พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 พฤษภาคม 2553
 

ฟิค พีก้อง >> เมื่อไหร่ก็รักคุณ ตอนที่ 5 : เมื่อ.. เงาบาง ๆ ขวางกั้นความเข้าใจ

ตอนที่ 5

>>>>>>>

อีก 10 นาที 5 ทุ่ม.....

ผมปิดปากหาวเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว..ผมยกมือขึ้นป้ายหยดน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลจากหางตา เพราะผมฝืนทั้ง ๆ ที่ผมทั้งเหนื่อย แล้วก็ง่วงนอนเต็มที ..หนังสือที่เปิดค้างไว้ก็ยังค้างอยู่หน้าเดิม แต่ตัวหนังสือที่ผมพยายจะจะอ่านก็ดูพร่าเลือน จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจพับเก็บวางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแทนที่

ว่างเปล่า... ผมย่นคิ้วใส่เจ้าอุปกรณ์สื่อสาร เพราะชื่อที่ผมกดค้างไว้ มันก็ค้างอยู่อย่างนั้น ผมไม่กดโทรออก และมันก็ไม่ยอมเป็นชื่อสายโทรเข้า ซักที..

‘ไหนบอกจะโทรมาไง’ ผมได้แต่คิด

ผมชั่งใจอยู่ซักครู่ก่อนจะตัดใจ วางโทรศัพท์ลงที่เดิม บางทีพีอาจจะยุ่ง จะเหนื่อยจนไม่มีเวลา ผมพยายามที่จะเข้าใจ แต่ก็อดหงุดหงิดนิด ๆ ไม่ได้ อย่างน้อย ๆ โทรมาซักนิดก็ยังดี แต่ถึงจะหงุดหงิดไปก็เท่านั้น เพราะตอนนี้ห้องทั้งห้องของผม ผมก็ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจของตัวเอง!!

โคมไฟหัวนอนถูกผมกดสวิสต์ปิดได้ไม่นาน เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมลืมตัวคว้าโทรศัพท์ขึ้นมารับอย่างรวดเร็ว ถึงจะดีใจ แต่ก็อดไม่ได้...

“กว่าจะโทรมาได้นะ!!” ผมตอบรับเขาเสียงหนัก ๆ อย่างมีโมโห

เสียงปลายสายเงียบไป แค่นี้ไม่น่าจะทำให้พีเงียบได้นี่ หรือเขาจะแกล้งอะไรผมอีก!!

“พ..”

“ข้าวเอง พี่ก้อง”

เสียงใสที่สวนกลับมา ทำให้ชื่อที่ผมตั้งใจจะเรียกแต่แรก ถูกกลืนหายไปในลำคอ

“ข้าวเองเหรอ” แย่จริงเชียว!! ทำไมผมถึงสะเพร่าอย่างนี้นะ น่าจะดูชื่อก่อนที่จะรับโทรศัพท์แท้ ๆ

“ก็ข้าวน่ะสิคะ พี่ก้องคิดว่าใครล่ะค้าา” เสียงใสของข้าวปนหัวเราะอย่างเคย

“เปล่า ๆ ก็ไม่ได้คิดว่าใครนี่ ว่าแต่ข้าวมีอะไรรึเปล่า”

“ก็พอดี ข้าวเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าเมื่อตอนกลางวัน ข้าวลืมบอกพี่ก้อง ว่าพี่พีโทรมาค่ะ”

“เหรอ!! แล้วพีเค้าว่าไงบ้าง”

ผมรีบปรับหางเสียงให้เหมือนธรรมดา ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะหลุดน้ำเสียงที่กระตือรือร้น เกินไป ออกไปรึเปล่า

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ ข้าวบอกไปว่าพี่ก้อง มีปัญหาเรื่องคนไข้ต้องออกไปพบด่วน พี่พีเค้าก็วางสายไปเลยน่ะค่ะ สงสัยจะงานยุ่ง”

“งั้นก็คงไม่มีอะไรหรอก... ขอบใจข้าวมากนะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ยังอุตส่าห์โทรมาบอก”

