Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
26 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

คุณธรรมกลวง



ยุคสมัยนี้เป็นยุคคุณธรรมคู่อำนาจ จะจริงหรือไม่ก็ตาม แต่เราได้ยินอย่างนั้นอยู่บ่อยๆ เสียจนกระทั่งแม้แต่ตั้งข้อสงสัยว่าจริงหรือไม่ ก็ดูจะเป็นบาปไปแล้ว

เท่าที่ผมเคยถูกสอนมาในคนรุ่นผมก็คือ คุณธรรมเป็นเรื่องของความคิด และการกระทำ ไม่ใช่เรื่องของการพูด คือตัวจะมีคุณธรรมหรือไม่ อย่าได้พูดเอง ปล่อยให้คนอื่นเขาเป็นคนพูด

ผมก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละครับ ที่คนมีคุณธรรมต้องคอยประกาศความมีคุณธรรมของตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ประกาศโดยตรงก็โดยอ้อม คุณธรรมจึงไม่ใช่เรื่องของกายกับใจเท่านั้น แต่ยังมีคุณธรรมทางวาจาอีกด้วย

ไม่นานมานี้ผมได้ยินโฆษกทีวีพูดอะไรทำนองว่า เขาจัดการประชุมสัมมนาอะไรเกี่ยวกับเรื่องคุณธรรมนี่แหละครับ จุดมุ่งหมายก็เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีคุณธรรมมากๆ แล้วจะสำเร็จหรือไม่ผมก็ไม่ทราบ

แต่ตามการประเมินของโฆษก คงยังไม่สำเร็จดีแท้ โฆษกจึงบอกว่า ถึงอย่างไรสังคมไทยก็มีจิตวิญญาณด้านคุณธรรมเข้มแข็งอยู่แล้ว จึงไม่ยากที่จะสร้างสังคมคุณธรรมขึ้น

โดยวิธีอะไรผมก็ไม่ทราบ คงจะจัดประชุมสัมมนาเกี่ยวกับคุณธรรมบ่อยๆ กระมัง เพราะผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้เห็นว่า คนมีอำนาจล้วนมีคุณธรรมทั้งนั้น อย่างน้อยก็เพราะเขาประกาศเช่นนั้น แสดงว่าคุณธรรมกับอำนาจต้องสัมพันธ์เชื่อมโยงกันแหงแซะ ฉะนั้น หากอยากมีอำนาจ ก็ต้องมีคุณธรรม ด้วยการประกาศย้ำบ่อยๆ ถึงคุณธรรม

ก่อนที่ผมจะเพลิดเพลินกับการเสียดสีจนลืมไป ผมอยากกลับมาคุยประเด็นที่ผมตั้งใจไว้ นั่นคือจริงหรือที่สังคมไทยมีจิตวิญญาณด้านคุณธรรมเข้มแข็งอยู่แล้ว

ผมคิดว่าไม่จริงครับ

คุณธรรมคืออะไรครับ? มักนิยามกันง่ายๆ ว่าคือการทำความดี ไม่นานมานี้เหมือนกันผมได้ยินผู้ใหญ่คนหนึ่งในบ้านเมือง อบรมเรื่องคุณธรรมว่า ให้ปฏิบัติตามศีลของศาสนาต่างๆ ที่ตัวนับถือ

ฉะนั้น ถ้าเป็นชาวพุทธก็คือไม่ฆ่าสัตว์, ไม่ขโมย, ไม่ผิดลูกเมียเขา, ไม่โกหก และไม่เสพของมึนเมา ส่วนจะเลยไปถึงไม่นอนที่สูง, ไม่ดูการละเล่น และไม่ใช้ของหอมลูบไล้หรือไม่ ก็ได้ไม่ขัดข้อง ก็เป็นอันใช้ได้

