|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
บางที...นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน
นั่งมองฝ่าสายฝนออกไปนอกหน้าต่าง แทบไม่อยากเรียกว่าสายฝน อยากเรียกว่าความกระหน่ำซ้ำเติมจากธรรมชาติมากกว่า สายฝนสาดแล้วสาดอีก สายลมฟาดซ้ำตามมาไม่ยอมแพ้ กระจกบางๆกั้นไว้ส่งเสียงร้องโอดครวญไม่หยุดปาก ดินโดนเมล็ดฝนฟาดฟันส่งเสียงไชโยประกาศศักดาความชุ่มช่ำของผืนดินเชิงลิงโลด ส่งกลิ่นดินท้าสายฝนโชยมาจนฉุนจมูก
ส่วนเรา... นั่งกลุ้มแล้วบ่นกับตัวเองว่า ตูขับรถเป็นร้อยๆกิโลขึ้นมาทำไมบนนี้ฟะ โชคยังดีที่ตอนขับรถมามีแค่ลมกรรโชกแรง...ขอใช้ศัพท์สูงทางเทคนิคพยากรณ์อากาศกับเขาสักหน่อย กับฝนโปรยปรายมาเป็นสาย สลับกับเสียงโทรศัพท์กวนโทโสมาเป็นระยะ ถามอยู่ได้ว่าอยู่ไหนแล้ว เมื่อไรจะถึง จะไปอยู่ไหนได้วะ! ก็อยู่บนถนนน่ะสิ เมื่อไรจะถึงก็เมื่อมันไปถึงสิโว้ย! ตะโกนอย่างเดือดดาลในใจ อารมณ์ปุดๆเป็นระยะ
พอมาถึงที่พัก ฝนมาเหมือนขับไล่ กระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา แค่เปิดประตูรถต้องใช้แรงราวร้อยแรงม้า วิ่งต้านลมฝนไปถึงตัวก็เปียกมะล่อกมะแล่กไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ ไอ้คนมาต้อนรับดันพูดคำที่ทำให้อยากวิ่งฝ่าความตายขับกลับไปมันซะเดี๋ยวนั้น มีหน้ามาต่อว่าอีกเหรอวะว่า บอกให้มาก่อนหน้านี้ตั้งอาทิตย์นึงมาแล้ว ก็ดันไม่มาเอง โห...เพ่! ไอ้งานนี้น่ะ เงินไม่มีให้สักบาทก็ไม่ว่า ชักเนื้อตัวเองก็ไม่อยากพูด แต่ปฏิเศษไปแล้วนี่หว่า ช่วงนี้ไม่ว่าง ไม่ว่าง อยากบอกมาเองว่าว่างแล้วค่อยมาก็ได้ถ้ายังอยู่ในเดือนมีนานี้อยู่ แถม...แถมที่สำคัญ ตูเป็นแค่ตัวสำรองนะเฟ้ย มาทำแทนให้ก็บุญแค่ไหนแล้ว ....ทั้งหมดนี้แค่นึกในใจไม่กล้าออกปากสักแอะ ฮ่วย!! ไอ้เพื่อนที่เคารพ ไว้คราวหน้าจะเอาคืนดอกเบี้ยทบต้นเลยเฟ้ย!
แต่ก็ต้องยอมรับอย่างคำมันว่า ถ้ามาก่อนหน้านี้สักอาทิตย์นึง ก็คงไม่ต้องมานั่งจุ๊มปุ๊กแบบนี้ เหมือนกับเอาฝนฟ้าคะนองติดตัวมาด้วยอย่างงั้น
ตอนเช้ามาฟ้าสีแปลกๆ สล่าหนำปฏิเศษยิกไม่ยอมออกนำทางให้ ชี้ให้ดูฟ้าแล้วส่ายหน้า แล้วแกก็กลับเข้าบ้านตัวเองไป ช่วงเช้าต่อเที่ยง แดดจัดจ้าจนแสบตา ร้อนจนเหงื่อชุ่มเสื้อแทบบีบออกมาได้เป็นกาละมัง เซ็งจนหมดปัญญาจะทำความเข้าใจว่าทำไมถึงออกเดินทางไม่ได้ เดินออกมาดูฟ้า สีส้มแปรดสลับสีเทากร่ำพาดเป็นสายผ่ากลางท้องฟ้า ปิมันเดินออกมาปิดหน้าต่างทุกบาน แล้วลากไปรวมกลุ่มในบ้าน ในห้องร้อนอบอ้าวยังกับซาวน่า แต่ละคนนั่งเหงื่อแตก ไม่มีใครเอ่ยปากสักคำ
ชักรู้สึกอึดอัดเสียจน... ต้องเดินไปเปิดทีวีเอาเสียง เปิดไปเปิดมาเจอช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณเข้าพอดีกับเรื่อง Lost เสียงกระหึ่มขึ้นมาห้ามไม่ให้เปลี่ยนช่อง แค่ฉากแรกเปิดขึ้นมา...
