My Life; My Destiny.
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
เรื่องเล่าจากอเมริกา ตอน ประสบการณ์ร้าย ๆ ของสาวไทยคนหนึ่ง

ช่วงหลัง ๆ นี้ มีพี่ ๆ น้อง ๆ เข้ามาถามเราเกี่ยวกับการทำวีซ่าคู่หมั้น วีซ่าแต่งงาน หรือใบเขียวอะไรพวกนี้เยอะมากเลย เราพอให้คำปรึกษาได้เท่าที่ทราบนะคะ หลาย ๆ คนมาแล้วก็ประสบความสำเร็จดี หลาย ๆ คนมาแล้วก็ไม่เป็นแบบที่คิดค่ะ เรารับฟังคนร้องไห้มาไม่รู้เท่าไรแล้ว บางครั้งก็เกิดความสงสาร บางครั้งก็เกิดโมโหไอ้ฝรั่งตัวแสบน่ะค่ะ แต่บางครั้งเราก็ปลง ๆ ว่า นี่แหละโชคชะตา มนุษย์เราถ้ายังไม่ตาย ก็ยังต้องปากกัดตีนถีบกันไป ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง คำว่า “เพอร์เฟ็ค“ ไม่มีในโลกนี้ ยกเว้นแต่คน ๆ นั้นจะหลอกตัวเอง

เราเขียนเรื่องนี้ให้เป็นอุทาธรณ์แด่ทุก ๆ ท่านนะคะ (โดยเฉพาะน้อง ๆ ที่ติดต่อกับชาวต่างชาติผ่านทางอินเตอร์เน็ท) ก่อนอื่นต้องออกตัวว่า การเขียนเรื่องนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะต่อต้าน หรือให้ร้ายใคร ๆ ทั้งสิ้นค่ะ เรื่องของเรื่อง ก็มีอยู่ว่า

หลังจากที่เราแต่งงานและย้ายตามสามีไปอยู่ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี่ นายตัวโตสามีสุดที่รัก ก็แนะนำให้รู้จักเพื่อน ๆ ของเค้าหลาย ๆ คน มีเกือบทุกชาติทุกภาษาที่เดียว แต่เราก็มีโอกาสได้รู้จึกคนไทยคนหนึ่ง ขอเรียกว่า พี่เมนี่ ล่ะกันนะคะ (เธอมีชื่อไทยค่ะ แต่เราไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผย) สามีของเธอเป็นคนแอฟริกัน - อเมริกัน ค่ะ ภาษาไทยบ้านเรา ก็คือ ไอ้มืดนั่นเองนะคะ

พี่เมนี่ เป็นคนเงียบมาก ๆ คะ เงียบผิดปกติ จนเราไม่กล้าพูดคุยด้วย เวลามีงานปาร์ตี้กันเราจึงคุยกับคนอื่นเสียเป็นส่วนใหญ่ ตอนที่เรารู้จักพี่เมนี่ พี่เค้าอยู่อเมริกามาแล้วหลายปีแล้ว เข้า ๆ ออก ๆ ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ตอนนั้นพี่เมนี่ มีลูกสาวแล้วหนึ่งคน และกำลังตั้งท้องอยู่อีกหนึ่ง ด้วยความที่ไม่ได้สนิทกัน เราและพี่เมนี่จะห่างออกมาจากกัน ไม่ได้ติดต่อกันเลยอีกนาน สามีเรากับสามีเขาทำงานอยู่ทีีเดียวกัน

ด้วยความสอดรู้สอดเห็นของนังกระเหรี่ยง วันหนึ่งเราจึงถามนายตัวดีของเราว่า เรื่องของพี่เมนี่น่ะ มีต้นสายปลายเหตุอย่างใด นายจอมยุ่งก็คันปากอยู่แล้วอยากเล่า จึงฝอยแบบน้ำลายแตกฟองทันที ได้ความว่า แต่ก่อนพี่เมนี่ ทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ นายมืดนี่ก็ไปเมืองไทย แล้วก็ไปพบกัน ด้วยเหตุใดก็ตามพี่เมนี่ตัดสินใจแต่งงานกับนายมืดที่เมืองไทยทันที แล้วบินกลับมาสหรัฐอเมริกาพร้อมกับสามี พ่อแม่ของพี่เมนี่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานเป็นอย่างยิ่ง สาเหตุหนึ่งเพราะคนไทยไม่ค่อยยอมรับคนดำ (ขนาดตอนที่กระเหรี่ยงบอกพ่อว่ามีแฟนเป็นมะกัน คำแรกที่พ่อถาม คือ Is he white? ฮ่า ฮ่า) โอเค พ่อของพี่เมนี่ ก็ไม่เห็นด้วยอย่างแรง แต่ก็ไม่อาจต่อต้านลูกสาวได้

วันที่พี่เมนี่กลับมาถึงเมมฟิส พี่เมนี่ได้รับโทรศัพท์จากกรุงเทพ ได้ความว่า คุณพ่อเสียชีวิต เหตุด้วยหัวใจวาย ! วันรุ่งขึ้น พี่เมนี่ต้องบินกลับกรุงเทพ เพื่อไปงานศพคุณพ่อทันที แต่หลังจากที่งานศพผ่านพ้นไป พี่เมนี่ก็กลับมายังอเมริกาเช่นเดิม โดยที่ไม่ได้ฟังเสียงทัดทานใด ๆ จากใคร

นายตัวดีของเราเล่าว่า สิ่งหนึ่งที่พี่เมนี่ไม่ทราบ คือ นายมืดแต่งงานแล้ว มีลูกตั้ง 6 คน แต่ทั้งลูกทั้งเมีย แยกไปอยู่ที่เมืองแห่งหนึ่งทางชายฝั่งตะวันตก นายมืดมีรายได้ดี แต่ต้องเสียค่าเลี้ยงดูบุตรถึง 6 คน โดยที่พี่เมนี่ไม่รู้เรื่อง นอกจากนั้น นายมืดยังไม่ได้หย่ากับเมียเก่าด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อพี่เมนี่ ถามถึงการแต่งงานอย่างถูกกฎหมาย นายมืดจึงผลัดวันประกันพรุ่งอยู่นั่นแหละ ทุกวันนี้คงเกือบ 10 ปีแล้ว พี่เมนี่ ก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสในอเมริกาเลย ก็จะไปจดได้ยังไงล่ะ ในเมื่อสามียังขึ้นทะเบียนอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

นายมืดมีบ้านหลังงามให้พี่เมนี่อยู่ก็จริง แต่พี่เมนี่ไม่มีโลกภายนอกเลยค่ะ เนื่องจากพี่เมนี่ ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสที่อเมริกา จึงยังไม่ได้ยื่นขอใบเขียวใด ๆ ทั้งสิ้น ยังผลให้พี่เมนี่ไม่สามารถสอบใบขับขี่ได้ วัน ๆ พี่เค้าอยู่แต่ในบ้าน ไปไหนก็ไม่ได้ เป็นแบบนี้มาแล้วเกือบ 10 ปี มีลูกกับนายมืดอีก 2 คน

เมื่อครั้งที่พี่เมนี่อยู่เมืองไทย พี่เค้าก็มีคอนโดหลังหนึ่งเป็นของส่วนตัว แต่โดนนายมืดยึดไป โดยบอกว่า เอาไว้ให้เค้าเช่าดีกว่า แล้วฉันจะดูแลเอง

นายจอมยุ่งของเรายังเล่าต่อไปว่า สามีของพี่เมนี่ เป็นพวกฟุ้งเฟ้อ หน้าใหญ่กว่า เงินในกระเป๋า ทุกคนที่บริษัทโดนนายนี่ชักดาบไปหมดแล้ว นายมืดไปเมืองไทยทุกเดือน ทิ้งพี่เมนี่ กับลูก ๆ ไว้ที่บ้าน โดยอ้างว่า จะไปดูแลคอนโด และ ทำธุรกิจเสื้อผ้า แต่ทุกครั้งที่นายมืดกลับมา จะมาคุยที่บริษัทว่า ไปกรุงเทพมา และเล่าไปถึงกิจกรรมโลดโผนต่าง ๆ ในย่าน นานา คนอ่านคงพอมองภาพออก

