พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 พฤษภาคม 2553
 

ฟิค พีก้อง >> เมื่อไหร่ก็รักคุณ ตอนที่ 6 : เมื่อ...ผมเข้าใจ .. คุณไม่แน่ใจ

ตอนที่ 6


“โธ่เว้ย!! อะไร อะไรกันวะเนี่ย !!”

ผมได้แต่สบถกับตัวเอง..
พยายามจะหาอะไรมาระบายความหงุดหงิดงุ่นง่านนี้ แต่มันก็ไม่มี เพราะที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ มันเป็นที่โล่งแจ้งของสนามแข่ง สิ่งที่ผมเตะได้ก็แค่ อากาศ มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเหมือนตอนที่ผมเตะผนังปูนเมื่อคราวก่อนโน้น แต่ให้ผมเจ็บขาบ้างอย่างคราวนั้นยังจะดีซะกว่า เพราะความเจ็บมันจะยังเฉลี่ยไปที่ส่วนอื่นบ้าง เผื่อความรู้สึกเจ็บที่ใจมันจะได้เบาบางลง ไม่ใช่รู้สึกชัดเจนอยู่แค่ที่เดียวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ !!

ผมโมโหก้อง... ที่อยู่ ๆ ก็ทำตัวไม่มีเหตุผล แบบไม่มีที่มาที่ไปแบบนี้ !!

และที่ผมโมโห มากกว่า...ก็คือตัวผมเอง !!!

ทำไมผมถึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้นะ!!

ผมมั่นใจตัวเองมาเสมอ..ไม่ว่าก้อง จะเหวี่ยง จะงอน หรือจะทำตัวไร้เหตุผลแค่ไหน... คนที่เคยอารมณ์ร้อนและไม่ยอมทนกับอะไรซักอย่างอย่างผม ...ก็พร้อมจะทน!! ผมพร้อมจะใจเย็นกับเขา เพราะนั่นมันคือ ความเป็นก้องบดินทร์ ความเป็นคนเพียงคนเดียวที่ผมรัก และพร้อมจะอดทนทุกอย่างเพื่อเขา..แต่วันนี้ แค่เรื่องเพียงนิดเดียวแค่นี้กลับทำให้ผมฉุนขาดได้ง่าย ๆ

ผมตวาดก้อง!! บ้าชัด ๆ ให้ตายเหอะ ผมกำลังจะทำให้เรื่องเล็ก กลายเป็นปัญหาใหญ่...

คิดแล้วก็อยากจะชกตัวเองให้คว่ำจริง ๆ ใช่ว่าผมไม่เคยมีความรักซะเมื่อไหร่ ใช่ว่าผมไม่เคยมีใครซะที่ไหน ไอ้เรื่องแบบนี้ผมก็ผ่านมามากพอที่คิดว่าจะไม่เพลี่ยงพล้ำแล้วแท้ ๆ ...
หรือว่าเหตุผลจริง ๆ มันเป็นเพราะไม่เคยมีใครเลยต่างหากที่ทำให้ผมรักมาก ทุ่มเทมาก เหมือนอย่างที่ผมเป็นกับก้อง และสุดท้ายที่ผมเพิ่งจะมาเข้าใจตัวเองก็ตอนนี้ ว่านอกจากรักมากแล้ว ผมยัง หึงมาก หวงมาก อย่างที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นได้มากขนาดนี้มาก่อน.... มากก จนทำให้ผมขาดสติ และลืมคิดถึงเหตุผลไปชั่วขณะ...

พอสติเริ่มมา ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองพลาดไปถนัด ... ถ้าใครคนนั้น ไม่หวังดีกับเราสองคนจริง ๆ อย่างที่ผมรู้สึก ตอนนี้ผมก็เผลอเดินไปตามเกมส์ของเขาแบบเต็ม ๆ ..ทำไมผมไม่เฉลียวใจซักนิดนะ ผมน่าจะรู้ตัวตั้งแต่เรื่องโทรศัพท์นั่นแล้ว....

แต่คนอย่างพีรวิชญ์ นอกจากก้องบดินทร์แล้ว ก็ไม่เคยยอมให้กับเรื่องอะไร หรือใคร !!!

