พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 พฤษภาคม 2553
 

ฟิค พีก้อง >> เมื่อไหร่ก็รักคุณ ตอนที่ 3 : เมื่อ..กลับสู่ชีวิตปกติ

ตอนที่ 3

อาการของพี่พัฒน์.... ดูไม่ได้ดีขึ้นกว่าตอนก่อนที่ผมมาลาเขาว่าจะไปเมืองนอกเลย คุณหมอบอกว่าอาจเป็นเพราะพี่พัฒน์ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการรักษา แม้ว่าร่างกายเขาจะเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่จิตใจที่ต่อต้านก็ทำให้การรักษาของหมอเป็นไปอย่างยากลำบาก คุณหมอบอกผมว่า โอกาสในการที่พี่พัฒน์จะหายได้นั้นเป็นศูนย์ไปแล้ว แม้แต่โอกาสที่เขาจะพอขยับหรือเคลื่อนไหวได้บ้างก็ยังน้อยมาก นอกจากการให้ยากับทำกายภาพบำบัดแล้ว ก็ต้องรอปาฏิหาริย์อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ว่าพี่พัฒน์จะเคยเป็นยังไง แต่เขาก็เป็นพี่ชายของผม ยังไงผมก็ต้องช่วยเขาให้ถึงที่สุด...

“ไม่เป็นไรนะพี่พัฒน์ เป็นลูกผู้ชายต้องใจสู้สิ” ผมพยายามให้กำลังใจ พี่พัฒน์มองหน้าผม แววตาเขาเหมือนคนที่สิ้น
หวัง

“ ถึงโอกาสของพี่ จะน้อยแค่ไหน ผมก็จะพยายามสร้างปาฏิหาริย์นั้นให้พี่ให้ได้ พี่อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ เข้าใจมั้ย”คราวนี้พี่พัฒน์พยักหน้า น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ..

ผมใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่เป็นเพื่อนพี่พัฒน์ เล่าเรื่อง โน่นนี่ ให้เขาฟัง และดูพี่พัฒน์เองก็เริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น...เมื่อก่อน ผมแทบไม่ได้คุยกับพี่พัฒน์ ไม่เคยแบ่งปันประสบการณ์ให้เขาฟังตามประสาพี่ชาย น้องชายเลยด้วยซ้ำ อย่างน้อย ๆ ในความโชคร้าย ผมก็ยังรู้สึกว่าผมได้ครอบครัวเพียงคนเดียวของผมคืนมา

---------------

และแล้วความตั้งใจที่จะไปหาก้องของผมต้องถูกพับไปอีกครั้ง เพราะนอกจากเรื่องพี่พัฒน์แล้ว ก็ยังมีเรื่องหนักใจผมอีก 2 เรื่อง คือบ้านของพี่พัฒน์ พี่ปัท กับบริษัท PAT ระหว่างที่ผมไม่อยู่พี่ปอก็ช่วยดูแลทุกอย่างให้ได้เป็นอย่างดี แต่พี่ปอเองก็ยังมีบริษัทของเขาเองที่ต้องดูแล และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเข้ามารับผิดชอบบ้าง
การทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ....ผมเพิ่งรู้ว่าถ้าตัดเรื่องความเจ้าชู้ออกไปแล้ว พี่พัฒน์ ก็ถือเป็นนักธุรกิจที่มากความสามารถคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ผมยังโชคดีที่ยังมีพี่ปอ คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำตลอด หลายวันมานี้ พี่ปอพาผม เดินสายมาราธอนไปพบคู่ค้าสำคัญ ๆ หลายคน แล้วตอนนี้ผมก็ต้องออกต่างจังหวัดเพื่อมารอพบลูกค้ารายสำคัญที่สุดของบริษัทอยู่ ...

“โทษทีนะพี เลขาคุณชนกันต์ เค้าโทรมาขอเลื่อนนัดเป็นอาทิตย์หน้า”

พี่ปอเดินกลับมานั่งสีหน้าเขาก็ดูเหนื่อย ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ นี่เท่ากับว่าเราสองคนขับรถ 3 ชั่วโมงมาฟรี ๆ

“ไม่เป็นครับพี่ปอ ถือว่าวันนี้ผมได้พักวันนึงละกัน เหนื่อยมาหลายวัน วันนี้ขอเติมพลังให้ตัวเองหน่อย”

