พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 พฤษภาคม 2553
 

ฟิค พีก้อง >> เมื่อไหร่ก็รักคุณ ตอนที่ 4 : เมื่อ.. มีข้าวก้อง

ตอนที่ 4


“ขอบใจนะข้าว ขับรถดี ๆ ระวังตัวด้วย”

“สบายมากพี่ก้อง บ้านข้าวอยู่เลยไปแค่ 2 ซอยเอง ไม่ต้องห่วง ไปละนะคะ พรุ่งนี้เจอกัน อย่าลืมเตรียมขนมอร่อย ๆ ไว้ให้ข้าวด้วยนะ” ข้าวยิ้มทะเล้น ทวงของกินหน้าตาเฉย

“ฮื่อ..ไปได้แล้ว ไม่ต้องมาห่วงกิน” ผมพยักหน้า ให้ข้าวออกรถ มือบาง ๆ โบกลาผมไหว ๆ ก่อนรถคันเล็ก เหมาะกับคนขับจะเคลื่อนตัวออกห่างออกไป

ผมเปิดประตูรั้ว บ้านทั้งหลังมืดสนิท แต่ไฟในห้องนั่งเล่นยังคงเปิดอยู่ แสดงว่ามีใครบางคน ยังคงไม่นอน และ ใครคนนั้นก็อาจจะรอผมอยู่ก็ได้....
ผมเดินเข้าไปโดยพยายามให้ท่าทางปกติที่สุด ตั้งใจว่าจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปเฉย ๆ แต่คนเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนั้น กลับไม่ใช่คนที่ผมคิดไว้ว่าจะเจอ...

“อ้าว !! พี่แก้วยังไม่นอนเหรอ” ผมทักด้วยความประหลาดใจ ก่อนนั่งลงข้าง ๆ พี่แก้ว รินน้ำดื่ม เผลอกวาดตามองหาใครอีกคน

“พี่เพิ่งบอกให้พีเค้าไปนอนเองแหละ พอดีพี่นอนไม่ค่อยหลับ เลยอยู่รอก้อง”

“ก้องไม่ได้มองหาใครซักหน่อย” ผมพูดไม่เต็มเสียงนัก

“จริงน่ะ...งอนอะไรกันรึเปล่า พี่เห็นพีเค้าทำท่ากังวล แปลก ๆ ตั้งแต่เย็นแล้วนะ”

ถึงกับอยู่ไม่สุขเลยเหรอ คุณพีรวิชญ์ ผมก้มหน้า แอบอมยิ้มเล็ก ๆ

“ก้อง ! นี่ก้องแกล้งอะไรพี ใช่มั้ย” พี่แก้วถามเหมือนจับความรู้สึกผมได้ ผมอาจจะปิดคนอื่นได้ แต่กับพี่แก้วที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต ผมก็คงต้องยอมรับสารภาพ

“ก็นิดหน่อยน่ะ พี่แก้ว พีเค้าอยากมาหาเรื่องก้องก่อนทำไม” ผมตอบแค่นั้นก่อนหัวเราะน้อย ๆ ไม่อธิบายเหตุผลว่าไอ้นิดหน่อยน่ะ คือเรื่องอะไร

“ร้ายจริงนะเรา... ใครนะว่าก้องน่ะ นิ่ง ๆ เงียบ ๆ พี่จะค้านเต็มที่เลย ว่าที่จริงน่ะร้ายเงียบมากกว่า”
พี่แก้วโยกหัวผมเบา ๆ บรรยากาศอบอุ่นระหว่างพี่น้องของเราทำให้ผมยิ้มอย่างมีความสุข รู้สึกเหมือนตัวเอง เป็นแค่น้องชายตัวเล็ก ๆ ที่โดนพี่แก้วจับผิดได้ทุกครั้ง


แต่อยู่ ๆ พี่แก้วก็เงียบไป ก้มหน้า เม้มปากนิด ๆ นั่นแสดงว่าพี่แก้วกำลังไม่สบายใจ

“มีอะไรรึเปล่าพี่แก้ว”

“วันนี้พี่คุยกับแม่ ว่าหลังแต่งงานอยากให้แม่ กับพวกเราทุกคนไปอยู่ด้วยกันที่บ้านปอ แต่แม่ก็ยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่ ตอนนี้แม่ก็ยังไม่หายดี พี่ไม่สบายใจเลยก้อง รู้สึกเหมือนตัวเอง จะหนีไปมีความสุขคนเดียว” ปลายเสียงพี่แก้วสั่นนิด ๆ

“พี่แก้ว พูดอะไรยังงั้น แม่น่ะรักบ้านหลังนี้มาก ก็เลยไม่อยากจะย้ายไปไหนก็แค่นั้นเอง แล้วที่บ้านนี้นะ ก็ยังมีทั้งก้อง พี่ตุ่ม พี่เจ๋ง พวกเราดูแลแม่ได้ พี่แก้วไม่ต้องห่วง พวกเราน่ะผ่านจุดที่ทุกข์ใจที่สุดมาด้วยกัน ก้องเชื่อว่าแม่กับทุกคนดีใจ ที่พี่แก้วจะมีความสุขจริง ๆ ซักที แล้วอีกอย่างนะ พี่แก้วแต่งงานไปอยู่บ้านพี่ปอนะ ไม่ได้ไปไหนไกลซักหน่อย จะมาหาพวกเราเมื่อไหร่ ก็ได้นี่นา” ผมจับมือพี่แก้วไว้ ยิ้มอ่อนโยนปลอบใจ ทั้ง ๆ ที่ผมเองก็ใจหายอยู่ไม่น้อย ที่พี่แก้วจะย้ายออกไป

“ขอบใจมาก ก้อง” พี่แก้วรั้งตัวผมไปกอดไว้ สะอื้นเบา ๆ ผมกระชับอ้อมแขนกอดตอบพี่แก้ว ปล่อยให้ความรักความอบอุ่นระหว่างเราถ่ายทอดถึงกัน ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวคนนี้ที่ทำเพื่อครอบครัวมามากมายเหลือเกิน ตอนนี้หางตาผมก็รื้นไปด้วยรอยน้ำตา จนภาพอื่น ๆ ดูเบลอ ๆ ไปหมดแล้ว

“เราสองคนนี่ก็มากอดกันร้องไห้ เหมือนเด็ก ๆ ไปได้เนอะ”

“นั่นสิ.. พี่แก้วแหละ ทำให้ก้องร้องไปด้วยเลย ...จริงสิพี่แก้ว พรุ่งนี้มีไปไหนรึเปล่า ข้าวเค้าจะแวะเอาแบบการ์ดมาให้ดู”

“ช่วงบ่ายพี่ว่าง ข้าวนี่มีน้ำใจจริง ๆ งานที่โรงพยาบาลก็หนักอยู่แล้ว ยังจะมาช่วยพี่อีก”

“ก้องก็ว่างั้นแหละพี่แก้ว แต่ข้าวเค้ายืนยันว่าอยากทำจริง ๆ แล้วอีกอย่างไอเดียข้าวก็น่ารักดี ไม่ซ้ำใครด้วย ก้องเห็นตัวอย่างแล้วยังชอบเลย พรุ่งนี้พี่แก้วก็ชวนพี่ปอมาเลือกด้วยกันเลยนะ”

“ขอบใจมากนะก้อง มัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งพี่ แล้วยังไปแกล้งพีเค้าอีก เค้าไม่น้อยใจแย่เหรอ”

“ก้องกับทุกคนน่ะเต็มใจทำให้พี่แก้ว แล้วพีน่ะ เค้าคงไม่น้อยใจง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอกมั้ง”

ผมตอบพี่แก้ว แต่ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน ดูอย่างวันนี้ก็ไม่ยอมอยู่รอ...


