My Life; My Destiny.
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
25 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

"Enjoy the Present"



Two men, both seriously ill, occupied the same hospital room.

ชาย 2 คน นอนป่วยหนักอยู่ในโรงพยาบาล โดยที่เค้าทั้งสองแชร์ห้องร่วมกัน


One man was allowed to sit up in his bed for an hour each afternoon to help drain the fluid from his lungs.His bed was next to the room's only window.

ชายคนหนึ่งได้รับอนุญาตให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงได้ใช้ช่วงบ่าย ประมาณวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อเป็นการช่วยระบายของเหลวในปอด เตียงของเขาตั้งอยู่ใกล้ ๆ หน้าต่าง (ซึ่งมีเพียงบานเดียวในห้อง)

The other man had to spend all his time flat on his back.

The men talked for hours on end.

ชายอีกหนึ่งคน ต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดทั้งวัน แต่ชายสองคนนี้ก็คุยได้กันไม่จบทั้งวัน

They spoke of their wives and families, their homes, their jobs, their involvement in the military service, where they had been on vacation.

เขาทั้งสองเล่าถึงภรรยา ครอบครัว บ้าน งาน เล่าถึงความหลังยามที่เขาทั้งสอง ทำหน้าที่รับใช้ชาติ และรวมไปถึงสถานที่ต่าง ๆ ที่พวกเขาไปพักผ่อนในวันหยุด


Every afternoon, when the man in the bed by the window could sit up, he would pass the time by describing to his roommate all the things he could see outside the window.

ทุก ๆ บ่าย ยามที่ชายที่นั่งใกล้หน้าต่างลุกขึ้นนั่ง เขามักจะบรรยายให้เพื่อนร่วมห้องทราบว่า เขา “เห็น“ อะไรจากภายนอกบ้าง

The man in the other bed began to live for those one hour periods where his world would be broadened and enlivened by all the activity and colour of the world outside.

ชายบนเตียง เริ่มดำรงชีวิตด้วยการเฝ้ารอเจ้า 1 ชั่วโมงนั้นมาถึง ซึ่งเป็นช่วงเวลา ที่เขาจะได้ยินได้ฟัง เกี่ยวกับโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่าง ๆ หรือสีสันของโลก

The window overlooked a park with a lovely lake.
Ducks and swans played on the water while children sailed their model boats. Young lovers walked arm in arm amidst flowers of every colour and a fine view of the city skyline could be seen in the distance.

“หน้าต่างบานนี้ หันหน้าไปทางสวนสาธารณะซึ่งมีทะเลสาปที่สวยงาม ฝูงเป็ดและหงส์พากันเล่นน้ำ ในขณะที่เด็ก ๆ กำลังเล่นเรือใบ คู่หนุ่มสาวเดินโอบกอดอยู่ในอ้อมอกของกันและกัน ท่ามกลางสวนดอกไม้ ที่มีทุกสี จะในระยะไกลสุดหูสุดตา ยังได้เห็นทิวทัศน์ของเมืองอีก“

As the man by the window described all this in exquisite details, the man on the other side of the room would close his eyes and imagine this picturesque scene.

ในขณะที่ชายที่นั่งใกล้หน้าต่าง บรรยายรายละเอียดด้วยความวิจิตรบรรจง ชายที่นอนอยู่บนเตียง ก็จะหลับตาลง พร้อมกับจินตนาการต่างภาพนั้น ๆ

One warm afternoon, the man by the window described a parade passing by.Although the other man could not hear the band - he could see it in his mind's eye as the gentleman by the window portrayed it with descriptive words.

บ่ายวันหนึ่ง, ชายริมหน้าต่างบรรยาย ถึงขบวนพาเหรดที่กำลังเดินผ่าน แม้ว่าชายอีกคน จะไม่ได้ยินเสียงวงดุริยางค์ หากแต่ในใจเขาก็ยัง “วาดภาพ“ ที่ชายบนเตียงบรรยาย ได้อย่างละเอียด



Days, weeks and months passed.