“จะไปหาก้องล่ะสิ” พี่ปอถามตรงจุด จนผมหัวเราะ

“พี่ปอล่ะครับ ได้เจอพี่แก้วบ้างรึเปล่า มัวแต่ยุ่ง ๆ อยู่กับผม เห็นก้องบอกว่าได้ฤกษ์แต่งเป็นเดือนหน้า กลายเป็นว่าพี่ปอต้องยุ่งอยู่กับผมตลอด ไม่มีเวลาเตรียมงานเลย พี่แก้วจะโกรธผมรึเปล่าครับเนี่ย”

คราวนี้เป็นพี่ปอที่หัวเราะบ้าง

“ที่ไหนล่ะ แก้วน่ะแหละ กำชับให้พี่ คอยช่วยพีให้ดี ถ้าเกิดทำไม่ได้ อาจมีเลื่อนฤกษ์” พี่ปอพูดส่ายหน้าน้อย ๆเหมือนยอมรับชะตากรรมตัวเอง

“อย่างนี้ผม ก็เป็นตัวถ่วงงานแต่งของพี่ปอสิครับ”

“คิดมากน่ะพี... พีก็รู้อยู่ลูกบ้านนั้นน่ะ เค้ารักครอบครัวยิ่งกว่าอะไร ถ้าครอบครัวไม่พร้อมนะ เราก็อย่าหวัง”
ผมเห็นด้วยกับพี่ปออย่างไม่มีข้อสงสัย..

“นั่นสินะครับ อยากเป็นลูก...แม่ฟองนี่ ต้องอดทน อดกลั้นหนักจริงๆ”

ผมกับพี่ปอ หัวเราะประสานกัน... ผมเห็นพี่ปอหัวเราะและยิ้มในหน้าอย่างอ่อนโยน
ผมมั่นใจว่าสีหน้าแบบนี้ของพี่ปอ เกิดขึ้นได้เพราะพี่ปอกำลังคิดถึง....คิดถึงลูกสาวของบ้านนั้น...
ส่วนผมน่ะ ก็คิดถึง... คิดถึงมากกกกก....แต่เป็นลูกชายคนเล็กนะ.....

-------

วันนี้รู้สึกว่าระยะทาง ชลบุรี-กรุงเทพ จะไกลเป็นพิเศษ เพราะใจผมน่ะ มันกลับไปถึงก่อนตั้งแต่รู้ว่านัดถูกยกเลิกแล้ว...ถึงตัวผมจะตามหัวใจไปไม่ทัน แต่อย่างน้อยได้ยินเสียงก้องซักหน่อย ก็ยังดี เผื่อหัวใจผมมันวิ่งกลับมาอยู่ที่ตัวบ้าง ผมกำลังจะกดโทรหาก้อง แต่อยู่ ๆ ก็มีสายโทรเข้ามาซะก่อน ‘ก้องรึเปล่า’ แต่พอผมก้มดูที่หน้าจอ กลับเป็น ‘พี่แก้ว’

“สวัสดีครับ พี่แก้ว”

“ผมเองพี” อ้าว..ก้องนี่ สมกับเป็น destiny ของผมจริง ๆ พอผมคิดถึงเขา เขาก็โทรมา

“ผมกำลังคิดถึงคุณอยู่เลยก้อง ใจเรานี่สื่อถึงกันได้ สมกับเป็น คนรักกันจริงๆ”

“ผมก็กำลังคิดถึงคุณเหมือนกัน” โห..เดี๋ยวนี้ก้อง กล้าพูดความในใจกับผมขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ทำไมเสียงแข็งจัง แปลก ๆ นะ

“จริงเหอ ภูมิใจสุด ๆ เลยนะนี่” ถึงน้ำเสียงผมจะล้อ ๆ แต่ผมก็ดีใจมาก ที่เขาก็คิดถึงผม ก็ตั้งแต่คบกันมา แทบจะนับครั้งได้ที่เขาเป็นคนโทรหาผมก่อน

“คิดว่าคุณกล้าดียังไง!! ถึงได้เอารูปนี้ของผมมา!!!”

หือ!!!!!!!!