เขียนมาถึงตอนนี้แล้ว กระเหรี่ยงอย่างเราก็โกรธหน้าแดงขึ้นมาทุกที เรามักตวาดใส่นายตัวโตว่า “เพื่อนเธอทำอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าเป็นชั้นนะ ถ้าใช้ไม่ได้ไปบ้านเกิดชั้น แกอย่างหวังจะได้เหยียบแผ่นดินชั้นเลย“ นายตัวโตมักตัดบทว่า “Don’t you worry; it’s not going to happen”

หลังจากที่กระเหรี่ยงกับสามี ย้ายจากเมมฟิสมาอยู่เมืองโอมาฮ่า เราสองคนก็ไม่ได้ยินเรื่องพี่เมนี่กับสามีอีก นาน ๆ ครั้ง เพื่อนคนอื่น ๆ ถึงจะเอามาเล่าให้ฟัง ทุกคนสงสารพี่เมนี่อย่างแรง แต่ไม่มีใครสามารถผ่าด่านนายมืดเข้าไปบอกความจริงได้ ประกอบกับสังคมอเมริกันนั้น เค้าไม่ค่อยปากพร้อยกันค่ะ เพราะอาจถึงขั้นฟ้องร้องกันได้

เมื่อซักประมาณ 3 ปีที่แล้ว กระเหรี่ยงกับสามีตัวแสบ ก็มีโอกาสกลับไปเยี่ยมเมืองเมมฟิส เพราะต้องกลับไปขนของบางอย่างที่ฝากไว้ใน Storage จึงมีโอกาศแวะไปเยี่ยมพี่เมนี่อีกครั้ง
ขอย้อนหน่อยว่า พี่เมนี่ มาอยู่อเมริกา ก่อนหน้ากระเหรี่ยงหลายปีมากเลย แต่วันนั้นที่กระเหรี่ยงไปเยี่ยมเธอ กระเหรี่ยงมีใบเขียวเรียบร้อย มีใบขับขี่เรียบร้อย แต่ขอโทษ พี่เมนี่ ยังนั่งอยู่บนวีซ่าท่องเที่ยวอยู่เลย

เมื่อพี่เค้าเห็นหน้าเรา ทราบว่าเราแต่งงาน ทำเรื่องเรียบร้อยแล้ว พี่เค้าถึงกับน้ำตาไหล แขนสองข้างก็อุ้มลูกอ่อนอยู่ ตอนที่นายมืดเผลอ เพราะมันแต่คุยอยู่กับสามีเรา พี่เมนี่ เข้ามาถามวิธีการอยู่ในเมืองมะกันแบบถูกกฎหมาย กระเหรี่ยงเลยถึงบางอ้อ ว่า พี่เมนี่ไม่เคยมีข้อมูลอะไรเลยนี่หว่า ทราบความภายหลังจากนายตัวดีของเราว่า นายมืดปิดปังข้อมูลมาโดยตลอด ไม่ยอมให้พี่เมนี่สังคมกับคนไทยใด ๆ ทั้งสิ้น ที่กระเหรี่ยงมีโอกาศได้พูดคุยกับเธอ เพราะว่านายจอมยุ่งของเรา เป็นเพื่อนนายมืดหรอก

นั่งคุยอยู่กับพี่เมนี่ไม่ทันไร นายมืดก็เดินเข้ามาในห้องพร้อม ๆ กับสามีเรา เราเห็นดังนั้น ก็เริ่มมาดนางร้ายเลย แต่ก่อนเราจะอ้าปาก เราแอบเห็นพี่เมนี่ หน้าซืดที่เดียว เหมือนน้ำตาจะไหลด้วยซ้ำ อีกระเหรี่ยงโมโหมาก มาเอาเปรียบหญิงร่วมชาติได้ไงว่ะ ตวัดตามองสามีไปชั่วอึดใจ แล้วกระเหรี่ยงก็โซโลเลย เริ่มจากกระแนะกระแหนะว่า ทำไมป่านนี้แล้ว เมียเธอถึงยังไม่ได้ทำเรื่องใบเขียวซักที จะให้มานั่งอยู่แบบผิดกฎหมายได้ยังไง มีลูกด้วยกันตั้ง 2 คนแล้วด้วย

นายมืดไม่รู้ว่าอีกระเหรี่ยงจะมาไม้ไหน ไหวตัวไม่ทัน จึงจำใจต้องซักถามข้อมูลทั้งหมดของการยื่นเรื่องของใบเขียวจากกระเหรี่ยงปากเปราะอย่างเรา อีกระเหรี่ยงก็เล่าเป็นฉาก ๆ เลยนะ บอกหมดไม่มีปิดบังเลย บอกรายละเอียดตั้งแต่ชื่อแบบฟอร์ม ไปจนกระทั้งค่าใช้จ่าย แถมบอกหมดว่า จะต้องไปยื่นเรื่องที่ไหน ๆ สะใจมาก ไอ้มืดนั่ง อือ อือ โห้ยยย กูล่ะอยากจะถีบให้ซักเปรี้ยง ไอ้สันดาน เอาคนอื่นเค้ามาจมอยู่อย่างนี้ได้ยังไง ขณะที่เราพูดอยู่ (ภาษาสามีเราคือ พูดยังกะนกแก้วนกขุนทอง) พี่เมนี่ก็บีบมือเราเบา ๆ เค้าคงอยากจะขอบคุณ เพราะเป็นครั้งแรกที่พี่เค้าได้ข้อมูลเรื่องนี้

เย็นวันนั้นเราสองคนก็ลาจากไป อีกระเหรี่ยงตัวยุ่งยังสำทับกับนายมืดด้วยว่า อย่าลืมพาเมียไปทำเรื่องซะนะ เนิ่นนานไปเดี๋ยวจะยุ่งยาก ไม่รู้ว่าคืนนั้นสองผัวเมียนั้นได้มีถกเถียงกันหรือเปล่า กระเหรี่ยงก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนาให้พี่เมนี่ไป นอกจากนั้น หนูก็ช่วยอะไรพี่ไม่ได้แล้ว

เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ (ราว ๆ เกือบ 3 ปี หลังจากที่เราได้พบพี่เมนี่กับสามีครั้งสุดท้าย) เราเข้าแถวเช็คอินอยู่ที่กรุงเทพ กำลังจะกลับมาที่อเมริกา เราก็เห็นไอ้มืดคนหนึ่ง หน้าตาคุ้นมาก แต่ตอนนั้นกระเหรี่ยงยังนึกไม่ออก เพราะว่ามัวติดน้ำลายแตกฟองอยู่กับแม่ รู้แต่ว่าเหมือนเคยรู้จึกไอ้นั่นมาจากที่ไหน (ก็พวกไอ้มืดเนี่ย บางทีหน้าตามันเหมือน ๆ กันนี่ค่ะ)
กำลังยืนคุยกับแม่อยู่ ก็เห็นไอ้มืดนี่ คุยโทรศัพท์มือถือ แอบได้ยินว่า ดาร์ลิ้ง ๆ อะไรประมาณนี้ จับใจความได้ว่า อีกฝ่ายก็อยู่กรุงเทพนี่แหละ (เขียนตรงนี้แล้ว รู้สึกว่า กูนี่เสือกทุกเรื่องจริง ๆ เสือกไปฟังโทรศัพท์ชาวบ้านอีกต่างหากนะเนี่ย) เอาล่ะน่า ฟังไปแล้ว ก็ยังนึกไม่ออกค่ะ