One morning, the day nurse arrived to bring water for their baths only to find the lifeless body of the man by the window, who had died peacefully in his sleep.

วันเวลาผ่านไป

เช้าวันหนึ่ง นางพยาบาลเข้ามาเพื่อเตรียมจะอาบน้ำให้ชายทั้งสอง แต่เธอก็ร่างอันไร้วิญญาณ ของชายที่นอนอยู่ใกล้หน้าต่าง ผู้ซึ่งจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข


She was saddened and called the hospital attendants to take the body away.

เธอรู้สึกเสียใจ และได้เรียกเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ให้มานำร่างของชายคนนั้นออกไปจากห้อง

As soon as it seemed appropriate, the other man asked if he could be moved next to the window. The nurse was happy to make the switch, and after making sure he was comfortable, she left him alone.

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ชายอีกคนก็ร้องขอว่า เขาจะย้ายเตียงไปอยู่ริมหน้าต่างได้หรือไม่ ? นางพยาบาลก็ย้ายให้อย่างเต็มใจ หลังจากที่เธอจัดการให้เขานอนอย่างสะดวกสบาย เธอก็ปล่อยให้ชายผู้นั้นอยู่คนเดียว

Slowly, painfully, he propped himself up on one elbow to take his first look at the real world outside. He strained to slowly turn to look out the window beside the bed.

ชายผู้นั้น ใช้ข้อศอกข้างหนึ่งพยุงตัวขึ้นช้า ๆ และเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เพื่อที่จะได้เห็นโลกภายนอกเป็นครั้งแรก เขารู้สึกเครียดที่จะหันไปมองนอกหน้าต่างบานนั้น

It faced a blank wall.

หน้าต่างมันหันหน้าไปทางกำแพง ! (มิใช่สวนสาธารณะที่ร่มรื่น อย่างที่ชายผู้ล่วงลับบอกซะหน่อย)

The man asked the nurse what could have compelled his deceased roommate who had described such wonderful things outside this window.

ชายผู้นั้นถามนางพยาบาลว่า “อะไรเป็นเหตุให้ชายผู้ล่วงลับ บรรยายถึงโลกภายนอกซะสวยหรู ?”

The nurse responded that the man was blind and could not even see the wall.

นางพยาบาล ตอบว่า ชายผู้ล่วงลับ “ตาบอด“ และเขาไม่สามารถเห็นกำแพงนั้นด้วยซ้ำ

She said, "Perhaps he just wanted to encourage you."

หล่อนพูดว่า “บางที เขาอาจจะอยากให้กำลังใจคุณก็ได้“



Epilogue:

There is tremendous happiness in making others happy, despite our own situations.

เราสามารถมีความสุขได้ ด้วยการทำให้ “ผู้อื่น“ มีความสุข โดยมิจำเป็นต้องคำนึง ถึงสถานการณ์ของตัวเราเอง

Shared grief is half the sorrow, but happiness when shared, is doubled.

การร่วมรับรู้ถึงความเศร้าหมอง เป็นการลด “ความทุกข์“ เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น หาก “ความสุข“ เมื่อได้แบ่งปันร่วมกับผู้อื่น จะมีค่าเพิ่มขึ้นเท่าตัว

If you want to feel rich, just count all the things you have that money can't buy.

ถ้าคุณต้องการที่รู้สึก “มั่งคั่ง“ ลองนับสิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว ที่เงินหาซื้อไม่ได้ซิค่ะ

"Today is a gift, that is why it is called The Present."

