BlogGang.com : : ilovetotravel : มนต์เสน่ห์หลีเป๊ะ-มัลดีฟท์เมืองไทย

มนต์เสน่ห์หลีเป๊ะ-มัลดีฟท์เมืองไทย

วันนี้ ผมมีภาพเก็บตกจากทริปที่ลงไปอัพเดทข้อมูลต่างๆ สถานทีท่องเที่ยว และ โลกใต้น้ำ ของ เส้นทางท่องเที่ยวหมู่เกาะหลีเป๊ะ-หมู่เกาะตะรุเตา-หมู่เกาะราวี อาดัง มาฝากครับ เนื่องจากทางเวปของผมเอง //www.travelrouteclub.com มีลูกค้าเข้ามาซื้อแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ค่อนข้างเยอะ ไปดูภาพบรรยากาศกันเลยดีกว่าครับ

การเดินทางมายังท่าเรือปากบารา เพื่อจะต่อเรือไปเกาะหลีเปีะ สามารถเลือกเดินทางได้หลายทาง ตามรายละเอียดด้านล่างเลยครับ

การเดินทาง
เครื่องบิน นั่งเครื่องบิน มาลงสนามบินหาดใหญ่

สายการบินที่ให้บริการ
นกแอร์ ที่ //www.nokair.com
การบินไทย //www.thaiairways.co.th
แอร์เอเซีย //www.airasia.com/site/th/th/home.jsp หรือ
วันทูโก //www.fly12go.com/th/home/index.php

แล้วนั่งรถ มาท่าเรือปากบารา สตูล หรือ ถ้าต้องการรถตู้ รับส่ง สนามบิน-ท่าเรือ-สนามบิน ทางผมมีบริการ สามารถติดต่อได้

ราคารถรับส่ง จากสนามบิน หาดใหญ่-ท่าเรือปากบารา
- แบบ Join group ราคา 250 บาท/ท่าน/เที่ยว
- แบบ private group ราคา 2500 บาท/เที่ยว

รถโดยสารประจำทาง มีบริการ 2 บริษัท คือ ทรัพย์ไพศาลทัวร์ และ บริษัท ขนส่ง 999 จำกัด //www.transport.co.th/ และ สามารถจองผ่าน ไทยทิคเก็ตมาสเตอร์ได้ //www.thaiticketmajor.com/

รถที่ให้บริการมีทั้ง วีไอพี 24 ที่นั่ง กรุงเทพฯ-สตูล ค่าโดยสาร 1,110 บาท ต่อเที่ยว แล้วต่อรถมาที่ท่าเรือปากบารา ละงู และ

รถปรับอากาศชั้น 1 40 ที่นั่ง หรือ 50 ที่นั่ง กรุงเทพฯ-ตรัง-สตูล ราคา 691 บาท ต่อเที่ยว แวะลง อ.ละงู ต่อรถสองแถวเข้าท่าเรือปากบารา รถสองแถวสีแดง

ราคารถรับส่ง จาก ตัวเมืองสตูล-ท่าเรือปากบารา (ในกรณีนั่งรถวีไอพี 24 ที่นั่ง ลงตัวเมืองสตูล)
- ราคา 600 บาท/เที่ยว
- รถตู้ราคา 1000 บาท ต่อเที่ยว

รถไฟ นั่งมาลงสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ติดต่อจองตั๋วออนไลน์ได้ที่ //www.railway.co.th
ราคารถรับส่ง จากสถานีรถไฟ หาดใหญ่-ท่าเรือปากบารา
- ราคา 200 บาท/ท่าน/เที่ยว

เส้นทางตารางการเดินเรือไปเกาะหลีเปีะ ตามเอกสารแนบเลยครับ

เส้นทางสายอันดามัน (ลังกาวี - พีพี) & (พีพี - ลังกาวี)

ลังกาวี เกาะหลีเป๊ะ ท่าเรือหาดยาว เกาะไหง, เกาะมุก เกาะลันตา เกาะพีพี
Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep.
8:00 9:30 10:00 12:30 13:00 14:00 14:30 15:30 16:00 17:30