“ก้อง พี่ดีใจนะ... ที่ในที่สุดก้องก็มีคนที่ก้องจะเปิดใจ จะวางใจ ที่จะแสดงทุกความรู้สึกของก้องอย่างตรงไปตรงมากับคนคนนั้นได้ แต่ความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะก้อง พี่มั่นใจ ว่าก้องกับพีน่ะมั่นคงต่อกัน แต่บางครั้งเรื่องที่เราคิดว่ามันเล็ก ๆ บางทีมันก็ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ อย่าเอาแต่ใจให้มากนัก รักษาช่วงเวลาแห่งความรักให้ดีที่สุด ต่อไปถ้าเกิดมีปัญหาอะไร จะได้ใช้ช่วงเวลาดี ๆ เหล่านี้มาเป็นตัวประสานได้ ในสายตาพี่ พี่วางใจว่าพีเค้ารักและให้ความสำคัญกับก้องมากก ก้องก็ต้องเหมือนกัน ต้องให้ความสำคัญกับพีให้มาก ๆ นะเข้าใจมั้ย ”

พี่แก้วพูกแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกผิดในใจ ยังไงไม่รู้ นี่ผมดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับพีเค้าเท่าที่ควรเหรอ !!

“พี่แก้วก็รู้ ว่าก้องแสดงออกไม่เก่ง…แต่ถึงยังไง ก้องก็ให้ความสำคัญกับพีมากนะ จนบางทีรู้สึกว่าพีมีความสำคัญมากซะจน ...จนก้องเองยังไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงเลยพี่แก้ว” ผมพูดเอง เขินเอง ได้แต่ก้มหน้านิ่ง

พี่แก้วหัวเราะ เอามือเล็กบาง ตบลงบนบ่าผมเบา ๆ

“หวานจัง...ก้อง พูดให้พี่ฟังแล้ว ก็อย่าลืมพูดให้คนสำคัญของก้องฟังด้วยล่ะ เค้าจะได้ชื่นใจ”

พี...คุณต้องขอบคุณพี่แก้วแล้วล่ะ เพราะคำพูดของพี่แก้ว ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเลิกโกรธคุณก็ได้
ยังไงๆ ซะ... ผมก็ต้องให้ความสำคัญกับคนสำคัญที่สุดของตัวเอง อย่างที่พี่แก้วบอกล่ะนะ...

..................


จะแปดโมงอยู่แล้ว แต่คนในห้องก็ยังไม่ออกมา ผมลังเลอยู่หลายรอบว่าจะเคาะประตูหรือจะรอต่อไปดี ก็พอดีกับที่ประตูบานนั้นเปิดออกมา

“ก้อง..” ใบหน้าคมคาย หมดจดสะอาดสะอ้านมีแววประหลาดใจ ที่เห็นผมยืนอยู่หน้าห้องเขา

“คุณมารอผมเหรอ”

“ฮื่อ..” ผมตอบเขาเพียงแค่นั้น แล้วทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ เดินนำเขาลงไป แต่แทนที่จะไปที่โต๊ะอาหารเหมือนทุกที ผมกลับเดินนำเขาออกไปที่สวนหลังบ้าน

“คุณตื่นสายนะพี ผมหิวจะแย่..แม่กับพี่แก้ว ออกไปทำธุระข้างนอก บ่าย ๆ คงจะกลับ คุณจะทานข้าวมั้ย หรือจะดื่มชา”

“ชา ก็ได้ก้อง เอ่อ...คุณ” พีรับชาที่ผมรินให้ นั่งลงบนเก้าอี้ แต่ก็ยังมองมาที่ผมด้วยสายตามีคำถาม

“มองอะไรล่ะพี ดื่มไปสิ เดี๋ยวก็เย็นหมด” พีขมวดคิ้วน้อย ๆ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูด นั่งดื่มชาต่อไปเงียบ ๆ
ผมเองก็ทานข้าวเช้าของผมไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน การที่เราสองคนได้นั่งทานอาหารเช้าด้วยกันเงียบ ๆ บนโต๊ะไม้สีขาว บรรยากาศยามเช้าที่มีแสงแดดสาดเข้ามาอ่อน ๆ พอให้อบอุ่น ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงชีวิตที่สงบ สุข และสบายใจ การที่ได้อยู่กับคนที่รัก แม้ไม่ต้องมีคำพูดซักคำ มันก็ทำให้อบอุ่นเหมือนแสงแดดตอนเช้าส่องเข้าไปถึงหัวใจแบบนี้นี่เอง ผมอยากให้เวลาแห่งความสุขอยู่กับเราสองคนไปตลอดจริง ๆ....

ง่ะ !! ผมตกใจกับความคิดตัวเอง นี่ผมคิดไปไกลถึงขนาดอยากอยู่ด้วยกันกับพีแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...


อยู่ ๆ หัวใจผมก็เต้นแรงขึ้นมา และคาดว่าหน้าผมคงจะแดงตามไปด้วย เมื่อก่อนผมมักจะหน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้กับคำพูดและการกระทำของพี แต่ตอนนี้แค่มองเขาเฉย ๆ ผมก็ใจเต้นแรงขึ้นมาได้แล้ว .... เรื่องนี้จะให้พีรู้ไม่ได้เด็ดขาด !!!

ผมดื่มน้ำ แล้วลุกขึ้น หันหลังให้พี ทำทีเป็นเดินดูต้นไม้ ใบหญ้า ไปเรื่อยเปื่อย

“ก้อง..”

จะเรียกทำไมตอนนี้!!

“คุณไม่โกรธผมแล้ว.....ใช่มั้ย” การที่ผมลงทุนจัดโต๊ะกลางสวน แล้วชวนคุณมากินข้าวเช้ากัน 2 คน ในบรรยากาศ แบบนี้ มันชัดเจนไม่พอหรือไง ยังจะถามทำไมอีก...

“ฮื่อ...”

“จริงนะ” ทำเสียงร่าเริงขึ้นมาเชียวนะ !

“หรือว่าอยากให้โกรธ ก็ได้นะ” สงสัยคุณพีรวิชญ์เค้าคงอยากให้ผมโมโหก่อน ถึงจะพอใจ

“ผมดีใจจัง...”

พร้อมกับคำพูดนี้ ผมก็รับรู้ได้ถึงน้ำหนักของข้อศอกเท้าลงบนไหล่ผม พียิ้มหน้าทะเล้นเข้ามาใกล้ ๆ ใกล้ซะจนผมได้กลิ่นหอมสะอาดจากร่างกายของเขาได้ชัดเจน

“รู้มั้ยก้อง คุณโกรธผมวันนึงน่ะ ผมรู้สึกว่ามัน น้าน... นาน ผมทำงานก็ไม่มีสมาธิ กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ”
ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อน...นอนไม่หลับเหรอ ฮึ !! เมื่อคืนกลับมาผมก็ไม่เห็นหน้าคุณ อย่ามาพูด...

ผมเบี่ยงไหล่ให้แขนของคนชอบพูดเกินจริงตกลงข้างตัวอย่างเคือง ๆ

“เว่อร์แล้วพี”

“จริง ๆ นา แล้ว...แล้วก็รูปนั้นน่ะ ถ้ามันทำให้คุณไม่สบายใจจริง ๆ ผมคืนให้ก็ได้นะ” น้ำเสียงของพีจริงจังขึ้น มันทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ ที่เขาให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผมมากซะขนาดนี้...