“วันนี้ คือ ของขวัญ และนั่นคือสาเหตุที่เค้า เรียกว่า “THE PRESENT”

หมายเหตุ : สำหรับคนที่ไม่เข้าใจประโยคสุดท้าย ในภาษาอังกฤษ คำว่า PRESENT มีความหมายถึง

1) ของขวัญ หรือ Gift

2) ปัจจุบัน

เรามาทำ “วันนี้“ ให้ดีที่สุดกันดีกว่านะคะ เพราะว่าชีวิตที่เรามีอยู่ในวันนี้ ถือเป็น “ของขวัญ“ อันมีค่าที่สุดแล้วค่ะ มีสมบัติติดตัวมากมาย แต่ถ้าในใจไม่มีความสุข ไม่แบ่งปันความรักให้ใคร จิตใจก็คงไม่สงบค่ะ

คนบางคน กินไข่ปลาคาเวียร์ คำละเป็นแสน ๆ หากแต่ต้องทำงานที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ฝากชีวิตไว้กับจิตแพทย์ ครั้งสุดท้ายที่หัวเราะ คือเมื่อไรก็ยังจำไม่ได้ แบบนี้สู้เป็นคนทำงานหาเช้ากินค่ำ ที่หาเงินได้มา แล้วซื้อปลาตัวโต ๆ มาทอดให้คนทั้งครอบครัวกิน กินไปหัวเราะไปอย่างครื้นเครง ดูท่าทางน่าจะมีความสุขมากกว่านะคะ








 

Create Date : 25 มิถุนายน 2550
26 comments
Last Update : 25 มิถุนายน 2550 5:51:01 น.
Counter : 1987 Pageviews.

 

ว้าว........ชอบบทความนี้มากๆๆเลยคะอ่านแล้วซึ้งเลยหละค่ะ

 

โดย: Loly IP: 87.217.148.236 25 มิถุนายน 2550 6:39:02 น.  

 

อ่านแล้วซึ้งจริงๆ ด้วยค่ะ

ชอบประโยคตอนท้ายด้วย เป็นข้อคิดที่ดีเลย เกี่ยวกับงานตัวเองค่ะ

 

โดย: Minnie IP: 72.49.144.35 25 มิถุนายน 2550 7:45:10 น.  

 

ซึ้งดีค่ะ

 

โดย: เวฟ IP: 71.127.13.39 25 มิถุนายน 2550 8:41:47 น.  

 

อ่านแล้วซึ้ง
เห็นด้วยนะคะ ว่าเราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด

 

โดย: Nurosy^0^ 25 มิถุนายน 2550 8:48:32 น.  

 

กินใจดีจังค่ะ อยากให้คนที่มีโอกาสทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้คิดอย่างชายตาบอดบ้าง ว่างๆขอเชิญแวะไปอ่าน footprints ใน blog นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

 

โดย: rendezvous (be-oct4 ) 25 มิถุนายน 2550 9:10:13 น.  

 

ชอบบทความนี้จัง ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะค่ะ

 

โดย: lynn_clk 25 มิถุนายน 2550 9:52:59 น.  

 

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ พรุ่งนี้วันจันทร์แล้ว คงจะไม่ค่อยได้อัพบล็อคไปอีกหนึ่งสัปดาห์นะคะ ตอนนี้มีเรื่องเล่าอเมริกาอยู่ในสต็อคอีกเรื่องเดียว แต่ยังเขียนไม่เสร็จดี ถ้าพรุ่งนี้กลับจากที่ทำงาน แล้วมีเวลาว่าง จะพยายามเขียนต่อค่ะ

ไว้จะแอบใช้เวลางานไปแวะเวียนบล็อคของเพื่อน ๆ นะคะ

 

โดย: lilac girl IP: 72.206.116.215 25 มิถุนายน 2550 10:31:30 น.  

 


ขอบคุณนะคะที่เอามาให้อ่านชอบมากค่ะ

 

โดย: สุดสวย IP: 124.157.149.174 25 มิถุนายน 2550 10:59:16 น.  

 

เนื้อหาดีจัง

 

โดย: tanoy~ตะนอย 25 มิถุนายน 2550 11:23:42 น.  