เกาะพีพี เกาะลันตา เกาะไหง, เกาะมุก ท่าเรือหาดยาว เกาะหลีเป๊ะ ลังกาวี
Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep.
8:00 9:30 10:00 11:00 11:00 12:30 13:00 15:30 16:00 17:30

เส้นทางสายตะรุเตา (ท่าเรือปากบารา - เกาะหลีเป๊ะ) เดินทางโดยเรือ speedboat

ท่าเรือปากบารา เกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ
Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep.
11:30 12:00 12:10 13:00

เกาะหลีเป๊ะ เกาะตะรุเตา ท่าเรือปากบารา
Arr. Dep. Arr. Dep. Arr. Dep.
9:30 10:30 10:40 11:00

ภาพแรก บ่งบอกถึงท่าเรือปากบารา ก้าวแรกสำหรับการเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ

นักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ว่าจะเลือกซื้อทัวร์ หรือซื้อตั๋วเรือโดยสารอย่างเดียว จะต้องมารับบัตรคิวที่ จุดรับบัตร เพื่อรอลงเรือไปเกาะหลีเปีะ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะเบื่อการแย่งคิวกัน

ทริปนี้ผมใช้เรือสปีทโบทสำหรับการเดินทาง เรือจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากท่าเรือปากบารา มายัง อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา สำหรับแวะรับ-ส่งผู้โดยสาร เรือจะจอดให้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนี้ นักท่องเที่ยวสามารถลงไปกราบไหว้ สักการะ เจ้าพ่อตะรุเตาได้

ท่าเรือที่หน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตาครับ

ประวัติศาลเจ้าพ่อตะรุเตาก้อมีอยู่ว่า

"มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเที่ยวที่เกาะ อยู่ๆ เธอนั่งลงและพูดเป็นเสียงผู้ชายบอกว่าเป็นตัวแทนเจ้าพ่อตะรุเตาให้ทาง อุทยานฯจัดสร้างศาลเจ้าพ่อตะรุเตาให้หันหน้าออกทะเล ถ้าไม่สร้างเจ้าพ่อจะเอาชีวิตนักท่องเที่ยวไปเป็นบริวารปีละ 8 คน" ทางอุทยานฯไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ต่อมาไม่นานมีนักท่องเที่ยวคนไทยจมน้ำตาย 4 คน ปลายปีนักท่องเที่ยวต่างชาติจมน้ำตายอีก 4 คน ทางอุทยานฯเลยต้องสร้างศาลเจ้าพ่อตะรุเตาพร้อมบริวารตรงทางเข้าอุทยานฯที่ อ่าวพันเตมะละกา ตั้งแต่ตั้งศาลเจ้าพ่อตะรุเตาหันหน้าออกทะเลเรื่องนักท่องเที่ยวจมน้ำไม่เคย เกิดขึ้นอีกเลย

สิ่งหนึ่งที่อยากให้นักท่องเที่ยวประเภทเห็นแก่ตัวฟังเรื่องคำสาปของเจ้าพ่อ ตะรุเตา ร่าง ทรงที่เป็นตัวแทนเจ้าพ่อตะรุเตาบอกจุดประสงค์ที่ให้สร้างศาลเจ้าพ่อตะรุเตา เพื่อต้องการปกป้องรักษาอุทยานแห่งชาติตะรุเตาทั้งป่าไม้-ต้นไม้-สัตว์ป่า และหินที่เกาะหินงาม ใครแอบขโมยหินที่เกาะหินงามกลับบ้านเป็นการท้าทายคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา เอาไปคืนซะ!

