เรื่องน่ารู้ กินเจ อิ่มบุญ หนุนสุขภาพ
อีกไม่นานก็ถึงช่วงกินเจประจำปี2556 เป็นเทศกาลอิ่มใจ อิ่มบุญ ละเว้นการกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และการรักษาศีลให้จิตใจผ่องใส ช่วงนี้เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่ธงเหลืองประจำเทศกาลบุญดังกล่าวนี้เต็มไปหมด ...เห็นแล้วชื่นใจจริงๆ
ทราบไหมว่า สำหรับผู้ที่ตั้งใจกินใจในช่วงนี้ แต่ไม่มีเวลาทำเอง ต้องฝากท้องไว้กับร้านอาหารที่ทำอาหารเจขายนั้น ก็มีเรื่องที่จะต้องพึงระวังอยู่เหมือนกัน แถมถ้าไม่ใส่ใจให้ดีละก็ อาจจะไม่ได้บุญจริงแถมเสียสุขภาพด้วยนะครับ...เพราะอะไรน่ะหรือครับ เพราะทุกวันนี้มีพ่อค้าแม่ขายที่บางคนก็เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ และบางส่วนก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนส่งผลให้ อาหารเจที่คุณๆ ตั้งใจจะกินในช่วงนี้ เพื่อให้สุขกายสุขใจ ได้บุญ และเชื่อว่าการละเว้นเนื้อสัตว์จะทำให้สุขภาพดี กลับให้ผลไปในทางตรงกันข้ามได้
ประการแรก ช่วงระยะหลังนี้ แม้กระทั่งปีที่แล้ว มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และในโทรทัศน์บ่อยๆ กรณี "อาหารเจปลอม" ที่มีการตรวจพบ "ดีเอ็นเอของเนื้อสัตว์ในอาหารเจ" ที่ผลิตออกมาหลอกลวงผู้บริโภค ที่ผู้บริโภคที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปซื้อมาบริโภค ก็จะส่งผลให้เจตนาบุญของคุณในช่วงนี้ ไม่บรรลุไปตามเป้าหมาย ประการต่อมาที่เป็นประการสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคุณโดยตรง นั่นก็คือ ปัญหาที่อาหารเจบางส่วน ประกอบไปด้วย แป้ง น้ำมัน และประการสุดท้ายคือ เกลือ เนื่องจากพอจำต้องเลี่ยงเนื้อสัตว์แล้ว อาหารเจก็จำต้องเพิ่มสัดส่วนแทนเนื้อสัตว์ที่เอาออกไป ส่วนใหญ่นอกจากโปรตีนเกษตรแล้วก็มักจะเป็น "แป้ง" และอาหารเจส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารจีน ที่มักจะโดดเด่นเรื่องของ "ความมัน" ที่จะกลายเป็น "คอลเลสเตอรอล" ซึ่งจะทำให้เรา "อ้วน" ได้
ต่อมา ถ้าไม่ออกกำลังเผาผลาญพลังงานที่กินเข้าไป นอกจากนี้ "โซเดียม" ในรูปของ "เกลือ" หรือ "ซีอิ๊ว" ที่มักจะใส่มากในอาหารเจ รวมไปถึงอาหารเจสุดฮิตอย่าง "จับฉ่าย" ที่มักจะแกงกันหม้อใหญ่ เคี่ยวกันไปเรื่อย ถ้าขายไม่หมดก็อุ่นไว้ขายรุ่งเช้า ความเค็มจะเพิ่มขึ้น แล้วผู้บริโภคก็จะต้องรับโซเดียมเข้าไปในร่างกาย เป็นภาระของไตในการขับออกอีกด้วย