จนกระทั่งมาถึงโตเกียวแล้ว กระเหรี่ยงก็ต่อแถวอยู่ที่เค้าน์เตอร์หน้าเกท กะว่าจะขอเปลี่ยนที่นั่ง ไอ้มืดนี่ก็มายืนอยู่ข้างหลังเรา แม่งกวนตีน มาแตะ ๆ เรา คงเห็นกระเหรี่ยงอย่างเราเป็นพวกมีน้ำมีนม บวกผิวสีน้ำผึ้งด้วย ไม่ได้แบนราบ ขาวใสแบบสาวยุ่นทั้งหลาย ไอ้มืดนี่ก็หน้าตาหื่นเชียว มาถามเราว่า อยู่เมืองมินนีแอปโปลีสหรือ ไอ้ห่า ก็เห็นอยู่ตำตาว่า เที่ยวบินเค้าจะไปเมืองมินนีแอปโปลีส ยังเสือกถาม ตอนแรกกะจะตอบว่า “เปล่าหรอก อยู่ที่ดวงจันทร์ แต่จะไปทรานซีทที่มินนีแอปโปลีส“ เผอิ้ญ ไอ้มืดนั่นโชคดี วันนั้นกระเหรี่ยงอารมณ์ดีอย่างรุนแรง จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตอแหล อย่างยิ่งว่า “ปลายทางชั้น คือ เมืองโอมาฮ่า“

มันก็บอกต่อไปว่า มันจะต่อไปยังเมมฟิส ไอ้เราก็เริ่มบอกเลยว่า ชั้นก็เคยอยู่เมืองนั้นเหมือนกัน แล้วก็บอกชื่อบริษัทที่สามีเราทำงานอยู่ มันเลยถามชื่อสามีเรา เราก็ปากเปราะบอกมันไป จากนั้นนายมืดจ้องหน้าเราอยู่ประมาณครึ่งนาที แล้วก็เรียกชื่อเรา เห้ย กระเหรี่ยงก็งงดิ ไอ้ห่า ใครว่ะ รู้จักชั้นด้วย นึกไปนึกมา สมองขี้เลื่อยอย่างเราก็เริ่มทำงานหนัก เราค่อย ๆ นึกชื่อมันออก โห้ ตานี่ไอ้มืดคงนึกว่า กูไม่น่าทักมึงเลย ฮ่า ฮ่า เพราะกระเหรี่ยงสาดคำถามเรื่องพี่เมนี่ แบบไม่ต้องหายใจเลยค่ะ กะว่า 3 ปีผ่านมาแล้ว พี่เค้าต้องทำเรื่องเรียบร้อยแล้วแน่นอน

โชคร้ายจริง ๆ ค่ะ ไอ้มืดบอกว่า ยังไม่ได้ไปทำเรื่องให้พี่เมนี่เลย โอ้ยยยยยย ปวดหัวใจ สงสารพี่เมนี่มาก ๆ ประกอบกับเมื่อซัก 7 ชั่วโมงที่แล้วตอนที่อยู่ที่กรุงเทพ เพิ่งจะได้ยินไอ้เวรนี่ คุยโทรศัพท์กับผู้หญิงอีกคนอยู่ด้วย แน่นอนว่า ไม่ใช่พี่เมนี่หรอก เพราะพี่เมนี่ยังติดอยู่ที่อเมริกาอยู่เลย กระเหรี่ยงหน้าแดงมากเลย โมโห และรังเกียจอย่างรุนแรง พอดีถึงคิวที่เราจะเปลี่ยนที่นั่งได้ เพราะเราอยากจะย้ายไปนั่งชั้นบน ไอ้มืดนี่เลยถามว่า มีที่นี่ติดกับมันหรือเปล่า เราเลยบอกพนักงานว่า ไม่เป็นไร เรานั่งที่เดิมข้างล่างดีกว่า ออกจากเครื่องสะดวกดี จากนั้นเราเดินดุ่ม ๆ เข้าเครื่องไปเลย มันยังมีหน้ามาบอกเราว่า ไม่แน่เดี๋ยวมันจะมานั่งกับเรา กระเหรี่ยงนึกในใจ อย่ามาเชียวนะมึง เดี๋ยวแม่ก็ได้ด่าให้หรอก

สรุปค่ะว่า พี่เมนี่ ตามฝรั่งมาอยู่อเมริกาได้เกือบ 10 ปีแล้ว ได้ลูก (นิโกร) ติดไปอีก 2 คน ทุกวันนี้ยังทำเรื่องใด ๆ ไม่ได้ สามีไม่ให้ออกจากบ้าน ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ ไม่มีเงินใช้ ไม่ให้ติดต่อกับโรคภายนอกทั้งสิ้น ไม่ให้กลับเมืองไทย ในขณะที่ตัวเองไปเมืองไทยทุก ๆ เดือน เพื่อไปเที่ยวโสเภณี ใครอ่านแล้วมีความเห็นยังไง ช่วยบอกหน่อยค่ะ ส่วนตัวเราไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เรื่องของผัว ๆ เมีย ๆ ด้วย มันพูดยากค่ะ

น้อง ๆ เพื่อน ๆ ที่คิดจะมาแต่งงานอยู่กับชาวต่างชาตินะคะ แนะนำให้ดูให้ดี ๆ ก่อน ฝรั่งไม่ใช่พระเจ้านะคะ มีแบบทั้งดี และไม่ดี พวกฝรั่งขี้นก หรือภาษามะกัน เรียกว่า “White Trash” มีให้เห็นทั่ว ๆ ไป การที่พวกฝรั่งไปเมืองไทยแล้วดูหรูเนี่ย มันมีสาเหตุเดียวค่ะ คือว่า ค่าเงินมันเพิ่มขึ้น 40 เท่าตัวค่ะ เวลามันซื้ออะไรที อะไร ๆ ก็ถู้กถูกไงค่ะ แต่เวลามันอยู่บ้านมันอ่ะ “He is nobody มั่ก ๆ เลยค่ะ“ ตรวจเช็คดี ๆ ก่อนนะคะ ก่อนตัดสินใจค่ะ

สุดท้ายนี้ขออวยพรให้กับทุก ๆ ท่านนะคะ ขอให้ประสบความสำเร็จ มีชีวิตครอบครัวที่ผาสุขค่ะ



Create Date : 07 พฤษภาคม 2549
Last Update : 7 พฤษภาคม 2549 4:26:04 น. 54 comments
Counter : 5310 Pageviews.

 
อ่านแล้วรันทดอ่ะค่ะ... ขอให้คุณเมนี่โชคดีนะคะ


โดย: Mocha Macchiato วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:5:01:03 น.  

 
อื้อหือ น่ากัวๆๆๆๆ
จริงๆค่ะ

อย่างนี้ชีวิตนี้เท่ากับศูนย์เลยนะ เฮ้ออกรรม


โดย: ltoeyl IP: 12.240.18.97 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:5:10:05 น.  

 
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ โดยเฉพาะคู่ที่ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่อยู่ในโลกของความฝัน ฝันซะสวยหรู ว่าเจ้าหนุ่มฝรั่งคงจะเหมือนพระเอกหนังฮอลิวูด หัวข้อนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังสานรักทางอินเตอร์เน็ต ไม่ได้บอกว่าทุกคนในเน็ตเป็นคนไม่ดี แต่อยากให้ดูไปนานๆ

ขอบคุณนะคะที่นำมาเล่าสู่กันฟัง


โดย: Me & Simple Life IP: 65.74.118.109 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:5:12:19 น.  

 
เฮ้อ...... ไม่รู้จะว่าอย่างไรดี
เพิ่งจะได้ยินอีกเรื่องคือ ฝรั่งเมกัน หลอกสาวทางเนต สาวไทยนี่แหละ แชทกัน แล้วไปพบหน้ากันครั้งหนึ่ง
ขอวีซ่าคู่หมั่นให้ หลอกมาอย่างดี ให้ตามา พอมาแล้ว ก็ไม่แต่งงาน หลอกให้อยู่ เสียทั้งตัว และใจ สุดท้าย อยู่ได้ สัก สามเดือน หกเดือน แล้วแต่มันจะชอบ มันก็ส่งผุ้หญิงกลับ เลย ไม่แต่ง ไม่ช่วยไร วีซ่าก็หมด
แล้วมันก็หาสาวคนใหม่ต่อไป


โดย: เหมียวหง่าว IP: 202.180.83.7 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:5:17:33 น.  