“ช่างเถอะ !! ผมบอกแล้วไงว่าไม่เอาคืน อยากได้ก็เอาไป รูปเด็ก ขี้ก้างก็ขี้ก้าง”

“อย่ามาว่ารูปน้องก้องบดินทร์ของผมนะ ก้อง” พูดมาได้นะ น้องก้องบดินทร์ของผม

“ฮึ !! หลงรูป”

“ตัวจริง...ผมก็ทั้งรัก ทั้งหลง จนไม่รู้จะทำไงดีแล้วคร้าบบบ”

ไม่แค่พูด !! พียังใช้จังหวะที่ผมไม่ทันตั้งตัว รั้งตัวผมเข้าไปกอดแรง ๆ อย่างกับหมั่นเขี้ยวอะไรนักหนา ...
เนียนอย่างไว เหมือนเดิมนะคุณพี!!!

แต่... ผมก็ไม่ได้เจอเขาตั้งหลายวัน แล้วเมื่อวานยังโมโหซะจนแทบไม่ได้คุยกันอีก ถ้าผมจะแกล้งทำเป็นเฉยกับอาการมือไวของเขาบ้าง...ก็คงไม่เป็นอะไรมั้ง...

...เพราะ ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษความคิดถึงในใจนี่ต่างหาก ... เพราะมันสั่งให้ผมยกแขนขึ้นโอบตอบเขาเบา ๆ ในที่สุด

___________


“พอได้แล้วพี” ผมดันตัวเองออกห่างจากตัวเขา พียอมคลายอ้อมกอด แต่เปลี่ยนมาเป็นจับมือผมบีบกระชับแทน เราสองคนยืนจับมือกันนิ่ง ๆ อยู่ซักพัก ก่อนที่พีจะพูดทำลายความเงียบขึ้น

“เมื่อคืนใครมาส่ง เหรอก้อง”

อ้าว !! เห็นด้วยเหรอ สรุปว่าเขาอยู่รอผมอย่างนั้นสินะ!!

“น้องที่ทำงานน่ะ พอดีบ้านเค้าก็ต้องผ่านทางนี้เหมือนกัน เลยแวะมาส่ง”

“เหรอ !! ผมเป็นห่วงก็เลยอยู่รอ โทรศัพท์คุณก็เสียติดต่อไม่ได้ เมื่อไหร่จะซ่อมเสร็จล่ะ”

“วันจันทร์ก็คงได้แล้วมั้ง คนที่ทำเสีย เค้าจะเอามาคืนให้เอง” ผมพูดขำ ๆ เพราะนึกไปถึงสาเหตุที่โทรศัพท์ผมต้องส่งซ่อม ตั้งหลายวันแบบนี้

เอ๊ะ !! เหมือนพีจะทำหน้ายุ่งนิด ๆ ก่อนจะจางหายไป หรือว่าผมจะคิดไปเอง

“ผมว่าซื้อใหม่เลยดีมั้ยก้อง.. แล้วเรื่องกลับบ้านดึกอีก คุณอยู่เวรไม่เป็นเวลาผมเป็นห่วง หารถขับไปทำงานซักคันไม่ดีกว่าเหรอ”

พีพูดก็ถูกนะ แต่ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่พร้อม ในหลาย ๆ อย่าง


“ผมก็คิดเหมือนกันน่ะแหละพี แต่ตอนนี้แม่ก็ยังไม่หายดี ผมอยากเก็บเงินไว้ก่อนมากกว่า แล้วอีกอย่าง ผมก็ขับรถไม่เป็นด้วย...” ก็น่าอายเหมือนกันนะ ผู้ชายอายุขนาดผม แต่ยังขับรถไม่เป็นนี่

“นี่ใคร ก้อง” พีใช้นิ้วของเขา ชี้ไปที่หน้าตัวเอง ยิ้มมุมปาก ทำหน้าตากวนอารมณ์ แถมยักคิ้วให้ผมอีกแน่ะ จะมาแบบไหนอีกเนี่ย !!

“คุณความจำเสื่อม เหรอพี ถึงเกิดจำตัวเองไม่ได้ขึ้นมากะทันหันน่ะ”

“โห!! ก้อง หมดกัน !! ผมแค่จะบอกคุณว่า ที่ยืนอยู่หน้าคุณตอนนี้ คือ นักแข่งรถมือหนึ่งนะครับ ไม่ต้องห่วง เรื่องขับรถไม่เป็น ผมจะเปิดคอร์สพิเศษสุด สอนคุณเอง .....”


.......................................



“มือนิ่ง ๆ สิก้อง !! มองทางข้างหน้าด้วย... คุณจะหันมาทำตาขวางใส่ผมทำไมเนี่ย เดี๋ยวรถก็คว่ำหรอก”

“ก็แล้วมือคุณน่ะ มาจับขาผมทำไมล่ะ เอาออกไปเลย”

“อ่าว..เหรอ ผมไม่รู้ตัวเลยนะนี่!!!”

...

“คุณเอามือออกได้มั้ยพี ... โอบไว้แบบนี้ ผมขับไม่ถนัดนะ”

“มันเป็นหนึ่งในหลักสูตรนะก้อง ผมก็แค่ช่วยประคองพวงมาลัย”

“พี!!! ”

“โอเค้ !! เอาออก ก็เอาออก สอนวิธีนี้ไม่ชอบ งั้นผมสอนวิธีลัด หลักสูตรเร่งรัดให้เลยเอามั้ย”

“ยังไง!!”

“ก็ให้นักเรียนนั่งซ้อนคุณครู จับพวงมาลัยด้วยกัน เหยียบคันเร่งด้วยกัน สอนแบบตัวต่อตัว คนต่อคน รับรองเป็นเร็ว”

...


ผมเหยียบเบรก จนคนที่ตั้งตัวเองว่าเป็นครู หัวคะมำ...
คุณครู ที่ตอนนี้ ผมขอต่อให้ว่า ครูที่ไม่มีความบริสุทธิ์ใจในการสอนเลย แม้แต่นิดเดียว
สมน้ำหน้า !!..

“เลิกพี!!! ผมไม่รงไม่เรียนมันแล้ว แล้วถ้าต่อไปผมอยากจะเรียน ผมจะไปสมัครเรียนเอาเอง!!”
ผมผลักประตูลงจากรถไปอย่างหัวเสีย....ผมไม่น่า หลงกลเขาเลย ...

“ไม่ได้!!” พีเปิดประตูตามลงมา พูดเสียงดังลั่น .... นี่ยังกล้ามาขึ้นเสียงกับผมอีกเหรอ..

“ทำไม!!”

“ก็เรื่องอะไร ผมจะยอมให้ใครมาเกาะแกะ สอนขับรถ ถึงเนื้อถึงตัวคุณได้ล่ะ”

โห!! เค้าคิดไปได้...

“ประสาท!! ไม่มีใครเค้าทำแบบคุณหรอก”

“ว่าได้เหรอ ผมไม่เชื่อหรอก ว่าใครได้ไกล้คุณแล้วจะอดใจไหว”

“ฮึ่ย!!!” ผมว่าจะเลิกทำท่า ทำเสียง แบบนี้แล้วเชียว เพราะทำทีไร รู้สึกมันจะเป็นที่ถูกอกถูกใจคุณพีรวิชญ์เขาทุกที แต่มันอดไม่ได้จริง ๆ

แล้วจริงไหมล่ะ นั่น!!! หัวเราะร่วนเชียว...


“โอเค ๆ ก้อง ผมสัญญาต่อไปผมจะสอนคุณดี ๆ แล้ว คุณซื้อรถขับเอง เถอะ”

แต่ปัญหาของผมมันไม่ได้มีแค่ เรื่องขับรถไม่เป็นอย่างเดียวน่ะสิ เฮ้อ...