แต่อะไรคือไม่ฆ่า, ไม่ขโมย, ไม่ผิดลูกเมีย, ฯลฯ ในชีวิตยุคปัจจุบัน เมื่อชีวิตของทุกสิ่งและของทุกคน เชื่อมโยงกันอย่างสลับซับซ้อนไปหมดเช่นนี้ การเอาสถานะและเกียรติยศของตนเองไปปกป้องบริษัทธุรกิจบางแห่ง ด้วยการรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์ ทั้งๆ ที่ธุรกิจของบริษัทนั้นคือการฆ่าสัตว์, เอาเปรียบเกษตรกร และขายสารเคมีทางการเกษตร จะเท่ากับการฆ่า(ทั้งสัตว์และคน), การขโมย, การโกหก ฯลฯ หรือไม่

ผมคิดว่าศีลกับกฎหมายต่างกันตรงนี้ ศีลต้องสมาทานด้วยปัญญา คือคิดและเห็นนัยยะที่เชื่อมโยงไปกว้างขวางกว่าข้อห้ามเฉพาะ ในขณะที่กฎหมายเขาสั่งอะไรก็ทำตามนั้นเป็นอันรอดตัว แค่ดูรายการ "คนหัวหมอ" อย่างเดียวก็ทำตามกฎหมายได้ครบถ้วนแล้ว

ศีลในศาสนาต่างๆ จึงเชื่อมโยงไปถึงอะไรที่ลึกกว่า และสำคัญกว่าพฤติกรรมทางกายและวาจาเท่านั้น พูดอีกอย่างหนึ่งคือมีฐานที่จิตใจ เช่น ศีลในพระพุทธศาสนานั้น ที่จริงแล้วเป็นวัตรปฏิบัติที่เอื้อต่อสมาธิและปัญญา สามอย่างนี้สัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ถือศีลก็ต้องมีสติระลึกรู้อยู่ตลอดเวลาไม่ล่วงละเมิดเพราะหลงหรือลืม มีปัญญาที่ให้แสงสว่างมองไปได้ทั่วถึงผลแห่งการกระทำของตนเอง

มุสลิมไม่กินหมู ไม่ใช่เพราะเป็นมุสลิมต้องไม่กินหมู แต่ไม่กินหมูบนฐานของการยอมจำนนต่อพระเจ้าอย่างราบคาบต่างหาก กล่าวคือ ยินดีที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าอย่างไม่บิดพลิ้วหรือฉ้อฉล... นี่คือฐานแห่งจิตวิญญาณของศีลในศาสนาอิสลาม

ผมเคยพูดหลายครั้งและขอพูดซ้ำอีกว่า หัวใจของธรรม, คุณธรรม, ศีลธรรม ฯลฯ คือการนึกถึงคนอื่นและสิ่งอื่นซึ่งไม่ใช่ตัวเรา พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือยกจิตใจตนเองให้พ้นจากความเห็นแก่ตัวหรือการยึดมั่นต่อตนเองไปสู่สิ่งอื่น จะเป็นมนุษย์, สัตว์, พืช, หรือสิ่งแวดล้อม

ไม่ใช่เฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้นนะครับ ในทุกศาสนาก็ว่าได้ ล้วนมีฐานทางจิตวิญญาณอันเดียวกันนี้ คือการยกระดับจิตใจตนเองให้พ้นไปจากอัตตาของตัว ศาสนาที่นับถือพระเจ้า คือพ้นจากอัตตาของตัวไปสู่เทวภาวะอันสูงส่งซึ่งเราศรัทธานับถือ

และตรงนี้แหละครับที่ผมสรุปว่า สังคมไทยไม่ใช่สังคมที่มีจิตวิญญาณทางคุณธรรมเข้มแข็งนัก ไม่ใช่เพราะสังคมไทยไม่รู้ว่า อะไรคือคุณธรรม แต่เพราะสังคมไทยได้พยายามตัดเอาส่วนที่เป็นฐานทางจิตวิญญาณของคุณธรรมออกไป

