สำหรับผม ทำไมต้องเที่ยวเขาค้อหน้าฝน
จากทริปเขาค้อ 2 วัน 1 คืน กัีบการคิดเพียง 1 ชม.แล้วตัดสินใจเดินทางเลย เพราะข้อมูลทุกอย่างมันแถบจะอยู่ในสมองผมหมดแล้ว อะไรก้อเลยง่ายไปหมด โม้ซะไม่มีเลยนะ
หลายคนบอกว่า เที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ ต้องเที่ยวหน้าหนาว เพราะจะได้เจอหมอก อากาศหนาว เย็นสบาย แต่สำหรับผมไม่เลย เขาค้อ ต้องเที่ยวหน้าฝนครับ บรรยากาศสุดยอด ทะเลหมอกก้ออกจะเยอะกว่าหน้าหนาวอีก
ถามอีก แล้วจะปลอดภัยเหรอ ทางขึ้นเขาทั้งนั้น ปลอดภัยสิครับถ้าเราไม่อยู่บนความประมาท
ทำไม เขาถึงบอกว่า นอนเขาค้อ 1 คืน อายุยืน 1 ปี ลองไปดูกันครับ 1. นอนดี หนึ่งในเคล็ดลับของการมีอายุยืน คือการนอนดี เขาค้อมีที่พักมากมายให้เลือก 2. กินดีครับ เขาค้อเป็นแหล่งปลูกพืชผักนานาชนิด ทั้งท้องถิ่นและพืชเมืองหนาว 3. อยู่ดี คือการรักษาสุขภาพ และดำรงชีวิตอยู่ในแต่ละวันด้วยสิ่งที่เป็นธรรมชาติ 4. จิตใจดี 5. ท่องเที่ยวดี เขาค้อมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เหมาะสมกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
การเดินทางสู่ อำเภอเขาค้อ สามารถเดินทางได้หลาย เส้นทาง แต่ทริปนี้ผมเลือกเดินทางด้วยรถบัสปรับอากาศประจำทาง ของบริษัท พิษณุโลกยานยนต์ทัวร์ จำกัด เบอร์ติดต่อ 02-9362924-5 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เขาค้อ ซึ่งรถจะจอดที่ ทุ่งสมอ ราคา 355 บาท ออกเดินทางเที่ยว 22.00 น. จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ถึง ทุ่งสมอประมาณ 04.00 น.
อีกบริษัทที่สามารถเดินทางคืือ บริษัทเพชรประเสริฐทัวร์ จำักัด เบอร์ติดต่อ 02-9363230 กรุงเทพฯ-หล่มสัก ราคา 295 บาท
ตั๋ว รถขาไปจากกรุึงเทพฯ ครับ
ผมเดินทางถึง เขาค้อ ก้อประมาณ ตีสี่กว่าๆ ครับ ผมได้ติดต่อรถสองแถวพาเที่ยวไว้ ให้มารับ เบอร์ติดต่อ คุณตาล 089-6422187 ราคา 1000 บาท รวมเที่ยวเขาค้อ จำนวน 5 ที่ หลังจากนั้นก้อตรงดิ่งไปที่พัก ไม่อยากบอกเลยว่าผมจะไปพักที่ไหน เขาค้อทะเลหมอกรีสอร์ทครับ
บ้านหลังนี้ทีผมพักครับ เป็นแบบบ้านศราวุธ ผมเดาว่าคงมาจากชื่อลูกเจ้าของรีสอร์ทแน่เลย แหละก้อใช่เลย
ภายในห้องพักครับ อาจจะรกไปหน่อย พอดีถ่ายตอนวางของไปเรียบร้อยแลัว
ภายในบ้านประกอบด้วย ห้องน้ำ พร้อมน้ำอุ่น ทีวี ตู้เย็น
หลังจากได้ล้างหน้าล้างตาแล้ว ผมก้อเริ่มเก็บภาพบรรยากาศบริเวณที่พัก ไปชมกันว่า ทะเลหมอกหน้าฝนสวยขนาดไหน
พอดีผมอยากเห็นพระอาิทิตย์ขึ้น ก้อเลยต้องรีบไปถ่าย บริเวณใกล้ที่พัก เดินเท้าก้อประมาณ 1 กม.