“ผมเข้าใจว่าคุณอยากเก็บเงินไว้ เผื่อค่าใช้จ่ายของแม่มากกว่า ไม่เป็นไรหรอกก้อง เดี๋ยวผมซื้อให้คุณเอง โทรศัพท์ด้วย ซื้อใหม่เถอะนะ นะ”

ผมตวัดตามองเขาทันที นี่พีเขาคิดว่าผมเป็นคนยังไง....คิดว่าผมจะรับของจากเขาได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ ผมก็มีศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกันนะ


“ไม่แถมบ้าน กับแหวนเพชรด้วยล่ะพี!!! คุณเห็นผมเป็นยังไง ผมไม่ใช่เด็กเสี่ยนะ จะได้คอยให้ใครมาซื้อโน่นซื้อนี่ให้!!!” ผมเสียงดังใส่เขาอย่างเหลืออด แต่ปฏิกริยาที่ได้รับกลับ


พรืด!!!!............พีหัวเราะลั่น แต่ผมไม่ขำนะ..


“ขอโทษ ๆ ก้อง เอาล่ะ ๆ ผมไม่ได้คิดจะดูถูกอะไรคุณเลยนะ ผมแค่เป็นห่วงคุณ และมันก็เป็นหน้าที่ของผมไม่ใช่เหรอ ที่จะต้องดูแลคุณอย่างดีน่ะ” ผมสบตาเขา และจากสายตานั้นผมก็มั่นใจว่าเขาคิดอย่างที่เขาพูดจริง แต่ถึงยังไงผมก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เฮ้อออ.. ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ถ้าคุณยังไม่สบายใจ เอายังนี้แล้วกัน ผมซื้อให้ก่อน แล้วคุณค่อยผ่อนให้ผมแล้วกัน รับรองผมคิดครบทุกบาททุกสตางค์ จะแถมดอกเบี้ยให้ผมก็เอานะ โอเคมั้ย ........หนูก้อง”


ตอนแรกผมก็รู้สึกดีขึ้นอะนะ แต่ “หนูก้อง” นี่สิ !!

“พี!!”

“อ้าว !! ก็คุณพูดเองนี่ว่าเป็นเด็กเสี่ย แต่..ผมว่าเข้าท่าดีนะ.. คุณเป็นหนูก้อง เด็กเสี่ยพี น่ารักดีจะตาย”

“เชิญคุณบ้าไปคนเดียวเถอะพี ผมไม่เอาด้วยหรอก”

ผมถลึงตาใส่เขาแบบเคือง ๆ หันหลังจะเดินกลับ แต่พีก็ตามมาคว้าข้อมือผมไว้ได้ซะก่อน...ผมตั้งใจจะหันมาเหวี่ยงใส่เขาอีกรอบ..

ปี๊น ปี๊น !!..... เสียงแตรรถดังแทรกเข้ามาซะก่อน ทำให้ผมต้องหันไปดู แล้วก็ได้เห็นรถและคนขับที่คุ้นตา

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ พี่ก้อง”

ข้าวนี่!!! จริงสินะ ผมลืมไปซะสนิทเลย ว่าวันนี้นัดกับข้าวกับพี่แก้วเอาไว้........


.........................


“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ พี่ก้อง”
เสียงใสของผู้หญิง ดึงความสนใจให้ผมกับก้องหันไปมองทางต้นเสียงพร้อม ๆ กัน ร่างที่ก้าวลงจากรถสีขาวแล้วเดินเข้ามาหาผมกับก้องนั้น มีใบหน้าใสน่ารัก เหมือนเด็ก ๆ กับผมยาวเป็นลอนอ่อน ๆ ที่ถูกรวบสูงขึ้นไป หน้าตาแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ ผมจำไม่ผิดแน่.... นี่มันผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้ก้องผิดเวลากับผมที่งานเลี้ยงเมื่อวันก่อนแน่ ๆ !!

“พี่มาหัดขับรถน่ะ โทษทีนะ เดี๋ยวขับรถไปที่บ้านพี่เลยละกัน” ก้องพูด พร้อมกับที่ผมรับรู้ถึงแรงบิดออกของข้อมือของเขา จากการเกาะกุมของผม...

“นี่ไม่ได้หมายความว่าลืมนัดข้าว หรอกนะพี่ก้อง ไม่งั้นมีงอน”
ผู้หญิงที่ตอนนี้ ผมรู้แล้วว่าชื่อ “ข้าว” พูดพลางใช้กำปั้นเล็ก ๆ ชกที่ต้นแขนก้องเบา ๆ เป็นเชิงหยอก


‘สนิทกันขนาดนี้เชียว!!!’


“แล้ว..เอ่อ... ครูสอนขับรถหรือคะ” หน้ากลมโตนั้นมองมาที่ผม ก่อนหันไปมองก้อง ด้วยสายตาที่มีคำถาม

“ไม่ใช่ครูหรอก...” เสียงก้องสะบัดนิด ๆ ท่าจะยังไม่เลิกงอน เรื่องวิธีการสอนแบบพิเศษของผม

“นี่ พี่พีรวิชญ์ เพื่อนพี่” ก้องแนะนำ แต่รู้สึกมันขัดหูจังน้าาา... คำว่า “เพื่อนพี่” นี่..

“สวัสดีครับ เรียกพี่พี ก็ได้นะ เพราะพี่น่ะ เป็นเพื่อน ‘สนิท’ ของพี่ก้อง” ผมส่งรอยยิ้มเป็นมิตร พูดทักทายอย่างเป็นกันเองไปให้...

“ข้าวค่ะ .... เป็นน้อง ... น้องคนสนิท ที่ทำงานพี่ก้องค่ะ ดีใจจังที่ได้รู้จักเพื่อนพี่ก้อง” น้องข้าวพูดแนะนำตัวล้อเลียนผมอย่างเป็นกันเอง ยกมือใหว้ผมอย่างมีมารยาท กับส่งรอยยิ้มน่ารักมาให้.. รอยยิ้มน่ารักที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรแอบแฝง แต่ทำไมกันนะ ผมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะโดน...ลูบคม..

“ไปแนะนำกันต่อที่บ้านดีกว่านะ ตรงนี้มันร้อน ไปเถอะพี” ก้องเสนอขึ้นมา ผมกับน้องข้าวก็เลยต้องแยกย้ายกันไปรถใครรถมัน แต่ที่สำคัญ ก้องมารถผม


………………


ผมกับก้อง และ “แขก” มาถึงบ้านแล้ว แต่ว่า พี่แก้วและคนอื่น ๆ ยังไม่มีใครกลับมาถึง ก้องขอตัวไปโทรศัพท์หาพี่แก้ว ก็เลยตกเป็นภาระของผมที่ต้องทำหน้าที่ดูแล แขก ที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับแล็บท็อป และกระดาษหลายแผ่นตรงหน้า

“น้ำครับ น้องข้าว”

“เรียกข้าว เฉย ๆ ดีกว่าค่ะ พี่พี ฟังดูกันเองดี พี่พีเป็นเพื่อนสนิทพี่ก้อง ก็ถือว่าเป็นเพื่อนของข้าวด้วย ...ได้ใช่มั้ยคะ”
เล่นกันง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอครับ น้องข้าว !!!

ผมรู้สึกแปลกๆ .. แต่ถึงจะแปลกยังไง ก็ต้องยอมรับว่ารอยยิ้มกว้างขวางที่ส่งมาพร้อมกับคำพูดนี้ ส่งให้ผู้หญิงคนนี้ดูน่ารัก และมีเสน่ห์มากทีเดียว .. มาก จนผมรู้สึกไม่สบายใจ

“พี่พีดูคุ้นกับบ้านนี้จังเลยนะคะ..” ผมพยายามจะจับความผิดปกติจากคำถามนั้น แต่ก็ไม่เจอ มันเหมือนกับคำถามชวนคุยทั่ว ๆ ไปมากกว่า แต่ถึงจะยังงั้นผมก็ไม่ควรประมาท ....

