Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
13 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
บางที...นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน





นั่งมองฝ่าสายฝนออกไปนอกหน้าต่าง
แทบไม่อยากเรียกว่าสายฝน อยากเรียกว่าความกระหน่ำซ้ำเติมจากธรรมชาติมากกว่า
สายฝนสาดแล้วสาดอีก สายลมฟาดซ้ำตามมาไม่ยอมแพ้ กระจกบางๆกั้นไว้ส่งเสียงร้องโอดครวญไม่หยุดปาก
ดินโดนเมล็ดฝนฟาดฟันส่งเสียงไชโยประกาศศักดาความชุ่มช่ำของผืนดินเชิงลิงโลด ส่งกลิ่นดินท้าสายฝนโชยมาจนฉุนจมูก


ส่วนเรา...
นั่งกลุ้มแล้วบ่นกับตัวเองว่า ตูขับรถเป็นร้อยๆกิโลขึ้นมาทำไมบนนี้ฟะ
โชคยังดีที่ตอนขับรถมามีแค่ลมกรรโชกแรง...ขอใช้ศัพท์สูงทางเทคนิคพยากรณ์อากาศกับเขาสักหน่อย
กับฝนโปรยปรายมาเป็นสาย สลับกับเสียงโทรศัพท์กวนโทโสมาเป็นระยะ ถามอยู่ได้ว่าอยู่ไหนแล้ว เมื่อไรจะถึง
จะไปอยู่ไหนได้วะ! ก็อยู่บนถนนน่ะสิ เมื่อไรจะถึงก็เมื่อมันไปถึงสิโว้ย!
ตะโกนอย่างเดือดดาลในใจ อารมณ์ปุดๆเป็นระยะ

พอมาถึงที่พัก ฝนมาเหมือนขับไล่ กระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา แค่เปิดประตูรถต้องใช้แรงราวร้อยแรงม้า
วิ่งต้านลมฝนไปถึงตัวก็เปียกมะล่อกมะแล่กไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ
ไอ้คนมาต้อนรับดันพูดคำที่ทำให้อยากวิ่งฝ่าความตายขับกลับไปมันซะเดี๋ยวนั้น
มีหน้ามาต่อว่าอีกเหรอวะว่า บอกให้มาก่อนหน้านี้ตั้งอาทิตย์นึงมาแล้ว ก็ดันไม่มาเอง
โห...เพ่!
ไอ้งานนี้น่ะ เงินไม่มีให้สักบาทก็ไม่ว่า ชักเนื้อตัวเองก็ไม่อยากพูด
แต่ปฏิเศษไปแล้วนี่หว่า ช่วงนี้ไม่ว่าง ไม่ว่าง อยากบอกมาเองว่าว่างแล้วค่อยมาก็ได้ถ้ายังอยู่ในเดือนมีนานี้อยู่
แถม...แถมที่สำคัญ ตูเป็นแค่ตัวสำรองนะเฟ้ย
มาทำแทนให้ก็บุญแค่ไหนแล้ว
....ทั้งหมดนี้แค่นึกในใจไม่กล้าออกปากสักแอะ ฮ่วย!!
ไอ้เพื่อนที่เคารพ ไว้คราวหน้าจะเอาคืนดอกเบี้ยทบต้นเลยเฟ้ย!


แต่ก็ต้องยอมรับอย่างคำมันว่า
ถ้ามาก่อนหน้านี้สักอาทิตย์นึง ก็คงไม่ต้องมานั่งจุ๊มปุ๊กแบบนี้
เหมือนกับเอาฝนฟ้าคะนองติดตัวมาด้วยอย่างงั้น

