วูบนึงคุณรู้สึกปลอดโปร่งกับความเงียบที่อยู่ตรงหน้า
ณ วินาทีนั้น ใครคนหนึ่งได้นั่งลงข้างๆคุณ
ผู้มาเยือนที่จู่ๆก็ปรากฏกายคล้ายความฝันที่สามารถจับต้อง
กลับกลายเป็นเพื่อนพูดคุยผ่อนคลาย
ในโลกที่ไร้ซึ่งกำแพงแห่งความมักคุ้นมาโอบล้อม
คุณไม่ได้จับเวลาและนาฬิกาดูจะไม่มีความหมายไปชั่วขณะ
จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ที่คุณทั้งสองต่างเผยความเป็นตัวตนของกันและกัน
ในฐานะคนแปลกหน้าอย่างเท่าเทียม
..
.
.
บางครั้งเราต่างก็เข้ามาอยู่ในวงโคจรเดียวกันด้วยวิธีที่แสนวิเศษ
พรหมลิขิต
บุพเพสันนิวาส
ความบังเอิญ
โชคชะตา
ฯลฯ
แต่การที่เราเจอกันวันนี้จะหมายถึงการที่เราจะได้เจอกันทุกวันตลอดไปหรือเปล่า?
ไม่มีใครรู้เลย..
เป็นความสวยงามอย่างนึงในแง่มิตรภาพ ไม่ว่ามันจะพัฒนาต่อไปสู่สิ่งใด
การที่คนแปลกหน้าสองคน ทำลายกำแพงกั้นของตัว ไม่ว่าจะเพื่อความปลอดภัยจากอันตราย หรือความปลอดภัยจากความเจ็บปวดครั้งเก่าก่อน ล้วนเป็นความกล้าหาญที่น่าดึงดูด
ผมชอบบรรยากาศแบบนี้เหมือนกันครับ
พาลให้นึกถึงตัวหนังสือของมูราคามิ และแผ่นฟิล์มของหว่องกาไว
ข้อแม้เดียว ต้องมีแจ๊สบรรเลงคลอ