...ถึงคราวที่ผมจะต้องพลิกกระดานกลับมา ให้คนอื่นเดินไปตามหมากที่ผมที่ผมเป็นคนคุมบ้างแล้ว.....

..................

“รูปนี้น่ารักจัง”

“โห รูปนี้สวยมาก ให้ความรู้สึกสดชื่น เหมือนตื่นนอนตอนเช้าเลยเนอะ พี่ก้องว่ามะ”

“ฮ่า ฮ่า รูปนี้ตลกอะพี่ก้อง ดูดี ๆ สิ เห็นปะ เค้าวาดให้มองได้สองมุมล่ะ คนวาดนี่เก่งจริง ๆ เลยนะคะ”

เสียงข้าวพูดถึงรูปนั้น รูปนี้ อย่างสนุกสนาน ผมพยายามสนุกตามข้าว ยิ้มตามข้าว แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก

แต่อย่างน้อยการที่ผมปิดโทรศัพท์ ตัดการติดต่อสื่อสารทุกอย่าง และเลือกมาหาข้าว ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด เพราะข้าวก็ช่วยผ่อนคลายความรู้สึกหนักอึ้งที่ใจผมได้มาก ตอนที่ผมมาถึงที่แกลลอรี่ได้ก็เย็นมากแล้ว มาถึงก็เจอหน้าข้าวที่ออกมายืนรอผม ด้วยใบหน้าสดใสยิ้มแย้ม และทักทายผมอย่างร่าเริงตามแบบฉบับของเขา...ไม่มีคำถามว่าทำไมผมถึงเปลี่ยนใจ ไม่มีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ... และนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมพอใจมากที่สุดแล้วในตอนนี้ .. ตอนที่ผมอยากจะผ่อนความอึดอัดใจที่มีให้หายไป..

“ห้องนี้ ห้องสุดท้ายแล้วน้า สนใจจะจองซักรูปมั้ยคะ คุณพี่ก้องบดินทร์”

เสียงถามขำ ๆ ของข้าวเรียกผมออกมาจากการจมอยู่กับความคิดของตัวเอง แต่จะให้ซื้อรูปพวกนี้คงจะไม่ไหว ราคาแต่ละรูป สูบเงินเดือนผมไปจนหมดตัวแน่ ๆ

“เชิญคุณน้องข้าว ชนมนต์ ตามสบายเลยครับ”

“ท่าจะไม่ไหวเหมือนกันล่ะค่ะ เรามันพวกเดียวกันนี่เนาะ เงินเดือนแค่นี้ ซื้อไปคงต้องกินแทนข้าวแน่ ๆ เสียดายจัง ถ้าพี่ก้องมาเร็วกว่านี้น้า ก็จะได้เห็นตอนที่เค้าวาดโชว์สด ๆ แล้ว สุดยอดมาก ๆ เลยจริง ๆ นะคะพี่ก้อง ข้าวนะตั้งใจจะแอบถ่ายคลิปไว้ให้แล้ววว แต่โน่นค่ะ คุณเจ้าหน้าที่เค้ายึดกล้องไว้ ตั้งแต่ทางเข้า เลยอดเลย” ข้าวทำท่าเสียดายจริงจัง อดขำไม่ได้จริง ๆ

“ช่างเถอะน่า” ผมขยี้ผมข้าวเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดู

ขยี้ผม.. พีก็ชอบทำแบบนี้กับผมบ่อย ๆ เหมือนกันนี่....

“พี่ก้อง ๆ เป็นอะไรรึเปล่า อยู่ ๆ ก็เหม่ออะ”

“ปะ เปล่านี่ ไม่มีอะไร” ผมรีบปฏิเสธ

“หรือว่าจะหิวข้าวคะ ว่าไปเราก็เดินกันมาหลายชั่วโมงอยู่นะ ข้าวนะยังไม่ได้กินอะไรเลยอะ หิวจัง หิว ๆๆๆๆๆ”

‘ผมหิว ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ’ ประโยคเดียวกันอีกแล้ว !!!

