ ฮะ ฮะ
ช่างเถอะต่างจิตต่างใจเนอะ
สีสันเรื่องคลุมโทนออกดาร์คตลอดทั้งเรื่อง สีสันสดใสไม่มีให้เห็น ใช้แสงเงาและมุมกล้องแทยงเพื่อกำกับอารมณ์ของเรื่อง ของตัวละคร
และที่ชอบอีกอย่างก็คงเป็นธีมซองค์ ติดหูพอๆกับธีมER
Canção do Mar
means song of the sea ของนักร้องโปรตุเกส
'Dulce Pontes
โดยตัดเอามาทำส่วนเฉพาะดนตรีสั้นๆ ความทรงพลังของดนตรีพาความรู้สึกเศร้าจับจิต หมองในอารมณ์และชวนหลอนอย่างน่ากลัวในความรู้สึก
สื่อถึงด้านมืดของผู้คนในดินแดนที่แสนจะสดใสอย่างแคลิฟอร์เนีย
มาพร้อมกับภาพไตเติ้ลแบบนี้
ติดทั้งหูติดทั้งตา...และก็ติดใจ
SOUTHLAND
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2555 13:36:27 น.
0 comments
Counter : 1531 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
Quaver
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [
?
]
เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ
artists
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add Quaver's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.