 
เฮ้อ ได้อ่านแล้วก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าถ้าเกิดกับตัวเอง เราจะไปช่วยอะไรเค้าได้หรือเปล่า เอาใจช่วยนะคะ ให้พี่แพทแก้ปัญหาให้ได้ แม้จะไม่ใช่ปัญหาเรา แต่อย่างน้อยเราก็ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


โดย: yummy_hashbrown IP: 70.174.63.7 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:5:18:42 น.  

 
โชคร้ายของผู้หญิงอย่างคุณเมนี่ ที่ต้องจมปลักอยู่กับคนเลวอย่างนั้น



โดย: PatPDX IP: 70.190.151.86 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:6:06:30 น.  

 
อ่านแล้วอึ้งเหมือนกัน... เรื่องนี้น่าจะเป็นอุทธาหรณ์ให้กับหลายๆ คนได้บ้างนะคะ...

ขอบคุณค่ะ....


โดย: BlackmagicW IP: 207.200.116.72 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:6:23:06 น.  

 
Please stop NIN-TA the other people. U're so boring!!! woman.We not need to know this boring story, sorry


โดย: Sandy IP: 62.6.139.12 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:00:00 น.  

 
ทำไมผู้หญิงดีๆมักเจอแต่ผู้ชายเลวๆ ที่ไม่เห็นคุณค่า ส่วนผู้หญิงเลวๆมักเจอผู้ชายดีๆ(ก่อนเรา)

สงสารคุณพี่เมนี่จัง แกคงรักและภักดีกับสามีแก ถึงขั้นทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทยตามใช้ชีวิตด้วยกันกับไอ้เวลตะไลนั่น มันกลับไม่สำนึก....อ่านแล้วเศร้าง่ะ


โดย: Stila is Style IP: 58.9.1.220 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:15:01 น.  

 
^
^
ป้า sandy ข้างบนนี่แทงใจดำเป่าคะ? :P
เห็นด้วยอย่างแรงเลยค่ะ ฝรั่้งไม่ใช่พระเจ้า อีเดียตๆ ก็เยอะ.. เห็นฝรั่งพูดถึงผู้หญิงเมืองไทยทีไร อยากตบกะโหลกทั้งฝรั่ง ทั้งผู้หญิงไทยที่เห็นฝรั่งเป็นถุงเงินทั้งคู่เลย ..
อุ๊ปส์ อินไปนิดค่ะ ^^"


โดย: chirala (chirala ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:17:11 น.  

 
I really what you like. You should write a pocket book. I live here, too, but I live in SF.

I think there is another thing for P'Many to do is contacting IRS. I worked as an intern for them before, they are willing to help you if you really need help. IRS (Immigration Rights Commission). If she is here, I will try to contact my friend in city hall and help her. I don't know how I can help because it is not in the same jurisdiction, we can cross the line.


โดย: lex IP: 71.139.7.228 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:07:25 น.  

 
ก่อนอื่นขอบคุณทุก ๆ ความคิดเห็นนะคะ

คุณ Lex ค่ะ เราก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ความจริงแล้วมันเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ น่ะค่ะ เราเป็นคนนอกเข้าไปยุ่งก็ไม่ค่อยจะน่าดูนัก

คุณ Sandy ค่ะ
Obviously, you have finished reading my story. That showed that the story had to "somewhat" interesting to you.

And I don't see any part that I actually "Nin-Ta" anyone. Do you know me enough to claim that I am a boring woman? My advise na ka, if you read something that you don't like, please kindly click that page off. It's that simple.



โดย: lilac Girl IP: 68.13.176.206 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:35:36 น.  

 
ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านค่ะ อยากจะเตือนสาวไทยสมัยนี้จริงๆ กลับเมืองไทยครั้งล่าสุดนี่ตกใจมากกับค่านิยม แต่งงานกับชาวต่างชาติ เข้าใจค่ะว่าคนเรามันรักกันได้ แต่หลายๆคนเนี่ยความรักอาจจะไม่ได้เป็นเหตุหลัก มาอยู่ต่างประเทศแล้วก็ใช่ว่าจะสบายนะคะ ต่อให้ได้เงินเยอะเมื่อคำนวณเป็นเงินบาท แต่อย่าลืมว่าใช้จ่ายก็เป็นเงินดอลล่า สาวๆจะแต่งกับใครชาติไหน ดูให้มั่นใจก่อนนะจ๊ะ


โดย: ลูกแม่ดอกบัว วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:19:49 น.  

 
อ่านแล้วอยากไปตบกะโหลก
อีตามืดนั่น
คุณlilac Girl รีบๆหาทางช่วยพี่เค้าด่วน
เห็นใจแกมากเลยเสียดายเราอยู่คนละทวีปไม่งั้นเราจะไปช่วยเค้า
แต่พี่เค้าต้องลุกมาสู้เพื่อนตัวเองและลูกด้วย ไม่งั้นการช่วยเหลือก้อไม่สำเร็จ
แกคงโดนตามืดขู่ทุกวันว่าหากไปแจ้งเรื่องละก้อตัวแกเองจะถูกส่งกลับและลูกๆจะต้องถูกแยกจากแม่
โถน่าสงสารมากจริงๆ ต้องหาทาง
เล่นงานไอ้มืดก่อนเลย ในฐานหลอกลวงมาแต่งงานกับพี่เค้าทั้งๆที่ยังไม่ได้
หย่าขาดจากเมียเก่า


โดย: เจ๊โจ้ IP: 203.220.228.242 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:23:41 น.  

 
รันทดด้วย


โดย: PADAPA--DOO วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:30:18 น.  

 
ลูกอายุเท่าไรคะ เคยได้ยินมาว่าถ้าเด็กเกิดที่เมกา อายุ 16 สามารถรับรองแม่ได้ ไม่ทราบจริงเท็จยังไง ใครทราบช่วยตอบทีนะคะ ถ้าไอ้มืดไม่ทำให้ ก็รอให้ลูกทำให้ เพราะยังไงๆ ไอ้มืดก็ทำให้ไม่ได้อยู่แล้วเพราะยังไม่ได้หย่า
ส่วนคุณป้า แซนดี้ นิสัยแย่มากๆ คะ แบบนี้เค้าไม่เรียกนินทาหรอกคะ กลับเป็นประโยชน์สำหรับสาวไทยอีกมาก ต่างหาก


โดย: แม่ลูกสอง IP: 211.30.153.198 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:48:51 น.  

 
คุณแม่ลูกสองค่ะ

น้อง ๆ สองคนยังอายุไม่กี่ขวบกันเลยค่ะ พี่เค้าคงกลัวนายมืดจะพรากลูกแหละหนูว่า เพราะว่าพี่เค้าไม่ได้ทำงานทำการมาเกือบ 10 ปีแล้ว รัฐบาลไม่ให้เด็กไปอยู่แล้ว

อีกทีก็ต้องหอบลูกกลับเมืองไทย แต่ก็อีกแหละ มาอยู่เมกา 10 ปีจะกลับไปทำอะไรที่เมืองไทย แถมลูกติดสองคนอีกต่างหาก

หนูเห็นด้วยกับการให้ INS ช่วยจัดการให้นะคะ เพราะถือว่าพี่เค้าก็มีเจตนาดี อยู่กับไอ้มืดนี่มาก็ตั้งนานแล้วด้วย แต่ว่าไอ้มืดนี่ไม่ยอมพาพี่เค้าออกไปไหนเลยดิค่ะ นี่แหละปัญหาค่ะ


โดย: lilac Girl IP: 68.13.176.206 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:56:37 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกสงสารจริง ๆ ค่ะ
เราคิดว่าที่ต้องระวัง ไม่ใช่เฉพาะ "ฝรั่ง" แต่ต้องระวัง "คนไทย" ที่อยู่ที่นั่นแล้วทำตัวเหมือนฝรั่งด้วยค่ะ

ยังไงก็ขอให้เค้ามีทางออกที่ดีเร็ว ๆ นะคะ

โชคดีจังเลยเราที่เกิดเรื่องซะก่อน ไม่งั้นอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ ใครจะรู้...