บ้าจริง.. ผมสบัดศรีษะไล่ความคิด

“งั้นเราไปหาอะไรกินกันละกัน ไปเถอะข้าว”

ผมนำข้าวเดินออกมาจากแกลลอรี่ ก็ไม่รู้ว่าทำไมผมจะต้องรีบเดินแบบนี้ด้วย หรือจริง ๆ แล้ว ผมต้องการหนีความคิดในหัวตัวเอง อยากจะทำอะไรให้มันเร็ว ๆ เข้าไว้ เพื่อที่ตัวเองจะได้เลิกฟุ้งซ่านซะที

“โหย !! พี่ก้อง !! จะรีบไปไหนคะเนี่ย คนมองใหญ่แล้ว” เสียงพูดกลั้วหัวเราะของข้าว ทำให้ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมข้าวจะต้องหัวเราะ และทำไมคนจะต้องมองเราด้วย

“ก็เนี่ยค่ะ !! พี่ก้องจับมือข้าวทำไม้!! แน่นด้วย เจ็บนะนี่ แถมยังจูงเดินจ้ำเอา ๆ แบบนี้อีก คนก็มองกันตรึมน่ะสิคะ คงคิดแหละ ว่าคู่นี้ มีอะไรกันรึเปล่า อิอิ ”

อ่ะ !! ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย !! ผมรีบปล่อยมือข้าวทันที

“พี่ขอโทษ”

“ข้าวล้อเล่น ! ขอท้ง ขอโทษ อะไรกันพี่ก้อง เรื่องแค่นี้เอง พี่กัน น้องกัน เค้าไม่ถือหรอกน่า” ข้าวยิ้ม ใช้มือเล็ก ๆ ตบลงมาที่ต้นแขนผมหนักอย่างแกล้ง ๆ ทำให้ผมยิ้มออกมาได้

“แล้วพี่ก้องมีร้านในใจแล้วรึยัง ถ้ายังนะ ข้าวขอเสนอร้านประจำของคนรู้จักข้าวเอง ร้านเล็ก ๆ แต่น่ารักมาก รับรองโดยน้องข้าวชวนชิม พี่ก้องต้องชอบแน่ ๆ”

“ฮื่อ ก็แล้วแต่ข้าวละกัน นำไปเลย” ผมเริ่มนึกสนุกตาม อย่างน้อยการเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ก็คงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น


............................

ร้านที่ข้าวพามา เป็นร้านเล็ก ๆ ที่ตกแต่งได้น่ารัก อบอุ่น จริง ๆ อย่างที่ข้าวเค้าภูมิใจนำเสนอนักหนา แต่ที่สะดุดตามากที่สุด ก็คือภาพเขียนที่แขวนเรียงรายไว้ตามผนังร้าน ทั้งรูปธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ แต่ที่สะดุดตาผมที่สุดกลับเป็นรูปตรงมุมในสุดของร้าน ที่มีชื่อภาพไว้สั้น ๆ ว่า The Beginning ผมเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้ารูปนี้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าความสนใจทั้งหมดของผมรวมกันไว้ในรายละเอียดของภาพนี้ รูปของคนสองคน ยืนหันหลังให้ ข้างหลังเป็นน้ำทะเล และข้างหน้าเป็นกำแพงหนาทึบ ที่มีกุหลาบสีสวย แต่มีหนามแหลมเกี่ยวพันระโยงระยางอยู่เต็มไปหมด

“มีปัญหากับแฟนมาหรือครับ” คำพูดที่เรียกสติผมนี้ เป็นของผู้ชายหน้าขาว สูงเพรียวในชุดพนักงานเสิร์ฟ ที่เข้ามาโดยที่ผมไม่รู้ตัว

“อะไรนะครับ!!”