“ใช่ครับ บ้านนี้ก็เหมือนบ้านพี่ และพี่เองก็เหมือนลูก...คนนึง ของที่นี่ไปแล้วล่ะ” ผมพูดปนหัวเราะ แต่ถ้าพูดได้ โดยไม่กลัวลูกบ้านนี้ตัวจริงจะโกรธ ผมก็จะบอกไปแล้วล่ะ ว่าที่จริงผมน่ะเป็นว่าที่ เขยเล็ก ของบ้านนี้ต่างหาก… หึหึ

“แหม!! ดีจังเลยเนาะ ข้าวล่ะ อิจฉ้า อิจฉา นี่ใช่มั้ยคะ ที่เขาเรียกกันว่า มิตรภาพของลูกผู้ชาย”

เข้าใจไปอย่างนั้น เหรอครับ!! แต่พี่ ไม่ได้ต้องการจะสื่อแบบนั้นนะ !!!

“ก็คล้าย ๆ อย่างนั้นละมั้งครับ”

ที่จริงน่ะ เค้าเรียกว่า ความสัมพันธ์ของคนรักกัน ตะหากล่ะครับ น้องข้าว!!!


“เป็น ‘เพื่อน’ สนิทกันอย่างนี้ พี่พีคงรู้เรื่องพี่ก้องเยอะสินะคะ แอบเล่าความลับของพี่ก้องให้ข้าวฟังบ้างสิคะ นะคะ” น้องข้าวทำท่ากระซิบกระซาบ

“ถ้าเป็นความลับของก้อง พี่ก็คงเล่าไม่กล้าเล่าให้ ‘คนอื่น’ ฟังหรอกครับ ถ้าก้องเขายังไม่อนุญาต” ผมตอบทีเล่น ทีจริง

“นั่นสินะคะ..พี่ก้องน่ะชอบทำเป็นเงียบ ไม่ค่อยยอมพูดเรื่องของตัวเองเท่าไหร่ นอกจากคนสนิทจริง ๆ เท่านั้นสินะ..... แต่ว่าพี่พีคะ ข้าวกับพี่ก้องน่ะก็มีความลับร่วมกันอยู่เหมือนกันน้าาา แต่ข้าวไม่เล่าให้พี่พีฟังหรอกค่ะ...ฮ่า ฮ่า”
ความลับร่วมกัน งั้นเหรอ!!!! อีกครั้งแล้ว ที่ผมรู้สึกขัดหู และคราวนี้นอกจากขัดหูแล้ว มันยังรู้สึกขัดใจ..ขัดใจมาก ๆ ด้วย...


“เอ่อ !! พี่พีคะ พี่พีรู้รึเปล่าคะ ว่าวันหยุดหน้า พี่ก้องเค้าจะไปทำอะไรรึเปล่า ข้าวน่ะ เตรียมโปรแกรมไว้เซอร์ไพรส์พี่ก้อง แต่กลัวว่าถ้าถามเอง พี่ก้องจะรู้ตัวซะก่อน พี่พีพอรู้บ้างมั้ยคะ”

ถ้าให้ตอบตามจริง ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน

แต่ !!! เอาชื่อพีรวิชญ์เป็นประกันได้เลย ว่าวันหยุดหน้า คุณก้องบดินทร์จะไม่ว่าง.... ไม่มีทางว่างไปร่วมโปรแกรมอะไรกับใครทั้งนั้น!!!!


ผมยังไม่ทันจะตอบคำถามของน้องข้าว บุคคลที่สามที่เราสองคนพูดถึงก็กลับเข้ามาซะก่อน...

“พี่แก้วกำลังจะมาถึงแล้วล่ะข้าว พี่ขอโทษนะที่ต้องให้รอ แล้วนี่คุยอะไรกันอยู่ ท่าทางสนิทกันเร็วดีนี่ 2 คนนี้”
ก้องพูดยิ้ม ๆ

คุณมองว่าอย่างนั้น หรอ ก้อง !!! แต่ผมเปล่านา !!


“ไม่บอกหรอกค่ะพี่ก้อง ว่าคุยอะไรกัน เพราะข้าวกับพี่พี กำลังแอบเมาท์ พี่ก้องกันอยู่” ข้าวพูดปนหัวเราะ แต่คนที่ได้รับสายตาพิฆาตจากก้อง กลับเป็นผมนี่ ต่างหาก!!!

“คุณนินทาอะไรผม หรือพี!!”

“ผม...” ผมกำลังจะบอกว่าผมยังไม่ได้ พูดอะไร แต่...


“ข้าวล้อเล่นน่ะ พี่ก้อง ร้อนตัวนะเนี่ย”

เอ่อ ! น้องข้าว ครับ.. จะปล่อยให้พี่ตอบพี่ก้องเองบ้างก็ได้นะ!!!!


“ข้าวน่ะไม่ชอบนินทาหรอกพี่ก้อง ชอบพูดต่อหน้ามากกว่า .. พี่พีรู้มั้ยคะ ที่แผนกน่ะเขายกให้ข้าวกับพี่ก้อง เป็นคู่หู ข้าวกล้อง ข้าว-ก้อง เลยนะ ใคร ๆ ก็ว่า หมู่นี้พี่ก้อง ร่าเริงขึ้น เพราะได้คู่หูดี ๆ อย่างข้าว จริงมั้ยคะพี่ก้อง”
“เล่นไม่เลิกนะข้าว” ก้องเอ็ดไม่จริงจัง ออกจะปนเสียงหัวเราะซะมากกว่า

ข้าวกล้องงั้นเหรอ!! ผมว่ารสชาติมันคงฝืด เฝื่อนคอ ไม่เหมาะที่ก้องจะทานหรอก ทานน้ำเต้าหู้ยังจะมีประโยชน์ดีซะกว่า เฮอะ..


“เฮ้อ...เมื่อยจังน้าาา” ผมแกล้งบ่น แล้วใช้มือพาดโอบโซฟาตรงที่ก้องนั่งอยู่ มั่นใจว่าจากมุมที่อีกคนนึงนั่งอยู่ต้องมองเห็นเป็นว่า ผมกำลังโอบก้องไว้แน่ ๆ แล้ว.....วันนี้โชคดีเป็นบ้า เพราะคุณก้องบดินทร์น่ะน่ารักเป็นพิเศษ ไม่หันมาทำตาดุ หรือเหวี่ยงใส่ผมเลยแม้แต่นิดเดียว...เอ!! หรือก้องคิดเหมือนผมกันนะ ว่าควรจะแสดงให้เห็นชัด ๆ กันไปเลยว่าของใครเป็นของใคร ...คนนี้น่ะมันเด็กเสี่ย ครับน้องงง..หึ หึ...

“พี่ก้องอะ ไหนบอกว่าจะเลี้ยงขนมข้าวไง ไม่เห็นจะมีเลย ข้าวหิวจะแย่แล้วนะค้าาา !!”

“ห่วงกินจริงข้าว ... รอแป๊ปนึงละกัน” ก้องพูดปนยิ้ม ปนหัวเราะ เหมือนจะมีแววเอื้อเอ็นดู... แล้วลุกขึ้น ลุกขึ้นไปเฉยเลย...


ห๊ะ!!


ค้าง!!!!!!! อาการของผมตอนนี้ คงจะบรรยายได้ด้วยคำนี้เท่านั้น ............

