Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
3 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
มุมมองใหม่ประวัติศาสตร์วรรณกรรมไทย วรรณกรรมไทยกับกึ่งศตวรรษที่หายไป

มุมมองใหม่ประวัติศาสตร์วรรณกรรมไทย วรรณกรรมไทยกับกึ่งศตวรรษที่หายไป

ธีรยุทธ บุญมี

ปาฐกถาศรีบูรพา 2546



อัลแบร์ กามูส์ เคยกล่าวไว้ว่าหากโลกไม่มีศตวรรษที่ 19 ของนักเขียนรัสเซีย เช่น ตอลสตอย ดอสโตเยฟสกี้ ก็จะไม่มีตัวเขาและนักเขียนคนอื่นๆ อีกมาก เช่นเดียวกัน เราก็อาจสรุปว่าถ้าไม่มีครึ่งศตวรรษของปัญญาชนแบบศรีบูรพาและคณะสุภาพบุรุษก็จะไม่มีครึ่งศตวรรษของปัญญาชนรุ่น 14 ตุลาคม สิ่งที่เราได้รับสืบทอดจากปัญญาชนรุ่นพ่อคณะนี้ก็คือการนับถือในความจริง การต่อสู้กับความยุติธรรม และจิตวิญญาณเพื่อเสรีภาพ นั่นเป็นมุมภาคสาธารณะ

ในแง่มุมส่วนตัว การมอบรางวัลวันนี้สะท้อนการยอมรับความสำคัญของความคิดต่อการเปลี่ยนแปลงสร้างสรรค์สังคมไทย ซึ่งจะเป็นกำลังใจแก่คนจำนวนมากที่ทำงานด้านนี้ และเพื่อเป็นการคารวะแก่ศรีบูรพาและคณะกรรมการ ปาฐกถาของผมในวันนี้จึงเป็นงานทางความคิดโดยเฉพาะ เป็นงานซึ่งคาดหวังสูงที่จะเปลี่ยนกรอบความคิดในการมองสังคมไทย เราพูดกันถึง 1 ศตวรรษศรีบูรพา แต่ผมคิดว่าค่อนศตวรรษของศรีบูรพาและคณะเป็นภาพที่ลางเลือน ผมคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความทรงจำของสังคม ปัญหาอยู่ที่การสร้างกรอบความทรงจำที่คับแคบตามอิทธิพลปรัชญาตะวันตกนิยม ทำให้เรามักเริ่มต้นการสร้างกรอบครอบวรรณกรรมไทยด้วยสูตรอันว่างเปล่า ส่งผลให้นักเขียนไทย วรรณกรรมกลายเป็นไร้ตัวตน ไร้ความคิดสร้างสรรค์ ไร้อิทธิพลต่อสังคมไทย อันจำเป็นที่สังคมไทยต้องเร่งพยายามหามุมมองใหม่เพื่อแก้ไขสภาพดังกล่าว

ผมสรุปปัญหา 3 ด้านที่ทำให้เราต้องสร้างมุมมองใหม่ต่อประวัติศาสตร์วงวรรณกรรมโดยด่วน

1. เมืองไทยยังขาดประวัติศาสตร์ทางความคิด เราไม่สามารถอธิบายความสืบเนื่องของนักคิดจากพระจุลจอมเกล้า เทียนวรรณ มาสู่ พุทธทาสภิกขุ หรือ จิตร ภูมิศักดิ์, ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อย่างไร

2. ประวัติศาสตร์วรรณกรรมก็ว่างเปล่า มักเป็นสูตรทางช่วงเวลาปีศักราชเริ่มจากเขียนงานประพันธ์ตามแบบตะวันตก แล้วแยกตามยุคสมัยเป็นยุคต่อต้านเผด็จการ ยุคเพื่อชีวิต หรือไม่ก็แยกเป็น 2 กระแสใหญ่คือ นวนิยายน้ำเน่าหรือพาฝันกับวรรณกรรมเพื่อชีวิต

การขาดการมองประวัติศาสตร์เชิงวัฒนธรรมสังคม ทำให้เราไม่สามารถกำหนดบทบาทตำแหน่งนักเขียนสตรีอย่าง ดอกไม้สด, ก.สุรางคนางค์, สุวรรณี สุคนธา ในกระแสธารวรรณกรรมว่าควรเป็นอย่างไร เราเรียกขานได้เพียงแต่ว่า ชิต บุรทัต เป็นอัจฉริยะกวี ยาขอบเป็นนักเขียนพรสวรรค์ หรือแม้แต่ "รงค์ วงษ์สวรรค์ ก็เป็นเพียงพญาอินทรีแห่งวงวรรณกรรม แต่คุณค่าอย่างอื่นเล่าอยู่ที่ใด ?

