|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
14 ธันวาคม 2554
|
|
|
|
:: Time Will Pass You By :: [Nostalgia]
.. ...
มันเป็นช่วงเย็นของฤดูหนาว พ่อพูดขึ้นหลังจากจัดการกับอาหารมื้อเย็นว่า ถ้าหากถนนเส้นนี้สร้างเสร็จ ความเจริญจะครอบคลุมที่นี่ จนทำให้อะไรหลายอย่างไม่เหมือนเดิมอีก ตอนนั้นเราไ่ม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของพ่อมากนัก เป็นไปได้ว่าเรายังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจถึงเรื่องของการเปลี่ยนแปลง และหนทางข้างหน้าของเราในตอนนั้นก็มีเพียงแค่การตื่นเ้ช้า และได้ไปโรงเรียน
จนเมื่อกระทั่งเย็นวันหนึ่งของช่วงต้นฤดูร้อน ป่าอีกด้านของถนนลาดยางสีเทาแคบๆเส้นเดิม ถูกไล่ต้นด้วยรถคันใหญ่เท่าไดโนเสาร์ เจ้าเครื่องจักรแสนมหัศจรรย์ใช้กำลังกวาดเกณฑ์ประชากรต้นไม้ ให้ไปอยู่รวมกันอย่างไม่เต็มใจ ดินเดิมสีเทาถูกแทนที่ด้วยดินลูกรังสีแดงซึ่งถูกกดไถเรียบราบ ด้วยรถที่หน้าตาคล้ายมีแยมโรลเหล็กยักษ์ใหญ่อยู่ด้านหน้า ในเวลาไม่นาน.. ถนนเส้นใหม่ก็เกิดขึ้น
เราขี่จักรยานบนถนนเส้นใหม่กันอย่างสนุกสนาน พื้นผิวที่เรียบไร้ร่องรอยของมันทำให้เราเพิ่มความเร็วของจักรยานได้มากเท่าที่จะมากได้ จนในที่สุด ..ถนนเส้นใหม่ก็กลายเป็นสนามแข่งย่อยของเด็กอย่างพวกเรา เดือดร้อนถึงครูที่โรงเรียนซึ่งกลัวนักเรียนจะโดนรถชน เลยออกกฎว่าใครขี่จักรยานแข่งกันอีกจะถูกตีหน้าเสาธง กิจกรรมนี้เลยงดไปชั่วคราว
ถัดจากนั้นไปอีกหลายเดือน คนในหมู่บ้านเริ่มพูดถึงเรื่องน้ำป่าที่จะไหลมาจากปราจีนบุรี บางคนให้ความเห็นว่าเป็นเพราะป่าได้ถูกถางออกไปเพื่อทำถนน จึงไม่มีที่ไว้กักกั้นน้ำอีก หลายครอบครัวเตรียมจัดเก็บของทุกอย่างเท่าที่จะเก็บได้ขึ้นไปไว้บนที่สูง บ้านสวนของเราเป็นบ้านชั้นเดียว แม่และคนงานอีกจำนวนหนึ่ง จึงดัดแปลงนั่งร้านขึ้นมาชั่วคราวเพื่อเป็นที่เก็บของและใช้นอนหลับ เป็นครั้งแรกที่ได้นอนติดหลังคาขนาดนั้น.. เราอดคิดเล่นๆไม่ได้ว่า เราคงได้ยินเสียงจิ้งจกร้องดังกว่าทุกคืนเป็นแน่
น้ำได้พัดพาหลายสิ่งหลายอย่างให้จากไป ไม่ว่าจะเป็นปลาที่เลี้ยงอยู่ในสวนของลุงชุ กุ้งกุลาดำของอาฟ้า แตงโมในสวนของที่บ้าน คอกม้าที่ทำขึ้นจากไม้สนท้ายสวน และแม้กระทั่งวิญญาณของย่าใหญ่ ที่ถูกสายน้ำพัดพาไปอย่างไม่มีวันกลับ
เข้าสู่สัปดาห์ที่สองที่น้ำป่าได้เข้ามายึดพื้นที่ในหมู่บ้าน และบริเวณรอบๆให้ดูคล้ายกับทะเลสาปผืนใหญ่ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พวกเราเอาร่างของย่าใหญ่ใส่โรงไม้สีขาวครีม ยกขึ้นบ่า และเดินฝ่ากระแสน้ำเพื่อเอาร่างของบ่าไปไว้ที่วัด