วันนี้พระอาิทิตย์ไม่แจ่มเท่าที่ควร
ในใจวันนี้คงใม่ได้รูปพระอาทิตย์ขึ้นแน่นอน ก้อเดินกลับมาที่ัพัก กลับมีอะไรหน้าสนใจมากกว่าอีก
บ้านชมหมอก ตั้งตระหง่านมองเห็นทะเลหมอก ทำให้หลายคนอิจฉา
บริเวณจุดชมวิวหน้าที่พัก เป็นหน้าผาลดระดับลงมา
ยิ่งสาย หมอกก้อค่อยๆ ก่อตัวลอยขึ้นมาไม่ขาด
บ้านกังหันลม หนึ่งเดียวของรีสอร์ท ตั้งตระหง่าน
บรรยากาศบ้านพัก ยามหมอกจางหายไป
หลังจาก ถ่ายรูปเช้านี้กันอิ่ม แต่ท้องของผมสิ มันไม่อิ่มเลย ก้อถึงเวลาให้รถมารับ เพื่อออกไปจองตั๋วขากลับและหาอะไรรองท้องด้วย ซึ่งต้องจองที่ ตลาดทุ่งสมอครับ หลังจากจองตั๋วรถแล้ว ก้อหาอะไรรองท้่อง แถวนี้มีร้านอาหารเยอะมากครับ แต่ผมเลือกทานร้านอาหารครัวรังสิต
จานแรก คือ ยอดมะระหรือยอดฝักแม้วก้อได้ ผัดน้ำมันหอยกับหมูกรอบ
จานที่สอง เป็นข้าวไข่เจียบหมูสับกรอบราดข้าว
หลังจากอิ่มแล้ว ผมก้อตัดสินใจ ตรงดิ่งไปเที่ยวน้ำตกศรีดิษฐ์ก่อน เพราะไม่อยากให้แดดแรงมากนัก เดียวจะถ่ายน้ำตกไม่สวย
น้ำตกศรีดิษฐ์ เป็นน้ำตกที่มีน้ำตลอดทั้งปี เคยเป็นที่อยู่ของ ผกค. มาก่อน มีครกตำข้าวที่ ผกค. สร้างขึ้นโดยใช้พลังน้ำตก เป็นที่พักผ่อนรับประทานอาหารและเล่นน้ำได้
ข้อมูลสำหรับการเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 2196 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 17 แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 2325 อีกประมาณ 10 กิโลเมตร แล้วแยกขวาเข้าน้ำตก
ระหว่างทางเดินไปน้ำตก จะมีสะพานไม้ให้เดินข้ามไปยังตัวน้ำตกได้
หลังจาก ใช้เวลาที่ น้ำตกได้ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ผมก้อเริ่มเคลื่อนทัพไปที่ต่อไป ที่ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก รูปนี้เป็นภาพบรรยากาศระหว่างทาง
สำหรับ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษกนั้น ตั้งอยู่บนยอดเขาค้อ ติดกับสำนักสงฆ์วิชมัยปุญญาราม ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แห่งนี้ชาวเพชรบูรณ์สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ในวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันมาฆบูชาจะมีประชาชนเดินทางมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทำพิธีเวียนเทียนเป็นประจำ
หลังจากนั้น ผมออกเดินทางไปยัง พระตำหนักเขาค้อ เป็นที่ต่อไป ที่นี่สามารถชมได้แต่บริเวณรอบนอก ด้านในพระตำหนักไม่อนุญาติให้เข้า
พระตำหนักเขาค้อ ตั้งอยู่บนเขาย่า ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเขาค้อ ทางขึ้นค่อนข้างชันมาก พระตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการในพระราชดำริ และทรงตรวจเยี่ยมราษฎร อำเภอเขาค้อ และอำเภอใกล้เคียง เป็นอาคารคอนกรีตครึ่งวงกลม มีทั้งหมด 15 ห้อง เป็นพระตำหนักที่มีรูปทรงแปลกกว่าพระตำหนักอื่นๆ บริเวณโดยรอบของพระตำหนัก ได้จัดตกแต่งด้วยพันธุ์พืช ไม้ดอกเมืองหนาวหลากชนิด การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 2196 ถึงกิโลเมตรที่ 29 สี่แยกสะเดาะพง เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2258 ขึ้นไปอีก 4 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายขึ้นพระตำหนัก ทางขึ้นค่อนข้างชัน
หลังจากนั้น ท้องผมก้อเริ่มร้องแล้วครับ เพราะมันได้เวลาเที่ยงแล้ว มื้อนี้ผมจะมาทานอาหารร้าน มาลี ที่นี่อร่อยครับ
บรรยากาศภายในร้านอาหาร
ลองมาดูอาหารกัน
จานแรก แกงป่า 5 สหาย รสจัดจริงๆ
เห็ดหอมสดทอดซีอิ้ว
ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม
หลังจากนั้น ผมก้อหาร้านกาแฟสดทาน เพราะหนังตาเริ่มหย่อนครับ ถ้าไม่ได้ทานกาแฟ อาจถึงลงแดงได้ครับ นั่งรถเลยจากร้านอาหารขึ้นไปนิดหน่อยก้อถึงร้าน เขาค้อกาแฟสดครับ