“หือ รูป รูปอะไรกันก้อง” คราวนี้ผมแปลกใจจริง

“ก็รูป ..รูปที่วางอยู่ข้างโคมไฟหัวเตียงคุณไง!!! ” ก้องขึ้นเสียงอย่างหงุดหงิด แต่เหมือนจะปนเขิน ๆ อยู่ด้วย
รูปหัวเตียงงั้นเหรอ!!! อ๋ออออออออ.....พอคิดออก ผมก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“ไอ้รูป.... รูปคอลเลคชั่นก้องบดินทร์โชว์หวิว น่ะเหรอคร้าบบ” ผมพูดไปหัวเราะไป

“พี!!!” ก้องเสียงดังซะจนผมเจ็บแก้วหู

ก็ไม่รู้ว่าไอ้ที่เขาโมโหอยู่นี่ เพราะโกรธ หรืออาย....แต่ก็สมควรอยู่หรอกที่ก้องจะโกรธ ก็รูปนี้น่ะ ทั้งพี่แก้ว ทั้งพี่ตุ่ม พี่เจ๋ง ย้ำนัก ย้ำหนา ว่าเป็นรูปที่คุณก้องบดินทร์เค้าจะอายหนักทุกครั้งที่เห็น เคยจะเอาไปทิ้งหลายครั้ง พี่แก้วเลยต้องแอบเอามาเก็บไว้ แล้วโกหกว่าทิ้งไปแล้ว ... พี่ตุ่มเคยแอบเอามาให้ผมดู สมัยที่ผมยังต้องปลอมตัวเป็นศักดิ์เพื่อมาดูแลก้อง ผมขอตั้งหลายครั้งก็ไม่ได้ จนสุดท้ายพี่แก้วก็ยอมให้เป็นของขวัญตอบแทนที่ผมทำให้ก้องกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ผมถูกใจกับของขวัญชิ้นนี้ ยิ่งกว่าของดีมีราคาหลายชิ้นที่ผมมีซะอีก

...ก็...รูป เด็กชายก้องบดินทร์ วัยใส 14 ปี ที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นเปื้อนดินตัวเดียว...ยืนอยู่กลางสนามหน้าบ้านโชว์แผ่นอกขาวเนียนชื้นเหงื่อหน่อย ๆ น่ะ เป็นสมบัติล้ำค่า ที่มีเพียงใบเดียวในโลกเชียวนะ...

“ผมจะเอารูปคืน!!! โทรมาแค่นี้แหละ!!!”

“เฮ้ย!! เดี๋ยวก้อง!! ไม่ได้นะ พี่แก้วให้ผมแล้วคุณไม่มีสิทธิ์นะ ห้ามเอาไปเด็ดขาด” ผมขึ้นเสียงดังอย่างลืมตัว ก็ก้องจะเอาของสำคัญของผมไปนี่นา

“อย่างน้อย ๆ คุณก็ต้องรอผมกลับไปก่อนนะก้อง แต่เอ๊ะ !!! ก้อง นี่คุณเข้าไปในห้องผมเหรอ !!” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เบี่ยงประเด็น

“ก็..ก็นี่มันบ้านผมนี่ ผมจะเข้าจะออกห้องไหนก็ได้” เสียงก้องอึกอัก ๆ เหมือนคนโดนจับได้ ก่อนจะแกล้งโมโหกลบเกลื่อน แต่ปิดผมไม่ได้หรอกน่าก้อง!!...

“ผมรู้และ!! คุณคงคิดถึงผมมาก จนทนไม่ไหว แอบเข้าไปนอนบนเตียงผม ห่มผ้าห่มผืนเดียวกับผมใช่มั้ยก้อง !!! อดทนไว้ก่อนนะ ผมกำลังขับรถกลับไปหาคุณอยู่” อยากเห็นหน้าเขาจัง ป่านนี้คงโกรธจนหน้าแดงไปทั้งหน้าแล้ว

“บ้า!!! ผมไม่ได้โรคจิตเหมือนคุณนะพี... แล้วถึงคุณจะรีบมา ก็ไม่ได้เจอผมอยู่ดี เพราะคืนนี้ผมมีนัดไปงานเลี้ยงต้อนรับกับพี่ ๆ ที่โรงพยาบาล”

โล่งอก !! รู้สึกเหมือนก้องจะลืมเรื่องเอารูปถ่ายคืนไปแล้ว ...

แต่...คนอย่างก้องนี่นะ จะไปงานเลี้ยง ตั้งแต่รู้จักเขามา ไม่เคยเห็นก้อง ไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับใครที่ไหนเลยนอกจากที่บ้าน ...