ถึงอย่างนั้น น้ำท่วมก็เป็นอะไรที่สนุกที่สุด เราได้เล่นน้ำกันแทบจะตลอดเวลาที่มีโอกาส ได้เอาลูกมะพร้าวแห้งมาทำเป็นห่วงยาง ได้ค้นคิดเกมใหม่ๆที่จะเอาไว้เล่นกันในน้ำ และที่สำคัญ มันทำให้เราไม่ต้องไปโรงเรียนในช่วงที่น้ำยังคงเอ่อล้นเหนือพื้นดิน
สองเดือนให้ลัง น้ำค่อยๆเหือดแห้งลงในที่สุด ถนนกลับมาเป็นถนนอีกครั้ง แต่หลายอย่างก็ไม่ได้กลับมา นั่นหมายรวมถึงจิตวิญญาณบางอย่างด้วย หลายครอบครัวอยู่ในอาการซึมเศร้า หากแต่เรากลับไม่ค่อยรู้สึกร่วมไปกับเหตุการณ์นี้เท่าไรนัก อาจเป็นไปได้ว่าเด็กจะมีภูิมิคุ้มกันบางอย่าง ที่คอยให้สมองไม่สามารถประมวลความเจ็บปวดแบบที่ผู้ใหญ่รับรู้ได้
ถนนเส้นใหม่เริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้ง คราวนี้มันนำพารถบรรทุกคันใหญ่เข้ามาในหมู่บ้าน คนงานนับสิบลงมาจากรถบรรทุกคันนั้น และจัดการกับทุ่งหญ้าอันเตียนโล่งที่อยู่ติดกับบ้านเรา ด้วยจอบ เสียม และเครื่องตัดหญ้า ผ่านไปสองเดือน สิ่งก่อสร้างที่เรียกว่าโรงงานค่อยๆก่อตัวขึ้น ทีละเล็กทีละน้อยจนเป็นรูปร่าง พ่อบอกว่ามันจะกลายเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้
หน้าฝนคลืบคลานเข้ามาอีกหน เราชอบเสียงฝนเม็ดแรกๆ เริ่มร่วงหล่นลงสู่พื้น ย่าเล็กเตรียมชุดกันฝนให้เรากับน้องคนละชุด เพื่อเตรียมปฎิบัติการล่า "ปลาแถก" ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆฤดูฝน ส่วนใหญ่จะเป็นปลาหมอตามท้องไร่ท้องนาที่ต้องการย้ายถิ่นเพื่อผสมพันธุ์
ฤดูหนาวและฤดูร้อนเคลื่อนตัวเข้ามาทักทาย คราวนี้มันพาเอาทั้งฝุ่นและรำข้าวที่ได้จากการผสมอาหารไก่ของฟาร์มไก่ และแมลงพาหะเข้ามาถึงในบ้านด้วย ฝุ่นผงทั้งหลายพร้อมใจทิ้งตัวลงบนทุกที่เท่าที่มันจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นตู้โชว์เก่าแก่ของย่าเล็ก หลังโทรทัศน์หรือแม้แต่กล่องไว้โอลินของพ่อ ส่วนแมลงพาหะก็พากันทิ้งมูลและไข่ของมันลงบนผิวมันวาวของใบไม้ ราวกับศัตรูที่คอยทิ้งระเบิดอย่างเกมในเครื่องเล่นแฟมมิลี่ ลุงชุดูจะเป็นคนที่หงุดหงิดมากที่สุด เขาถึงกับตะโกนอย่างอารมณ์เสียเมื่อเหล่าแมลงวันทองและแมลงหวี่ กัดกินมะม่วงน้ำดอกไม้ที่เขาปลูกไว้