บรรยากาศร้านกาแฟน่านั่งมากๆ ครับ ผมนั่งดื่มกาแฟแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ
ผมสั่ง กาแฟเอสเปรสโซ่เย็นมาทาน ราคาก้อเท่ากับกรุงเทพฯ ทีผมทานประจำคือ 40 บาท ผมว่าราคากำลังดีนะครับ ไม่เอาเปรียบมากเกินไป ผมเคยทานกาแฟ ที่วนอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา แม่ฮ่องสอน เห็นราคาแล้วแทบจะไม่อยากทาน ประมาณ 70 บาท
รูปนี้ถ่ายจาก บริเวณที่จำหน่ายถ้วยกาแฟ เขาค้อกาแฟสด
ภายในร้านเขาค้อกาแฟสด จำหน่ายสินค้าที่ระลึก และของฝากจากเขาค้อมากมาย
หลังจากนั้นผมก้อออกเดินทางต่อไปยัง หอสมุดนานาชาติเขาค้อ ดูชื่อแล้วก้อชวนไม่น่าเข้าเลยนะคร้าบ ตอนหลังผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล เค้าก้อเห็นพ้องด้วย เพราะว่านักท่องเที่ยวไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ผ่านมาก้อผ่านเลยไป ตอนนี้ไม่ค่อยมีรายได้มาจุนเจือ เนื่องจากสถานที่ที่นี้ไม่ได้เป็นของรัฐบาลหรือเอกชน
หอสมุดนานาชาติเขาค้อ ตั้งอยู่ที่เดียวกับเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ เป็นหอสมุดขนาดใหญ่ออกแบบเป็นรูปเพชรคว่ำ สร้างด้วยกระจกสะท้อนแสง ภายในแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ บริเวณด้านนอกของหอสมุดตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ในเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีการจักงาน “วันนัดพบเอกอัครราชทูต ณ เขาค้อ” ซึ่งมีเอกอัครราชทูตจากประเทศต่าง ๆ มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้น ผมก้อออกมาสักการะ เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาติดกับหอสมุดนานาชาติเขาค้อ ที่ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริธาตุ ซึ่งอันเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แห่งนี้ชาวเพชรบูรณ์สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ในวันสำคัญทางศาสนาจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมกันประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น พิธีเวียนเทียน
จริงๆ ที่หอสมุดนานาชาติเขาค้อ ยังมีดอกไม้นานาชนิืดให้ชม แต่ด้วยสภาพอากาศฝนตกทำให้ผมล่าถอย ด้วยการนั่งรถต่อไปยัง ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ
ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ) เป็นจุดหนึ่งที่เห็นทิวทัศน์ เป็นฐานสำคัญฐานหนึ่งในการเข้ายึดพื้นที่ ปัจจุบันทางการได้จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ เปิดให้คนได้เข้าชมทุกวัน โดยการนำอาวุธปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบในการรบที่บนเขาค้อมากมาย รวมทั้งการจัดห้องบรรยายสรุปแก่ผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะด้วย คิดค่าชมคนละ 10 บาท
การเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 2169 เลยกิโลเมตรที่ 28 ไปเล็กน้อย แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2323 ไปประมาณ 3 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 31 กิโลเมตร
ภายในประกอบไปด้วยพิพิธภัณท์อาวุธมากมาย