ภายในศาลเจ้าพ่อตะรุเตาครับ

มาถึง อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ไม่มีป้ายก้อคงไม่ใช่ที่นะครับ

หลังจากนั้น เรือจะออกเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ แต่ระหว่างทางจะแวะให้ชม เกาะไข่ กันก่อน

เกาะไข่ อยู่ระหว่างเกาะอาดังกับเกาะราวี เกาะไข่ไม่เพียงแต่เป็นทางผ่านเพื่อมุ่งหน้าสู่หาดสวรรค์ทั้ง 2 เกาะเท่านั้น แต่มี เอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามมากนั่นคือ ซุ้มประตูหินขนาดใหญ่ขนาดสูงเท่า หัวขนาดหลายคนเดิน เข้าไป ลอดได้ ซุ่มประตูนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดสตูล ยิ่งไปกว่านั้น เกาะไข่ยังมีชายหาดที่ขาวนวล สะอาด เหมือนสีไข่ น้ำทะเลใสสวย ความสำคัญทางธรรมชาติของเกาะนี้ยังเป็นที่เต่าทะเลชอบขึ้นมาวางไข่เสมอและ ในทะเลย่านนี้ยังมีปลาชุกชุม

ทางอุทยานฯไม่อนุญาติให้พักแรมบนเกาะเกาะไข่มีความเชื่อว่า หนุ่มสาวคู่ใดที่ได้ ลอด ซุ้มประตูหินนี้จะได้แต่งงานกันนอกจากนี้ในช่วงเทศกาล วันวาเลน์ไทน์จ.สตูลได้จัดให้มีการจดทะเบียน สมรสให้กับคู่บ่าวสาว ณ บริเวณซุ้มเกาะไข่ด้วย

ป้ายบ่งบอกความหมายของการลอดซุ้มที่เกาะไข่

อ่านกันแบบเต็มๆ อีกครั้งกับรูปนี้เลยคร้าบ

เรือจะจอดให้แวะถ่ายภาพที่นี่แค่ประมาณ 10-15 นาที เท่านั้น แล้วก้อจะนำเราไปยังเกาะหลีเป๊ะต่อไป สำหรับหาดทรายที่เกาะไข่นั่น ต้องบอกว่า หาดทรายขาว ละเอียด สวยไม่เคยเปลี่ยนแปลง เมื่อเปรียบเทียบจากปีที่แล้วที่ผมมา

หลังจากนั่น เรือก้อจะมุ่งตรงไปยัง เกาะหลีเป๊ะ เมื่อเดินทางถึงหน้าหาดพัทยา เรือจะจอดอยู่กลางทะเล เพื่อเปลี่ยนถ่ายลงเรือหางยาวแทน ส่วนท่านใดที่พักที่เมาเทนวิวรีสอร์ท หาดซันไรท์ หรือที่พักที่เกาะอาดัง จะต้องนั่งเรือหางยาวต่อไปอีกครั้ง

ระหว่างทางที่นั่งเรือหางยาว ผมก้อเลยกดชัตเตอร์เอาภาพบรรยากาศตามหาดมาให้ดูกันด้วยครับ

สำหรับที่พักในทริปนี้ ผมเลือก เมาเทนรีสอร์ท เพราะว่า วิวสวย บรรยากาศดีมาก น้ำใสสะอาดมากกว่าหาดพัทยา และยังสามารถดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้

ตอนนี้ ทางเมาเทนรีสอร์ท ได้ทำการปรับปรุง เพิ่มเติมห้องพักใหม่ โดยเพิ่มเติมห้องพักแบบวิลล่า โดย 1 หลังจะมีห้องพักทั้งหมด 2 ห้อง ชั้นบนและล่าง มีระเบียงชมวิว

บ้านถูกหันหน้าออกไปยังหาดซันไรท์ ซึ่งสามารถมองพระอาทิตย์ขึ้นได้เลย

ทางรีสอร์ทได้อภินันทนาการห้อง วิลล่าเบอร์ 12 ซึ่งเป็นห้องที่ไกลที่สุด แต่วิวสวยที่สุดให้ผมและชาวคณะได้พัก ขอบคุณจากใจนะครับ และขอบคุณนู๋อิน อาดังซีแอดเวนเจอร์ ทีมงานของผมที่ท่าเรือปากบารา ที่ช่วยประสานงานในเรื่องนี้ด้วย