เห็นตาแป๋วที่มองมา ผมเลยต้องแกล้งทำเป็นบิดไล่ความเมื่อยอีกครั้ง แล้วชักมือกลับมาจับต้นคอ จับหน้าผากไปเรื่อย อย่างไม่รู้จะทำยังไงดี..

“เป็นอะไรไป รึเปล่าคะพี่พี” น้องข้าวยิ้ม พร้อมเลิกคิ้วถาม ทำหน้าตาใสซื่อ

เชื่อ .... ผมพยายามเชื่อ ว่ารอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้น่ะ มาจากใจริง ไม่มีเจตนาแอบแฝง และพยายามจะเชื่อด้วย ว่าผมหูฝาด...หูฝาดที่คิดว่าได้ยินเสียงหัวเราะเล็ก ๆ นั่น...

..........................

“ข้าว พี่ขอโทษนะ ที่ต้องให้รอ”

เสียงพี่แก้วดังเข้ามาขัดจังหวะ ช่างเป็นการขัดจังหวะ ที่ถูกที่ ถูกเวลาจริง ๆ เพราะพอเห็นว่าพี่แก้ว กับแม่ฟอง แล้วก็พี่ปอกลับมาแล้ว ผมก็เลยได้โอกาสเข้าไปหาก้อง เพื่อช่วยเตรียม ขนม ไปให้คนที่ “หิวจะแย่” ทาน ก่อนที่จะมีใครทำให้เขา “แย่” ไปจริง ๆ

ก้องจัดขนมใส่จานไว้หน้าตาน่ากินน่าดู ... แค่คิดว่าขนมพวกนี้ถูกจัดเพื่อจะให้กับคนอื่นแล้ว ผมก็รู้สึกร้อนขึ้นมาที่ใจยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่เรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ มันจะทำให้ผมรู้สึกขัดอกขัดใจได้มากมายขนาดนี้


“น่ากินจังเลยก้อง ผมขอชิมหน่อยนะ” ผมใช้มือหยิบขนมเข้าปากหน้าตาเฉย ไม่ว่าก้องจะจัดให้ใคร แต่ผมก็เป็นคนแรกที่ได้ทานล่ะนะ....

“พี!! ผมจัดให้แขกนะ คุณนี่!! ไม่มีมารยาท” ก้องดุ แต่ผมกลับหัวเราะได้อย่างมีความสุข ถึงก้องจะไม่ค่อยหวานกับผมเท่าไหร่ และไม่ว่าก้องจะดุ จะโกรธ หรือจะเหวี่ยงยังไง ขอแค่ให้มีผมคนเดียวที่ทำให้เขาแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ออกมาได้ แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว

“ไม่มีมารยาท!!” ผมทำบ้าง นั่นคงทำให้เราสองคนคิดถึงเหตุการณ์ที่ร้านอาหารตอนนั้นขึ้นมาพร้อมกัน เพราะก้องเองก็หัวเราะออกมา อย่างมีความสุขพอ ๆ กันกับผม

“คุณนี่ จริง ๆ เลยพี แล้วเข้ามาทำไมเนี่ย”

“พวกพี่แก้วกลับมาแล้วน่ะ ผมเลยเข้ามาช่วยคุณ เออ!! ก้อง วันหยุดหน้าของคุณ ตรงกับวันเสาร์ใช่มะ”

“อืม... มีอะไรเหรอ”

“พอดีเลยก้อง ไปสนามแข่งเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ ต่อไปนี้ผมคงต้องทำงานหนักขึ้นแล้วน่ะ พวกเพื่อน ๆ เลยจัดแข่ง ให้ผมอีกสักครั้ง ก่อนที่ต้องลาไปนาน ได้ใช่มั้ยก้อง นะ คุณไปกับผมหน่อยนะ นะ น้าาา” ผมยิ้มอ้อน ใช้ไหล่ กระแซะ ๆ ก้อง แน่นอน!! ผมรู้ว่าก้องน่ะ มักจะแพ้กับท่าทางอ้อน ๆ แบบนี้ของผม...

“ฮื่อ ก็ได้”


สำเร็จ!!!!!


ก้องทำหน้ากึ่งยิ้ม กึ่งบึ้ง ก้มหน้า ก้มตา จัดขนมเพิ่ม ....ผมลอบมองเขาจากด้านข้าง ขนตางอนยาวเป็นแพ ที่ล้อมดวงตากลม ที่บางครั้งก็ฉายแวว โกรธกรุ่น บางครั้งก็ส่อแวว ขี้เล่น และบางครั้งก็มองผมอย่างอ่อนหวาน เรื่อยมาถึง แก้มป่อง ๆ ที่มักจะแดงระเรื่อทุกครั้ง ที่เจ้าตัวเขิน หรือทำตัวไม่ถูก แล้วยังริมฝีปากอิ่มแดงสดนั้นอีก ถ้านับรวมครั้งแรกในสวน ครั้งที่สองในห้องนอน และครั้งสุดท้ายในรถวันนั้น รวมกันสามครั้ง ริมฝีปากของเราก็เคยสัมผัสกันนานเกิน 10 วิ มาแล้ว...

ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ยอม..ไม่ยอมให้ใครเข้ามามีส่วนแบ่งในหัวใจของเจ้าของใบหน้านี้เป็นอันขาด....

แม้แต่นิดเดียวผมก็จะไม่ยอมให้เกิดขึ้น !!!!

“ก้อง !! มีอะไรไม่รู้อยู่ในขนมน่ะ” ผมทำเสียงตกใจ จนก้องหันมาอย่างรวดเร็ว

และนั่นทำให้ผมไม่พลาดเป้า....แก้มป่อง ๆ ของเขาชนเข้ากับจมูกของผมอย่างจัง....

“ทำบ้า อะไรของคุณนี่ พี!! เดี๋ยวก็มีคนเข้ามาเห็นหรอก วันนี้ที่บ้านมีแขกนะ” ก้องดุผม เสียงไม่ดังนัก..คงเพราะกลัวจะมีใครได้ยิน แล้วเข้ามาเห็นจริง ๆ

ก้อง คงจะโมโหหนักกว่านี้แน่ ๆ ถ้ารู้ว่าที่ผมทำน่ะ ...ผมทำเพราะตั้งใจ... ตั้งใจจะให้ใครคนนั้นมาเห็นเข้าจริง ๆ อย่างที่เขาว่านั่นแหละ!!!


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



“คิดถึงจัง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” เสียงอ้อน ๆ ที่ดังมาตามสาย เรียกรอยยิ้มจากผมได้ แล้วในเมื่อตอนนี้ผมก็อยู่คนเดียว ผมขอยิ้มให้เต็มที่หน่อยแล้วกัน เพราะคำพูดนี้ของเขา เป็นคำพูดเดียวกับที่ดังอยู่ในใจผม ผิดกันก็แค่ ผมยังกล้าไม่พอที่จะบอกเขาออกไปตรง ๆ แบบนี้บ้าง....

“นานอะไรพี แค่สามวันเอง” ผมได้แต่กัดปากตัวเอง เฮ้อ!! ผมก็เป็นซะอย่างนี้ทุกที ...

“ สามวันเอง!!! .. แต่มันก็มากพอจะทำให้คุณคิดถึงผมเหมือนกันใช่มั้ยคร้าบบบ คุณหมอก้อง”

ถึงผมไม่พูด แต่ยังไง คุณก็เข้าใจความรู้สึกจริง ๆ ของผมอยู่แล้วนี่พี !!