นานแล้วที่ไม่ได้ดูหนังพากย์ โดยเฉพาะพวกหนังฝรั่งนี่ แต่เสียงพากย์ของช่องเจ็ดกับซีรี่ส์ฝรั่งนี่มันช่างเป็นเอกลักษณ์ แบบเข้ากั๊น เข้ากัน ไอ้ที่เข้ากันที่สุดน่าจะเป็นเสียงสกัลลี่กับโมลเดอร์ในเรื่อง The X-Files ฟังไปฟังมาชักติด คุ้นจนรู้สึกว่าเสียงจริงๆของสองคนนั้นกลับดูประหลาดไปซะอย่างงั้น
นั่งดูlostไปอย่างไม่จับใจความ ดูเรื่องนี้ซ้ำมาหลายที ดูจากฉายอาทิตย์ละวัน จนมันมาฉายมาราธอน ก็นั่งดูไม่ทำงานทำการ แต่ก็แปลก...ไม่เคยคิดอยากซื้อเก็บไว้ ทั้งๆที่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ชอบอยู่เหมือนกัน อาจเพราะAXNมันเอารีรันซ้ำบ่อยเกินไปมั๊ง เลยรู้สึกว่า อยากดูก็ได้ดูไม่นานเกินรอ
ดูไปได้แค่สองฉาก ฝนสาดกระหน่ำมากับลมพายุฟาดราวกับมันโกรธกันมาเป็นร้อยปี ส่งเสียงทะเลาะเบาะแว้งราวกับคู่ผัวตัวเมียที่ต้องตีกันทุกวันหลังอาหาร ดังสนั่นลั่นกลบทุกเสียง เสียงธรรมชาติเอาชนะเสียงสังเคราะห์ เสียงช้งเช้งดังประกอบหน้าเคทและแจ๊ค
แล้วจู่ๆเราก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ซีรี่ส์เรื่องนี้นอกจากปมปริศนาที่สุมมากขึ้นเรื่อยเปื่อยตามอารมณ์ผู้อำนวยการสร้างอย่าง J. J. Abramแล้ว
มันเป็นเรื่องที่ทำให้เรากลับมาคิดจริงจังเรื่องหนึ่งว่า กับคนแปลกหน้าที่เราเจอ เขาอาจไม่ใช่คนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงก็ได้ การที่เราได้มาพบปะพูดคุย หรือแค่พยักหน้าให้กันในครั้งแรก บางที...บางทีก่อนหน้านั้นเราอาจเคยเจอกันมาแล้ว อาจเดินสวนกันมาหนึ่งครั้ง อาจยิ้มแล้วมองผ่านไปมากกว่าหนึ่งหน อาจยืนคนละฟากของเสารอเวลาให้ฝนหยุดตัวเองลง อาจช่วยเลื่อนรถให้เราขับผ่านไปได้ อาจเคยลุกจากโต๊ะในร้านอาหารแล้วเรานั่งเสียบลงไปแทนที่ แล้วสายตาเราจับกันชั่วแว้บ อาจ...อาจ....และอาจ ร้อยเรื่องพันราว~
ไม่ต่างจากตัวละครแต่ละคนในซีรี่ส์เรื่องนี้ ความสัมพันธ์เริ่มจากคนแปลกหน้าที่ดวงซวยสุดชีวิตนั่งเครื่องบินเพื่อมาตกพร้อมกันลงบนเกาะประหลาดพันลึกแบบนี้
แล้วเมื่อเรื่องราวเริ่มเฉลยความดำมืดในชีวิตของแต่ละตัวคน เราจึงได้ค่อยๆเห็นภาพว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต่างพบเจอกันบนเครื่องบิน บางทีถึงกับเป็นว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้พูดคุยกันบนเกาะบ้านี้ แต่กลับจำกันไม่ได้เท่านั้นเอง เรื่องราวระหว่างคนบางคนเกี่ยวพันราวลูกโซ่ ยุ่งเหยิงอิลุงตุงนังเหมือนปมด้ายพันกันจนยุ่งแกะไม่ออก คนหนึ่งคนโยงไปกับคนอื่นในครอบครัวจนมาพัวพันกับเจ้าตัวได้อย่างพันลึก
ซีรี่ส์เรื่องนี้มันดึงความสนใจคนขี้เกียจอย่างเราได้ก็ตรงนี้...เอิ้กกกก ไม่ใช่ปมปัญหาที่ยิ่งมายิ่งมาก ยิ่งมากก็ยิ่งประสาท ประสาทตรงไหน~ ก็ตรงปมประหลาดยัดเข้ามามันช่างหาเหตุผลรองรับได้ยากขึ้นทุกที จนช่วงแรกถามตัวเองย้ำหาเหตุผล ว่าทำไม ทำไม ตลอดเวลา
แล้วในที่สุดก็เข้าใจด้วยตัวเอง บนโลกแห่งความเป็นจริง ทุกเหตุการณ์ ทุกเรื่องราวรอบกาย ห่างกายออกไป ใช่ว่าทุกอย่างต้องมีคำตอบ ทุกคำตอบต้องมีเหตุผล โลกใบนี้มีความไร้เหตุผลมากมายร้อยแปดอย่างที่เราก็ไม่เคยเรียกร้องหาเหตุผลมารองรับ ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับไป ปล่อยทิ้งไป ไม่งั้นประสาทตาย!!?