ตอนเช้ามาฟ้าสีแปลกๆ
สล่าหนำปฏิเศษยิกไม่ยอมออกนำทางให้ ชี้ให้ดูฟ้าแล้วส่ายหน้า แล้วแกก็กลับเข้าบ้านตัวเองไป
ช่วงเช้าต่อเที่ยง แดดจัดจ้าจนแสบตา ร้อนจนเหงื่อชุ่มเสื้อแทบบีบออกมาได้เป็นกาละมัง
เซ็งจนหมดปัญญาจะทำความเข้าใจว่าทำไมถึงออกเดินทางไม่ได้
เดินออกมาดูฟ้า สีส้มแปรดสลับสีเทากร่ำพาดเป็นสายผ่ากลางท้องฟ้า
ปิมันเดินออกมาปิดหน้าต่างทุกบาน แล้วลากไปรวมกลุ่มในบ้าน
ในห้องร้อนอบอ้าวยังกับซาวน่า แต่ละคนนั่งเหงื่อแตก ไม่มีใครเอ่ยปากสักคำ

ชักรู้สึกอึดอัดเสียจน...
ต้องเดินไปเปิดทีวีเอาเสียง
เปิดไปเปิดมาเจอช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณเข้าพอดีกับเรื่อง Lost
เสียงกระหึ่มขึ้นมาห้ามไม่ให้เปลี่ยนช่อง
แค่ฉากแรกเปิดขึ้นมา...

นานแล้วที่ไม่ได้ดูหนังพากย์ โดยเฉพาะพวกหนังฝรั่งนี่
แต่เสียงพากย์ของช่องเจ็ดกับซีรี่ส์ฝรั่งนี่มันช่างเป็นเอกลักษณ์ แบบเข้ากั๊น เข้ากัน
ไอ้ที่เข้ากันที่สุดน่าจะเป็นเสียงสกัลลี่กับโมลเดอร์ในเรื่อง The X-Files
ฟังไปฟังมาชักติด คุ้นจนรู้สึกว่าเสียงจริงๆของสองคนนั้นกลับดูประหลาดไปซะอย่างงั้น


นั่งดูlostไปอย่างไม่จับใจความ
ดูเรื่องนี้ซ้ำมาหลายที ดูจากฉายอาทิตย์ละวัน จนมันมาฉายมาราธอน ก็นั่งดูไม่ทำงานทำการ
แต่ก็แปลก...ไม่เคยคิดอยากซื้อเก็บไว้
ทั้งๆที่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ชอบอยู่เหมือนกัน
อาจเพราะAXNมันเอารีรันซ้ำบ่อยเกินไปมั๊ง เลยรู้สึกว่า อยากดูก็ได้ดูไม่นานเกินรอ

ดูไปได้แค่สองฉาก
ฝนสาดกระหน่ำมากับลมพายุฟาดราวกับมันโกรธกันมาเป็นร้อยปี ส่งเสียงทะเลาะเบาะแว้งราวกับคู่ผัวตัวเมียที่ต้องตีกันทุกวันหลังอาหาร
ดังสนั่นลั่นกลบทุกเสียง
เสียงธรรมชาติเอาชนะเสียงสังเคราะห์
เสียงช้งเช้งดังประกอบหน้าเคทและแจ๊ค

แล้วจู่ๆเราก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา
ซีรี่ส์เรื่องนี้นอกจากปมปริศนาที่สุมมากขึ้นเรื่อยเปื่อยตามอารมณ์ผู้อำนวยการสร้างอย่าง J. J. Abramแล้ว


มันเป็นเรื่องที่ทำให้เรากลับมาคิดจริงจังเรื่องหนึ่งว่า
กับคนแปลกหน้าที่เราเจอ เขาอาจไม่ใช่คนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงก็ได้
การที่เราได้มาพบปะพูดคุย หรือแค่พยักหน้าให้กันในครั้งแรก
บางที...บางทีก่อนหน้านั้นเราอาจเคยเจอกันมาแล้ว อาจเดินสวนกันมาหนึ่งครั้ง อาจยิ้มแล้วมองผ่านไปมากกว่าหนึ่งหน
อาจยืนคนละฟากของเสารอเวลาให้ฝนหยุดตัวเองลง
อาจช่วยเลื่อนรถให้เราขับผ่านไปได้
อาจเคยลุกจากโต๊ะในร้านอาหารแล้วเรานั่งเสียบลงไปแทนที่ แล้วสายตาเราจับกันชั่วแว้บ
อาจ...อาจ....และอาจ
ร้อยเรื่องพันราว~