3. ประวัติศาสตร์แนวมารก์ซิสม์มีข้อดีที่ยืนอยู่กับแรงงานและคัดค้านการกดขี่ แต่มันก็มีอคติ ให้ความสำคัญกับเฉพาะส่วน จึงทำให้มันมีคติที่ดีต่องานบางแบบ และอคติต่องานบางแบบ ประวัติศาสตร์แนวนี้จะไม่มีที่อยู่ให้กับงานของ ยาขอบ, ไม้ เมืองเดิม, ป.อินทรปาลิต, กฤษณา อโศกสิน หรือ อังคาร กัลยาณพงศ์ ได้

มีปัจจัยแอบแฝงที่ผมเรียกอาณานิคมเชิงลึกหรือลัทธิตะวันตกนิยมซึ่งทำให้เกิดภาวการณ์เช่นนี้หลายด้านคือ

1. ประวัติศาสตร์และปรัชญากระแสหลักของตะวันตกทุกกระแส* มองตะวันตกสูงส่ง คนชาติอื่น นักคิดนักเขียนชาติอื่นล้าหลัง ต้องลอกเลียนแบบ ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ (originality) ไม่มีงานคลาสสิคของตน เพิ่งไม่นานที่มีการยอมรับ ไนพอล, รัชดี หรือมูรากามิ

2. ทฤษฎีพัฒนา (developmentalism) ทำให้ภาวะสมัยใหม่เป็นสิ่งยุ่งยาก ต้องผ่านกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ค่านิยม สังคม การเมืองที่ยาวนาน ทำให้ชาติอื่นล้าหลัง ต้องเดินตามตะวันตกไม่จบสิ้น ไม่มีวันถึงความเป็นสมัยใหม่ได้ ถ้าเปลี่ยนการมองว่าภาวะสมัยใหม่ของโลกเป็นเพียงประสบการณ์ก็ได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงหลายแง่มุมก็ได้ หรือมีหลายเส้นทางซึ่งเกิดขึ้นเร็วช้าต่างๆ กันก็ได้

เราจะได้ประวัติศาสตร์สังคม วัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวามากขึ้น บิดเบี้ยวน้อยลง


กรอบที่ผมเสนอเป็นทั้งประวัติศาสตร์ความคิดแบบหลังตะวันตกนิยม จึงให้คุณค่าแก่นักเขียนทุกชาติภาษาซึ่งเริ่มทดลองสร้างสรรค์สิ่งใหม่คือ ภาวะความเป็นสมัยใหม่ เป็นประวัติศาสตร์วัฒนธรรมซึ่งไม่ใช่วัฒนธรรมแบบที่เป็นของสูงหรืออุดมคติ แต่เป็นวัฒนธรรมซึ่งเป็นวิถีชีวิต อารมณ์ ความคิดของคนทั่วไป กรอบใหม่นี้จึงครอบคลุมงานที่เรียกว่าพาฝัน น้ำเน่า นิยายบู๊ นิยายประวัติศาสตร์ สัญลักษณ์นิยม หรือ surrealism เอาไว้ด้วย

กรอบใหม่ช่วยให้เราแบ่งยุคงานวรรณกรรมเป็น 4 ช่วงคือ 1.ยุคปฏิรูปหรือการทดลองปรับรูปแบบใหม่ 2.ยุคสร้างค่านิยมความเป็นสมัยใหม่ 3.ยุคสะท้อนวิกฤตความเป็นสังคมสมัยใหม่ และสุดท้ายคือ 4.ยุคสังคมสมัยใหม่ช่วงปลายหรือสังคมหลังสมัยใหม่ กรอบการมองเช่นนี้ทำให้ถือได้ว่าเกือบทุกประเทศในโลกสามารถเป็นสังคมสมัยใหม่ขั้นสองได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศเจริญขั้นสูงทางอุตสาหกรรม เพราะความเป็นสมัยใหม่ขั้นสองหรือหลังสมัยใหม่มองไปที่ความผสมผสาน (hybridity) ความหลากหลายของวัฒนธรรมมากกว่าเรื่องของวัตถุ ต้องมองว่าเส้นแบ่งยุคนี้ไม่ชัดเจนตายตัว บางสกุลความคิดอาจข้ามไปสู่ยุคอื่น ยุคสมัยวรรณกรรมที่เรากล่าวเป็นเพียงการบ่งถึงความเข้มข้นที่ค่อนข้างมากของงานบางประเภทเท่านั้น