ตัดตั้งแต่เริ่มปฏิรูปศาสนากันใน ร.5 แล้ว คือตัดคำอธิบายที่เป็นด้านจิตวิญญาณของศีลหรือคุณธรรมอื่นๆ ออกไปหมด แต่ใช้คำอธิบายที่ "เป็นเหตุเป็นผล" แบบฝรั่ง (หลังยุค "สว่าง") คือเหตุผลของโลกนี้ ซึ่งมีปัจเจกแต่ละคนเป็นศูนย์กลางของจักรวาลของตนเอง

มีคุณธรรมเพื่อเป็นที่ยอมรับของสังคม, เพื่อทำให้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้น, เพื่อก้าวหน้าในอาชีพการงาน เพื่อเป็นที่รัก, เพื่อคนที่ตนรัก, เพื่อด่าทักษิณ ฯลฯ

ยังไงๆ ก็วนอยู่กับตัวกูของกูอยู่แค่นี้แหละครับ

ผมไม่ได้หมายความว่า ทำความดีเพื่อตอบสนองความเห็นแก่ตัว เป็นไปไม่ได้เสียเลยนะครับ เพียงแต่ว่า เมื่อขาดความลึกก็ทำให้ไม่ต้องใช้ปัญญามากนัก มองศีลไม่ต่างจากกฎหมาย เขาไม่ให้ฆ่าก็อย่าฆ่า แต่ใช้ชีวิตที่ส่งเสริมการฆ่าก็ไม่เป็นไร ฯลฯ

ยังจำข้อถกเถียงเมื่อช่วง พ.ศ.2517-2519 ได้ไหมครับ เมื่อนักศึกษา "ค้นพบ" ความยากจน (ตามสำนวนของ อาจารย์อรรถจักร สัตยานุรักษ์) เมื่อต้นทศวรรษ 2510 นักศึกษาพยายามเข้าไปช่วยเหลือ ทีแรกก็การตั้งค่ายในภาคฤดูร้อน ต่อมาก็หันไปสู่การแก้ปัญหาของระบบ ซ้ำรับเอาลัทธิเหมามาเป็นคำตอบเสียอีก

"ผู้ใหญ่" ในตอนนั้นก็บอกว่า นั่นไม่ใช่หน้าที่ของนักศึกษา เพราะหน้าที่ของนักศึกษาคือเล่าเรียน ตามความคาดหวังของพ่อแม่ แต่นักศึกษากลับบอกว่าการลงไปต่อสู้แทนชาวนาและกรรมกรนั่นแหละคือหน้าที่โดยตรงเลยทีเดียว เพราะเป็นการเรียนรู้ทางวิชาการควบคู่กันไปกับการเรียนรู้การเสียสละ

ผมรู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายมองคุณธรรมกันจากคนละมุม ฝ่าย "ผู้ใหญ่" มองจากคุณธรรมที่ต้องมีฐานทาางจิตวิญญาณ ในขณะที่นักศึกษามองจากฐานของการรู้จักคิดถึงคนอื่น นักศึกษาในช่วงนั้นจึงเป็นคนแปลกหน้าของสังคมไทย กลายเป็นคนเลวร้ายไปเลย

(ผมทราบครับว่าเบื้องหลังของข้อถกเถียงนี้ คือการเมืองและผลประโยชน์ที่ขัดกันของคนหลายกลุ่ม แต่ผมต้องการจะพูดถึงตัวตรรกะที่ใช้ในการถกเถียง ไม่ใช่แรงจูงใจครับ)

แต่ในขณะเดียวกัน คนไทยก็รู้สึกเหมือนกันว่าคุณธรรมที่ขาดฐานทางจิตวิญญาณเสียเลยนี้ ทำให้คุณธรรมกับการปฏิบัติตามกฎหมายไม่ต่างอะไรกันเลย ทำให้มีความพยายามจะหาฐานของคุณธรรม ที่อยู่นอกผลประโยชน์ส่วนตัวอยู่เหมือนกัน