สุดท้ายนี้ เอาวิธีการกินเจให้ได้สุขภาพมาฝาก ข้อมูลดีๆ นี้ได้มาจากเดลินิวส์ 1.เลือกกินให้ครบ 5 หมู่ในทุกๆ มื้อ หลักนี้สำคัญมากและขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะทานอาหารปกติ หรือทานอาหารเจ เราควรคำนึงถึงสัดส่วนอาหารในแต่ละหมู่ให้ครบในทุกๆมื้อ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป หากใครกลัวว่าทานเจแล้วไม่ละเว้นการทานเนื้อสัตว์จะได้โปรตีนไม่เพียงพอ ไม่ต้องกังวลนะคะ ให้เน้นทานพืชตระกูลถั่ว เพื่อเป็นแหล่งโปรตีน 2.เลือกกินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ลูกเดือย ธัญพืชต่าง ๆ ร่างกายใช้พลังงานในการย่อยออกมาเป็นแป้งที่พร้อมดูดซึม ซึ่งน้ำตาลไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับปริมาณที่เท่ากันของแป้งขัดขาว 3.เลือกกินของนึ่ง, ต้ม, ตุ๋น และเลี่ยงของทอดและผัด เพราะช่วยให้เลี่ยงการกินน้ำมัน ซึ่งมีไขมันอยู่สูง ข้อนี้สำคัญมากๆสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และไม่อยากได้ไขมันส่วนเกินแถมมาในช่วงเทศกาลกินเจ 4.เลือกกินผักใบมากกว่าพืชหัว เพราะผักใบมีคาร์โบไฮเดรตที่น้อยกว่าพืชหัวมาก ดังนั้น การกินผักใบจะทำให้เราได้พลังงาน และปริมาณแป้งน้อยกว่าจึงไม่ทำให้อ้วน 5.กินหวานให้น้อยลง ไม่ใช่ว่าเมื่อคุณกินเจแล้ว จะสามารถกินขนมหวานได้เต็มที่ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารเจหรือไม่เจ ถ้ามีความหวานและผสมน้ำตาลอยู่มากก็อ้วนได้ไม่ต่างกัน 6.ควรกินผลไม้หลายๆ สี ทั้งแดง, เขียว, ขาว, เหลือง, ดำ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลายและเพียงพอ รวมไปถึงมีไฟเบอร์ที่จะช่วยระบบขับถ่าย ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของเสียและสารพิษตกค้างออกมา ส่วนใครที่มักมีปัญหา กินเจแล้วหิวบ่อย ให้หาแอปเปิ้ลเขียว หรือผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยติดตัวไว้ ได้รองท้องแล้ว ยังได้ประโยชน์อีกมากมายเลยล่ะ 7.ควรกินพืชตระกูลถั่วด้วย เพราะเป็นแหล่งโปรตีน มีธาตุเหล็กสูง ช่วยสลายคอเลสเตอรอล ปัจจุบันถั่วถูกแปลงโฉมให้อยู่ในรูปของโปรตีนเกษตร ที่มีความคล้ายคลึงกับอาหารจริง ๆ แล้วแถมยังไม่มีไขมันด้วย แต่แนะนำให้เลี่ยงพวกถั่วทอดไว้ เดี๋ยวจะได้ไขมัน และคอเลสเตอรอลเพิ่มได้โดยไม่รู้ตัว
8.ควรกินให้หลายหลาย หลักการเดิมๆที่ผู้เขียนเองมักเตือนทุกๆ ท่านอยู่บ่อยๆ ว่าไม่ควรทานอะไรซ้ำๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการสะสมของอันตราย โดยเฉพาะอันตรายทางเคมีที่เรามองไม่เห็น และสะสมในร่างกายจนเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ โดยเฉพาะอาหารเจที่มีไขมันสูง บรรจุในกล่องโฟม อาหารปิ้ง ย่าง หรือทอด ที่มา: //travel.truelife.com
Create Date : 21 กันยายน 2556 |
|
7 comments |
Last Update : 21 กันยายน 2556 11:04:23 น. |
Counter : 2549 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณที่แวะไปถามสารทุกข์สุกดิบนะครับ
คุณkanyong1 สบายดีไหมครับ