ฉะนั้น การหาคำตอบว่า ทำไม ทำไม อยู่ตลอดเวลาจากซีรี่ส์เรื่องนี้ ความต้องการคำอธิบายชัดเจน ถูกต้อง จนไร้ซึ่งข้อกังขา ดูจะเป็นการเรียกร้องจนเกินความจำเป็น จนเกินตัวไปล่ะมั๊ง?!!~
คือถ้าจะหาความสมจริง มีเหตุมีผลรองรับแล้วละก็ คงหาไม่ได้ตั้งแต่ ไอ้เครื่องบินลำนั้นมาตกแหม่ะลงบนเกาะที่เรดาห์สาดหาไม่เจอแล้ว แล้วยิ่งมา คนยิ่งโผล่ จนชวนสงสัยว่าเกาะนี้มันกว้างกี่ล้านตารางไมล์ฟะ อีกฟากหนึ่งของเกาะปักเขตกันกับอีกฟากหนึ่งได้อย่างมิดชิดจนแทบหากันไม่เจอในตอนแรกๆนี่นะ คนผุดออกมาราวกับเป็นคนรูได้ชวนปาดหน้าผาก
คำตอบพวกนี้มันอาจเป็นแค่ว่า ทางโปรดิวเซอร์ก็แค่วางโครงไว้คร่าวๆ รอเฉลยคำตอบที่แม้แต่ตัวเองยังไม่วางแพลนเอาไว้ ฝากเอาไว้กับความคิดในอนาคตก็เป็นได้
พล็อตถึงได้ยิ่งขยับมายิ่งไกลจากที่เราเองคาดเดาไว้แต่แรก จนต้องร้อง เหอ! หา?!!~ ยามดูตอนต่อมาเรื่อยๆ
จริงๆแล้วไม่ต้องโทษเขา โทษที่ตัวเองดีกว่าฟ่ะที่ตามความคิดเขาไม่ทัน เลยได้แต่รองรับความประหลาดใจอย่างล้นเหลือ ว่า... มันทำไปได้!! มันเป็นไปได้...ได้ไงหว่า?!!~
จากนั้นมาชักปลงเป็น ตะกอนสมองเริ่มตก เลยกรองเอาส่วนตรงรสนิยมดีกว่าว่ะเฮ้ย~ ความสัมพันธ์ของตัวละคนค่อยๆเกี่ยวโยงกันได้อย่างน่าทึ่ง รอคอยแต่ละคนค่อยๆคลี่คลายประวัติในอดีตนอกเกาะของตัวเอง ดูว่าเขาจะโยงตัวละครให้ได้พบเจอกันก่อนหน้านี้ หรือมีบางความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันด้านใดด้านหนึ่งอย่างไร
โดยเฉพาะประเด็นที่เราชอบมากของเรื่องนี้ ที่ทำให้เราหันไปมองคนแปลกหน้าที่เดินผ่าน ได้มาทักทายรู้จักครั้งแรก เราสำรวจด้วยรอยยิ้มในใจว่า
บางที...นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน
โลกเราก็มีความไร้เหตุผลมาให้รับมือเป็นระยะตลอดเวลาทั้งชีวิตอยู่แล้ว ในความไร้เหตุผลคือความมีเหตุผลในตัวมันเองก็เป็นได้
เหตุผลที่เรามาเจอกันวันนี้ อาจคือความไร้เหตุผลที่เราเคยผ่านตากันมาเมื่อคราวที่แล้ว
ฟ้าแลบแปลบสีเทาสาดนัยน์ตา เสียงดังครืนดังก้องตวาดสมทบลงมา แล้วจู่ๆ สายฝนก็ซาตัวเหมือนหมดแรง สายลมก็อ่อนล้าอย่างเหนื่อยอ่อน
เช้าอีกวัน สล่าหนำก็ยังคงส่ายหน้า
เรามองจ้องกลับไป ชักสงสัยว่า....... นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกบนดอยลูกนี้ที่เราได้พบเจอสล่าหนำ ใบหน้าเรียวยาว ริ้วรอยลึกขับประสบการณ์แบบนี้ เราเคยรู้จักกันมาครั้งหนึ่งแล้ว...หรือเปล่า?!!~ บนดอยสักลูก บนภูสักภู ตลาดเช้าสักแห่ง ภาพของสล่าหนำอาจติดกล้องไปสักครั้ง กลับไปต้องไปค้นฟิล์มลองหาดู...อาจได้คำตอบ อาจแก้ปมบางอย่างโดยมีเหตุผลมารองรับสักครั้งก็เป็นได้ มั๊ง?!!~
...24 มีนา 52
Create Date : 13 เมษายน 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 13 เมษายน 2552 2:59:46 น. |
Counter : 888 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: fleuri 13 เมษายน 2552 4:09:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ตามมาหน้าอีก
สวัสดีปีใหม่ไทยจ้ะ