ไม่ต่างจากตัวละครแต่ละคนในซีรี่ส์เรื่องนี้
ความสัมพันธ์เริ่มจากคนแปลกหน้าที่ดวงซวยสุดชีวิตนั่งเครื่องบินเพื่อมาตกพร้อมกันลงบนเกาะประหลาดพันลึกแบบนี้





แล้วเมื่อเรื่องราวเริ่มเฉลยความดำมืดในชีวิตของแต่ละตัวคน
เราจึงได้ค่อยๆเห็นภาพว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต่างพบเจอกันบนเครื่องบิน
บางทีถึงกับเป็นว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้พูดคุยกันบนเกาะบ้านี้ แต่กลับจำกันไม่ได้เท่านั้นเอง
เรื่องราวระหว่างคนบางคนเกี่ยวพันราวลูกโซ่ ยุ่งเหยิงอิลุงตุงนังเหมือนปมด้ายพันกันจนยุ่งแกะไม่ออก
คนหนึ่งคนโยงไปกับคนอื่นในครอบครัวจนมาพัวพันกับเจ้าตัวได้อย่างพันลึก


ซีรี่ส์เรื่องนี้มันดึงความสนใจคนขี้เกียจอย่างเราได้ก็ตรงนี้...เอิ้กกกก
ไม่ใช่ปมปัญหาที่ยิ่งมายิ่งมาก ยิ่งมากก็ยิ่งประสาท
ประสาทตรงไหน~ ก็ตรงปมประหลาดยัดเข้ามามันช่างหาเหตุผลรองรับได้ยากขึ้นทุกที
จนช่วงแรกถามตัวเองย้ำหาเหตุผล ว่าทำไม ทำไม ตลอดเวลา

แล้วในที่สุดก็เข้าใจด้วยตัวเอง
บนโลกแห่งความเป็นจริง ทุกเหตุการณ์ ทุกเรื่องราวรอบกาย ห่างกายออกไป
ใช่ว่าทุกอย่างต้องมีคำตอบ ทุกคำตอบต้องมีเหตุผล
โลกใบนี้มีความไร้เหตุผลมากมายร้อยแปดอย่างที่เราก็ไม่เคยเรียกร้องหาเหตุผลมารองรับ
ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับไป ปล่อยทิ้งไป
ไม่งั้นประสาทตาย!!?

ฉะนั้น
การหาคำตอบว่า ทำไม ทำไม อยู่ตลอดเวลาจากซีรี่ส์เรื่องนี้
ความต้องการคำอธิบายชัดเจน ถูกต้อง จนไร้ซึ่งข้อกังขา
ดูจะเป็นการเรียกร้องจนเกินความจำเป็น จนเกินตัวไปล่ะมั๊ง?!!~


คือถ้าจะหาความสมจริง มีเหตุมีผลรองรับแล้วละก็
คงหาไม่ได้ตั้งแต่ ไอ้เครื่องบินลำนั้นมาตกแหม่ะลงบนเกาะที่เรดาห์สาดหาไม่เจอแล้ว
แล้วยิ่งมา คนยิ่งโผล่
จนชวนสงสัยว่าเกาะนี้มันกว้างกี่ล้านตารางไมล์ฟะ
อีกฟากหนึ่งของเกาะปักเขตกันกับอีกฟากหนึ่งได้อย่างมิดชิดจนแทบหากันไม่เจอในตอนแรกๆนี่นะ
คนผุดออกมาราวกับเป็นคนรูได้ชวนปาดหน้าผาก