“เล็กน้อยน่ะพี่ก้อง ว่าแต่พรุ่งนี้ไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอคะ” ข้าวถามผมอีกครั้ง

“เอ่อ.. พี่ ขอโทษจริง ๆ ข้าว ไว้งานหน้าแล้วกันนะ”

“อย่าทำเสียงเครียดสิพี่ก้อง ข้าวก็แค่ถามเล่น ๆ เองน่า พรุ่งนี้ข้าวจะดูเผื่อเยอะ ๆ แล้วจะเก็บทุกรายละเอียดมาเล่าให้ฟัง แถมขอลายเซ็นต์ศิลปินมาฝากให้ด้วยเลยค่ะ ไม่กวนแล้วล่ะ ฝันดีนะคะพี่ก้อง”

“อืม .. ขอบใจมากนะ”

ข้าวมีน้ำใจกับผมจริง ๆ เป็นคนอื่นแท้ ๆ ยังอุตส่าห์โทรมาบอก แต่กับคนที่เป็น.. นี่สิ ให้ยุ่งแค่ไหนเขาก็น่าจะบอกผม... ผมคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปรึเปล่า ที่คิดว่าพีจะเห็นผมสำคัญกว่าทุก ๆ เรื่อง ...


ไม่หรอก... ผมส่ายหน้ากับหมอน พีอาจจะเห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะเจอกันแล้วก็ได้.. ผมพยายามข่มตาหลับ ส่วนหนึ่งเพราะความง่วง อีกส่วนเพราะอยากจะหนี หนีความรู้สึกอึดอัดขัดเคืองใจนี่ไปซะ หวังว่าพรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมา ไอ้ความรู้สึกพวกนี้ก็จะหายไปจากหัวของผมซักที ...


………………….


ผมคิดผิด !!

เพราะจนถึงตอนนี้ ความรู้สึกชวนอึดอัดก็ยังเข้ามากวนใจผม และดูเหมือนว่ามันจะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่เช้า ที่พีมารับผมที่บ้าน ทั้ง ๆ ที่ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้ว ว่าจะเลิกคิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่...

“ก้อง เมื่อวานผมโทรหาคุณ คุณรู้รึเปล่า” พีถามผม ตอนที่เราอยู่กันสองคน บนรถ

“ก็รู้ ข้าวบอกผมแล้ว” ผมตอบไปตามจริง พยายามสะกดเสียงไม่ให้สะบัด
“งั้นเหรอ !! ”

พีเขาตอบผมมาแค่นี้ และเหมือนผมจะเห็นรอยยิ้มหยันประหลาด ๆ บนหน้าเขา เป็นอะไรไปล่ะเนี่ย ..


ผมไม่ได้คิดมากไปเองแน่ ๆ ที่รู้สึกว่าวันนี้พีแปลกไปกว่าทุกวัน ถึงแม้ว่าวันนี้เขาออกจะทำตัวดีกว่าปกติด้วยซ้ำ พีไม่กวนโมโหผม ไม่ทำ ไม่พูดอะไรให้ผมรู้สึกขัดใจ หรือรำคาญใจเลยซักอย่างเดียว…


แต่พีที่เป็นแบบนี้ ...ไม่ใช่พีรวิชญ์ที่ผมรู้จัก !!! ยิ่งเขาทำดีกับผมเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกแปลกใจมากไปเท่านั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคนกันแน่นะ...


แล้วยิ่งมาที่สนามแข่ง พีแนะนำผมให้เพื่อน ๆ ของเขารู้จัก ทั้งกลุ่มสาว ๆ ของแอนนา ที่ผมเคยเจอมาแล้ว และเพื่อนนักแข่งที่เป็นผู้ชายอีกสองสามคน ที่ผมไม่เคยเจอ ทุกคนมองผมด้วยสายตาประหลาด ชวนอึดอัด จนผมทำตัวไม่ถูก แอนนาถึงกับอุทานชื่อของผมออกมาด้วยซ้ำ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!