“งั้นผมไปรับกลับแล้วกันนะ ผมคงไปถึงกรุงเทพฯ ค่ำ ๆ พอดี” น้ำเสียงผมพยายามให้ดูอ้อนเขาเต็มที่ ก้องเงียบไปซักพัก ก่อนจะตอบ

“ก็แล้วแต่คุณละกัน อยากมาก็มา” ประโยคคุ้น ๆ นี้ของก้อง ทำให้ผมยิ้มกว้าง

“ผมรักคุณจัง ก้อง” วันนี้ผมบอกรักเขาได้เต็มปาก โดยไม่ต้องเอาแม่มาอ้างอีกต่อไป....

____________


ผมจอดรถรอก้องอยู่หน้าร้านอาหาร บรรยากาศร่มรื่น สบาย ๆ แห่งนี้ ก้องบอกว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยทำให้โทรศัพท์ของเขาเสีย ผมจึงได้แต่ยืนสูดอากาศเย็นสบายยามค่ำคืนแก้ง่วง แก้เพลีย ไปพลาง ๆ ก้มมองนาฬิกา เกือบจะห้าทุ่มแล้ว ใกล้เวลาที่ก้องนัดไว้ ผมมองไปตรงทางเข้าร้าน ก็เห็นร่างที่คุ้นตา เดินออกมาพอดี

ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะ...แต่ก้องรักษาเวลาได้ดีเหลือเกิน สงสัยจะเป็นห่วงกลัวผมจะรอนาน.....
ผมกำลังจะเดินเข้าไปทักก้อง ก็พอดีเห็น ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกจากร้านมาหาก้องซะก่อน...

แล้ว...ผู้หญิงคนนั้นก็จับมือก้อง!! เท่านั้นไม่พอ...ผมเห็นก้องหันกลับไปหา พูดคุย เหมือนจะโต้เถียง ก่อนที่ก้องจะส่ายหัว ยิ้มเขิน หัวเราะน้อย ๆ แล้วก็เดินตามผู้หญิงคนกลับเข้าไปในร้าน

แล้วผมล่ะ...


ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกที ก็เห็นก้องเดินเร็ว ๆ เข้ามาหา

“ขอโทษทีนะพี รอนานรึเปล่า”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมรอได้” ผมตอบเขาไปทั้ง ๆ ที่ในใจยังร้อนรุ่ม

“ตอนแรกผมก็จะออกมาตั้งแต่ตอน 5 ทุ่มแล้ว แต่มี เรื่อง ให้ต้องอยู่ต่อนิดหน่อยน่ะ” ก้องจะรู้ตัวรึเปล่า ว่าตอนที่เขาพูดถึง ‘เรื่อง’ เขาทำหน้าแบบไหนอยู่ ....

ผมเหมือนรู้สึกถึงลางร้าย... ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร!!!ทำไมถึงได้รับรอยยิ้มแบบนี้ของก้อง...การที่ผมไม่ได้เจอกับก้อง แค่อาทิตย์เดียว มันทำให้ผมพลาดเหตุการณ์อะไรที่สำคัญมาก ๆ ไปรึเปล่านะ....

....................................


“งานสนุกมั้ยก้อง ... ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณชอบงานเลี้ยงด้วย” ผมถามหลังจากที่เรานั่งเงียบกันมาพักใหญ่ ก้องคงจะเหนื่อย เพราะพอขึ้นรถปุ๊ป เขาก็ทำท่าเหมือนจะหลับตาปรือ สลึมสะลือตลอดเวลา ผมก็อยากปล่อยให้เขาได้หลับสมใจหรอกนะ ถึงได้พยายามขับรถไปเงียบ ๆ แต่สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ให้กับความอยากรู้จนได้

ก้องลืมตาขึ้นมา ทำหน้างง ๆ

“หือ งานเลี้ยงน่ะเหรอ ก็ดีนะ แต่ถ้าให้มาบ่อย ๆ ก็คงไม่ไหว.. ผมนี่แย่จัง เกือบเผลอหลับให้คุณขับรถคนเดียวซะได้”

“ไม่เป็นไรหรอกก้อง เพราะถึงคุณไม่หลับ ผมก็ขับคนเดียวอยู่ดี เอ! หรือว่าคุณจะมาช่วยจับก็ดีเหมือนกันนะ”
ผมต้องแหย่เขาไว้ก่อน ไม่งั้นก้องอาจจะจับความผิดปกติของผมได้

ก้องถอนหายใจแรง ๆ ให้ผมได้ยิน ผมเลยได้แต่หัวเราะ

“งั้นก็แปลว่าไม่มีอะไรพิเศษงั้นสิ” ผมถามเรื่อย ๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ผมรอคำตอบของคุณนะก้อง ถ้าคุณว่าไม่มี ผมก็จะว่าไม่