“พอเลย ๆ ไม่ทำงานทำการรึไงพี แล้วโทรมามีอะไรนอกจากเรื่องไร้สาระมั้ยเนี่ย”

“แหม ๆ เรื่องไร้สาระ แต่คุณก็ชอบฟังใช่มั้ยล่ะ”

“พี!!!”

“โอเค ๆ ไม่เล่นละ ผมจะโทรมาย้ำว่าพรุ่งนี้ห้ามลืมนัดของเรานะ” พีหมายถึงที่ผมต้องไปเป็นเพื่อนเขาที่สนามแข่ง วันพรุ่งนี้.... เพิ่งจะนัดกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ใครจะไปลืมเล่า

“ฮื่อ .. ไม่ลืมหรอกน่า แล้ว..”

‘แล้ววันนี้คุณจะมาบ้านผมรึเปล่า’ ... ทำไมคำพูดแค่นี้ ผมถึงพูดไม่ออกนะ

“หือ .. แล้วอะไรก้อง”

“เปล่าไม่มีอะไร คุณน่ะไปทำงานได้แล้ว อู้แบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่มีคนนับถือหรอก ผมวางล่ะนะ”

“เดี๋ยวก้อง !! เดี๋ยวผมจะมีลูกค้ามาพบ ซักพักผมถึงจะได้โทรไปใหม่นะ อ้อ !! แล้ววันนี้ผมคงไปบ้านคุณไม่ได้ ตอนเย็นหมอนัดคุยเรื่องอาการพี่พัฒน์ ... คุณ..ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

เสียงของพีที่ดังมาตามสายอ่อน ๆ เหมือนรู้สึกผิด ....แต่ ผมไม่เป็นไรหรอก แค่รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย ก็แค่นั้นเอง..

“เป็นสิ ... เพราะผมจะดีใจม๊ากกก ที่จะได้อยู่กันสงบ ๆ ตามประสาครอบครัว ไม่มีคุณมาป่วน ผมสบายจะตายไป”

“คนโกหก!! แต่เอาเถ๊อะ ..ถ้าคุณไม่ยอมรับว่าคิดถึงผมก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมคิดถึงคุณเยอะ ๆ เผื่อส่วนของคุณด้วย แล้วกัน...... ก้อง ถึงเราไม่ได้เจอกัน แต่ผมรู้ว่าเราคิดถึงกัน.... ผม....รักคุณนะ”

พูดเล่นให้ผมฟังเพลิน ๆ อยู่ดี ๆ แล้วอยู่ ๆ คุณก็เปลี่ยนอารมณ์มาหวานกระทันหันแบบนี้ ผมก็ทำอะไรไม่ถูกสิพี..

“แล้วคุณล่ะ...บอกผมบ้างสิก้อง”

“บอกอะไร !!” หน้าแดงอีกแล้วแน่ ๆ ก้องบดินทร์

“ก็รักไง ถ้ายากไป....บอกแค่คิดถึงก็ได้ เอ้า ..” ยากทั้งสองคำน่ะแหละ ... แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ จะพูดยังไงดี..

“ว่าไงก้อง”

อย่าเร่งสิพี ผมกำลังรวบรวมกำลังใจอยู่ !!! เอาก็เอาน่ะ !!!


“...ฮื่อ...ก็อย่างนั้นแหละ ... แค่นี้นะ”


สุดท้ายก็ได้แค่นี้แหละนะ ก้องบดินทร์...ผมกดตัดสายทันที.. หน้าแดง ใจสั่น แต่ก็หุบยิ้มไม่ได้...


เวลาที่ผมทำเนียน ๆ บอกรักเขาเอง ทำไมผมไม่รู้สึกเขินเท่าเวลาที่เขาเซ้าซี้ถามแล้วต้องตอบแบบนี้เลยน้าา...


-----------------------

“พี่ก้อง เซอร์ไพรสสสสส์” คนที่เบรกอาการ หน้าแดง ใจสั่นของผม มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ตรงหน้าผมตอนนี้มีกระดาษ ที่มีสีสัน และลวดลายเตะตาสองใบยื่นมาตรงหน้า

“หือ อะไรเหรอข้าว” ผมขมวดคิ้ว มองกระดาษตรงหน้าอย่างตั้งใจมากขึ้น ... แล้วผมก็พบว่ามันเป็นตั๋วเข้าชมงานแสดงผลงานศิลปะ ของศิลปินที่มีชื่อเสียงมาก และที่สำคัญเป็นศิลปินที่ผมชื่นชมมาก ๆ ซะด้วย ถ้าถามว่าข้าวรู้ได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นความลับอย่างหนึ่งของผม ที่บ้านนอกจากพี่แก้วแล้วก็ไม่เคยมีใครรู้ว่าผมรักการวาดภาพขนาดไหน มากถึงขนาดที่เคยคิดจะเรียนต่อด้านนี้ด้วยซ้ำไป แต่สุดท้ายผมก็เลือกสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมอาจจะเคยเสียใจที่ต้องทิ้งความฝันของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกขอบคุณ เพราะการเป็นนักกายภาพบำบัด ทำให้ผมได้มาพบกับนักแข่งรถจอมเจ้าเล่ห์ ...เจ้าเล่ห์มาก แต่ผมก็.....

บ้าจริง ผมคิดถึงเขาอีกแล้วเหรอเนี่ย!!

และเพราะวันนั้นผมเผลอคิดถึงเขาแบบนี้แหละ เพราะเผลอคิดถึง มือก็เลยเผลอวาด แล้ว..ก็มีคนเห็นเข้าจนได้ จะใครซะล่ะ ก็ข้าวนี่แหละ แถมยังเซ้าซี้ถามจนผมต้องยอมเล่าเรื่องความฝันสมัยเด็ก เพื่อเบนความสนใจข้าวไปจากผลงานในกระดาษของตัวเอง แล้วนั่นก็ทำให้คุณน้องข้าว ภูมิใจนักหนาว่าสามารถกุมความลับสุดยอดของผมไว้ได้...สรุปแล้ว สองคนนี้เขา เพ้อเจ้อพอ ๆ กัน ถึงว่าวันนั้น ถึงดูเข้ากันได้ดี ก็นิสัยคล้ายกันซะขนาดนั้น..

“ได้มาได้ไงน่ะข้าว บัตรหายากมากเลยนะนี่” ผมตื่นเต้น

“เซอร์ไพรส์ ใช่มั้ยล่ะคะ ข้าวนะ อดใจแทบแย่ ที่จะไม่บอกพี่ก้อง เพราะอยากเห็นหน้าตาตื่นเต้นแบบนี้นี่แหละ คุ้มค่าจริง ๆ เลย ...สองใบสำหรับข้าวกับพี่ก้อง ศิลปินเขาจะวาดโชว์ด้วยตัวเองด้วยนะพี่ก้อง ไปด้วยกันนะคะ พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว”

ผมกำลังจะตอบตกลงแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดไปแล้ว ถ้าไม่ติดกับคำว่า “พรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้ เหรอข้าว”

“ค่ะ!! พรุ่งนี้ วันหยุดพี่ก้องนี่ ไปได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ส่วนข้าวน่ะ ลาเรียบร้อย ทางสะดวก ไม่มีปัญหา”
ข้าวไม่มี แต่ผมน่ะมี ปัญหาใหญ่ซะด้วย ตอบตกลงกับเขาไปแล้ว แต่นี่ก็โอกาสสุดท้ายเหมือนกัน...