1. ยุคปฏิรูป (Reform) หรือยุคการทดลองกับรูปแบบ (Form) : จากความวิจิตรอลังการ (Baroque) สู่สัญลักษณ์นิยม (Symbolism)

ก. ยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ยังทรงส่งเสริมความเข้มแข็งของรัฐแบบไตรภูมิซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลาง แต่ปฏิรูปด้านต่างๆ อย่างกว้างขวาง คือ

ทรงตั้งกลุ่ม Young Siam คล้ายๆ กระแสการเมืองสำคัญในยุโรปคือ Young Italy, Young France, Young Poland, Young Turk อาทิ การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน การเลิกทาส การให้มีระบบการศึกษา การแพทย์พยาบาลสมัยใหม่ ชื่อของพระองค์เจ้าศรีวิไลลักษณ์ (civilize) และสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา ก็บ่งถึงคติ Enlightenment (สว่าง) กับ Progress (วัฒนา) ที่แผ่เข้ามาในสังคมไทย พระองค์ทรงนำสถาปัตยกรรมแบบ Neo Gothic (วังพญาไท) แบบ Renaissance (พระที่นั่งอนันตสมาคม) แบบ Neo Classic (กระทรวงกลาโหม) ฯลฯ เข้ามาเป็นครั้งแรก ในทางวรรณกรรมทรงตั้งโบราณคดีสโมสร ทรงพระนิพนธ์ "ไกลบ้าน" ซึ่งเป็นแนวบันทึกความจำ การเดินทาง อัตชีวประวัติ (memoir journal หรือ autobiography) ซึ่งเป็นที่นิยมของนักเขียนในยุครู้แจ้ง (Enlightenment) กษัตริย์หลายประเทศก็ทรงนิยมคบหานักปรัชญายุคนี้ และสร้างเป็นประเพณีบันทึกดังกล่าวสืบทอดมา เช่น พระนางแคตเธอรีนของรัสเซียจนมาถึงพระนางวิกตอเรียของอังกฤษเช่นกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ควรเรียกว่าช่วงปฏิรูปในวงการวรรณกรรม เพราะเรามีงานวรรณกรรมชั้นเยี่ยมมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้อยแก้วร้อยกรอง แต่เริ่มทดลองกับรูปแบบวรรณกรรมสมัยใหม่ในช่วงนี้

ข. สมัยรัชกาลที่ 6 ทรงสร้างวรรณคดีสโมสร ความคิดชาตินิยม เปิดทางให้ปัญญาชนนักเขียนจำนวนหนึ่งพยายามสำแดงให้เห็นว่าชาติไทยก็มีขนบหรือรูปแบบวรรณกรรมที่วิจิตรอลังการ (Baroque) ไม่แพ้ใคร อาทิ ชิต บุรทัต กวีเอก กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์

เส้นทางความคิดเช่นนี้ในช่วงถัดมาเข้ามาสู่งานศิลปะและวรรณกรรมแนวเหนือจริง (Surrealism) และแนวสัญลักษณ์นิยม (Symbolism) ซึ่งก็คืองานศิลปะที่มีปรัชญาว่าโลกมีความจริงแท้สองสิ่งอยู่ในตัว สิ่งหนึ่งซึ่งถูกกดจนดูด้อยกว่า ที่จริงมีคุณค่าลึกล้ำสำคัญกว่า อาทิ จิตใต้สำนึก ความฝัน แฟนตาซี ในวงศิลปะ วรรณกรรมไทยที่สำคัญ เน้นคุณค่าของแก่นความคิดพุทธศาสนา รูปแบบงานประพันธ์ ลวดลาย เส้นลายไทยปรากฏในงานกวีนิพนธ์และภาพเขียนของ อังคาร กัลยาณพงศ์, ถวัลย์ ดัชนี ฯลฯ