... แล้วคนคนเดียวที่ผมพอจะถามได้ก็กำลังซิ่งแบบไม่กลัวความเร็วอยู่กลางสนามแข่งซะแล้ว


แล้วหลังจากแข่งเสร็จ จนถึงตอนที่เรามาทานข้าวด้วยกันผมก็ยังไม่ได้ถามเขาอยู่ดี เพราะเพื่อน ๆ ที่อ้อมล้อมเขาอยู่ ผมจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก ผมนั่งอยู่ในวงสนทนาที่ผมแทบจะไม่มีส่วนร่วมด้วยเลย เพราะพอพีพูดกับผมหรือแสดงอาการเอาอกเอาใจผม ทุกคนในโต๊ะก็จะมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ ผมเลยตัดบทห้วน ๆ ไปซะทุกครั้ง และอาจจะเพราะวันนี้เป็นวันที่พีจะมาบอกลาสนาม ดังนั้นหัวข้อที่ทุกคนเอามาพูดถึง จึงวนเวียนอยู่กับเรื่องรถ หรือไม่ก็เรื่องความหลังตอนอยู่เมืองนอก กันซะส่วนใหญ่ ซึ่งกับคนที่ขับรถไม่เป็น และใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยมาตลอดอย่างผม แทบจะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดกันเลยซักนิดเดียว....


นี่น่ะเหรอ... โลกของพี !!!


“ความแตกต่างน่ะ นำมาซึ่งความไม่เข้าใจนะคะ...การที่คนเราต้องปรับตัวให้เข้ากับอีกคนตลอดเวลาน่ะ สักวันมันก็จะเหนื่อยและถึงจุดอิ่มตัว”

อยู่ ๆ คำพูดของข้าวก็ลอยเข้ามาในหัวผม นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัดกระอักกระอ่วนใจจนต้องขอตัวออกมาจากสถานการณ์ชวนอึดอัดนั้น


ผมวักน้ำล้างหน้า เพื่อขับไล่ความขุ่นมัวในใจ ก็พอดีได้ยินเสียงคนพูดคุยใกล้เข้ามา.. ผมจำได้ นั่นมันเสียงของเพื่อนพีนี่นา ผมไม่พร้อมที่จะเจอหน้าพวกเขาตามลำพัง ไม่รู้ว่าจะวางหน้ายังไง เลยแอบเข้าไปหลบในห้องน้ำ กะว่าจะรอจนพวกเขาออกไปซะก่อน


“ไม่อยากเชื่อเลยว่ะ !! ไอ้พีบอกจะพาแฟนมาเปิดตัว ข้าก็อุตส่าห์นะเว้ย นัดพวกแกมารวมตัวกันครบ คิดว่าจะเป็นสาวสวย โครตเอ็กซ์ ถึงเอาชนะแอนนาได้ ที่ไหนได้ กลายเป็นหนุ่มหน้าหวานซะงั้น 555++”

อึ่ก !! ผมสะอึกกับคำพูดที่ได้ยิน รู้สึกชาไปทั้งตัว นี่สินะ ที่มาของสายตาและท่าทางแปลก ๆ ของพวกเขา.......

ทำไมพีถึงทำแบบนี้... ทำไมเขาถึงไม่ถามผมซักคำว่าผมพร้อมรึเปล่า ทำไมเขาไม่คิดถึงจิตใจผมบ้าง.....


“ว่าได้เหรอวะ น่ารักออกขนาดนั้น เป็นข้าก็อดใจไม่ไหว เหมือนกันล่ะว้า ถ้าได้ก็อยากจะลองซักครั้ง แล้วเอ็งว่าไอ้พี มันจะเอาจริง หรือเล่น ๆ วะคราวนี้ แต่ถึงกับพามาเปิดตัวนี่ถือว่าไม่ธรรมดานะเว้ย ที่ได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่ามันหายไปอเมริกา ข้าว่าไปกับคนนี้ชัวร์ ทุ่มทุนขนาดนี้น่าจะตัวจริงซะล่ะมั้ง น่าสงสารแอนนาว่ะ ตามเฝ้าไอ้พีมาตั้งนาน”

“ไม่แน่หรอกเว้ย !! เอ็งก็รู้นิสัยไอ้คุณพี คนอย่างมันอยากได้อะไรต้องได้ ถึงต้องทำอะไร ลงทุนเท่าไหร่ก็ยอมทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าได้แล้วนี่สิวะ อีกเรื่อง....”