ก้องขมวดคิ้ว ทำหน้ายุ่ง

“อะไรพี อะไรพิเศษ นี่คุณจะหาเรื่องผมที่ให้คุณรอนานใช่มั้ย ไหนบอกไม่โกรธไง ที่จริงคุณไม่ต้องมาก็ได้นะ แค่นี้ผมกลับเองได้”

เป็นงั้นไป !! สรุปกลายเป็นผมผิดเหรอนี่

แต่ก็ยังดี อย่างน้อยคำพูดประโยคนี้ของก้องก็ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเชื่อว่า ‘มันไม่มีอะไรพิเศษจริงๆ’

“คร้าบบ ๆ คุณก้อง ไม่มี ก็ไม่มี ผมลืมไป สำหรับคุณน่ะ มีผมเป็นเรื่องพิเศษเพียงเรื่องเดียวก็พอแล้วนี่ ใช่มั้ย....”

คาดว่าตอนนี้ก้องคงตื่นเต็มตาแล้ว เพราะผมรู้สึกว่าตากลม ๆ ของเขาจ้องผมนิ่ง อย่างทึ่งจัด คงจะอึ้งกับประโยคกินใจของผมล่ะสินะ ก้อง!!

“พี.........” ก้องใช้น้ำเสียงหวาน ๆ ของเขาเรียกชื่อผม

“ผมถามจริง ๆ นะ คุณเคยรู้สึก....รู้สึก ขนลุก กับคำพูดตัวเองบ้างมั้ยเนี่ย ”

เอี๊ยด !!! ผมเบรกรถกะทันหัน หันไปมองก้อง


จริงจัง...ก้องทำหน้าตาจริงจัง เกินไปแล้ว !!

ผมได้แต่ซบหน้าลงหัวเราะกับพวงมาลัยรถ รู้แต่ว่าตอนนี้ ไม่ว่าจะความเหนื่อยล้า หรือตะกอนขุ่นในใจผม มันปลิวหายไปหมด...แค่เพียงเราได้อยู่ใกล้กัน ได้พูดคุยกัน ถึงไม่มีเรื่องพิเศษอะไร ผมก็สุขใจทุกครั้งที่ได้อยู่กับเขา ก้องบดินทร์...

..........................................


“กลับกันมาแล้วเหรอค้า !! ว้าย ๆ น้องพีมีชุดสูทซะด้วย ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน คิดถึ๊ง คิดถึงค่ะ” เสียงพี่ตุ่มทักมาตั้งแต่ผมกับพี เปิดประตูรถลงมาแล้ว

“ผมก็คิดถึงพี่ตุ่มกับทุกคนเหมือนกันครับ ผมมีของมาฝากด้วยนะครับ อยู่ท้ายรถ เดี๋ยวผมไปหยิบให้” นั่นเสียงคุณพีรวิชญ์เขาตอบ ไอ้เรื่องของติดสินบนต้องยกให้เขาจริง ๆ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่หยิบเอง ว่าแต่น้องพีคะ น้องก้องเค้ารู้เรื่องรูปแล้วนะคะ โดนว่าอะไรรึเปล่าคะเนี่ย เมื่อเย็นนะมองพี่ระแวงเชียวค่ะ น้องพีอย่าหลุดบอกเชียวนะคะ ว่าพี่น่ะสมรู้ร่วมคิดร่วมทำด้วย เดี๋ยวพี่ตุ่มโดนโกรธตายเลย” นั่นสองคนเค้ากระซิบกันใช่มั้ย!! ผมว่าต่อให้ผมเดินนำไปกว่านี้อีก 10 ก้าวก็ยังได้ยินนะ...

“ไม่รู้จะอายอะไรนะคะ รูปออกน่าร๊ากก แล้วแหม!! อยู่เมืองนอกด้วยกันตั้งเป็นเดือน ๆ มันก็ต้องมี อิ๊ ๆ อ๊ะ ๆ กันบ้างอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ แค่รูปถอดเสื้อไม่เห็นต้องอายเลย”

ห๊ะ!!! อะไรนะ !!

“อะไรนะครับ!!”


เสียงของพี กับเสียงในใจผม ดังขึ้นพร้อมกัน


“ก็ ก็แบบว่า อย่างนั้นน่ะค่ะ ไม่มีอะไรเลยเหรอคะ ไอ้ อิ๊ ๆ อ๊ะ ๆ กิ๊บ ๆ กิ๊ว ๆ น่ะค่ะ ไม่มีเลยเหรอ...”