2. ยุคสร้างความเป็นสมัยใหม่ทางสังคม วัฒนธรรม และการเมือง : ยุคงานประพันธ์ของคณะสุภาพบุรุษ ดอกไม้สด, ก.สุรางคนางค์

ก. กล่าวได้ว่าในช่วง พ.ศ.2450-2500 ปัญญาชนนักเขียนจากชนชั้นเจ้านายไม่สามารถหาคำตอบให้กับสังคมและโลกที่ผันแปรอย่างรวดเร็วได้ ปัญญาชนนักเขียนจากชนชั้นใหม่คือชนชั้นกลางและสูง (ผู้ดี ข้าราชการชั้นสูง นักเรียนนอก) ก็ได้ร่วมกันผลักสังคมไทยไปสู่ความเป็นสมัยใหม่ด้วยพลังที่เชี่ยวกราก ในทางการเมืองคณะราษฎรและ ปรีดี พนมยงค์ นำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 แต่ภายหลังการเมืองไทยผันแปรไปสู่เผด็จการและชาตินิยมทหาร ในทางสังคมและวัฒนธรรม ม.จ.อากาศดำเกิง รพีพัฒน์, ศรีบูรพา, มาลัย ชูพินิจ, สด กูรมะโรหิต, ดอกไม้สด, ร.จันทะพิมพะ, ก.สุรางคนางค์ ฯลฯ เป็นผู้สร้างเสาหลักของค่านิยมความเป็นสมัยใหม่ (Modernity) ให้กับสังคมไทย ได้แก่ คุณค่าความเป็นมนุษย์ (มนุษยภาพ) มิตรภาพ การเคารพซึ่งกันและกัน การใช้เหตุและผล ความจริงและความยุติธรรมในการตัดสินปัญหาชีวิตและสังคม พวกเขาได้สร้างความรัก การบูชาความรักให้เป็นสิ่งที่มีตัวตน จับต้องได้ มีความสำคัญ คุณค่าจำเป็นต่อความเป็นมนุษย์ทุกคน และจำเป็นต่อการแต่งงานและชีวิตครอบครัว เราต้องมองว่าครอบครัวเป็นหน่วยสำคัญที่สุดที่เป็นคุณค่าและสืบสร้างสังคมสมัยใหม่ของชนชั้นกลางและสูงของยุคสมัยใหม่ขณะนั้น ไม่ใช่การให้ความสำคัญแก่ปัจเจกบุคคลเหมือนในปัจจุบัน

งานของพวกเขานี้แหละที่สร้างค่านิยมการสร้างตนเอง พึ่งตนเอง การหยิ่งในศักดิ์ศรี ฐานะ อาชีพ การงาน ความเป็นสุภาพบุรุษ ภาระหน้าที่ การปกป้องคุ้มครองผู้หญิง การมีสติมีเหตุผล สุขุมแก่ผู้ชายไทยมาจนอย่างน้อยก็คนในรุ่นต้น พ.ศ.2500 ขณะเดียวกันก็ได้สร้างค่านิยมผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ต่อความรัก ความเป็นแม่ศรีเรือน มีจิตใจดีเป็นหลักแห่งคุณธรรมของครอบครัว เพราะความเป็นแม่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความเป็นครอบครัวในการถ่ายทอดค่านิยมกระฎมพีสมัยใหม่แก่รุ่นลูกต่อไป ตัวละครหญิงบางคนอาจมีลักษณะเป็นตัวของตัวเอง โลดแล่นไปตามใจอิสระของตน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องประสบชะตากรรมหรือต้องหวนกลับมาสู่การปกป้องของฝ่ายชาย

การก่อร่างสร้างตัวของค่านิยมสมัยใหม่ปรากฏในชนบทด้วย ในงานแผ่นดินของเรา ทุ่งมหาราช ของ มาลัย ชูพินิจ และไพรกว้าง ของ อรวรรณ ความขัดแย้งระหว่างค่านิยมสมัยใหม่กับจารีตปรากฏในงาน เช่น แผลเก่า ของ ไม้ เมืองเดิม

รัฐชาติสมัยใหม่ต้องมีประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับที่อังกฤษต้องการ Sir Walter Scott ของไทยก็มีงานละครพระเจ้าเสือของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ งานประวัติศาสตร์ชาตินิยมรุ่นหลังของหลวงวิจิตรวาทการ ลพบุรี แต่ที่มีคุณค่าเชิงวรรณศิลป์ ตรึงใจคนสูงก็คือ ขุนศึก บางระจัน ของ ไม้ เมืองเดิม และผู้ชนะสิบทิศ ของ ยาขอบ