“เอาอย่างนี้... พนันกันมั้ยล่ะวะ ข้าว่าหมอก้องคนนี้ ของจริง 10 ต่อ 1 เลยเอ้า”

“ได้ !! ข้าว่าก็แค่ของชิ้นใหม่ที่มันอยากได้ อยากอวด เหมือนรถรุ่นใหม่ ๆ นั่นล่ะว้า ไม่เชื่อเอ็งคอยดู”

บทสนทนาหลังจากนั้นมันเป็นอะไรบ้าง สมองของผมมันไม่รับรู้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาที ที่พวกเขาเดินออกไปจากตรงนั้น ผมถึงเปิดประตูออกมา มองเห็นหน้าของผู้ชาย ที่พวกเขาพูดถึงยืนจ้องผมตอบอยู่ในกระจก


ผมไม่น่ารับปากว่าจะมาตั้งแต่แรก... ถ้าผมเลือกไปกับข้าวผมคงไม่รู้สึกแย่มาก ๆ แบบนี้...


แล้วตอนนี้จะให้ผมกลับเข้าไปนั่งร่วมกับพวกเขา โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรนี่นะ ผมทำไม่ได้....

..............................



ผมเดินผ่านเส้นทางที่ครั้งหนึ่งผมเคยเดินผ่านมา...

วันนั้นมีผู้ชายคนนึง วิ่งมารั้งตัวผมไว้ ในวันนั้นทั้งคำพูดเปิดเผยความในใจของเขา อ้อมกอดแบบไม่ได้ตั้งใจที่เรามีให้กันและกัน และนั่นมันก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมยอมรับความรู้สึกของเขา และยอม ให้กับความรู้สึกของตัวเอง ถึงวันนั้นผมจะมีความรู้สึกไม่มั่นใจ กล้า ๆ กลัว ๆ แต่ผมยังจำได้ดีถึงความรู้สึกอ่อนหวานละมุนละไม ที่เกิดขึ้นกับการตัดสินใจครั้งนั้น..


แล้ววันนี้... สถานที่เดิม แต่ความรู้สึกของผม ทำไมมันช่างหดหู่ สับสน และกังวลจนรู้สึกว่าร่างทั้งร่างมันหนักอึ้งขนาดนี้นะ...

ผมควรจะทำยังไงดีล่ะพี ผมกลัว !!!

“ก้อง !!” เสียงเรียกที่ไม่เบานั้นทำให้ผมหยุด

“ก้อง คุณจะไปไหนน่ะ ผมเห็นคุณออกมานาน เป็นห่วงเลยรีบตามมา แล้วนี่คุณเป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่า ผมแค่อยากกลับบ้าน” ผมก้มหน้าตอบเขาไปได้แค่นั้น

“อยากกลับบ้าน!! แล้วทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ คุณไม่สบายรึเปล่า หน้าซีด ๆ”

พียื่นมือเข้ามาจะสัมผัสหน้าผม แต่มือผมไวกว่า เพราะผมปัดมือของเขาออกจนพี ขมวดคิ้วมุ่น

“ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละพี!! ผมแค่เบื่อ !! ผมไม่น่ารับปากว่าจะมากับคุณตั้งแต่แรก!!” ผมตะโกนใส่หน้าเขาด้วยอารมณ์หลากหลาย ที่ประเดประดังเข้ามา

“เบื่อ!! งั้นเหรอก้อง !! ยังไม่มีใครทำอะไรคุณเลย คุณก็เดินหนีมาเฉย ๆ แบบเนี้ยะ เพื่อน ๆ ผมก็เป็นห่วงคุณ ทำไมอยู่ ๆ คุณถึงได้เป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ขึ้นมาได้!! บอกผมสิก้อง คุณเป็นอะไรของคุณ!!” น้ำเสียงของพีก็เริ่มมีอารมณ์เหมือนกัน ถึงดีกรีมันจะน้อยกว่าผม เพราะเขาพยายามสะกดกลั้นไว้ก็ตาม

เพื่อน ๆ เขานี่นะ เป็นห่วงผม !!