ผมหยุดเดิน แต่ยังไม่กล้าหันกลับไปมอง เพราะหน้าผมตอนนี้คงแดงไปหมดแล้ว นี่พี่ตุ่มคิดว่าผมกับพี...
ผมได้ยินเสียงคุณพีรวิชญ์หัวเราะลั่น

“ฮ่า ฮ่า โอย ..ไม่มีหรอกครับพี่ตุ่ม อยู่โน่นน่ะ ยังมีเพื่อนผมอยู่ด้วยอีกสองคน วัน ๆ ผมกับก้องก็ยุ่งแต่กับเรื่องโรงพยาบาล พอหมออนุญาตว่าให้กลับได้ ก้องก็บินตรงมาเลยครับ เวลาจะเที่ยวยังไม่มีเลย”

“จริ๊ง!! ” ทำไมพี่ตุ่มต้องทำเสียงเหมือนประหลาดใจขนาดนั้นด้วย ...

“จริงครับ ผมกับก้องน่ะ มากสุดก็แค่.....”

“พี!!!! มัวคุยเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ได้ เห็นบ่นว่าเหนื่อยนัก ไม่ใช่รึไง รีบเข้าบ้านสิ ” ผมว่าจะอดทนทำเป็นไม่ได้ยินแล้วนะ

แต่ ...ไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกันอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย !!!


พีกับพี่ตุ่มหันไปมองหน้ากัน แล้วหันมามองหน้าผม หน้าแต่ละคนนะ.. กลั้นหัวเราะกันเต็มที่ น่าโมโหจริง ๆ


ผมรีบหันหน้ากลับ เดินนำเข้าบ้านไป พยายามที่จะไม่สนใจเสียงหัวเราะที่ทำให้ความอดทนทำเป็นนิ่งเฉยของผมเกือบจะสิ้นสุด และตอนนี้ก็ได้เวลาที่ผมจะจัดการกับไอ้รูปเจ้าปัญหานั่นซักที!! ผมเปิดประตูห้องพีเข้าไป เอื้อมมือจะหยิบรูป แต่ยังไม่ทันอีกมือนึง ที่คว้ามันไปได้ก่อนผม แค่เสี้ยววินาทีเดียว

“เอามานี่ นะพี” คราวนี้หน้าผมคงจะโมโหจริง ๆ อย่างไม่ต้องแกล้งทำ

“ไม่ รูปนี้ คุณทิ้งแล้ว และพี่แก้วก็เป็นคนให้ผมมา ผมมีสิทธิ์อย่างชอบธรรมนะครับ คุณก้อง”

“แต่นี่มันรูปผม!! คุณบอกให้ผมรอคุณกลับมา ผมก็รอแล้ว เอามานี่นะพี ผมบอกให้เอามาไง” ผมหงุดหงิดจริง และตอนนี้มันก็เพิ่มมากขึ้นด้วย เมื่อสงครามแย่งรูประหว่างผมกับพี เริ่มขึ้น และ อีกแล้ว !! คราวก่อน แย่งกระเป๋า ผมก็ทำไม่สำเร็จ คราวนี้แย่งรูป ผมก็เห็นลางแพ้ของตัวเองรออยู่ข้างหน้า

“ผมโมโหจริง ๆ แล้วนะพี เอามานี่นะ” ผมขู่ หวังว่าคงจะได้ผลบ้าง เพราะดูท่าพีเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน
พีนิ่งทำท่าชั่งใจอยู่ซักพัก ก่อนที่มุมปากเขาจะปรากฎรอยยิ้มขึ้นมา...

...ยิ้มแบบนี้น่ะ ไม่น่าไว้ใจ!!!

“เอ้า...คืนก็คืน ก้อง”

ง่าย...ขนาดนี้เลยเหรอ!!!!


ผมลังเลที่จะยื่นมือเข้าไปรับรูปที่เขายื่นมาให้

“แต่…...ต้องเอาตัวจริงมาแลกนะ”

ว่าแล้ว!!!

และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่คุณพีรวิชญ์เข้ามาประชิดตัวใช้มือข้างหนึ่งจับแขนผมไว้

“ว่าไง ก้อง รูปนี้น่ะ มันเป็นของผมแล้ว แล้วตัวจริงล่ะ สนใจจะเป็น....” พียิ้ม อวดเขี้ยวเสน่ห์ ที่ตอนนี้ผมขอเรียกมันว่าเขี้ยวเจ้าเล่ห์ ลอยหน้าเข้ามาใกล้ ๆ

ผมผลักเขาออกไปเต็มแรง จนคนตรงหน้าเซไปนั่งลงบนเตียง

คราวนี้ผมมั่นใจ ว่าความเขินของผมคงมีดีกรีน้อยกว่าความโมโหแน่ ๆ

“ได้พี!! ... อยากได้นักก็เอาไป ผมไม่เอาคืนแล้วก็ได้”

ผมตะโกนใส่หน้าเขา แล้วรีบออกมาจากห้องนั้น ไม่อยากจะสนใจเสียงหัวเราะกวนประสาท อย่างภาคภูมิใจกับชัยชนะของตัวเองซะเหลือเกินนั่น!!

ผมโกรธ!! ผมโมโห!! ผมหงุดหงิด !! และที่ทำให้ผมอารมณ์เสียสุด ๆ ก็คือ ไอ้หัวใจที่เต้นรัวไม่ยอมหยุดของตัวเองนี่แหละ ที่ทำให้ผมแพ้เขาอยู่เรื่อย แต่ผมตั้งใจกับตัวเองแล้ว คราวนี้ไม่ว่ายังไง ผมจะทำให้พี รู้ซะบ้างว่า ถ้าทำให้ผมโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้วผลมันจะเป็นยังไง....


--------------


ในที่สุด ผมก็ทำสำเร็จ ทั้งเมื่อเช้าที่โต๊ะกินข้าว และตอนที่เขาขับรถมาส่งผมที่โรงพยาบาล ผมก็บังคับตัวเอง ให้นิ่งเฉย กับคุณพีรวิชญ์ ได้สำเร็จ ถึงแม้ว่ามันจะยากมาก ๆ ที่จะไม่หลุดขำ หรือหลุดเขิน กับสารพัดวิธีการตื้อของเขาก็ตามที

“ก้อง นี่คุณจะโกรธผมจริง ๆ เหรอ” พีถามเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ฝันไปเถอะพี ว่าผมจะตอบ

“ผมไปทำงานก่อนนะพี” ผมเลี่ยงพูด ไปอีกอย่างนึง

“ใช่สิ พอคุณได้ผมแล้ว คุณก็ทำเย็นชาแบบนี้ใช่มั้ยก้อง” พีแกล้งทำเป็นงอน คิดว่าผมไม่รู้หรือไง

“ผมไปได้อะไรคุณล่ะพี” น้ำเสียงผม คงเรียบ ๆ เรื่อย ๆ ล่ะมั้ง ถึงใจของผมจะเริ่มเขว ๆ ด็ตามที

“ก็...ได้หัวใจผมไง” คำพูดนี้ พร้อมรอยยิ้มสว่างไสว ของพี ทำให้ผมเกือบลืมความตั้งใจเดิม และก่อนที่ผมจะไม่สามารถควบคุมระดับการสูบฉีดของเลือดได้... ผมต้องพูดอะไรซักอย่างก่อน

“จะถึงเวลางานแล้ว ผมไปนะ แล้วถ้าวันนี้คุณจะมาบ้านผม ก็ไปที่บ้านเลยละกัน ไม่ต้องมารับ เพราะผมจะอยู่เวรดึก” น้ำเสียงผมนิ่งได้เนียนมาก ๆ จนอยากจะให้รางวัลตัวเอง ผมแอบ ชำเลืองมองเขานิดหนึ่ง ก็เห็นสีหน้ามึนงง ผิดหวัง ของคุณพีรวิชญ์เข้าพอดี

ไงล่ะพี !! ผมเตือนคุณแล้วนะ ว่าผมกำลังโกรธจริง ๆ …
.
.