“พอดีเห็นคุณสนใจรูปนี้ ก็เลยเดาเอาน่ะครับ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่ชอบ 90 เปอร์เซ็นต์ มักจะมีปัญหากับคนรักมาทั้งนั้น”

“เอ่อ .. งั้นเหรอครับ”

“ครับ ที่จริงผมก็ชอบเหมือนกันนะ ผมว่าการที่คนสองคนตกลงมารักกัน มันไม่ใช่ตอนจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่จะมีอีกคนนึงมาร่วมแชร์ด้วย คุณดูมือคู่นี้สิ ผมว่าคนวาดเค้าอยากจะสื่อว่า ต่อให้ข้างหน้าจะมีอะไร แค่คนสองคนนี้ไม่ปล่อยมือกัน แค่นั้นก็พอ ผมเชื่อนะ ว่าสองคนนี้จะจัดการกับหนามกุหลาบและเปิดกำแพงนี้ได้ เพราะเค้าเชื่ออ...ในกันและกัน คุณคิดแบบผมมั้ยล่ะ อย่าปล่อยให้ปัจจัยภายนอกมาทำให้ความรู้สึกของเราต้องสั่นคลอนสิครับ แล้วอีกอย่าง..... แฟนคุณก็ออกจะน่ารักซะขนาดนั้น” เขาปรายตามองไปที่ข้าว แล้วยิ้มให้ผม

“ขอบคุณมาก ขอบคุณจริง ๆ” ผมพูดกับเขาได้เท่านี้ ไม่ได้สนใจว่าประโยคสุดท้ายคนพูดกำลังเข้าใจอะไรผิด ๆ ไปแค่ไหน

เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกขึ้นมาในอก “เพราะเค้าเชื่ออ.. ในกันและกัน” แล้วผมล่ะ !! ทำไมถึงได้หวั่นไหวง่ายดายขนาดนี้

อะไรที่ทำให้ผมอึดอัด ! อะไรที่ทำให้ผมเหนื่อย ! อะไรที่ทำให้ผมไม่มั่นใจในตัวพี !

มันก็คนอื่นทั้งนั้น ไม่ใช่เหรอ!!

ผมนึกถึงสายตาที่แสดงความผิดหวังของพีในวันนี้ เขาคงจะผิดหวังกับคนงี่เง่าเอาแต่ใจแบบผม ผมนี่มันบ้าจริง ๆ !!! ทำไมจะต้องคิดถึงโลกของผม โลกของเขาด้วย ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันก็มีแค่โลกของเราสองคนเท่านั้น.....

“พี่ก้องไปสั่งอาหารกันดีกว่ามั้ย” ข้าวสะกิดเรียกผม

“ข้าว...พี่ขอโทษนะ พี่ต้องกลับแล้ว”

“ตอนนี้น่ะหรอคะ” ข้าวถามผมงง ๆ แต่ผมไม่มีเวลาอธิบายแล้ว

“ใช่ ตอนนี้แหละ ตอนนี้เลย” ผมเชื่อว่าพีคงจะรอผมอยู่ที่บ้าน ถึงจะต้องเสียฟอร์มหน่อย แต่ผมก็จะยอมขอโทษเขาล่ะนะ..

ผมรีบร้อนออกไป แต่แล้วเสียงตะโกนของข้าวก็หยุดฝีเท้าของผมไว้

“รอเดี๋ยว พี่ก้อง กลับก็กลับด้วยกันค่ะ เดี๋ยวข้าวไปส่งเอง”

......................................

ผิดคาดอีกแล้ว!!!

ผมมั่นใจว่ากลับมาถึงจะต้องเห็นรถคันหรูของเขาจอดอยู่แน่ ๆ แต่มันก็ไม่มี ผมกลับมาดึกเกินไปรึเปล่า.. หรือพีจะโกรธผมจริง ๆ !!! ผมรู้สึกไม่สบายใจไปหมด แต่ช่างเถอะ ถ้าไม่เจอคืนนี้ก็ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ถ้าเขาไม่มา ผมจะเสียฟอร์มอีกรอบไปหาเขาเอง... เอ๊ะ ! หรือว่าผมจะไปคืนนี้เลยดีนะ ...

ไม่ได้ ๆ มันอันตรายเกินไป...


