【เรื่องสั้นขนาดทดลอง ตอนที่4】: จากลาและเริ่มต้น
ในประเทศแคนาดา การให้สัญชาติแก่ชาวต่างชาติเป็นประเพณีที่มีมานานตั้งแต่ พ.ศ. 2412 แล้ว กิจกรรมเหล่านี้ทำโดยกระทรวง The Ministry of Citizenship and Immigration มีเป้าหมายที่จะคัดสรรและช่วยเหลือผู้เข้ามาทำงาน และมาถือสัญชาติแคนาดาเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยมีคำขวัญว่า 'help build stronger Canada' ตัวอย่างเช่น ในปี พ.ศ.2549 แคนาดาได้คัดคนราว 260,000 คนเข้าเป็นพลเมืองของประเทศ โดยระบบการให้คะแนนคุณสมบัติ และการประชาสังคม มีตัวแทนเข้ามาเป็น 'ตุลาการคัดสรรพลเมือง' (citizenship judges) ทำงานร่วมกับ 'กรรมาธิการพลเมือง' (citizenship commission) ในการคัดเลือกคนต่างชาติเข้ามาเป็นพลเมืองของประเทศ -- นั่นคือที่มาในการได้สิทธิเป็นพลเมืองแคนาดาของผม -- "ได้กรีนการ์ดแล้วสินะ" เมย์เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีก่อนจิบชามะลิอุ่นๆแนบกับริมฝีปาก ตอนนี้เราทั้งสองคนอยู่ในร้านกาแฟที่เราสถาปนาตัวเป็นลูกค้าประจำไปเมื่อหลายปีก่อน แต่หลังจากที่เมย์ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างมอนทรีลและโตรอนโต้บ่อยๆ และปลีกตัวมาพบผมได้ยาก ผมก็ไม่เคยมาที่ร้านแห่งนี้อีก ไม่เพียงแต่เพราะมันทำให้ผมคิดถึงเมย์จับใจ แต่บางครั้ง ผมคิดว่า การดื่มกาแฟหรือรับประทานอาหาร รสชาตินั้นไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนร่วมโต๊ะ และเมื่อไม่มีเพื่อนร่วมโต๊ะที่ถูกใจ บ่อยครั้ง การรับประทานอย่างเดียวดายก็ถูกจำกัดไว้แต่ที่บ้านเท่านั้น ราวกับห้องครัวเป็นเขตแดนต้องห้ามที่กันผมออกไปสู่โลกภายนอก และกั้นคนภายนอกไม่ให้เข้ามาในอณาเขตของผม "คงไม่คิดจะกลับเมืองไทยอีกแล้วใช่มั้ย" ผมยิ้ม แทนคำตอบก่อนจิบชามะลิบ้าง "ยังไงเพื่อนก็เป็นคนไทยนะ" ผมเงียบแทนการโต้ตอบคำพูดของเมย์ เป็นความเงียบอันแสนอึดอัด การจากลาของผมและเมย์เป็นไปอย่างเรียบง่าย เราเดินทอดน่องไร้ซุ่มเสียงเรียบแม่น้ำเซนต์ ลอว์เรนซ์อันแสนเงียบขรึม เมย์โยกหัวไปมาเป็นจังหวะช้าๆ นั่นพลอยให้ผมอารมณ์ดีตามไปด้วย ผมอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าโลกแห่งจินตนาการอันกว้างใหญ่ไพศาลของเธอกำลังขับขานเพลงอะไร ผมจ้องมองเมย์เนิ่นนาน จดจำท่าทีของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะหน่วงเหนี่ยวกักขังมันเอาไว้ในหัวไม่ให้มีทางหลุดรอด
แล้วจู่ๆผมก็อยากกอดเมย์, ใช่แล้ว.. ผมอยากกอดเธอเหลือเกิน ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่เราเป็นเพื่อนกัน เราแทบจะไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวกันเลยสักครั้ง เหมือนกับเราต่างรู้ดีว่าถ้าเกิดเราก้ามข้ามพรหมแดน แห่งระยะห่างที่สร้างกันขึ้นมากั้นเราทั้งคู่ไปแล้วนั้น เราจะต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไปตลอดกาล เราจึงได้แต่กลัว เก็บงำความกลัวนั้นไว้ และเลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่ปลอดภัย ซึ่งรับรองได้ว่ามันจะทำให้เรามีเราไปแบบนี้จนกว่าชีวิตของเราจะสิ้นสุด
แต่ตอนนี้ผมไม่อยากอดทนอะไรอีก เสียงภายในเรียกร้องให้ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ร่างกายกรีดร้องทรมานในการต่อสู้สาหัสกับความคิดครั้งนี้ สองแขนของผมอยากโอบกอดเธอ อยากรั้งเธอเอาไว้ แล้วจู่ๆไออุ่นจากตัวเมย์ก็ถาโถมเข้าใส่ตัวผม มือของเมย์กระชับแน่นลงบนแผ่นหลังที่เดียวดายมาทั้งชีวิต ปลดปล่อยความรู้สึกมากมายหลั่งไหลผ่านแผ่นหลังนั้น ดั่งช่วงเวลาแห่งการต้องมนต์ ผมยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ภวนาให้ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว "เราต้องไปแล้ว" เมย์กล่าวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ผมเห็นร่องรอยแห่งความเจ็บปวดเร้นกายอยู่ในนั้น "แต่ว่านะ.. เราต้องได้พบกันอีกแน่ เราเชื่อว่าสักวันเพื่อนจะต้องกลับเมืองไทย ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่ออะไรสักอย่างที่เพื่อนตามหาและรอคอยอยู่ -- สักวัน.." รถของเมย์ค่อยๆเคลื่อนตัวจากไป ในที่สุดมันก็ลับสายตา เสียงในใจของผมกำลังร่ำร้อง มันกำลังอ้อนวอนเมย์ให้กลับมาอีกครั้ง หากแต่ต้องขยับแม้ร่างกาย ก็ขลาดเขลาเกินกว่าจะรู้ว่าสัมผัสอบอุ่มเมื่อครู่จะโบยบินไปยังทิศทางไหน ผมจึงได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้น .. ผมกลับมาบ้านด้วยหัวใจที่อ่อนล้า เคลื่อนตัวให้ไปนั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ แล้วเริ่มเขียนเมลถึงคู่สนทนานิรนาม ทุกๆอย่างเริ่มต้นจากตรงนี้ เรียบง่าย และ เงียบงัน
Create Date : 05 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 15:35:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1153 Pageviews. |
|
|
|