ข. งานด้านการวิพากษ์ (critique) และแนวพาฝัน : วรรณกรรมเพื่อการต่อสู้กับวรรณกรรมประชานิยมในช่วง 2475-เหตุการณ์ 2516

ศรีบูรพาเป็นผู้นำในการสร้างจารีตการวิพากษ์ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น การเคารพความเท่าเทียมกันของมนุษย์ขึ้นในวรรณกรรมไทยมาตั้งแต่ก่อน 2475 ตามด้วยงานที่เด่นของ เสนีย์ เสาวพงศ์, ศรีรัตน์ สถาปนวัฒน์ ซึ่งเป็นงานที่จัดอยู่ในกลุ่มสัจวิพากษ์สังคม (Social Realism) หรือสัจนิยม (Realism) ที่สะท้อนความสมจริงและมนุษยนิยมในชีวิตของคนในงานของ อิศรา อมันตกุล, อาจินต์ ปัญจพรรค์ และตามมาด้วยงานภารกิจเฉพาะทางประวัติศาสตร์คืองานคัดค้านเผด็จการของ สุวัฒน์ วรดิลก และนักหนังสือพิมพ์จำนวนมากตั้งแต่ อุทธรณ์ พลกุล, สนิท เอกชัย ฯลฯ และตามมาด้วยวรรณกรรมเพื่อชีวิตทั้งก่อนและหลัง 14 ตุลาฯ งานของ นายผี จิตร ภูมิศักดิ์, สุรชัย จันทิมาธร, วัฒน์ วรรลยางกูร, อัศศิริ ธรรมโชติ, คมทวน คันธนู

การวิพากษ์ (critique) เป็นจารีตของสังคมสมัยใหม่ เป็นแก่นสำคัญที่สุดของโลกยุคสมัยใหม่ แต่เป็นจารีตที่ไม่อาจตั้งมั่นอยู่ได้ หากจะนำพาตัวมันไปสู่สิ่งใหม่ในอนาคตเสมอ เพราะมันเป็นจารีตที่ต้องวิพากษ์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา นี้เป็นคุณูปการสำคัญสุดของศรีบูรพาที่ทำให้เราเป็นอยู่เช่นดังปัจจุบัน

งานสะท้อนสังคมของนักเขียนสตรีรุ่นแรกพัฒนามาเป็นวรรณกรรมแนวพาฝันแบบวัฒนธรรมประชานิยมซึ่งกลายเป็นกระแสใหญ่ที่สุดของวรรณกรรมไทย มีนักประพันธ์มากที่สุดทั้งชายและหญิง ดังงานอมตะ "บ้านทรายทอง" "ทัดดาว บุษยา" "สลักจิต" "ดาวพระศุกร์" "ปริศนา" "ละอองดาว" "คู่กรรม" ซึ่งได้กลายเป็นทั้งละครวิทยุ โทรทัศน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควรมีการประเมินค่าวรรณกรรมกลุ่มนี้ใหม่ว่า มีบทบาทช่วยการผ่อนคลาย สร้างความหวัง ทางออกเชิงจินตนาการจากชีวิตประจำวันที่ขมขื่นหนักอึ้งแก่แม่บ้าน ผู้หญิง คนทำงาน ชนชั้นล่างซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าต้องอดทนแล้วความสุขจะตามมา ตัวละครก็เริ่มมีอดีตการตกยากแบบคนจนมาก่อน

3. ยุคเปลี่ยนผ่านหรือสะท้อนวิกฤตของสมัยใหม่

ถ้าเรามองว่าความเป็นสมัยใหม่เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนหน้าเรา 2-3 รุ่นได้มีประสบการณ์กับมัน และเป็นผู้สร้างความเป็นสมัยใหม่ด้วยปลายปากกาหรือปลายปืนของพวกเขามาแล้ว ก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าวิกฤตของความเป็นสมัยใหม่ ความไม่มั่นใจในวิถีทางที่เราก้าวเดินมาได้เกิดขึ้นแล้ว และสะท้อนออกมาในวงวรรณกรรมในช่วงก่อนและหลังปี พ.ศ.2500 ซึ่งจะสรุปโดยย่อๆ ดังนี้