ถึงอย่างนั้นเราก็ยังคงใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมกันอย่างคุ้มค่าเหมือนเดิม ทั้งเล่นว่าว แข่งกระโดดโคลนลึก เล่นน้ำในคลอง เล่นซ่อนหา ไล่จับบนต้นไม้ หรือเดินสำรวจป่าสน กระทั่งเพื่อนเล่นที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเริ่มลดน้อยลง จนเหลือเพียงเรากับน้องชาย
สำหรับบางคน สิ่งละอันพันละน้อยที่ค่อยๆเข้ามาในชีวิตของพวกเขา อาจเลือนรางและเล็กจ้อยราวกับฝุ่นละอองที่มองไม่เห็น และอนุมานเอาว่าชีวิตที่ผ่านไปหาได้เจอกันความเปลี่ยนแปลงอันใดไม่ กระนั้น สิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้เองที่กลับเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่าง ได้มากมายเกินกว่าที่จะจินตนาการ ครั้งสุดท้ายที่มีโอกาสได้ขี่เจ้าหมอกวิ่งรอบหมู่บ้าน ดูเหมือนกับพื้นเที่เขียวขจีโดยรอบที่เคยเป็นเหมือนเส้นขอบโลก ที่โอบล้อมเราทั้งหมด ได้ผิดแผกไปราวกับเป็นโลกใบใหม่เสียแล้ว ดินสีจางถูกทดแทนด้วยพื้นปูนสีซีด ป่าถูกทดแทนด้วยบ้านเรือนของผู้คนแปลกหน้า ที่ที่วัว ควาย หรือแม้แต่เจ้าหมอกเคยวิ่งเล่น เปลี่ยนเป็นถนนลาดยางเทาทะมึน สิ่งใหม่ๆกำลังเดินหน้าเข้ามา
ครอบครัวเรากลายเป็นครอบครัวท้ายๆที่ย้ายออกจากที่นี่ ในทีแรก ทุกคนต่างกลัวที่จะเยื้องย่างออกไปสู่ถนนชีวิตเส้นใหม่ ทว่าเมื่อทำใจได้ ทุกคนต่างก็หาช่องทางให้ชีวิตของตัวเองได้ในที่สุด ทุกชีวิตต่างมีหนทางที่จะเดินเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางชีวิตของพ่อ เส้นทางของแม่ เส้นทางของคนงานที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน เส้นทางของเจ้าหมอก หรือแม้กระทั่งเส้นทางชีวิตของตัวเรา
"ไปเหอะ แม่ให้คนขับรถที่บ้านใหญ่มารับแล้ว" เราบอกน้องที่ยังคงนั่งกอดเข่าเงียบๆอยู่หลังบ้าน "ไปก่อนเลย เดี๋ยวเค้าโทรให้พ่อมารับเอง" น้องบอกก่อนใช้มือกวาดดินสีเทาจางๆใส่ขวดแก้ว "อ้าวจะไปค้างกับพ่อหรอกเหรอ งั้นเค้าไปก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีกยังไม่ได้เก็บอะไรเลย" "อื้อ.. เดินทางดีๆ" "อื้อ.."
เราเดินไปที่รถก่อนหันกลับมามองที่แห่งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ที่ที่ครั้งนึงพวกเราเคยได้ใช้เวลาร่วมกัน..
Create Date : 14 ธันวาคม 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 14 ธันวาคม 2554 9:49:31 น. |
Counter : 602 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: le temps 17 ธันวาคม 2554 17:01:00 น. |
|
|
|
| |
|
|
le temps |
|
|
|
|
ชอบอ่านบทความนี้จังเลยค่ะ