<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
5 กรกฏาคม 2555

【เรื่องสั้นขนาดทดลอง ตอนที่4】: จากลาและเริ่มต้น



ในประเทศแคนาดา
การให้สัญชาติแก่ชาวต่างชาติเป็นประเพณีที่มีมานานตั้งแต่ พ.ศ. 2412 แล้ว
กิจกรรมเหล่านี้ทำโดยกระทรวง The Ministry of Citizenship and Immigration
มีเป้าหมายที่จะคัดสรรและช่วยเหลือผู้เข้ามาทำงาน
และมาถือสัญชาติแคนาดาเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
โดยมีคำขวัญว่า 'help build stronger Canada'
ตัวอย่างเช่น ในปี พ.ศ.2549 แคนาดาได้คัดคนราว 260,000 คนเข้าเป็นพลเมืองของประเทศ
โดยระบบการให้คะแนนคุณสมบัติ และการประชาสังคม
มีตัวแทนเข้ามาเป็น 'ตุลาการคัดสรรพลเมือง' (citizenship judges)
ทำงานร่วมกับ 'กรรมาธิการพลเมือง' (citizenship commission)
ในการคัดเลือกคนต่างชาติเข้ามาเป็นพลเมืองของประเทศ
-- นั่นคือที่มาในการได้สิทธิเป็นพลเมืองแคนาดาของผม --

"ได้กรีนการ์ดแล้วสินะ" เมย์เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีก่อนจิบชามะลิอุ่นๆแนบกับริมฝีปาก
ตอนนี้เราทั้งสองคนอยู่ในร้านกาแฟที่เราสถาปนาตัวเป็นลูกค้าประจำไปเมื่อหลายปีก่อน
แต่หลังจากที่เมย์ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างมอนทรีลและโตรอนโต้บ่อยๆ
และปลีกตัวมาพบผมได้ยาก ผมก็ไม่เคยมาที่ร้านแห่งนี้อีก
ไม่เพียงแต่เพราะมันทำให้ผมคิดถึงเมย์จับใจ
แต่บางครั้ง ผมคิดว่า การดื่มกาแฟหรือรับประทานอาหาร
รสชาตินั้นไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนร่วมโต๊ะ

และเมื่อไม่มีเพื่อนร่วมโต๊ะที่ถูกใจ
บ่อยครั้ง การรับประทานอย่างเดียวดายก็ถูกจำกัดไว้แต่ที่บ้านเท่านั้น
ราวกับห้องครัวเป็นเขตแดนต้องห้ามที่กันผมออกไปสู่โลกภายนอก
และกั้นคนภายนอกไม่ให้เข้ามาในอณาเขตของผม
"คงไม่คิดจะกลับเมืองไทยอีกแล้วใช่มั้ย"
ผมยิ้ม แทนคำตอบก่อนจิบชามะลิบ้าง
"ยังไงเพื่อนก็เป็นคนไทยนะ"
ผมเงียบแทนการโต้ตอบคำพูดของเมย์ เป็นความเงียบอันแสนอึดอัด

การจากลาของผมและเมย์เป็นไปอย่างเรียบง่าย
เราเดินทอดน่องไร้ซุ่มเสียงเรียบแม่น้ำเซนต์ ลอว์เรนซ์อันแสนเงียบขรึม
เมย์โยกหัวไปมาเป็นจังหวะช้าๆ นั่นพลอยให้ผมอารมณ์ดีตามไปด้วย
ผมอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าโลกแห่งจินตนาการอันกว้างใหญ่ไพศาลของเธอกำลังขับขานเพลงอะไร
ผมจ้องมองเมย์เนิ่นนาน จดจำท่าทีของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ราวกับจะหน่วงเหนี่ยวกักขังมันเอาไว้ในหัวไม่ให้มีทางหลุดรอด

แล้วจู่ๆผมก็อยากกอดเมย์, ใช่แล้ว.. ผมอยากกอดเธอเหลือเกิน
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่เราเป็นเพื่อนกัน 
เราแทบจะไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวกันเลยสักครั้ง
เหมือนกับเราต่างรู้ดีว่าถ้าเกิดเราก้ามข้ามพรหมแดน
แห่งระยะห่างที่สร้างกันขึ้นมากั้นเราทั้งคู่ไปแล้วนั้น
เราจะต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไปตลอดกาล
เราจึงได้แต่กลัว เก็บงำความกลัวนั้นไว้
และเลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่ปลอดภัย
ซึ่งรับรองได้ว่ามันจะทำให้เรามีเราไปแบบนี้จนกว่าชีวิตของเราจะสิ้นสุด

แต่ตอนนี้ผมไม่อยากอดทนอะไรอีก
เสียงภายในเรียกร้องให้ผมต้องทำอะไรสักอย่าง
ร่างกายกรีดร้องทรมานในการต่อสู้สาหัสกับความคิดครั้งนี้
สองแขนของผมอยากโอบกอดเธอ อยากรั้งเธอเอาไว้

แล้วจู่ๆไออุ่นจากตัวเมย์ก็ถาโถมเข้าใส่ตัวผม
มือของเมย์กระชับแน่นลงบนแผ่นหลังที่เดียวดายมาทั้งชีวิต
ปลดปล่อยความรู้สึกมากมายหลั่งไหลผ่านแผ่นหลังนั้น
ดั่งช่วงเวลาแห่งการต้องมนต์ ผมยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน
ภวนาให้ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว

"เราต้องไปแล้ว" เมย์กล่าวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
ผมเห็นร่องรอยแห่งความเจ็บปวดเร้นกายอยู่ในนั้น
"แต่ว่านะ.. เราต้องได้พบกันอีกแน่
เราเชื่อว่าสักวันเพื่อนจะต้องกลับเมืองไทย ไม่ใช่เพื่อเรา
แต่เพื่ออะไรสักอย่างที่เพื่อนตามหาและรอคอยอยู่ -- สักวัน.."

รถของเมย์ค่อยๆเคลื่อนตัวจากไป ในที่สุดมันก็ลับสายตา
เสียงในใจของผมกำลังร่ำร้อง มันกำลังอ้อนวอนเมย์ให้กลับมาอีกครั้ง
หากแต่ต้องขยับแม้ร่างกาย ก็ขลาดเขลาเกินกว่าจะรู้ว่าสัมผัสอบอุ่มเมื่อครู่จะโบยบินไปยังทิศทางไหน
ผมจึงได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้น ..

ผมกลับมาบ้านด้วยหัวใจที่อ่อนล้า
เคลื่อนตัวให้ไปนั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์
แล้วเริ่มเขียนเมลถึงคู่สนทนานิรนาม

ทุกๆอย่างเริ่มต้นจากตรงนี้
เรียบง่าย และ เงียบงัน



Create Date : 05 กรกฎาคม 2555
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 15:35:16 น. 0 comments
Counter : 1153 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

le temps
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add le temps's blog to your web]