ก. งานเชิงสัญลักษณ์นิยมของ อังคาร กัลยาณพงศ์, ถวัลย์ ดัชนี, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, นิคม รายยวา, วิมล ไทรนิ่มนวล ก็เป็นการวิพากษ์การก้าวไปสู่ความเป็นสมัยใหม่โดยเอาจารีตเดิม เอาสัญลักษณ์ซึ่งยังบ่งถึงค่านิยมบางอย่างร่วมกันในสังคมมาเป็นเครื่องมือ งาน ป.อินทรปาลิต เป็น "งานเหนือจริง" (Surrealism) แบบไทยๆ ที่เอาความเป็นไปไม่ได้ (impossibility) มาวิพากษ์ความล้มเหลวในการสร้างสังคมสมัยใหม่ของไทย

ข. การวิพากษ์โดยเชิงภาษา ความไม่มั่นใจว่าภาษาสะท้อนความจริงดังปรัชญาสมัยใหม่กล่าวอ้างหรือไม่ ปรากฏชัดเจนในงานของ จ่าง แซ่ตั้ง

ค. การวิพากษ์เสียดสีการพัฒนา โดยอาศัยภาษาที่เซ่อซ่าแต่จริงใจของชาวบ้านในชนบท ปรากฏในงานที่ตรึงใจของ คำสิงห์ ศรีนอก ส่วนการเสียดสี การกล่าวอ้างความสำเร็จของยุคสมัยใหม่โดยผ่านชีวิตตัวละครต่ำต้อย เช่น โสเภณี เด็กส่งกาแฟ ตำรวจชั้นผู้น้อย นักเลง ชาวไร่ผู้มีลักษณะเป็นเสเพลบอย มีชื่อที่ปะทะขัดแย้งระหว่างสิ่งเก่ากับความทันสมัย เช่น แจ้ง ใบตอง พริ้ง ฟักทอง ทอม จรกา ปรากฏอย่างน่าทึ่งในงานของ "รงค์ วงษ์สวรรค์

ง. การวิพากษ์กรอบคุณธรรมของสังคมสมัยใหม่ไทยว่ามีจริงหรือไม่ ในงานหลายชิ้นของ ชาติ กอบจิตติ

จ. การวิพากษ์โดยเนื้อหา ความไม่มั่นคงของชีวิตสมัยใหม่ในจิตสำนึกที่สับสน ปรากฏในงานของ สุวรรณี สุคนธา, ณรงค์ จันทร์เรือง, ศิลา โคมฉาย

ฉ. ที่สวนกระแสเป็นกลุ่มวรรณกรรมประชานิยมใหม่ที่สะท้อนความมั่นใจของรัฐไทยที่ขยายไปจัดการทรัพยากร โครงสร้างสังคมในชนบท ได้แก่ วีรบุรุษที่พิทักษ์ป่าไม้ และผดุงความยุติธรรมในชนบทเพื่อรัฐ เช่น เสือ กลิ่นสัก ของ อรชร เปลว สุริยา ของ ศรีรัตน์ รพินทร์ ไพรวัลย์ ของ พนมเทียน

4. วรรณกรรมในช่วงยุคสังคมสมัยใหม่ยุคที่สองหรือโพสต์โมเดิร์น : ความล้มเหลวหรือความจริงแท้ของปัญญาชนไทย

ประวัติศาสตร์ช่วงเผชิญหน้ากับอาณานิคมความคิดปัญญาชนไทยมีกระบวนทัศน์ใหญ่ๆ ที่ถูกเสนอขึ้นเพื่อบ่งชี้ความเป็นไปและทางออกของสังคมไทย 2-3 อย่างด้วยกัน แรกสุดคือการเสนอกระบวนทัศน์ รัฐพุทธ-ธรรมะกษัตริย์ดั้งเดิมที่คงทนหนักแน่น แม้จะต้องปฏิรูปเปลือกภายนอกบ้าง กระบวนทัศน์ที่สองคือสังคมแห่งมนุษยภาพ เสรีภาพ การเคารพความเสมอภาคเท่าเทียมกัน