โดย: Susie วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:15:22 น.  

 
รู้สึกสงสารคนไทยด้วยกัน ที่ต้องตกระกำลำบากที่ต่างแดน แต่ถ้าเขาอยู่ไม่มีความสุขก็น่าจะรีบหนีออกมาแล้วทำไปหาอะไรที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นนะค่ะ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็คงอยู่อย่างนี้ตลอดไป อยากให้เขาหนีออกมาจัง


โดย: คนเมืองช้าง IP: 203.172.112.71 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:30:47 น.  

 
สวัสดีครับ คุณlilac girl

ผมอ่านแล้ว ก็สงสารเห็นใจคุณเมนี่จังเลย คงไม่มีทุกข์ไหน ทุกข์เท่ามาให้เขาหลอกในต่างบ้านต่างเมือง ต้องยอมทนลำบากอกไหม้ใส้ขม หากตัวคนเดียวอาจหาทางหลุดไปได้ แต่นี่เกิดมีพันธะด้วยลูกๆอีก ไม่ทราบเหมือนกันว่าเธอจะหาทางออกดีๆอย่างไร แค่หาเวลาปลีกตัวไปนอกบ้านยังยากแล้ว จะหาคนปรึกษาด้วยก็ไม่มี
เหมือนอยู่นรกชัดๆนะนี่ ผมก็ได้แต่ภาวนาให้คุณเมนี่ ได้หลุดพ้นจากเรื่องร้ายๆนี่สักวันเถอะ
เรื่องนี้ คุณเขียนเล่าละเอียดดีมากๆครับ เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งได้ชัดมากๆเลยครับ


โดย: smartupid IP: 207.38.181.133 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:01:13 น.  

 
โหย...อย่างเดือด
ทำไมชั่วร้ายยังงี้ไอ้มืดนั่น
น่าเห็นใจพี่เมนี่อย่างมาก
ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังเป็นอุทาหรณ์


โดย: ล ม ห า ย ใ จ ...อุ่ น อุ่ น วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:12:46 น.  

 
สงสารพี่เมนี่จริง ๆ ก่อนที่จะตกลงปลงใจกับคุณมืด หัวใจขุนแผน ทำไมไม่ตรวจสอบเขาให้แน่ใจก่อน ถ้าเขาจริงใจกับเราจริง ไม่ใช่เห็นแก่เขารวย เขาดี แล้วน้ำตาจะตกในทีหลัง อืมม..บทเรียนดีจริง ๆ


โดย: ขแมร์ (aehaeh55 ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:38:46 น.  

 
น่าสงสารจังเลยค่ะ

อ่านๆไปก็เลือดขึ้นหน้าเลยเนี่ย



โดย: asita วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:49:36 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณ lilac girl สงสัยว่าทำไมต้องมาจดทะเบียนที่อเมริกาอีกอ่ะ จดที่เมืองไทยที่เดียวก็น่าจะได้แล้ว หรือว่าตอนอยู่เมืองไทยไม่ได้ไปทำเรื่องที่สถานฑูตสหรัฐเพราะต้องแสดงหลักฐานความเป็นโสดคะ


โดย: Rive Gauche วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:59:36 น.  

 
พี่เค้าไม่ได้ทำเรื่องที่สถานฑูตค่ะ แฟนเราบอกว่า นายมืดมันตั้งใจยังงั้น มันจะไปทำเรื่องที่สถานฑูตได้ไงอ่ะ มันยังมีเมียอยู่เลย


โดย: lilac Girl IP: 68.13.176.206 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:19:12 น.  

 
i can't imagine how p'Maynie can stand to live with a very very mean guy over 10 year.



โดย: ถั่วปีบ IP: 64.252.102.139 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:32:37 น.  

 
โอ๊ย เรื่องนี้แทงใจดำเรย ไรกันว๊า อ่านเสร็จแร้วรู้สึกเห็นใจพี่เมนี่อย่างแรงๆเรยค่ะ แต่.. ก็ต้องขอบคุณพี่เมนี่นะคะ ไม่งั้นเราคงไม่มีอุทธาหรณ์ (อ้าวกรู จะโดนตบไม๊เนี่ย ) ไม่เป็นไรค่ะ เอาใจช่วยให้คุณสารมีสุดที่รักพาไปทำกรีนการ์ดด่วนๆนะคะ เหอเหอ อ่านแร้วเครียดเรยพี่แพท ไม่รู้ว่าชีวิตน้อยๆของเราจะเป็นแบบนี้ไม๊ เห้อ เพี๊ยง ขออย่าให้โดนแบบนี้เรย ยังยืน นอนยัน ชอบพวกblokes อยู่คร่ะ


โดย: น้องเต้ IP: 61.47.122.219 วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:40:43 น.  

 
น่าสงสารพี่เมนี่...นะค่ะ..
เหมือนถูกขังคุกเลยอ่ะ....
ไม่พาไปทำใบเขียว ไม่ให้ออกจากบ้าน ให้อยู่อย่างผิดกฎหมาย และรันทดอย่างนั้น เฮ้อ...น่าสงสารกับชะตากรรมพี่เมนี่มากๆ

เสียทั้งอิสรภาพและจิตใจเลย...
ไม่รุ้ว่าเค้าทำร้ายร่างกายด้วยหรือเปล่า


โดย: MeTaBoLism วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:56:12 น.  

 
หาทางช่วยเถอะคะ เอาให้มันตัองรับผิดชอบมากๆ เพราะกฎหมายอเมริกาคุ้มครองอยู่แล้ว ถือว่ามันกักขังน่วเหนี่ยวก็ได้


โดย: ตุ๊กตา IP: 65.70.232.253 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:03:19 น.  

 
ก่อนอื่นต้องถามความสมัครใจของ คุณเมนี่ เสียก่อนว่า เธอต้องการความช่วยเหลือไม๊ ถ้าเธอ เซย์ เยส คุณlilac Girl ก็หาทางช่วยเหลือเธอเถอะค่ะ แต่สงสัยจังว่าคุณเมนี่เธออยู่มาได้อย่างไร ตั้งเป็น 10 ปี ความอดทนสูงมากจริงๆ น่าสงสารและน่าเห็นใจ ลองชวนนายตัวโตของคุณไปเมมฟิส เพื่อหาทางพบกับคุณเมนี่อีกรอบซิคะ นายตัวโตเป็นเพื่อนของไอ้มืด สาระ-เหลว อยู่แล้ว คงไม่น่าจะยากนักที่จะเจออีกรอบ และถ้าคุณเมนี่ ต้องการความช่วยเหลือจริง คุณก็แจ้งตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเถอะนะคะ อย่างที่คุณตุ๊กตา ว่าหนะคะ กฎหมายอเมริกาคุ้มครองไม่ใช่หรือคะ นึกว่าสงสารคนไทยด้วยกันนะคะ ถ้าดิฉันอยู่ที่อเมริกา และได้รู้เรื่องราวแบบนี้ คงอยากหาทางช่วยอย่างเต็มที่เท่าที่ทำได้หนะค่ะ ...เรื่องราวเป็นอย่างไรต่อไปและคุณlilac Girl ตัดสินใจจะทำอย่างไรต่อไป ก็มาเขียนเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ
เรื่องอย่านี้ ไม่ถือเป็นเรื่องการนินทาเลยค่ะ ใช้สมองส่วนไหนคิดไม่รู้เนอะ มันเป็นเรื่องของอุทธาหรณ์ เล่าสู่กันฟังแท้ๆ ค่ะ
เป็นขาประจำที่ชอบอ่านเรื่องของคุณlilac Girl ค่ะ ใช้คำได้สนุกดี


โดย: ปอม IP: 81.164.173.1 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:3:09:05 น.  