คำตอบพวกนี้มันอาจเป็นแค่ว่า
ทางโปรดิวเซอร์ก็แค่วางโครงไว้คร่าวๆ
รอเฉลยคำตอบที่แม้แต่ตัวเองยังไม่วางแพลนเอาไว้
ฝากเอาไว้กับความคิดในอนาคตก็เป็นได้

พล็อตถึงได้ยิ่งขยับมายิ่งไกลจากที่เราเองคาดเดาไว้แต่แรก
จนต้องร้อง เหอ! หา?!!~ ยามดูตอนต่อมาเรื่อยๆ

จริงๆแล้วไม่ต้องโทษเขา
โทษที่ตัวเองดีกว่าฟ่ะที่ตามความคิดเขาไม่ทัน เลยได้แต่รองรับความประหลาดใจอย่างล้นเหลือ
ว่า...
มันทำไปได้!! มันเป็นไปได้...ได้ไงหว่า?!!~

จากนั้นมาชักปลงเป็น ตะกอนสมองเริ่มตก
เลยกรองเอาส่วนตรงรสนิยมดีกว่าว่ะเฮ้ย~
ความสัมพันธ์ของตัวละคนค่อยๆเกี่ยวโยงกันได้อย่างน่าทึ่ง
รอคอยแต่ละคนค่อยๆคลี่คลายประวัติในอดีตนอกเกาะของตัวเอง
ดูว่าเขาจะโยงตัวละครให้ได้พบเจอกันก่อนหน้านี้ หรือมีบางความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันด้านใดด้านหนึ่งอย่างไร



โดยเฉพาะประเด็นที่เราชอบมากของเรื่องนี้
ที่ทำให้เราหันไปมองคนแปลกหน้าที่เดินผ่าน ได้มาทักทายรู้จักครั้งแรก
เราสำรวจด้วยรอยยิ้มในใจว่า

“บางที...นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน”



โลกเราก็มีความไร้เหตุผลมาให้รับมือเป็นระยะตลอดเวลาทั้งชีวิตอยู่แล้ว
ในความไร้เหตุผลคือความมีเหตุผลในตัวมันเองก็เป็นได้

เหตุผลที่เรามาเจอกันวันนี้
อาจคือความไร้เหตุผลที่เราเคยผ่านตากันมาเมื่อคราวที่แล้ว




ฟ้าแลบแปลบสีเทาสาดนัยน์ตา เสียงดังครืนดังก้องตวาดสมทบลงมา
แล้วจู่ๆ
สายฝนก็ซาตัวเหมือนหมดแรง
สายลมก็อ่อนล้าอย่างเหนื่อยอ่อน

เช้าอีกวัน
สล่าหนำก็ยังคงส่ายหน้า

เรามองจ้องกลับไป
ชักสงสัยว่า.......
นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกบนดอยลูกนี้ที่เราได้พบเจอสล่าหนำ
ใบหน้าเรียวยาว ริ้วรอยลึกขับประสบการณ์แบบนี้
เราเคยรู้จักกันมาครั้งหนึ่งแล้ว...หรือเปล่า?!!~
บนดอยสักลูก บนภูสักภู ตลาดเช้าสักแห่ง
ภาพของสล่าหนำอาจติดกล้องไปสักครั้ง
กลับไปต้องไปค้นฟิล์มลองหาดู...อาจได้คำตอบ
อาจแก้ปมบางอย่างโดยมีเหตุผลมารองรับสักครั้งก็เป็นได้
มั๊ง?!!~








...24 มีนา 52






Create Date : 13 เมษายน 2552
Last Update : 13 เมษายน 2552 2:59:46 น. 2 comments
Counter : 884 Pageviews.

 


โดย: CrackyDong วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:3:26:09 น.  

 
HAPPY SONGKRAN DAY 6 Pictures, Images and Photos

ตามมาหน้าอีก

สวัสดีปีใหม่ไทยจ้ะ


โดย: fleuri วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:4:09:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.