“ ผมไม่รู้พี !! แต่ผมทนนั่งร่วมโต๊ะกับคุณ กับเพื่อนคุณไม่ได้อีก ผมทนฟังไม่ได้อีก ผมอึดอัด!! คุณได้ยินมั้ย ว่าผมอึดอัด!!”

“อะไรนะ ก้อง !! คุณอึดอัด ที่ต้องอยู่กับผม!!! ต้องอยู่กับเพื่อนคุณงั้นหรอ คุณถึงจะสบายใจ วันนี้คุณฝืนใจมากใช่มั้ย ที่ต้องมากับผม แทนที่จะได้ไปที่ ๆ คุณอยากไป ใช่มั้ยก้อง !!”

พีตะโกนใส่หน้าผม นานมากแล้วที่ผมไม่เคยเห็นเขาแสดงอารมณ์ใส่ผมมากขนาดนี้ ทำไมกัน !!!


ผมพูดไม่ออก...และ พีก็หยุดพูดเหมือนกัน ถึงจะเป็นตอนกลางวันที่มีแสงแดดแจ่มจ้า แต่ผมรู้สึกว่าบรรยากาศที่ปกคลุมเราสองคน เหมือนมีหมอกทึบทึมมากางกั้น

เราสองคนยืนนิ่งกันอยู่อย่างนั้น แววตาพีที่มองมาที่ผม มีแววผิดหวัง แต่นั่นคงไม่เท่ากับที่สายตาผมบอกออกไปหรอก ว่าผมผิดหวังมากกว่าเขามากขนาดไหน!!


แท็กซี่ที่วิ่งตีโค้งเข้ามาพอดี ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด ผมอาจจะทำตัวโง่ ๆ อีกแล้ว.. ที่กำลังจะเดินหนีปัญหา แต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถที่จะคุยกับเขาได้ โดยที่ไม่ใช้อารมณ์เป็นตัวนำ


“คุณจะไปไหนก้อง!! คุยกันให้รู้เรื่องก่อน!!” พีพูดพร้อมกับเข้ามารั้งแขนผมไว้

“ปล่อยผมพี !!” ผมมองไปที่มือของเขาที่จับไว้ผมแน่น และไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย พอสบตาเขาก็เห็นสายตาที่แสดงว่าไม่ยอมแพ้ ฉายชัดออกมา


นี่สินะ.. คุณพีรวิชญ์ ที่อยากได้อะไรแล้วต้องได้ ...


ผมสะบัดแขนเต็มแรง จนหลุดจากการเกาะกุมของเขา ก้าวขึ้นแท็กซี่ แล้วบอกให้คนขับออกรถทันที ผมหลับตาลง พยายามไม่หันกลับไปมองข้างหลัง...

ทำไมผมถึงเหนื่อย ขนาดนี้กันนะ....

แล้วผมจะไปไหนดี... ถ้ากลับไปที่บ้านตอนนี้ แน่นอน!! ว่าพีจะต้องไปรอผมอยู่แล้วแน่ ๆ

แล้วผมพร้อมจะคุยกับเขาแล้วเหรอ... ยังหรอก ผมยังไม่พร้อม...


ผมหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา


“ฮัลโหล ข้าว ยังอยู่ที่แกลลอรี่รึเปล่า ...”

“…….”

“อืม.. ใช่ เสร็จธุระแล้ว เดี๋ยวพี่ตามไปนะ”


......................................................





Create Date : 28 พฤษภาคม 2553
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 0:13:45 น. 2 comments
Counter : 728 Pageviews.  
 
 
 
 
โอ๊ะ โอ๊ะ .. โอ้ววว .. ทะเลากันจนได้ .. =='

เศร้าจัง !!
 
 

โดย: sky ==' IP: 124.122.3.101 วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:46:32 น.  

 
 
 
จุดเริ่มต้นของความไม่เข้าใจ ซึ่งกันและกัน โอยปวดจายยยยย ให้มันได้ยังงี้สิ ^___^".
 
 

โดย: lek^lek. IP: 223.206.221.178 วันที่: 14 มิถุนายน 2554 เวลา:4:12:29 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com