“ขอบใจมากนะข้าว” ผมบอกระหว่างที่รอคนในบ้านมาเปิดประตูรั้วให้ นอกจากมาส่งแล้ว ข้าวยังมีน้ำใจ ลงมายืนรอเป็นเพื่อนผม

“ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ .. พี่ก้องคะ วันนี้พี่ก้องมีเรื่องไม่สบายใจใช่มั้ย อยากเล่าให้ข้าวฟังรึเปล่า” อยู่ ๆ ข้าวก็ถามผมขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่วันนี้ทั้งวันเขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย

“เอ่อ ก็นิดหน่อยน่ะ ขอโทษนะ ที่พี่ต้องทำให้ข้าวรู้สึกหมดสนุกไปด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ก้องก็เคยช่วยเวลาที่ข้าวมีปัญหา ข้าวแค่อยากให้รู้ว่าข้าวก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเวลาพี่ก้องไม่สบายใจเหมือนกัน ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็เถอะนะคะ”

“ไม่หรอก ข้าวน่ะช่วยพี่ได้มาก ขอบใจนะ”

“จริงน่ะ งั้นเดี๋ยวข้าวจะให้พรวิเศษอีกอย่าง รับรองช่วยปัดเป่าทุกปัญหาคาใจได้ผลชะงัดนัก”

“อะไรอีกล่ะ ฮึ คุณข้าว” ผมยิ้มขำกับกิริยาท่าทางเจ้าเล่ห์ ๆ นั้น จะเล่นอะไรแผลง ๆ อีกล่ะสิ!!

และโดยไม่ทันตั้งตัว !!! ร่างเล็ก ๆ นั้นก็ใช้มือจับไหล่ผมไว้ เขย่งตัวขึ้นมา แนบริมฝีปากบางลงบนริมฝีปากของผมเบา ๆ

อ๊ะ !! อะไรกัน !!!

ตาของผมคงจะเบิกกว้าง ผมมองหน้าที่ถอยห่างออกจากใบหน้าผม ด้วยสายตามีคำถาม !

“ทำไมต้องทำตาโตอย่างนั้นด้วยล่ะ พี่ก้อง ก็แค่พรวิเศษแค่นั้นแหละค่ะ ! อย่าคิดมากสิ ข้าวไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”

ข้าวโบกมือให้ หน้านั้นยิ้มกว้างขวางสดใส เหมือนทุกครั้ง

ล้อเล่นได้แรงมากข้าว ผมตกใจจริง ๆ นะนี่ ...

.
.
.
.

“ก้อง ” เสียงเรียกไม่ดังนัก ที่มาพร้อมกับเสียงเปิดประตูรั้ว ทำให้ผมผงะแทบหยุดหายใจ

“พี!!”

เขาจะเห็นรึเปล่า!!

แล้วใบหน้าที่แสดงอารมณ์ผิดหวัง !! แววตาที่บ่งบอกว่าเสียใจ !! นั้น แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี


“มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะพี” ผมพยายามจะอธิบาย รีบคว้ามือเขาไว้ ก่อนที่เขาจะเดินจากไป


“แต่เป็นอย่างที่เห็นใช่มั้ยก้อง คุณ..คุณจูบกับผู้หญิงคนนั้นน่ะ!!”

พร้อมกับคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธของเขา พีก็สะบัดมือหลุดจากผม
ความรู้สึกตอนที่โดนสะบัดมือทิ้ง และรู้ว่าตัวเองกำลังโดนเข้าใจผิด มันเจ็บปวดแบบนี้เองสินะ....

ผมเห็นเขาเอามือลูบหน้าตัวเอง มันเป็นท่าประจำเวลาที่เขากำลังพยายามจะเก็บอารมณ์โกรธ ...

“พี..พีคุณฟังผมก่อนสิ”

“หยุด!!...หยุดก้อง อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้!! ผมยังมีสติไม่พอที่จะฟังคุณอย่างใจเย็นได้หรอก!! ผมเห็น..เห็นแฟนผมจูบกับคนอื่นนะก้อง โธ่เว้ย!!”


พีเตะประตูรั้วเต็มแรง จนผมตกใจ

“ผมไม่ได้... ไม่ได้ จะ.จูบกับข้าว!! มันไม่ใช่นะพี คุณมีสติหน่อยสิ”


“ผมบอกอย่าเพิ่งพูดไงก้อง !! ”


พีพูดแค่นั้น แล้วเขาก็เมินหน้าไปจากผม...เดินออกห่างผมไป.... ทำไมทุกอย่างมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย ผมจะยอมได้เหรอ ยอมให้มือของเราสองคนต้องหลุดออกจากกันเเบบนี้ได้เหรอ...