 
อ่านแล้วเศร้าค่ะ สาวไทยโชคร้ายแบบคุณเมนี่เราเห็นมาสองสามคนค่ะที่นี่ ออสเตรเลีย ขนาดเรามีเรื่องเล่าก็ยังมีบางคนฝากลูกหลานให้หาผัวฝรั่งให้ หวังจะรวยลัด เพราะคิดว่าฝรั่งคือพระเจ้าร่ำรวยประทานทุกอย่างให้ เราปฎิเสธทุกครั้งค่ะ แต่ก็ยังมีพวกดื้อดึง ไม่หาให้ก็โกรธหาว่าเราไม่อยากให้คนอื่นได้ดีกว่าตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ก็เห็นว่าเราก็ไม่ได้รวยกว่าใคร ๆ ซักหน่อย เรามีสามีฝรั่งแต่ก็ทำมาหากินพอตัวเลี้ยงลูกเมียเหมือนคนไทยน่ะแหละ

อยากให้คนที่อยากมีแฟนฝรั่งมาอ่านเยอะ ๆ จังเลยค่ะ จะได้คิดมาก ๆ หน่อย ไม่วู่วาม คนไทยหรือฝรั่งมีดี เลวปะปนกันทั้งนั้น ต้องดูกันนาน ๆ

จริง ๆ แล้วเราก็ถือว่าโชคดีค่ะ กับสามีก็เจอทางอินเตอร์เนตแล้วก็มาเจอกันจริง ๆ ที่เมืองไทย คบกันได้ปีหนึ่งถึงได้แต่งงาน ตอนนี้แต่งมาสามปีย้ายมาอยู่ออสเตรเลียแรก ๆ ไม่มีอะไรเลยค่ะ บ้านก็เช่ารถก็พ่อสามีซื้อคันเก่า ๆ ให้ ทีวีแม่สามีก็เอาอันเก่ามาให้ใช้ แต่เราก็อดทนเพราะไม่ได้รักที่เงิน เพราะแกไม่มีเงิน ตอนนี้ผ่านมาสามปีแล้ว สามีอดทนทำงาน มีทุกอย่างแล้วค่ะ แต่ก็ลำบากเหมือนกัน ขอให้คิดกันให้มาก ๆ นะคะถ้าอยากมีแฟนฝรั่ง


โดย: tussie IP: 220.245.180.132 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:00:55 น.  

 
อ่านแล้วอยากสั่งเก็บตามืดนั่นจังเลยค่ะ -"-
สงสารคุณเมนี่ด้วย.... เฮ้อ จับพลัดจับผลูมาเจอคนไม่ดีแบบนี้นี่แย่จังเลยเนอะ



โดย: =too= วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:14:55 น.  

 
อยากทราบขั้นตอนการจดทะเบียนสมรสกับหนุ่มอเมริกันและไปอยู่อเมริกาได้เมื่อไร ทำอย่างไรค่ะ


โดย: จุ IP: 61.90.232.6 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:29:38 น.  

 
อ่านแล้วก็น่าสงสาร แต่สรุปอะไรเลยก็ไม่ดีค่ะ ว่าใครดีใครไม่ดี ฝรั่งหรือไทยก็คนทั้งนั้น มันแล้วแต่คนมั้งคะ ดิฉันก็ไทยไม่ไม่อินกะเงิน แฟนเป็นอเมริกัน แต่งงานแล้วค่ะ มีความสุขดีค่ะ รักกัน เราไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ความรักล้นเหลือค่ะ กำลังจะไปอยู่อเมริกาแล้ว ขอให้คนอ่านทุกท่าน พิจารณาอีกทีค่ะว่าความรักมันก็อธิบายยาก เป็นคู่ๆไป จะสรุปทีเดียวว่าหญิงไทยหวังเงินฝรั่งเห็นจะสรุปเร็วไปค่ะ หญิงไทยทำงานดี เรียนดี มีเยอะค่ะ อันนี้แล้วแต่บุพเพสันนิวาสค่ะ


โดย: kfalletta IP: 202.12.97.100 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:13:10 น.  

 
ต่ออีกนิดค่ะ เราเจอกันทางเน็ตค่ะ ไม่ได้เข้าไปหาแฟนอย่างใครว่าหรอกค่ะ เข้าไปเรียนภาษา อยากบอกว่าได้กว่าไปเข้าคอร์สซะอีก ทั้งหมดทั้งหลายก็แล้วแต่เรา ไม่ว่าจะทางเน็ตหรือไม่เน็ต คนมันจะดีหรือ RAD มันก็ห้ามไม่อยู่หรอกค่ะ แต่ดิฉันโชคดี อย่างน้อยเราเรียนสูงระดับหนึ่งความคิดจะระดับหนึ่ง ระดับศีลธรรมก็ส่วนหนึ่งส่วนมากด้วยค่ะ เราจะพบรักทางไหนก็ไม่สำคัญ สำคัญว่าเราเลือกคนแบบไหน ดูกันให้ถึงหัวใจค่ะ ไม่ได้ว่าชายไทยไม่ดีค่ะ แต่วาสนาหญิงไทยบางคน ฟ้าอาจส่งให้ไปอยู่ไปใช้ชีวิตไกลบ้านค่ะ


โดย: kfalletta IP: 202.12.97.100 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:19:20 น.  

 
อยากให้มันติดเอดส์จริงๆเลย


โดย: Hula IP: 58.9.39.180 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:38:18 น.  

 
อ่านแล้ว น่าเห็นใจเค้านะ แต่ไม่ร฿จะช่วยอะไร ได้ ก็ภาวนาให้พี่คนไทย ได้เป็นอิสระเร็วๆละกัน


โดย: เคยเจ็บ IP: 80.3.96.40 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:46:09 น.  

 
อ่านแล้วกลัวจังเลยค่ะ น้าสาวกำลังจะทำเรื่องไปแต่งงานกับชาวเยอรมันอยู่พอดี พอจะมีคำแนะนำอะไรมั้ยคะ ญาติเป็นคนติดต่อให้ เรื่องคุณเมนี่น่าจะหาทางช่วยเธอนะคะ อย่างน้อยก็เป็นคนไทยด้วยกัน


โดย: ผักหวาน IP: 203.156.38.28 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:02:46 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกกลัวค่ะ และก็สงสารพี่เมนี่ด้วย ขอให้พี่เขาโชคดีค่ะ


โดย: Irish girl (Irish girl ) วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:37:08 น.  

 
I can say only many kinds of people in da world, but if we can help anyone in da world pls not hesitate to help them, we are from Buddist country.... take care na ka


โดย: Sherry IP: 80.219.0.12 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:53:08 น.  

 
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกเสียใจแทนคุณคนนั้น แล้วก้อรู้สึกเศร้าจริงๆค่ะ ไม่รู้อีกนานมั้ยพี่เค้าถึงจะเป็นอิสระนะคะ อืมม..หน้าที่แล้วที่เม้นท์ไว้ว่า security proves มันต้องเป็น Security approved ใช่มั้ยคะ แล้วจะเข้ามาอ่านอีกนะคะ


โดย: Sunsweet May IP: 70.173.72.54 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:37:32 น.  

 
โหย....ทำไมคนดำ ตัวก้อดำใจยังดำ และสันดานต่ำขนาดนี้เนี่ย

เคยมีประสบการณ์แย่ๆกับพวกนี้เหมือนกันค่ะ แต่คือโดนแค่วัยรุ่นผิวหมึก ไถ่เงิน ตอนอยู่ลอนดอน แค่นั้น ก็จำจนวันนี้แล้ว ถ้าเปนเรานะ กลับบ้าน!!!
แน่นอน ไม่ทนหรอก คนตัวดำแล้วยังนิสัย(สันดาน)แบบนี้ (>_____<)

สงสารคุณเมนี่ เพราะบางทีเค้าอาจจะไม่ได้รู้ล่วงหน้าเลยว่าจะต้องมาโดนกักขังแบบนี้ และคงจะไม่สมยอมที่จะให้มันเป็นไปในรูปแบบนี้แน่นอน แต่คิดว่าเค้าคงทำไม่ได้
ก้อขอภาวนาให้เค้าหลุดบ่วงกรรมนี้ได้ในเร็ววันนะคะ



โดย: PFiFFiKUS IP: 58.8.115.61 วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:35:58 น.  