 

ชอบบทความนี้มากเลยคะ

 

โดย: mintny_n 25 มิถุนายน 2550 13:29:13 น.  

 

ได้ข้อคิดดี ๆ เลยค่ะคุณแพท ขอบคุณนะคะ

 

โดย: MoneyPenny 25 มิถุนายน 2550 13:36:35 น.  

 

คุณแพท มันเป็นโพสที่ดีอีกโพสเลยนะ อ่านแล้วซึ้งค่ะ เพราะ เนื้อหามันได้ใจอะค่ะ และ เป็นคนเซนซิทีฟอยู่แล้วด้วย

สำหรับความคิดเห็นตัวเองนะ ทรัพย์สินอะไรในโลกนี้ไม่ว่ามีมากมีน้อย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ก็คงมีแต่ความดีที่ควรจะทำให้มากๆ ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบเอียงๆ ใบนี้นะคะ เพราะอย่างนัอยมันก็ทำให้เราสบายใจและมีความสุขก่อนตายไม่ใช่เหรอ

อันนี้ที่พูดไม่ได้หมายถึงไม่ให้คนคิดขวนขวายที่จะหาอะไรให้ชีวิตนะคะ เดี่ยวจะกลายเป็นสนับสนุนคนขี้เกียจ แต่ อยากให้คนขวนขวายให้กับตัวเองในความพอดีนะคะ

คุณแพท มีความสุขในการทำงานวันจันทร์นะคะ แล้วมาคุยกันใหม่ค่ะ

ป.ล แจ้งคุณแพทนิดหน่อย บางทีเชอร์รี่เปิดเข้าหน้าบล๊อกเพื่อนๆ ไม่เจออีโม อย่างวันนี้บล๊อกคุณแพทก็เช่นกัน เลยทำให้เชอร์รี่ใช้อีโม ไม่ได้เล้ย สงสัยพันทิประบบมีปัญหาบ่อยช่วงนี้ -_-'

 

โดย: Lioness 25 มิถุนายน 2550 16:12:39 น.  

 

ชอบจังค่ะ.....^_^

 

โดย: sunan IP: 124.120.109.26 25 มิถุนายน 2550 16:56:04 น.  

 

อ่านแล้วซึ้งจังเลยค่ะ

(อัฟบล็อกแล้วนะค่ะ..เฮ้เฮ้)ไม่ค่อยจะมีเวลาค่ะ

 

โดย: whitelady 25 มิถุนายน 2550 19:25:57 น.  

 

ความหมายดีมาก ๆ เลยนะแพท
แต่ว่าจะมีซักกี่คนกันนะที่ทำได้อย่างที่บทความอันนี้สอนเอาไว้
จริง ๆ แล้วไม่ต้องพยายามทำขนาดทำให้คนอื่นมีความสุข
อย่างที่ชายตาบอดคนนี้ทำก็ได้เนอะ แค่พยายามไม่ทำร้ายจิตใจคนอื่น ..
โดยเฉพาะ .. คนอื่น .. ที่แคร์เรา และที่เรา(คิดว่า)แคร์เค้า
แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้ว (และก็ง่ายกว่า) สำหรับหลาย ๆ คนในโลกนี้ ที่ควรจะทำ


 

โดย: Chini 25 มิถุนายน 2550 23:14:14 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึกดีจังบางครั้งจินตนาการอาจสวยงามกว่าความจริงนะค่ะเรื่องราวดีจังค่ะขอบคุณที่แบ่งปันกันค่ะคุณแพท

ช่วงนี้ยุ่งมากๆเลยค่ะ เพราะว่า ปาปากะมามาแฟนอรมาแล้ววันที่30นี้ก็วันแต่งงานพี่สาวแฟนวุ่นวายกันหมด เพราะว่าญาติๆ มากันเยอะ หาโรงแรม พาไปเที่ยว พาซื้อของ พาไปกินข้าว เหนื่อยมากๆค่ะคุณแพท ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันค่ะ

 

โดย: caramella (caramella ) 26 มิถุนายน 2550 0:26:14 น.  