ผมจะพาไปดูห้องพักนะครับ เตียงนอน ผ้าห่ม ขอบอกเลยว่า นอนสบายมากๆ ครับ

ภายในห้องพัก ประกอบไปด้วย ห้องน้ำแยกกัน ระหว่างห้องอาบน้ำและห้องส้วม ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องพัก ต้องบอกเลยว่าครบครัน ไม่ว่าจะเป็น แอร์ เครื่องเป่าผม น้ำดื่ม ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง

ภายในห้องพักค่อนข้างกว้างขวางเลย เดินเล่นสบายมาก

ภาพนี้ ถ่ายจากบริเวณหน้าห้องพัก วิลล่า เบอร์ 12 ชั้นบน

จากระเบียงบ้าน สามารถมองเห็นทะเลจากฝั่ง

อย่างที่บอกว่า เมาเทนรีสอร์ท นั่น ได้เปรียบในเรื่องหาดทราย และจุดดูพระอาทิตย์ตก คงจะขาดไม่ได้นะครับ ถ้าผมไม่เอาภาพมาฝาก จริงๆแล้วเย็นวันที่ถ่าย สภาพอากาศไม่่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื่องจากมีก้อนเมฆฝนเข้ามา แต่ลองไปชมดูนะครับ ว่าจะสวยงามไปอีกแบบหรือปล่าว

กับสภาพแสงอีกบรรยากาศหนึ่ง

พระอาทิตย์เปล่งประกายออกมาจากก้อนเมฆให้เราได้เชยชมกัน

พระอาทิตย์ตก จะสวยงามยิ่งนัก ถ้ามีพระเอกอย่างเรือเข้ามาเกี่ยวกับ เพราะมันเป็นของคู่กันจริงๆ

หลังจากนั้น คงต้องหาอะไรรองท้องสำหรับอาหารมื้อเย็นครับ ผมขอบอกทุกคนเลยนะครับ ในบรรดาที่พักในเกาะหลีเป๊ะ ห้องอาหารที่เมาเทนวิวรีสอร์ท ทีเดียวเท่านั้นที่มีบรรยากาศสุดยอดครับ มันสามารถนั่งมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้เลยที่เดียว

รสชาติอาหารที่นี่ไม่เลวเลยครับ อาหารอร่อย จัดจ้าน

หลังจากอิ่มท้องแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะไปเดินถนนคนเดินบนเกาะหลีเป๊ะ แต่ด้วยสภาพอากาศไม่เป็นใจเท่าไหร่เลย มีฝนตก ทำให้ต้องเลื่อนไปเป็นวันต่อไปแทน

วันที่สองของทริป

สำหรับคนที่ชอบตื่นเช้า แล้วอยากจะสัมผัสกับแสงพระอาทิตย์ขึ้นแสงแรก ต้องเดินมาที่ หาดซันไรท์เลยครับ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมาเทนรีสอร์ท เท่าไหร่นัก เดินประมาณ 10 นาที เท่านั่นเอง เดินผ่าน อันดามันรีสอร์ทมา ก้อจะได้เจอกับบรรยากาศยามเช้า แสงแรกของพระอาทิตย์ที่เกาะหลีเป๊ะ ขอบอกนะครับ หาดพัทยาก้อไม่มีให้ดูนะ

ผมมีภาพหลายมุมหลายอารมณ์มาฝากครับ

มาอีกอารมณ์

พระอาทิตย์ขึ้นแล้วครับ

อีกมุมหนึ่ง โดยมีฉากเป็นต้นมะพร้าวครับ

กับอีกภาพ หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังนั่งมองพระอาทิตย์ขึ้น ช่างโรแมนติคอะไรเช่นนี้

เช้าของวันที่สอง

เรามาเริ่มจากอาหารเช้ากันก่อนดีกว่าครับ อาหารเช้าทีนี่จะเป็นบุฟเฟห์ มีอาหารหลายอย่างให้ทาน เช่น ข้าวผัด หมีผัด ขนมปัง แพนเค้ก ไส้กรอก แฮม ไข่ดาว ไข่กวน กาแฟ น้ำผลไม้