 
อย่างนี้ต้องขอความช่วยเหลือจากทางกงสุล ไทยเลยดีกว่า ฟ้องร้องไปเลยได้ทั้งเงิน บางทีอาจได้สัญชาติเค้าไปเลยก็ได้นะ เราคิดว่านะ เพราะเราเชื่อว่ากฎหมายที่นั่นเป็นธรรม มากๆ อ่ะ


โดย: nan IP: 61.7.137.10 วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:25:15 น.  

 
เกลียดไอ้มืดมากที่สุดเลยค่ะ ตั้งแต่มาอยู่เมกาอ่ะ สงสารคุณเมนี่มาก ๆ ค่ะ พี่คิดว่าคุณเมนี่คงจะต้องช่วยตัวเองอะค่ะ อย่างที่บอกว่าฝรั่งเขาไม่ค่อยก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นอ่ะ หรือไม่คุณเมนี่ก็ต้องรอให้ลูกโต พออายุ 18 ปี ก็ขอใบเขียวให้แม่ได้ค่ะ แต่ต้องเช็คกฎหมายกันอีกครั้งนะคะ อันนี้เป็นของเก่าที่เคยได้ยินมาค่ะ ยังไงก็ขอให้คุณเมนี่โชคดีละกันค่ะ แล้วก็ย้ำเตือนน้อง ๆ ทั้งหลายที่อยากมาอเมริกาว่าไม่สนุกอย่างที่คิดนะคะ อิอิอิ


โดย: shnkitty วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:53:35 น.  

 
อ่านแล้วสงสารคุณเมนี่มากๆค่ะ แล้วก็อยากกระทืบผู้ชายคนนี้จังตัวดำแถมยังใจดำอีก แล้วทำให้ผู้หญิงไทยที่คิดว่ามีสามีฝรั่งแล้วจะสบายมันไม่ได้เป็นกันทุกคนนะคะ


โดย: Rita_JP IP: 125.25.1.115 วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:28:21 น.  

 
สงสารคุณเมนี่


โดย: Odense วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:6:32:36 น.  

 
อ่านแล้วสงสารพี่เมนี่นะค่ะ....


โดย: BeamerFamily [lLin] (BeamerFamily ) วันที่: 4 มิถุนายน 2549 เวลา:8:46:17 น.  

 
มองได้อีกมุม..
เคยมีเพื่อนเล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงคนหนึ่งทนอยู่กับคนเลวๆ เพราะรักเค้ามาก ขาดเค้าไม่ได้ (นี่คือคำพูดของผู้หญิงคนนั้น) อาจจะเป็นเหตุผลนี้ด้วยก็ได้นะคะ ที่พี่เมนี่ไม่ยอมไปไหน


โดย: แอนนา IP: 67.22.129.150 วันที่: 7 มิถุนายน 2549 เวลา:12:04:08 น.  

 
ช่วยบอกหน่อยเถอะครับว่าไอ้มืดตัวเนี๊ยมันชื่ออะรัย แล้วมันจะมาเมืองไทยอีกเมื่อไร ...


โดย: spirit (pooktoon ) วันที่: 26 มิถุนายน 2549 เวลา:1:43:48 น.  

 
สงสารคุณเมนี่จังเลย ไม่น่าเจอคนแบบนั้นเลยนะคะ


โดย: sheer bliss IP: 71.106.26.61 วันที่: 3 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:00:07 น.  

 
กรณีเช่นนี้ หากทางเจ้าหน้าที่ของสหรัฐทราบเรื่องเขาช่วยเหลือแน่นอนครับ เพียงแต่คุณโทรไปบอกว่า มีคนไทยอยู่ที่บ้านเลขที่....บอกชื่อถนน พร้อมเมืองให้เรียบร้อย เขาจะส่งเจ้าหน้าไปช่วยเหลือแน่นอนครับ


โดย: อยากช่วย IP: 204.97.106.54 วันที่: 25 กรกฎาคม 2549 เวลา:4:50:37 น.  

 
น่าสงสารมากๆ เลยอ่า พี่เค้าคงรุ้สึกว่า ไม่น่าเลย ระยะเวลาสิบปี มันมากนะ ทำไรได้ตั้งเยอะ เอาใจช่วยนะคะ ให้พี่เค้าพ้นไปจากคุก ซะที


โดย: fk IP: 68.234.61.175 วันที่: 30 กรกฎาคม 2549 เวลา:6:13:52 น.  

 
โห ..เลว รูปชั่ว ตัวดำ แล้วยังใจบอดอีก (ถึงจะหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ก็จะต้องโดนประนามเหมือนกันแน่ ๆ เลยค่ะ ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้)
สงสารพี่ผู้หญิงคนนั้นจัง
มีผัวเลวอยู่เมืองไทย ยังพอมีพ่อแม่ ญาติพี่น้อง นี่ดันมาพลัดถิ่นเข้าอีก เฮ้อ..เวรกรรม


โดย: แร่ใยหิน วันที่: 23 เมษายน 2550 เวลา:18:47:41 น.  