“เดี๋ยวพี!!”


ผมวิ่งตามเขาไป จับแขนสองข้างของพีไว้แน่น แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความผิดหวัง เสียใจ และกรุ่นโกรธ...

และเพราะผมยอมไม่ได้..ดังนั้น ต่อให้ต้องใช้วิธีไหน ผมก็ต้องทำให้คุณเชื่อผมให้ได้ พี..



..มันไม่ใช่แค่สัมผัสแผ่วเบา เหมือนอย่างที่ผมเคยมอบให้กับเขาไป !!

แต่ครั้งนี้...ริมฝีปากของผมทำหน้าที่อย่างลึกซึ้งกว่านั้น เพื่อถ่ายทอด คำว่าขอโทษ... คำว่ารัก... คำว่าขอให้คุณเชื่อผม... ผมจะทำแบบนี้ได้.. ก็แค่กับคุณคนเดียวเท่านั้น แค่คุณเท่านั้นนะพี !!


เนิ่นนานที่ผมใช้ภาษากายถ่ายทอดความรู้สึกในใจผ่านไปยังริมฝีปากของเขา นานจนผมแทบจะหยุดหายใจ และแทบจะยืนไม่อยู่ ...


ผมถอนริมฝีปากออกมา มองเข้าไปในตาเขา พยายามจะใช้มันพูดแทนผม



“คุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะพี ว่าแบบนี้ต่างหาก ที่เรียกว่า....จูบ”



เสียงแผ่วเบาแทบไม่พ้นริมฝีปากของผม ไม่รู้ว่าจะดังเข้าไปถึงใจของเขารึเปล่า เพราะพียังคงจ้องมองมาที่ผม ด้วยแววตาที่ผมเดาไม่ถูกว่ามันอ่านได้ว่ายังไง


“ขอโทษนะก้อง... แต่ตอนนี้ ผมยังไม่แน่ใจ”

น้ำเสียงนิ่ง ๆ กับแววตาเย็นชาของพี ทำให้ผมแทบทรุด แล้วผมต้องทำยังไงอีกล่ะ คุณถึงจะเชื่อผม ต้องทำยังไง บอกผมหน่อยสิ พีรวิชญ์....

....................................



Create Date : 29 พฤษภาคม 2553
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 0:13:11 น. 4 comments
Counter : 558 Pageviews.  
 
 
 
 

ชอบตอนนี้จังเลย เขิลน้องก้องบดินทร์อ่ะ...

แต่งเก่งจังเลยคะ..เศร้า แล้วก็สุขในเวลาเดียวกัน ^^
 
 

โดย: jew IP: 124.122.220.178 วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:2:16:16 น.  

 
 
 
เศร้าจับใจเลยอ่ะ .. T.T

สงสารก้องจัง .. เฮ้อออออออออออออออ
 
 

โดย: sky T.T IP: 124.122.3.101 วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:10:52 น.  

 
 
 
โดนซะมั่งก้อง ไปเที่ยวกับผู้หญิงทิ้งพีเฉยเลย
 
 

โดย: สุดแต่ใจจะไขว่ขว้า IP: 1.46.55.215 วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:23:21:56 น.  

 
 
 
ต้นร้าย ปลายก็ทำท่าเหมือนจะดี แต่ "ขอโทษนะก้อง ....ตอนนี้ ผมยังไม่แน่ใจ" แป่วววววววว คุณพีร์ ประโยคนี้ ได้ใจจริงๆ คุณก้องไปไม่เป็นเลย อิๆๆๆ ชอบบบบบบบ ต้องโดนซะมั่ง จะได้แคร์คนของใจตัวเองมั่ง ขอบคุณมากมายค่ะ writer . ^____^".
 
 

โดย: lek^lek. IP: 223.206.221.178 วันที่: 14 มิถุนายน 2554 เวลา:4:49:25 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com