 

ซึ้งมากเลยค่ะ

 

โดย: sheer bliss IP: 69.230.88.205 26 มิถุนายน 2550 0:56:14 น.  

 

ได้อ่านแล้วเหมือนเป็นการเตือนใจคนอ่านตลอดเวลา อยู่ที่ว่าอ่านแล้วได้รำลึก นึกคิดถึงอะไรได้มากมายเกี่ยวกับชีวิตล่ะ เป็นบทความที่ดี ที่แพทหยิบยกมาฝากเพื่อน

เยี่ยมจ้ะแพท

 

โดย: Lottelise 26 มิถุนายน 2550 1:44:42 น.  

 

ได้ข้อคิดดี ๆ ในการดำรงชีวิตมากเลยค่ะคุณแพท จะติดตามอ่านบล็อคของคุณไปเรื่อย ๆ น๊ะค๊ะ

 

โดย: Joy_vasabi IP: 67.175.209.208 26 มิถุนายน 2550 21:05:53 น.  

 

ซึ้งมากๆ ... น้ำตาคลอ (จริงๆ นะ) เลยล่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ นะคะ
และก็ขอบคุณที่แวะไปทักทายค่ะ

 

โดย: LeaDGlasS 26 มิถุนายน 2550 22:38:15 น.  

 

ประทับใจมากจ้ะ จิตใจคนบางทีก็งดงามเหลือเชื่อเนอะ ตัวเรา ณ วันนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ก็ขอให้ได้ทำความดี หรือทำประโยชน์กับผู้อื่นก็นับว่าเกิดมาประเสริฐแล้ว จินตนาการสำคัญจังเลยเนอะ ต้องหัดมี

 

โดย: Nok (nokjeffus ) 26 มิถุนายน 2550 22:46:42 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ เห็นด้วยเลยค่ะว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะทุกๆ วันนั้นคือของขวัญแล้ว

 

โดย: วิสกี้โซดา 27 มิถุนายน 2550 1:06:55 น.  

 

ซึ้งมากค่ะ อ่านแล้วมีความสุขจัง ขอบคุณที่เเชร์เรื่องดีๆนะค่ะ

 

โดย: Iggina IP: 58.137.53.31 28 มิถุนายน 2550 15:16:56 น.  

 

อ่านตอนจบแล้วรู้สึกขนลุกค่ะ
ซาบซึ้งกับบทความดีๆ อันนี้มาก
ขอบคุณมากนะคะ...

 

โดย: ยัยหมามุ่ย (bon_bonkatz ) 28 มิถุนายน 2550 17:57:51 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึกดีขึ้นเพียบเลย ขอบคุณที่เอาบทความดี ๆ มาให้อ่านนะ ญ แพท ไม่ได้คุยกันนาน คงบายดีนะคะ

 

โดย: naughty sugar 29 มิถุนายน 2550 2:36:10 น.  

 

คุณ แพท สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่คิดถึงกันนะคะ สุดสุปดาห์นี้เชอรี่อาจจะยุ่งหน่อย คงไม่ได้อยู่บ้านตลอดวัน เพราะหน้าร้อนแล้วกิจกรรมที่นี่ก็มีให้ทำมากขึ้นค่ะ ถ้าคุณแพทอัพหัวข้อใหม่ เชิญไปดรอปเมสไว้ที่บล๊อกได้ตลอดเวลาเลยนะคะ กลับมาบ้านแล้วจะรีบตามมาอ่านค่ะ

ขอให้คุณแพทมีความสุขวันสุดสัปดาห์กับคนใกล้ตัวนะคะ

 

โดย: Lioness 30 มิถุนายน 2550 1:42:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Lilac Girl
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ

Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ

***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***

New Comments
Friends' blogs
[Add Lilac Girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.