จริงๆ อาวุธสงคราม ที่ฐานอิทธิ ยังมีอีกเยอะมากมายนะครับ ที่ไม่ได้มาลงให้ดูกัน หลังจากที่ถ่ายรูปจนครบ ก้อออกเดินทางไปยัง อนุสรณ์สถานผู้เสียสละ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดของเขาค้อ สร้างขึ้นเพื่อยกย่องวีรกรรมของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ได้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511-2525 โดยสร้างด้วยหินอ่อนเป็นรูปสามเหลี่ยมทรงสูง หมายถึง การปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ และทหาร ฐานกว้าง 11 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ. 2511 อันเป็นปีที่เริ่มปฏิบัติการรุนแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ความสูงจากแท่นบูชาถึงยอดสูง 24 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ. 2524 อันเป็นปีที่เริ่มยุทธการครั้งใหญ่ ความสูงจากฐานถึงยอดอนุสรณ์สถาน 25 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ. 2525 อันเป็นปีสิ้นสุดการรบ ความกว้างฐานสามเหลี่ยมด้านละ 2.6 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ. 2526 ซึ่งเป็นปีที่สร้างอนุสรณ์สถาน ผนังภายในบันทึกประวัติ และรายชื่อวีรชนผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับฐานอิทธิ
บรรยกาศรอบๆ อนุสาวรีย์ผู้เสียสละ ในยามฝนเลิกตก ซึ่งสามารถมองเห็น เมืองเขาค้อได้อย่างชัดเจน
หลังจากได้เที่ยวชม และถ่ายรูปเสร็จแล้ว เวลาตอนนั้น ก้อประมาณ สี่โมงกว่า แล้ว ก้อเลย บาย บายดีกว่า เพื่อไปถ่ายพระอาทิืตย์ตกดิน ที่รีสอร์ทที่ตัวผมพัก เป็นยังงั้ยครับ เห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก ทะเลหมอกก้อเห็น
ภายด้านล่างเป็น บริเวณจุดชมวิว ถ่ายตอนพระอาทิตย์ยังไม่ตก ซึ่งจะมองเห็นวิว ทิวทัศน์ จากบริเวณที่พักได้อย่างชัดเจน
ภาพนี้ ถ่ายจากบริเวณบ้านพัก
ต้นไม้ในยามพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า วันนี้ก้อได้แต่ภาวนา อย่าให้ฝนตก หรือเมฆ มาบังพระอาทิตย์ตกเลย
ท้องฟ้า เย็นนี้ ช่างดูเข้มแข็ง ดุดัน จริงๆเลย
อ่างเก็บน้ำด้านล่างที่เห็็นจากภาพ คือ อ่างเก็บน้ำบ้านรัตนัย อ่างเก็บน้ำรัตนัยเป็นอ่างเก็บน้ำความจุ 2,020,000 ลูกบาศก์เมตร บนเนื้อที่ 1,600 ไร่ มีอาคารระบายน้ำล้น กว้าง 15 เมตร พร้อมทำนบดิน สูง 15 เมตร ยาว 250 เมตร ในบริเวณอ่างเก็บน้ำมีลักษณะคล้ายทะเลสาบ ในตอนเย็นจะมีลมพัดเย็นสบายเหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน
พระอาทิตย์ค่อยเคลื่อนตัวลงเรื่อย แต่ขอโทษ ท่านได้เข้ากลีบเมฆ
และแล้วแสงสุดท้ายของวันนี้ก้อกำลังจะหลับขอบฟ้าไป เราจะเจอกันวันพรุ่งนี้ นะครับพระอาทิตย์
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมต้องตื่นประมาณตีห้าครึ่ง แต่ก้อเกือบเผลอหลับไปดีว่ามีน้องที่ไปด้วยปลุกซะก่อน ไม่ยังงั้นพลาดอย่างใหญ่หลวง
ภาพนี้ถ่ายบริเวณจุดฃมวิวของที่พัก
จริงๆ แล้วหมอกเยอะมาก แต่ผมรอเวลาตอนมันน้อยเพื่อเก็บรายละเอียดของภาพได้ เดียวผมจะพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ที่สามารถเดินจากที่พักไปได้ประมาณ 800 เมตร
พระอาทิตย์ค่อยๆ สาดแสงออกมาจากก้อนเมฆ มันสาดไล่หมอกตามแนวภูเขา ผมชอบมันจริงๆ
หลังจากนั้นผมก้อพาเดินกลับมาที่พัก เพื่อมาเก็บภาพทะเลหมอกที่รีสอร์ทอีกครั้ง
หมอกกลุ่มน้อยๆ ค่อยๆก่อตัวกันขึ้นมา
หลังจากที่เก็บภาพกันเต็มอิ่ม ก้อถึงเวลาต้องอำลากันแล้ว เนื่องจากผมจองรถเที่ยว 09.00 น. ไว้ เพราะช่วงเที่ยงหรือบ่ายไม่มีรถวิ่ง ถ้ารอก้อเป็น 18.00 น กับ 21.00 น. มันก้อจะดึกมากไป
นี่เป็นท่ารถของ บริษัทพิษณุโลกยานยนต์ทัวร์ จำกัด
ป้ายตารางเดินรถ กรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เขาค้อ
ตั๋วขากลับ ราคา 355 บาทครับ
รถเที่ยวขากลับเข้ามารับแล้ว ไม่ค่อยใหม่เท่าไหร่ครับ แต่ก้อยังพอไปได้
ถึงบ้านเกือบ 5 ห้าโมงเย็น
ทริปนี้ก้อเรียบร้อยไปด้วยดี วันหน้าผมไปไหนมาผมจะนำเรื่องเล่า รูปภาพมาฝากครับ
ติดต่อขอข้อมูลท่องเที่ยว เขาค้อ-ภูหินร่องกล้า ยินดีให้คำแนะนำนะครับ 081-9160194
Create Date : 19 พฤษภาคม 2552 |
|
10 comments |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2552 21:59:58 น. |
Counter : 20022 Pageviews. |
|
|
|