น่าอัศจรรย์ที่ฐานของคุณธรรมที่สังคมไทยปัจจุบันค้นพบ กลับเป็นเพียงสัญลักษณ์ของอะไรที่ถือว่าดีในทางโลกิยะ ไม่ใช่โลกุตตระ

สามอย่างนั้นคือพระสงฆ์, พระเจ้าอยู่หัว และชาติ

การเข้าหาพระสงฆ์ก็เป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเข้าไปทำไม และไม่ว่าพระสงฆ์จะแปลว่าอะไร (สงฆ์ในพระพุทธศาสนาที่เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย ไม่ได้หมายถึงพระภิกษุ) ขอแต่ให้เข้าหา และกราบกรานได้ถูกต้องตามที่กระทรวงศึกษาฯ ตั้งเป็นแบบมาตรฐานเอาไว้ก็แล้วกัน

ผู้คนได้รับการเรียกร้องให้ทำความดี "ถวายในหลวง" หรือเพื่อ "ชาติ" อยู่ตลอดเวลา

สัญลักษณ์ทั้งสามอย่างนี้ล้วนพ้นออกไปจากอัตตาทั้งนั้นนะครับ แต่เป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณที่ไม่เกี่ยวกับความสูงส่ง ที่มุ่งหมายในศาสนานะครับ คือไม่ใช่พระนิพพาน และไม่ใช่พระเจ้า

ฉะนั้น สัญลักษณ์ทั้งสามนี้จะสามารถดึงจิตใจให้พ้นไปจากผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ

เพราะผมงงเป็นไก่ตาแตกเลย เมื่อโฆษกทีวีเรียกร้องผู้ชมของเขาว่า ให้เรามาร่วมกันทำความดีด้วยการสวมเสื้อเหลืองทุกวันจันทร์

งงเพราะไม่รู้ว่าเสื้อเหลืองเกี่ยวกับความดีได้อย่างไร

ตราบเท่าที่เรายังไม่มีฐานทางจิตวิญญาณของคุณธรรม ผมเชื่อว่าคุณธรรมก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องประกาศให้คนอื่นรู้อยู่ตราบนั้น ใครมีอำนาจก็พึงพร่ำพูดถึงคุณธรรมไม่ขาดปากอยู่อย่างนี้แหละครับ

ที่มา นิธิ เอียวศรีวงศ์ มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 27 ฉบับที่ 1385 หน้า 41




 

Create Date : 26 มิถุนายน 2550
0 comments
Last Update : 26 มิถุนายน 2550 15:36:52 น.
Counter : 712 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Darksingha
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





Click for use Graphics comment


Darksingha ที่แสดงถึงอำนาจและความมืดมัว ผมให้แทนคำว่า Age of Doubt หรือยุคแห่งความสงสัยก็แล้วกัน ดังนั้นBlogนี้จึงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งคำถาม และการละเล่น เพื่อแสวงหา ?


TV3 Live CH5 Live CH7 Live Modernine TV Live NBT LIVE - CH11 TPBS - Public Channel ASTV1 New11 - Online News 24 hours Nation Channel DMC.TV - Buddhistic Television ASTV5 - Suvarnbhumi ASTV7 - Buddhistic Television  True New 24 Channel  skynew  cnnibn Channel  cnn Channel  bbcnews_island Channel  cctv  Channel  bfmtv  Channel  ntv  Channel  fox8 Channel  foxnews5 Channel  cspan  Channel  france24 Channel  world_explorer Channel  discovery_channel Channel  nasa  Channel kimeng-channel dmc-channel ebr-channel research-channel utv-channel michigan-channel at-florida-channel islam-channel peace-usa-channel bbc-panorama-channel CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live

music is life

ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต

Friends' blogs
[Add Darksingha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.