“เสียดายจัง พี่คงไปไม่ได้หรอกข้าว พอดีติดธุระ ขอโทษนะ”

ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย ที่เห็นหน้าตายิ้มแย้มสดใสเสมอของข้าวสลดลงทันที ผมรู้ว่าข้าวคงตั้งใจเอามาให้ผมจริง ๆ
“เสียดายจริง ๆ ด้วย แต่พี่ก้องติดธุระนี่นา ไม่เป็นไรหรอก ข้าวผิดเองด้วยล่ะ ที่ไม่บอกพี่ก้องล่วงหน้า คิดแต่จะให้พี่ก้องตกใจเล่นอย่างเดียว ว่าแต่..ธุระสำคัญของพี่ก้องนี่อะไรเหรอคะ”

“พอดีพี่นัดกับเพื่อน..ไว้” เห็นหน้าเศร้า ๆ ของข้าวแล้วผมก็รู้สึกแย่จริง ๆ

ที่จริง.. เรื่องที่ผมจะไปทำก็ไม่ได้สำคัญอะไร ก็แค่ไปเป็นเพื่อนที่สนามแข่ง ความจริงออกจะไร้สาระด้วยซ้ำ แต่เพราะคนต่างหากที่สำคัญ เลยทำให้ผมต้องตัดสินใจแบบนี้


“เพื่อน... พี่พีรึเปล่าคะ” ข้าวถาม น้ำเสียงนิ่ง ๆ เย็น ๆ แปลกจัง ผมไม่เคยได้ยินข้าวทำเสียงแบบนี้เลย

“ฮื่อ ใช่” ผมตอบ แต่ข้าวกลับนิ่งเงียบไปจนผมรู้สึกแปลก ธรรมดาเวลาผมอยู่กับข้าวผมจะรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรก ที่ข้าวทำให้ผมรู้สึกถึงบรรยากาศชวนอึดอัด

“แปลกจังนะคะ..” หลังจากเงียบไปพักใหญ่ อยู่ ๆ ข้าวก็โพล่งขึ้นมา หน้าตาร่าเริง น้ำเสียงเริงร่า เหมือนข้าวคนเดิม
เหมือนกันจริง ๆ สองคนนี้ ....สามารถเปลี่ยนอารมณ์ได้กะทันหันจนผมเริ่มจะตามไม่ทันแล้วนะ


“หือ แปลกอะไร เหรอข้าว”

“ก็พี่ก้อง กับพี่พีไงคะ แปลก นี่ถ้าข้าว ไม่รู้ด้วยตัวเองว่าพี่สองคนเป็น....เป็น เพื่อนสนิทกัน ข้าวก็คงคิดแน่ ๆ ว่า สองคนนี้ไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้เลย... ก็คิดดูสิคะ นิสัยก็ต่าง ไลฟ์สไตล์ก็ต่าง ความสนใจก็ต่าง สังคมก็ยิ่งต่างกันลิบลับ มิตรภาพระหว่างเพื่อนนี่ลดความต่าง ได้ดีจังนะคะ ..แต่ข้าวว่า ถ้าสมมุติ พี่ก้อง กับพี่พีเป็นคู่รักชายหญิงล่ะก็ ถ้าหมดช่วงโปรโมชั่นเมื่อไหร่ คงจะคบกันลำบากแน่ ความแตกต่างน่ะนำมาซึ่งความไม่เข้าใจนะคะ ข้าวว่า การที่คนเราต้องปรับตัวให้เข้ากับอีกคนตลอดเวลาน่ะ สักวันมันก็จะเหนื่อยและถึงจุดอิ่มตัว แล้วก็...โป๊ะ!!! เกมโอเว่อร์ค่ะ...แต่ข้าวก็แค่สมมุติเล่น ๆ นะพี่ก้อง อย่าโกรธล่ะ เพราะพี่ก้อง กับพี่พีน่ะ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้อยู่แล้วนี่เนาะ ข้าวนี่เพ้อเจ้อจัง เบลอหนักเพราะต้องไปเที่ยวคนเดียว ..ฮะ ฮะ ”

ข้าวคงพูดเล่น เพราะเห็นเขาหัวเราะขำใหญ่...แต่ผมสะดุด..

..คำพูดของข้าวสะดุดใจผม นั่นสิ !! ในสายตาคนนอกคงจะมองเป็นแบบนั้น เพราะถ้าคิดให้ดี ผมกับพีก็ต่างกันมากจริง ๆ ในทุก ๆ ด้านอย่างที่ข้าวพูด ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย.. อาจจะเพราะตลอดมาผมไม่เคยต้องปรับตัวอะไร.. พีเดินเข้ามาหาผม.. อยู่เคียงข้างผม.. เขาก้าวเข้ามาอยู่ในโลกของผมตลอดเวลาที่เรารู้จักกัน.. แล้วจะมีซักวันที่เขาจะเหนื่อยไหมนะ!! แล้วถ้าผมต้องเดินไปในโลกของเขาบ้างล่ะ ผมจะรู้สึกยังไง...

ความรู้สึกแปลก ๆ เริ่มเข้ามาในใจผม...ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ผมบรรยายไม่ถูก รู้แต่ว่ามันทำให้ผมรู้สึกใจหาย และเหมือนมีตะกอนเล็ก ๆ ก่อขึ้นที่ในใจ ...



ไม่หรอก....ผมรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปทันที... พีกับผม สัญญากันแล้ว ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็จะอยู่ด้วยกัน ผมเชื่อคำสัญญานั้น ผมเชื่อพี และที่สำคัญผมเชื่อในความรู้สึกของเราสองคน...


เสียงโทรศัพท์ประจำห้อง ดังเข้ามา แทรกความคิดของผม ผมเอื้อมมือไปรับสาย และปรากฎว่าคนไข้ของผมคนหนึ่ง มีปัญหา ต้องการพบตัวผมด่วน ผมเลยจำเป็นต้องรีบร้อนออกไป แต่ก่อนผมจะก้าวผ่านประตู ผมเหมือนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดัง แต่ก็แค่แว่บเดียว และนั่นทำให้ผมนึกได้ ผมวางโทรศัพท์ลืมไว้ที่โต๊ะทำงานที่นั่งคุยนี่นา..

“ข้าว โทรศัพท์พี่มีสายเข้ารึเปล่า” ผมตะโกนถาม

“ไม่มีนี่คะ พี่ก้อง รีบไปเถอะ คนไข้รอ”

“อืม ยังไงพี่ฝากโทรศัพท์ไว้ก่อนแล้วกันนะ ถ้าใครโทรมาข้าวช่วยบอกให้ด้วยแล้วกันว่าพี่ติดคนไข้อยู่ แล้วพี่จะโทรกลับเอง ไปก่อนนะ”


ผมรีบร้อนออกไป โดยไม่ได้สนใจอีก ก็ข้าวบอกว่าไม่มีสายเข้า สงสัยผมจะหูฝาดไปเอง แล้วพีก็คงจะไม่คุยธุระกับลูกค้าเสร็จเร็วขนาดนั้นหรอกมั้ง...

__________________



Create Date : 28 พฤษภาคม 2553
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 0:14:31 น. 2 comments
Counter : 579 Pageviews.  
 
 
 
 
อะไรอ่า ข้าววววววววววววว
มือที่ 3 หรอเนี่ยยยยยยยย
อย่ามาแย่งก้องจากคุณพีร์นะ
ไม่ยอมจิงๆด้วย ชิส์
 
 

โดย: nuttyflukey IP: 125.26.14.221 วันที่: 26 ตุลาคม 2553 เวลา:12:16:40 น.  

 
 
 
อย่างนี้ เขาเรียกว่า " มารผจญ"จริงๆ นะคะwriter โอยปวดจายยยยยยยยย^____^".
 
 

โดย: lek^lek. IP: 223.206.221.178 วันที่: 14 มิถุนายน 2554 เวลา:3:51:11 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com