กระบวนทัศน์ที่สามคือแนวมาร์กซิสม์ที่ต้องการสร้างสังคมนิยมที่ไร้ชนชั้นและการกดขี่


อาจกล่าวได้ว่า สังคมไทยปัจจุบันก้าวมาสู่สังคมสมัยใหม่ยุคที่สองและสังคมสมัยใหม่ตอนปลายหรือสังคมหลังสมัยใหม่ ซึ่งล้วนแต่เป็นการอธิบายถึงสิ่งเดียวกันคือความล้มเหลวของ 3 กระบวนทัศน์ใหญ่ดังกล่าว คนรุ่นสมัยใหม่ยุคสองนี้ไม่สนใจสังคมใหญ่ พวกเขาอาจจะมีอุดมคติแต่เป็นจุดแยกย่อย เช่น อนุรักษ์ช้าง นก ป่าบางผืน พวกเขาไม่สนใจสัญลักษณ์แบบนักเขียนรุ่นยุควิกฤตสมัยใหม่ พวกเขาสนใจแต่สัญญะหรือเครื่องหมายที่บ่งถึงตัวตนของพวกเขา การต่อสู้ของพวกเขาทำเพื่อสิทธิและวิถีชีวิตของแต่ละคน ซึ่งก็แตกแยกย่อยเป็นส่วนเล็กส่วนน้อยเช่นกัน คนรุ่นนี้ทั่วโลกเริ่มมีประสบการณ์ร่วมกัน เกิดวรรรณกรรมแปลที่หลากหลายวัฒนธรรมแต่มีจุดร่วมเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ขาดวิ่น ไม่มีสิ่งที่ศรัทธาได้ ไม่มีจุดหมาย ไร้ความมั่นคง การหมกมุ่นให้คุณค่า ความหมาย กับภาวะแยกย่อยขาดวิ่นเหล่านี้ วรรณกรรมและวัฒนธรรมก็สะท้อนประสบการณ์เหล่านี้ออกมา เช่น การหมกมุ่นกับการนอน ครัว น้ำหนักตัว เพศ การกิน วิดีโอเกมของแต่ละบุคคล แต่นักประพันธ์รุ่นหลังก็ทำให้สิ่งเหล่านี้มีความงามทางศิลปะ น่าสนใจติดตาม วรรณกรรมไทยก็เริ่มสะท้อนภาวะนี้ให้เห็นตั้งแต่แนวกระแสสำนึกของบุคคลของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์, แดนอรัญ แสงทอง วิถีชีวิตย่อย เช่น ครอบครัวกลางถนนของ ศิลา โคมฉาย มุมมองย่อย ชีวิตที่เป็นเศษเสี้ยวไม่สอดคล้องของ วินทร์ เลียววาริณ, อัญชัน และ ปราบดา หยุ่น เป็นต้น

ผมเห็นว่ามุมมองใหม่นี้น่าจะช่วยให้บ้านเราได้มีประวัติศาสตร์วรรณกรรมเพิ่มขึ้นอีกกึ่งศตวรรษ ช่วยนำเอางานพาฝัน นิยายบันเทิงประโลมใจ นิยายบู๊ ประวัติศาสตร์ มาสู่อ้อมอกของวรรณกรรมอีกครั้ง ช่วยให้เราเข้าใจบทบาทของ จ่าง แซ่ตั้ง, ป.อินทรปาลิต หรือละครวิทยุโทรทัศน์และเข้าใจงานของนักประพันธ์รุ่นใหม่ ผมยังหวังว่าจะเป็นกรอบช่วยให้เราศึกษาทำความเข้าใจพัฒนาการส่วนอื่นๆ ของวัฒนธรรมไทย เช่นเพลงไทยเดิม ไทยสากลได้ด้วย

เมื่อหวนมองถึงสภาพวรรณกรรมไทยปัจจุบันของคนรุ่นหลัง เราอาจมองได้ 2 แง่คือ มันอาจบ่งถึงความล้มเหลวของปัญญาชนไทย ไม่อาจนำพาสังคมไปสู่อุดมคติบางอย่างได้ แต่มันก็อาจบอกถึงความสำเร็จพลังแห่งการวิพากษ์ที่ถอดรื้อความคิดเรื่อยๆ มา จนทำให้เกิดภาวะประชาธิปไตยทางวัฒนธรรมที่เคารพกันมากขึ้นระหว่างชาติต่างๆ คนจนคนรวย