นึกมาได้แค่นี้ ผมก็อดยิ้มออกมาคนเดียวอย่างอารมณ์ดีไม่ได้

“พี่ก้อง นั่งยิ้มคนเดียว คิดถึงใครอยู่น่ะ ใช่ข้าวรึเปล่า” หญิงสาวหน้าใส ในชุดขาวแบบเดียวกับผม ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้าม อย่างสบาย ๆ ชะโงกหน้าเข้ามาถามผมยิ้ม ๆ อวดเขี้ยวเล็ก ๆ ที่เสริมให้ใบหน้านั้นดูเด็กยิ่งขึ้น

“ยิ้มอะไรกันข้าว ตาฝาดแล้ว พี่นั่งดูรายการเคสคนไข้อยู่ต่างหาก” ผมแกล้งเฉไฉ

“โอเค้ ไม่ยอมรับ ก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่อย่าให้ข้าวจับได้จัง ๆ ก็แล้วกันนะพี่ก้อง” ข้าวแกล้งทำท่าเหมือนจะคาดโทษ

เวลาแค่อาทิตย์กว่า ๆ ที่ผมกลับเข้ามาทำงาน มีเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างผมกับน้องใหม่คนนี้หลายอย่าง จนทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยกับข้าวได้อย่างรวดเร็ว บวกกับนิสัยเข้ากับคนง่าย และ ขี้เล่นของข้าว ที่ผมรู้สึกว่ามันคล้ายกับใครบางคนนั่นอีก หรือ บางทีอาจจะเป็นเพราะตัวผมเองด้วยก็ได้ ที่เริ่มเปิดกว้างในการคบกับคนอื่นมากขึ้น ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ ว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ผมเปลี่ยนไป ก็เป็นเพราะเขา พีรวิชญ์...

“นั่นไง พี่ก้อง ยิ้มเขินอีกแล้วอะ คราวนี้หน้าแดงด้วย จะปฏิเสธยังไงคะ ก็อยู่กันสองคนแค่นี้”

นั่นสินะ !! ทำไมไม่ว่าอะไร ผมต้องเผลอไปคิดถึงเขาทุกที...


“อะไรกันสองคนนี้ เล่นอะไรกันอยู่”

“พี่ก้องน่ะสิคะ พี่นา ยิ้มเขินข้าว แล้วก็ไม่ยอมรับ”

“พี่ยอมรับว่ายิ้มก็ได้ แต่ยิ้มเพราะอะไรนี่ ขอไม่บอกแล้วกัน” ผมหัวเราะน้อย ๆ กับหน้าตาไม่เชื่อถือของข้าว
พี่นายิ้มขำกับการโต้เถียงเล็ก ๆ ของผมกับข้าว

“ก้องรู้ตัวรึเปล่า ว่าก้องน่ะน่ารักขึ้นนะ พี่ว่ากลับมาคราวนี้ ดูก้องร่าเริง มีชีวิตชีวาขึ้น แต่ก่อนเห็นเงียบ ๆ เก็บตัว ไม่ค่อยคบกับใคร จะเป็นเพราะได้เพื่อนดีรึเปล่าฮึ” พี่นา เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ ที่รู้จักกับผมมาตั้งแต่ผมเริ่มทำงานใหม่ ๆ แซวผมบ้าง

“ใช่แล้วล่ะค่ะพี่นา เพราะก้องน่ะ ต้องรวมกับข้าว ถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด”


ผมกับพี่นา ทำหน้า งง ๆ ว่าข้าว เค้าจะมามุกไหน


“แหม ๆ ก็ ข้าวกล้อง ไงคะ มีประโยชน์จะตาย ข้าว-ก้อง แค่ชื่อรวมกันก็ความหมายดีแล้ว”

“คิดได้นะข้าว” ผมอดว่าไม่ได้

แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เหมือนกัน... ขนาดผมฝืนอดทนทำเป็นโกรธคุณนะพี ผมยังต้องเจอกับคนที่ทำให้ผมคิดถึงแต่คุณอีก เหนื่อยใจจริง ๆ...

...............



Create Date : 28 พฤษภาคม 2553
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 0:15:07 น. 4 comments
Counter : 574 Pageviews.  
 
 
 
 
ข้าวมาจากไหนคะเนี่ย เป็นมือที่ 3 หรือเปล่า
 
 

โดย: นา IP: 124.121.32.18 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:18:03:50 น.  

 
 
 
เอิ่มมม

ข้าวก้อง กันเลยทีเดียว .. =='

คุณพีรวิชญ์ .. จะว่าไงน๊าาาา

^^'
 
 

โดย: sky IP: 124.122.3.101 วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:45:57 น.  

 
 
 
น้องข้าวจะมาป่วนป่าวเนี่ย
 
 

โดย: minmin IP: 125.25.240.6 วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:16:00:40 น.  

 
 
 
จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย ชิมิ ชิมิ (น้องข้าว) ^___^".
 
 

โดย: lek^lek. IP: 223.206.239.118 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:5:25:10 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com