 
ได้ยินมาเหมือนกันค่ะเรื่องไอ้ดำเลว เราก็คิดว่าไม่เฉพาะคนดำหรอกน่า ทุกชาติทุกภาษาก็มีดีมีเลวเหมือนกันแหละ แต่พอเจอกับตัวเองมันก็ไม่ต่างจากที่เขาพูดกัน ไอ้ดำคนหนึ่งอยู่ไทยนี่แหละ คุยกันทางเน็ตเหมือนเป็นคนดี นัดเจอกันที่จังหวัดหนึ่งโดยมันจองโรงแรมแต่มันใช้ชื่อเรา เราก็เออไม่ใช่ปัญหา มันจองผ่านเน็ตค่ะ โดยใช้เครดิตการ์ด พอถึงวันมาก็คุยกันอย่างดีก่อนที่เราจะขับรถไปเกือบร้อยกิโลไปรอที่สนามบิน รอตั้งเกือบ 2 ชั่วโมง เครื่องจอดหลายเที่ยวไม่เห็นมัน โทรเท่าไรก็ไม่ติด พอโทรติดมันบอกมีปัญหาเรื่องการ์ด ขอเคลียร์ก่อนมาไม่ได้ แล้วเราล่ะค่ำแล้วทำไง มันบอกนอนที่โรงแรมที่จองก็ได้เพราะอย่างไรมันก็จ่ายตังค์ไปแล้ว เราก็เชคอินมันบอกพรุ่งนี้จะมา พอวันรุ่งขึ้นรอจนเที่ยงโทรไปมันบอกมาไม่ได้ให้เราไป เราก็เออโอเค วันหยุดเราไงไม่มีไรทำ มันบอกจองเครื่องให้แล้ว แต่รู้ไหมพอจะเช็คเอ้าท์ ได้โรงแรมบ้ามันบอกว่าการ์มีปัญหาเก็บเงินไม่ได้ให้เราจ่ายเงินสด คิดดู 5 วันที่จอง วันละ 1900 เราบอกก็ไม่ได้อยู่ทั้ง 5 วัน มันบอกถ้างั้นต้องจ่าย 2 วัน เพราะวันนี้เลยเที่ยงมาแล้ว แต่สรุปสุดท้ายมันคุยกับไอ้มีดแล้วให้เราจ่ายวันหนึ่ง เราต้องเสียเงินนอนโรงแรมห่วย ๆ ตั้งแพง ถ้าที่อื่นนะดีกว่านี้เงินนี้นอนได้ตั้งเกือบสัปดาห์ เวรจริง ๆ
ได้เรามันก็ประเภทนักเลงอยากรู้อะไรต้องรู้ ลองไปสนามบินดูซิมันว่าจองเครื่องให้เราจริงเปล่า เออจริงแฮะ เราก็ไปเลยโมโหมาก แต่เป็นไงเป็นกันนี่มันเมืองไทยประเทศของฉันนี่หว่า แต่รู้ไหมพอไปถึงกรุงเทพฯรอเท่าไหร่ไม่เห็นหน้ามัน ขนาดมันรู้ว่าเราจะมานะเนี่ย รอเกือบครึ่งชั่วโมงพยายามติดต่อก็ไม่ได้กว่าจะได้มันบอกติดธุระให้มาเอง บอกสถานที่บอกเบอร์รถบัสเสร็จ เอาไงเอากันวะยังไงฉันก็มาถึงนี่แล้วนี่ เราก็ไปสินั่งรถอีกชั่วโมงกว่า พอไปถึงนึกว่าจะเห็นมันรออยู่ เราต้องไปยืนอยู่ข้างถนนรอมันอีกเกือบชั่วโมง ไม่ต้องบอกความรู้สึกคุณก็รู้ว่าเรารู้สึกยังไงตอนนี้ ขอเห็นหน้ามึงสักครั้งเถอะวะ สรุปว่ามันไม่ได้อยู่แถวที่มันบอกให้เรารอ แล้วกี่ครั้งแล้วที่เรารอมัน ตั้งแต่เมื่อวานจนวันนี้ สรุป มันมาพาเราไปกินอาหารแถวนั้นแหละ มันจ่ายนะพอเปิดกระเป๋าจ่าย เราเห็นการ์ดเพียบเลย แต่เป็นชื่อผู้หญิงคือลิซาเบท ครอว์ฟอร์ด แล้วก็มีชื่ออื่น ๆ อีก ก็เราตาไวน่ะสิ แล้วเราก็จำทุกอย่างด้วยเพราะเรารู้แล้วว่าไอ้มือนี่มันไม่ใช่คนดีแน่นอน ทีนี้มันก็หาโรงแรมเดินมาตั้งไกลแต่มันรู้จักโรงแรมที่นั่นนะ ก็แสดงว่ามันเคยมาบ่อยสิทั้งที่ไม่ใช่ถิ่นที่พักของมัน มันไม่มาไปที่พักของมันก็แสดงว่ามันไม่อยากให้เรารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ที่นี้พอถึงโรงแรมขอดูห้อง คุณเอ๋ยเราเพิ่งรู้ว่าที่เขาเรียกโรงแรมจิ้งหรีดมันเป็นอย่างนี้เองเหรอ ทีนี้มันบอกมันทำพาสปอร์ตหายไม่ได้เอามาด้วยมันให้เราไปจ่ายค่าห้องพัก แต่เงินมันนั่นแหละ สองครั้งแล้วนะ แสดงว่ามันไม่อยากให้ใครรู้ชื่อจริงมันใช่ไหม เราก็ลงไป กลับมามันอาบน้ำเสร็จ แล้วก็ตามแผนของมันมันพยายามจะนอนกับเรา เราพูดขอร้องให้มันออกไปดี ๆ มันไม่ยอม เราก็เลยใช้อุบายบอกว่าเราจะมีอะไรกับมันได้อย่างไรเรายังไม่รู้จักกันดีพอ แม้แต่ชื่อจริงก็ไม่รู้จัก มันก็เลยโชว์พาสปอร์ตให้เราเห็นชื่อกับนามสกุลมัน เราก็จำในสมองเลยนะ แล้วมันก็พยายามต่อไป เราเห็นว่าในเมื่อพูดกันดี ๆ ไม่ได้ผล เราก็ใช้ไม้ตายเลยว่าเราจะบอกตำรวจ ก็แน่ใจมันโกหกในหลายเรื่องทั้งพาสปอร์ตของมันใช่ไหม แล้วก็ได้เครดิตการ์ดของคนอื่น ๆ อีกมากกว่าสิบในกระเป๋ามันนั่นหละ มันก็คงใช้ของคนอื่นนั่นแหละมันถึงจองโรงแรมไม่ได้ ไอ้โรงแรมบ้านั่นการ์ดมีปัญหามันก็เสือกไม่บอกเราก่อนที่เราจะเช็คอิน กะจะโกงชัด ๆ ทีนี้พอมันรู้ว่าเราไม่เล่นด้วยแน่และเอาจริงแน่ มันก็เลยถอยและขอเงินทอนที่เราไปจ่ายค่าโรงแรมคืน เราก็บอกเลยว่าเราไม่ให้เราจะเอาไว้เป็นค่ารถกลับบ้าน สุดท้ายมันก็เลยยอมออกไปจากห้อง คืนนั้นทั้งคืนเรานอนเฝ้าคิดแต่ว่าก็บ้ามาทำไมที่นี่วะ เสียเงินค่ารถ ค่าโรงแรม เสียความรู้สึก แต่ได้บทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ ไอ้ดำนะไอ้ดำทำไมใจมันชั่วร้ายและดำเหมือนตัวอย่างเขาว่าจริง
อีกเรื่องก็ไอ้ดำอีกแหละ หลังจากตีตั๋วรถกลับบ้านวันนี้ ตอนอยู่บนรถได้รับโทรศํพท์ พูดไปพูดมาเอ้าต่างชาตินี่หว่า เลยรู้จักกันมันบอกว่ามาจากอเมริกากลาง ไอ้เราก็อเมริกาเหรอ ก็เออธรรมดา แต่พอมันรู้ว่าเราพูดอังกฤษได้ชักโทรมาบ่อย เอาไปเอามามันบอกจะมาแถวที่เราอยู่นัดเจอกัน เราก็ไปไม่คิดอะไรคิดแต่ว่าคงไม่เหมือนไอ้ดำนะ อีกแล้วคุณหากไม่เรียกไอ้ดำก็ต้องเรียกไอ้มืด ชวนเราทานข้าวพอจะจ่ายมันบอกให้เราจ่ายก่อนเดี่ยวมันเอาคืนให้ แต่พอทานข้าวเสร็จเราจะกลับเราไม่ถามถึงเงินค่าข้าวหรอก มันถามว่าเรามีเงินไหมพอดีมันมีปัญหาเรื่องเครดิตการ์ดแล้วมันต้องออกไปประเทศเพื่อนบ้านสักสองสามวันคงจะได้รับแล้วมันจะให้คืน คุณคิดดู นอกจากต้องเลี้ยงข้าวมันแล้ว มันขอตังค์เราอีก หน้าด้านไหมเนี่ย ไอ้เราก็คิด เอาอีกแล้ววะ ทำไมกูซวยอย่างนี้ ไอ้ดำอีกแล้ว อีหรอบเดิมอีกแล้ว มีปัญหาเรื่องการ์ด แล้วแต่ละทีที่มันโทรหาเรานะ มันจะตัดพ้อประมาณว่าทำไมเราไม่โทรฯหามัน แค่โทรหาเรามันก็กลัวเปลืองว่ะ

ไม่รู้จะสรุปอย่างไร คิดเอาเองเถอะ สรุปว่าอย่าไปเชื่อไอ้ดำ 99.99 % เลวทุกคนอย่างนั้นใช่ไหมเนี่ยช่วยบอกหน่อย ก็อยากให้เรื่องนี้มันเป็นประสบการณ์กับทุกคน คิดให้ดีก่อนจะทำอะไร อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับพวกนี้เลย พวกหัวขโมย โกหก และเลว ดีนะเราไม่เสียตัวให้มัน แต่คุณเอ๋ย อย่าให้พูดเลยว่าเราเสียความรู้สึกขนาดไหน


โดย: หญิงไทย IP: 125.26.162.53 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:36:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lilac Girl
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ

Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ

***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***

New Comments
Friends' blogs
[Add Lilac Girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.