วิถีชีวิตความเชื่อความชอบย่อยๆ เรามีโลกที่หลากหลายซึ่งค้อมคารวะไม่ใช่แต่เพียงบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นศรีบูรพา แต่พยายามชื่นชมความงาม วัฒนธรรม แนวคิดหลากหลายของทุกๆ ชีวิตในโลก นี้อาจเป็นโลกหรือสังคมที่ก้าวมาจากศรีบูรพาแต่ก็ไกลอย่างมากจากศรีบูรพา



*กระบวนทัศน์ประวัติศาสตร์ตะวันตกแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่คือ แบบอนุรักษนิยม แบบเสรีนิยม และแบบมาร์กซิสม์ ทั้งหมดสร้างนิยายที่เน้นความยิ่งใหญ่ ความสืบเนื่องของการสร้างสรรค์ทางปรัชญา ศิลปะวรรณกรรม ตั้งแต่ยุคกรีก-โรมันมาสู่ยุคปัจจุบัน ส่งผลให้อารยธรรมตะวันตกเป็นศูนย์กลาง เป็นแกนเคลื่อนไหวอารยธรรมโลก แอฟริกาเป็นพวกไร้ประวัติศาสตร์ อินเดีย ละตินอเมริกา จีน โลกอาหรับมีประวัติศาสตร์ที่หยุดนิ่ง กระบวนทัศน์เสรีนิยมเป็นลัทธิความก้าวหน้า การสร้างสรรค์ของปัจเจกบุคคล ก็ทำให้เกิดภาพอารยธรรมตะวันตกที่ก้าวหน้ามากที่สุดกว่าอารยธรรมอื่นๆ ประวัติศาสตร์ดังกล่าวได้ยัดเยียดความโง่เขลาที่จินตนาการขึ้น (imagined stupidity) ความเฉื่อยชา งอมืองอเท้าที่จินตนาการขึ้น (imagined passivity) ความเถื่อนที่จินตนาการขึ้น (imagined barbarity) การไม่รู้ประสา การลอกแบบ ฯลฯ ให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่ผิวขาว นักเขียนไทยและของชาติอื่นก็ถูกสร้างให้อยู่ในกรอบภาพเช่นนี้

ประวัติศาสตร์แบบมาร์กซิสม์ที่ให้บทบาทกับคนจน ผู้ใช้แรงงาน แต่มาร์กซิสม์ก็เป็นประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์อีกสำนวนหนึ่งที่โน้มเอียงให้ความสำคัญกับเฉพาะส่วนเช่นการใช้เหตุผลและผู้ใช้แรงงาน ส่วนที่เป็นผลของอารมณ์ความรู้สึก สิ่งธรรมดาๆ และผลงานชนชั้นอื่นๆ ถูกตัดทิ้งหรือประเมินค่าต่ำ การเขียนประวัติศาสตร์เช่นนี้เมื่อปัญหาทางชนชั้นลดความเข้มข้นลง คุณค่างานของนักเขียนเพื่อชีวิตก็จะเลือนหายไปอย่างน่าเสียดายเช่นกัน




Create Date : 03 กรกฎาคม 2550
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2550 17:24:59 น. 1 comments
Counter : 1056 Pageviews.

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.120.15.123 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:1:40:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Darksingha
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





Click for use Graphics comment


Darksingha ที่แสดงถึงอำนาจและความมืดมัว ผมให้แทนคำว่า Age of Doubt หรือยุคแห่งความสงสัยก็แล้วกัน ดังนั้นBlogนี้จึงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งคำถาม และการละเล่น เพื่อแสวงหา ?


TV3 Live CH5 Live CH7 Live Modernine TV Live NBT LIVE - CH11 TPBS - Public Channel ASTV1 New11 - Online News 24 hours Nation Channel DMC.TV - Buddhistic Television ASTV5 - Suvarnbhumi ASTV7 - Buddhistic Television  True New 24 Channel  skynew  cnnibn Channel  cnn Channel  bbcnews_island Channel  cctv  Channel  bfmtv  Channel  ntv  Channel  fox8 Channel  foxnews5 Channel  cspan  Channel  france24 Channel  world_explorer Channel  discovery_channel Channel  nasa  Channel kimeng-channel dmc-channel ebr-channel research-channel utv-channel michigan-channel at-florida-channel islam-channel peace-usa-channel bbc-panorama-channel CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live

music is life

ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต

Friends' blogs
[Add Darksingha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.